วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Yuri กดดันที่แฟน ๆ สนใจขาของพวกเธอมากเกินไป

Park Jin Young จะไปร่วมรายการ Win Win

ศาลยกฟ้อง “ตุ๊กตา” หมิ่น "เจมส์" ดีเจสาวแฉคู่กรณีโทรอ้อนให้ถอนคดี แถมยืมเงินเลยแจกกล้วยให้กิน

ศาลตัดสินยกฟ้องคดี “เจมส์” ฟ้อง “ตุ๊กตา” หมิ่นเป็น 18 มงกุฎ ดีเจสาวแย้มอาจฟ้องกลับข้อหาฟ้องเท็จ พร้อมแฉคู่กรณีโทรอ้อนให้ถอนฟ้องคดีอื่น และขอยืมเงิน 4 หมื่นเพราะกำลังอดตาย เจ้าตัวเลยแจกกล้วยให้กิน อัดเทปไว้เป็นหลักฐาน ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เป็นคู่กรณีที่มีคดีความฟ้องร้องกันไปมายืดยาวนานข้ามปี แต่ในส่วนของคดีที่สาวหล่อ “เจมส์ ภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล” อดีตผู้จัดการส่วนตัวนักแสดง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนักแสดงและดีเจสาวจากคลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท จากกรณีที่ดีเจสาวไปให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “บุษบา บานเช้า” ทางช่อง 5 ว่าโจทก์เป็นพวก 18 มงกุฎนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 พ.ย.) ได้มีการนัดสืบพยานโจทก์ในคดีดังกล่าว ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดย “ตุ๊กตา อุบลวรรณ” ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความส่วนตัว “นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” แต่กลับไร้เงาของสาวหล่อ “เจมส์” ซึ่งภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดี “นายมนต์ชัย” ได้เปิดเผยรายละเอียดกับผู้สื่อข่าว ถึงสาเหตุที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนี้ว่า

“วันนี้เป็นนัดสืบพยานโจทก์ แต่ปรากฏว่าตอนขึ้นบัลลังก์ ตัวโจทก์ได้ยื่นคำร้องโดยส่งแฟกซ์มาว่า ตัวเองต้องดูแลแม่ที่ป่วยอยู่ที่กาญจนบุรี ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันเป็นเหตุฉุกเฉินจริงๆ จึงมีคำสั่งยกคำร้อง เมื่อยกคำร้องประกอบกับทนายของโจทก์ได้ขอถอนตัวด้วย เมื่อถอนตัวโจทก์จึงไม่มีพยานเข้าสืบ ศาลจึงมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์ และงดสืบพยานจำเลย และจะนัดฟังคำพิพากษาวันนี้เลย”

“ตุ๊กตา” กล่าวเสริมต่อว่า “ก็ถ้าศาลยกฟ้อง ซึ่งมีแนวโน้มค่อนข้างสูง ตุ๊กตาคงฟ้องกลับทันทีในข้อหาฟ้องเท็จ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน ถามว่าเราใจชื้นขึ้นไหม ก็ไม่ได้ใจชื้นขึ้น แต่เราใจชื้นมาตลอด เพราะมั่นใจว่าคนที่ทำถูกยังไงก็ต้องทำถูก คนที่ไม่หลอกลวงใครยังไงก็ไม่หลอกลวงใคร และเราก็เป็นคนตรงๆ พูดความจริงอยู่แล้วเสมอ ฉะนั้นใครทำผิดยังไงก็ต้องได้รับผิดอยู่วันยังค่ำ”

เมื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในคดีอื่นๆ ที่ดีเจสาวเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “นายมนต์ชัย” เผยว่า

“ในส่วนคดีที่ตุ๊กตาได้ไปแจ้งความ ตอนนี้อยู่ในระหว่างประสานงานกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนี้มันเป็นความผิดเกี่ยวกับนอกราชอาณาจักร คือคดีของตุ๊กตามีการขยายผลไปเยอะมาก ถึงขนาดจะเอาธนาคารเป็นผู้เสียหายด้วย เพราะมีการปลอมแปลงเอกสารหลายอย่างมาก แล้วในคดีปกติพี่ๆ นักข่าวก็คงจะเห็นว่า เป็นแค่ร้อยเวรธรรมดา แต่คดีของตุ๊กตาพนักงานสอบสวนคือ พนักงานอัยการ และผู้กำกับสถานีสอบสวนโชคชัย ซึ่งเป็นคำสั่งของอัยการสูงสุดที่ให้สองท่านที่กล่าวมาเป็นพนักงานสอบสวน มันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง คิดว่าน่าจะประมาณสิ้นปีพนักงานอัยการน่าจะมีคำสั่งออกมา”

“ส่วนความคืบหน้าคดีของคุณดา ชฎาพร ที่เป็นอีกคดีหนึ่งที่คุณเจมส์เป็นผู้ต้องหา ปลอมแปลงเรื่องรถฟอร์ด เอสเคป ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้จะเป็นนัดสอบคำให้การ คุณเจมส์ต้องมาที่ศาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อทำเรื่องประกันตัว แล้วคดีรถที่เคยนำเสนอสื่อไป ตอนนี้ทางศาลชลบุรีพิพากษาจำคุกคุณเจมส์ 3 ปีโดยไม่ต้องรอลงอาญาไปแล้ว ณ ขณะนี้คุณเจมส์อยู่ในระหว่างยื่นอุทธรณ์ เพื่อจะขอเวลามาชำระหนี้กับผู้เสียหาย เป็นการบรรเทาโทษของตัวเองไป”

ด้าน “ตุ๊กตา” ยืนยันจะดำเนินการกับคู่กรณีให้ถึงที่สุด ไม่มียอมความหรือถอนฟ้อง แม้อีกฝ่ายจะโทรมาอ้อนวอนก็ตาม

“เขาพยายามโทรติดต่อตุ๊กตาตลอดเวลา เราก็คุยกับเขา เขาโทรเข้ามาขอร้องเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องคดี จะแลกกับการถอนคดีนี้ แล้วให้ตุ๊กตาถอนคดีที่ฟ้องเขา ตุ๊กตาก็บอกว่าขอโทษนะคะ แล้วก็แจกกล้วยให้กินไป”

“ตุ๊กตายืนยันจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ยังไงก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ไม่มีการถอนฟ้องแน่ เพราะเขาปลอมเอกสารจริงๆ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่ยาวมาถึงขนาดนี้ เพราะมันมีการกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้น แล้วทางอัยการสูงสุดก็อยากที่จะขยายผลตรงนี้ออกไป ในเมื่อตุ๊กตารอมาปีกว่าๆ แล้วเราก็คงรอ ส่วนที่เขาพยายามจะโทรมา แม้กระทั่งเมื่อวานตอนเย็นก็พยายามที่จะโทรมาเพื่อจะขอให้ตุ๊กตาเลิกทำคดีให้คนอื่นๆ ที่โดนเขาหลอกลวงหรือปลอมแปลงเอกสาร ยักยอก ตุ๊กตาก็ยืนยันตรงนี้ว่าไม่เลิกที่จะช่วยคนอื่น ยังไงก็ยังช่วยต่อไป ตอนนี้ที่กองปราบก็กำลังรวบรวมและทำคดีให้อยู่ อย่างเคสของที่เชียงใหม่ตอนนี้ก็ดำเนินการอยู่ ก็ก้าวหน้าไปแล้ว ตุ๊กตาก็ให้ทางทนายดูแลพวกพี่ๆ เขาอยู่ด้วย”

“ก็อยากฝากบอกคุณเจมส์นะคะถ้าฟังอยู่ ไม่ต้องโทรมายืมตังค์นะคะ คิดว่าใครจะให้ ไม่ให้แล้วค่ะ ก็ยังกล้าโทรมายืมตังค์อยู่ว่า อยากจะได้สัก 3-4 หมื่น เพราะไปทำคดีตอนนี้ไม่มีจะกินแล้ว อดตายมากๆ ไม่ต้องโทรมานะคะ ไม่เป็นไรและไม่กลัวอะไรด้วย เพราะอัดเทปไว้ตอนที่เขาโทรมาหาด้วย”

อย่างไรก็ตามสำหรับคดีที่ “เจมส์” เป็นโจทก์ฟ้อง “ตุ๊กตา” หมิ่นนั้น ทางศาลได้พิพากษายกฟ้อง ส่วนดีเจสาวจะฟ้องร้องคู่กรณีกลับตามที่ให้สัมภาษณ์ไปหรือไม่ ทางเจ้าตัวขอเวลาคุยปรึกษากับทนายความส่วนตัวอีกที

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“เข็ม” บ่นไร้สาระ บอก “ด้วง” มาจีบเองเนียนๆ ไม่ใช่มือฉกแย่งจากอก “อุ้ม”

“เข็ม ตีสิบ” ยอมรับกำลังศึกษาดูใจ “ด้วง” บอกฝ่ายชายมาจีบแบบเนียนๆ เชิญมาร่วมงานก็มาทุกครั้ง ยืนยันไม่ใช่มือที่สามแย่งมาจาก “อุ้ม” บ่นเป็นข่าวไร้สาระ ท้าให้ไปถามฝ่ายชายเอง

ห่างหายจากข่าวคราวเรื่องความรักไปพักใหญ่ ตั้งแต่ปิดฉากศึกมินิคูเปอร์กับคาสโนว่าลิ้นเลี่ยมทองอย่าง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” และ “เมย์ เฟื่องอารมย์” ไป พิธีกรสาวแห่งรายการตีสิบอย่าง “เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร” ก็ไม่ค่อยมีข่าวกับหนุ่มๆ ที่ไหนสักเท่าไหร่ แต่ล่าสุดกลับมีข่าวว่าเจ้าตัวไปแย่งสถาปนิกหนุ่ม “ด้วง ดวงฤทธิ์ บุนนาค” มาจากอกนางเอกสาวสุดติสท์ “อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส” หลังมีคนเห็นทั้งคู่ควงกันไปไหนมาไหนสองต่อสองอยู่บ่อยๆ แถมแว่วว่าทำเอาสาว “อุ้ม” เฮิร์ทหนักถึงกับทรุดโทรมผอมลงหนักกว่าเก่า

ซึ่งพอได้เจอตัว “เข็ม” ในการบันทึกเทปปีใหม่ของรายการตีสิบ ณ เซ็นทรัล พระราม 2 เจ้าตัวก็ยอมรับว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับฝ่ายชาย โดยอีกฝ่ายเข้ามาจีบแบบเนียนๆ คอยตามไปเจอตนทุกครั้งทุกที่

“เรื่องหัวใจเหรอก็ปกตินะ (หัวเราะ) ยอมรับว่ารู้จักกัน สนิทกันค่ะ จริงๆ รู้จักกันมานานแล้ว แต่มีอยู่ช่วงนึงที่หายๆ กันไป วุ่นวายๆ กับชีวิต แต่ตอนหลังก็มาเจอกัน คือเจอกันปั๊บก็สนิทเลย เพราะว่าเคยสนิทกันมาก่อนอยู่แล้ว แต่มากขึ้นไหมไม่รู้เหมือนกัน(หัวเราะ) จีบไหมเหรอ ไม่จีบหรอก เขาเข้ามาเนียนๆ เลย (หัวเราะ) คืออย่างเข็มทำพีอาร์แล้วก็เชิญเขาไปงาน เขาก็มา เชิญเมื่อไหร่ก็มา”

“ก็คุยกันเยอะปกตินะคะ ปกติหรือเปล่านะ (ขำ) ก็คุยกันอยู่ค่ะ ถ้าเกิดว่างก็เจอกัน แต่ส่วนใหญ่จะกินข้าวกัน อย่างบางทีเราแวะไปแถวๆ ออฟฟิศเขา หรือเขาแวะมาเวลาที่เข็มอยู่ตรงไหน เขาก็จะมาเจอ โอกาสพัฒนาเหรอ ไม่หรอก เพราะมันไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่แรก (หัวเราะ) คือมันคงจะไม่พัฒนาอะไร คงไปเรื่อยๆ เพราะว่าแก่แล้วทั้งคู่ แล้วมันก็คงไม่ได้หวือหวาอะไร เรื่อยๆ”

“คนพิเศษไหม อืม…ยากจัง ไม่อยากพูดจากปากเลย เครียด จริงๆ แล้วเขาบอกว่าไปถามเขาเองก็ได้นะ เขาบอกว่าเขายินดีตอบนะ เพราะเข็มไม่ค่อยอยากจะพูดหรอก น้ำท่วมปาก ผู้หญิงด้วย เหมือนกับเราเป็นคนให้ข่าว ก็เลยไม่ค่อยอยากพูดมาก ก็เอาเป็นว่าเห็นอะไรก็อย่างนั้นแหละ ดูไปเรื่อยๆ ดีกว่าค่ะ เพราะเข็มเคยพูดแล้วว่าเข็มดูอยู่คนเดียว แล้วก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เรื่อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ”

ยืนยันไม่ได้เป็นมือที่สามแย่ง “ด้วง” มาจาก “อุ้ม” แถมบอกไม่กลัวปาปารัซซี่หรือโดนจับตามอง

“แต่ข่าวว่าเป็นมือที่สามนี่ไม่จริงค่ะ ข่าวก็เขียนกันไปเรื่อย เข็มว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าอยากจะรู้เข็มว่าต้องไปถามเจ้าตัวหรือไปถามคู่กรณีกันเอง ถ้าถามว่าเข็มเป็นมือที่สามไหม เข็มตอบว่าเข็มไม่ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้หรอกค่ะ เข็มว่ามันเป็นเรื่องตลกก็ไม่ต้องคุย แต่เผอิญว่ามีคนมาบอก เรื่องมันเก่าแล้ว เรื่องไม่เป็นเรื่องก็เลยเฉยๆ เข็มว่าคนอยากจะตั้งประเด็นให้มันแรงๆ มากกว่า”

“ส่วนช่วงเค้าท์ดาวน์ปีใหม่นี้ต่างคนต่างไปวัดค่ะ คุยกันแล้ว ต่างคนต่างไปนั่งสมาธิ ตัวใครตัวมัน คือเข็มคบกันอย่างผู้ใหญ่มันก็เลยไม่ค่อยหวือหวา ต่างคนต่างทำงาน แล้วเขาก็งานค่อนข้างเยอะ ถ้าโดนปาปารัซซี่เหรอ คือเข็มว่าเข็มเป็นคนพูดตรงนะ ถามอะไรก็พูดตรงๆ แต่บางทีมันอึดอัดเพราะตัวเองก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าเกิดไปเจอจริงๆ ยังไงก็ยังงั้นแหละค่ะ ไม่ได้ปิด ไม่ได้หลบอะไร ปกติมากๆ ไม่เคยหนีปาปารัซซี่ด้วย แต่ไม่เห็นเคยมีใครมาถ่ายเลย (หัวเราะ) ปกติมากๆ ทำตัวตามปกติค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรก ด่าคนแก่ เ - ี้ ย หลอกเงินเด็ก หิ้วเด็กวัด หลอกเงินพระ

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรกแตก นอกจากจะหลอกเงินญาติ ”ครูแหม่ม” 7 แสนแล้ว ก็ยังมีนิสัยก้าวร้าวด่า “พ่อกับแม่ครูแหม่ม” ผู้ให้ที่พักพิงว่า เ - ี้ ย พูดอะไรก็ไม่ฟังบอกมีเงินแล้วค่อยมาพูดกัน สุดอนาถขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 20 บาทก็ยังเอา ล่าสุดไปบอกพระว่าจะสร้างเครื่องกระจายเสียงเรียกเก็บเงิน 4 หมื่น ซ้ำมีพฤติกรรมสนิทสนมกับเด็กวัดถึงขั้นพาไปนอนที่บ้าน


เปิดมหากาพย์นรกไม่เอาอีกรอบแล้วสำหรับ “นาธาน โอร์มาน” อดีตนักร้องผู้อื้อฉาวที่มีข่าวเน่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โกงหุ้นส่วนร้านกาแฟ โกงเงินพี่เลี้ยงที่อยู่ร่วมกับมานานนับ 10 ปีอย่าง “แม่บ้านสมาน สุขเสริม” ล่าสุดก็ถึงคิว “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมที่เคยรักนาธานนักหนา ถึงกับหอบหิ้วนาธานไปอยู่ที่เชียงคานบ้านเกิด หวังจะให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากรอดคุกกรณีโกงเงินแม่บ้านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

ต้อมกับน้ามด


แต่ล่าสุดนาธานก็ไปก่อเรื่องอีกจนได้ คราวนี้ครอบครัวของครูแหม่มผู้มีพระคุณโดนกันถ้วนหน้า จนต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความฉ้อโกงที่สภ.เชียงคานเมื่อวันก่อน เรื่องนี้เป็นเหตุให้เอเอสทีวีบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ต้องลงพื้นที่เพื่อตามล่าหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับนาธานอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ครูแหม่มที่เคยวิ่งหนีนักข่าว เอาผ้าคลุมหน้าบังกล้อง ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม เชื้อเชิญเข้าไปพูดคุยในบ้าน ทำให้ทีมข่าวได้พูดคุยกับครอบครัวของครูแหม่มอย่างหมดเปลือก

ไม่ว่าจะเป็น “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” หนึ่งในเหยื่อของนาธานที่โดนเชิดเงินไปถึง 7 แสน และ “ต้อม” ลูกชายคนโตที่ต่อต้านนาธานมาโดยตลอด รวมไปถึงลูกชายอีก 2 คนของน้ามดที่น้ามดบอกว่า ทำหน้าที่เป็นเสนาน้อยคอยรับใช้นาธานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี “น้าต่าย” ญาติของครูแหม่ม ช่างเสริมสวยที่นาธานไปใช้บริการทำสวยอยู่เป็นประจำก็มาร่วมด้วยช่วยแฉว่าโดนยืมเงินไปเหมือนกัน เรียกว่าโดนกันแล้วถ้วนหน้า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เราได้รู้ว่า ผู้ชายที่ชื่อ นาธาน โอร์มาน ครบสูตรนรกแตกจริงๆ

ครูแหม่ม :“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นเพราะเรารักเขาเมตตาเขาเหมือนแม่ที่คลอดออกมา ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราแบบนี้หรอก คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับคนอื่นคงไม่ได้เกิดกับเรา ตอนนั้นกระแสสังคมแรงมากแต่เราก็ไม่ฟังเนื่องจากรักเขารักเหมือนลูกเหมือนหลาน รักเหมือนคลอดเขาออกมาเลย ความผูกพันมันเอื้อกันมา เมื่อก่อนเขาไม่มีบ้านอยู่เราแต่เรามีลูกศิษย์เยอะ แล้วลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นเจ้านายเก่าพี่เต็ม(แม่บ้านสมาน สุขเสริม) พอเจ้านายเก่าเลิกจ้างพี่เต็มเราก็ให้นาธานไปอยู่กับพี่เต็ม ก็เรียกว่าดูแลเขามา10 กว่าปีแล้ว”

“ดูแลตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นนักร้องให้กำลังใจเขาสู้ๆ นะ กินอยู่ยังไงไม่มีเงิน 100-200 เราก็ให้เขาเพราะเราก็ไม่ได้มั่งมีอะไร เวลาเขาขอเงินมาก็ให้เป็นหลักร้อยหลักพันก็มี โทรศัพท์มือถือไม่มีก็ซื้อให้ เหมือนเราเป็นแม่ของเขาจริงๆ เลยมันซึมซับผูกพันธ์กันมาเรื่อยๆ พอเขาได้เป็นนักร้องเขาก็ห่างๆ ไปบ้างเพราะเขามีงานแต่เวลาที่เขามีปัญหาเดือดร้อนไม่มีเงินเขาก็โทรมา แต่ถึงเขาจะเป็นนักร้องเขาก็ไม่ได้เอื้ออะไรเรานะ มีแต่เรานี่แหละให้เขาคนอย่างนาธานไม่มีทางเอื้อใคร เราก็พึ่งมารู้ตอนนี้นี่แหละ”

“พอนึกถึงวันนี้ที่เราจะต้องไปนั่งอยู่ในโรงพักกับเมื่อปีก่อนที่เราก็มานั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกัน แต่มันมากันคนละสถานะเลยนะ ในวันนั้นเรามาในฐานะแม่จริงๆ ลูกเราเดือดร้อนปกป้องลูกทุกอย่าง วันนั้นที่เขาโดนจับเขาก็นั่งอยู่ในบ้าน น้ามดก็กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้กิน”

น้ามด : "ก่อนที่จะโดนจับก็มีตำรวจมาถามว่ามีดารามาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ได้อำนวยความสะดวกให้เขาไหม เราก็บอกมีนาธานแต่เขาเป็นหลานผัวตอนนี้ไปเมืองเลย พอตอนเช้าเขาก็มาตะคุบเอาที่นี่ กำลังจะทำก๋วยเตี๋ยวให้เขาทานพอดี เขาชอบทานก๋วยเตี๋ยว”

ครูแหม่ม: “เขายังไม่ทันจะกินเลย กำลังเอาใส่ปากมันน่าสงสารนะ เมื่อก่อนนี่น้ามดเขาเชื่อข่าวนะ แต่พอมาเห็นตัวจริงนาธานน้ามดเปลี่ยนเลย มาเจอคำหวานๆ เปลี่ยนเลยรักเหมือนลูก วันที่โดนจับน้ามดก็เอาเงินยัดใส่มือเรา 8,000เอาไปช่วยหลานนะลูก แกเสียใจที่นาธานมาโดนจับที่บ้าน เสียใจมากรู้สึกว่าตัวเองผิด เราเองก็สงสารเขารู้สึกผิดเขามาโดนจับที่บ้านเรา เราจะต้องช่วยเหลือเขา”

“แต่พอปีนี้เราก็มานั่งในตำแหน่งเดิมอีก แต่มันเป็นคนละหน้าที่ คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านาธานมาทำอย่างนี้กับผู้มีพระคุณได้ยังไง เมื่อเช้าก่อนจะไปโรงพักหมาของน้ามดเนี่ยก็มาสะกิดขามายกมือไหว้มาเกาะมือน้ามด เหมือนเขาจะให้กำลังใจ เราก็ยังพูดกันอยู่เลยว่า เลี้ยงหมาก็ยังดีกว่าเลี้ยงนาธานเนอะ มาถึงวันนี้บอกได้เลยว่าเสียใจมาก ชีวิตเราตกต่ำสุดๆ เราเป็นครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์เยอะ วันนั้นเราเอาเกียรติของความเป็นครูการันตีเขาหมด แต่วันนี้เขากลับมาทำอย่างนี้กับเรา แทนที่เราจะไปการันตรีให้พ่อแม่พี่น้องที่คลอดเรามา เงินที่เราให้พ่อแม่ก็ยังไม่ได้ให้เท่านาธาน โอร์มานนะ”

“พี่น้องของเราที่อยู่ที่นี่ก็เสียใจหมดก็คนบ้านนอกน่ะ รักและดูแลเขาอย่างดีน้ามดให้นาธานกินอยู่ตั้งแต่เช้ายันนอน ขนาดโกรกผมยังต้องมาเอาเงินกับน้ามดเลย น้ามดขายของอยู่นาธานโทรบอกน้ามดเติมน้ำมันรถ น้ามดก็ต้องวิ่งเอาเงินมาให้ กลายเป็นแม่บุญธรรมโดยที่ไม่ต้องมีคนแต่งตั้ง เขารู้ว่าน้ามดใจดีมีเงินเข้าออก ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้ทุกวัน”

น้ามด : “บางทีก็เห็นเขานั่งซึมๆ เราก็ไปถามไม่มีเงินหรอลูก เราก็เอาเงินใส่มือทีละ 1,000 - 2,000 บาท ขายของมาได้ก็เอาเงินมาให้เขาใช้จ่าย”

ครูแหม่ม : “แล้วดูสิทำไมมาทำแบบนี้ เรานึกว่าเขาจะเป็นคนดี นึกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ ตกทุกข์ได้ยากมาอยู่บ้านเราพ่อแม่พี่น้องเราก็ไม่เคยรังเกียจ มีแต่ให้กำลังใจเอาใหม่นะสู้ๆ นะ คิดว่าเขาคงไม่มีอะไร คงไม่ทำอะไรเราเพราะเขาก็ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่กับพ่อแม่เราแล้ว และเขาก็เรียกพ่อแม่เราว่าตากับยาย ก็คิดว่าเขาจะมาตั้งรกตั้งฐานที่นี่ พ่อกับแม่รักเขามากเขาขอที่มาทำรีสอร์ทพ่อกับแม่ก็ให้ แต่ก็ยังมาหลอกพ่อกับแม่ให้ขายวัวไปทำทัวร์อีก 5 หมื่น”

“พอเขามาอยู่ที่นี่ในระหว่างที่เราไม่อยู่เขาก็มาสร้างความหวังให้กับน้ามด เขาบอกจะพาน้ามดไปทัวร์ต่างประเทศ 20 ประเทศ น้ามดซ้อมจะสะพานกระเป๋าคล้องแขนไว้ให้ดี แตะไม่ต้องใส่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง ซ้อมดีๆ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเมืองนอก จะพาไปสวิตเซอร์แลนด์”

“เขาพูดทั้งๆ ที่อยู่ที่นี่เขาไม่ได้ทำงานอะไร มีแต่ญาติๆ ของเรานี่แหละจุนเจือเขา แม่เราก็ทำกับข้าวให้เขากิน แต่ส่วนใหญ่เขาจะมากินกับน้ามด เช้ายันค่ำมากินกับน้ามด ไม่มีเงินก็ขอน้ามดอยู่จนเหมือนลูกคนหนึ่งของน้ามด นอกจากนั้นแล้วเขาก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งคอยซัพพอร์ทให้เขา ขอไม่เอ่ยถึงละกันว่าชื่ออะไร แต่ผู้ใหญ่ใจดีของเขาคนนี้ก็เป็นคนเอาเงินมาลงทำรีสอร์ทที่นี่”

“และในระหว่างที่เขาอยู่บ้าน เราก็อยากจะสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ก็ให้นาธานมาเป็นคนดูแลให้ เราก็ไปกู้เงินมาได้ 9 แสนแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด ตากับยายก็จะไปเอากับธนาคารมาให้ นาธานเขาก็ขอเป็นคนดูแลเอง บิลต่างๆ เขาก็เก็บไว้เอง เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปให้ครูแหม่มดู เราเองตอนนั้นก็อยากสร้างเครดิตให้เขา อยากให้ญาติพี่น้องรักเขา อยากให้รู้ว่าเขามีเงินนะ บางคนก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนช่วยเราด้วยซ้ำ ยาย(แม่ของครูแหม่ม) ก็อยากสร้างเครดิตให้หลาน(นาธาน) ก็เลยเอาเงินยัดใส่มือให้ คือทุกคนรักเขาหมดไว้ใจเขาหมด”

“แต่เงินก็ไม่พอหลอกเราก็เอาที่ตรงไร่มะม่วงไปจำนอง เพราะนาธานบอกว่าอยากให้ยายเอาที่ไปจำนองนะ 4 แสนบาทจะได้สร้างบ้านให้เสร็จ ก็เอาไปจำนองใช้จ่ายไป 3 แสนเหลือ 1 แสนเขาก็เป็นคนเก็บไว้ แปลนบ้านเราก็มีก็ให้ แต่พอกลับมาบ้านเรากลับกลายเป็นอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนในแปลนเลย เขาคงคิดว่าจะอยู่ด้วยก็เลยสร้างตามใจตัวเอง

สุดก้าวร้าว ด่า “พ่อแม่ครูแหม่ม” ที่รักเหมือนลูกว่า เ - ี้ ย
“พ่อแม่เห็นบ้านแล้วก็โกรธมาก เพราะเขาอยากได้ตามแปลน อยากได้ 3 ห้องนอน นาธานก็มาสร้างเป็นแบบนี้ตะคอกใส่ คือพ่อเขามีแปลนบ้าน 3 ห้อง แล้วนาธานมาเปลี่ยนเป็น 6 ห้อง เขาก็เลยเถียงกัน ทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกว่า ค่าใช้จ่ายที่เกินไปเขาจะออกเอง แต่จริงๆ เราก็เป็นคนออกนั่นแหละ พอสร้างบ้านเสร็จเขาก็เอาตุ๊กตาผู้หญิงใส่อันเดอร์แวร์ไปวางไว้ตรงประตูทางเข้า ตาก็เลยห้ามเพราะเวลาเดินเข้าเดินออกผู้ชายบางคนเขาถือ ก็เลยทะเลาะกันด่าเ - ี้ ยด่าสัตว์ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่เราเลย เราก็รู้สึกว่า โห...ด่าพ่อด่าแม่เราเลยเหรอ”

“และเขาก็โทรมาบอกว่าป๋าจะเอามีดแทงเขา แล้วโดนนิ้ว นิ้วหลุด แต่คนที่เห็นบอกว่าเป็นรอยนิดเดียว ผู้ใหญ่เราไปขอดูนิ้วเขาก็ไม่ให้ดู แต่ก็ไม่หลุดหรอกยังอยู่เหมือนเดิม แหม่มก็ถามป๋านะว่าไปทำแบบนั้นทำไมมันผิดกฎหมาย พ่อก็บอกว่าแกไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จะทำร้าย เหมือนแกโมโหหยิบอะไรได้ก็หยิบ แต่ไม่ได้จะทำร้ายหรอก เหมือนเอามาขู่”

“เขาไม่น่าทำแบบนี้เลยตกทุกข์ได้ยากมาถ้าไม่มีตากับยาย ถ้าตากับยายไม่อนุญาตก็ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นที่ของเขา ตากับยายรักเขาจะตายซื้อกับข้าวหาข้าวให้กินตลอด แล้วเขายังเอาไปพูดกับญาติเราคนอื่นอีกว่า ตาไม่เหมือนสมัยเมื่อก่อนแล้วนะ คือเมื่อก่อนพ่อมีรถลางซุง ลากไม้ซุงตามโรงเลื่อย เป็นธุรกิจที่พ่อทำที่ลาว เขาก็บอกว่าตอนนี้ป๋าไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะ ป๋ามีเงินเหรอ ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าป๋ามีเงินค่อยมาพูดด้วย ถ้ามีเงินแล้วจะคลานไปกราบ ถ้าไม่มีเงินไม่ต้องมาคุย”

“คือนาธานเนี่ยใครสอนอะไรเขาไม่ได้หรอก ถ้าอยากให้เขาฟังต้องถือเงินไว้ซัก 1 หมื่น หรือเป็นแสน อย่างน้อยๆ ต้องมีไว้ซัก 5 พัน เขาถึงจะฟังในสิ่งที่เราพูด”

น้ามด : “โดยเฉพาะยายนี่รักนาธานมาก ขนาดนาธานบอกให้ยายไปยืมเงินตอน 2 ทุ่ม ซึ่งต่างจังหวัดคนเขานอนกันหมดแล้ว แต่ยายก็ต้องออกไปยืมตังค์ให้ ก็ให้น้ามดนี่แหละขี่มอเตอร์ไซด์พาไปยืมที่อำเภอ”

ครูแหม่ม : “ถ้าเขาจะเอาอะไรก็ได้ตามนั้น ต้องเอาทันที บางครั้งทาแป้งรอเลย สมมติวันนี้จะได้เงินมาจากไหน เขาจะทาแป้งทาปากรอเลย นี่แหละนิสัยเขาค่อนข้างก้าวร้าว พอบ้านเสร็จก็เกิดเรื่อง เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดบอกว่า พอบ้านเสร็จก็ถีบหัวส่งนะ ก็อยากจะบอกนาธานว่า ครูแหม่มไม่ได้ถีบหัวส่งนะ ถ้านาธานทำตัวดีทำมาหากินไม่สร้างเรื่อง นาธานสามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้จนดินกลบหน้าเลย ถ้าจะถีบหัวส่งรอให้นาธานทำรีสอร์ท 10 หลังเสร็จก่อนแล้วค่อยถีบไม่ดีกว่าหรอ แต่นี่มันเกิดจากการเรามารู้เรื่องของน้ามดแล้วรับไม่ได้ มาบอกว่า น้ามดเป็นคนติดต่อต่างประเทศเอง มันก็เลยแตกหักกันตรงนี้”

น้ามด : “พอมาอยู่ที่นี่เขาก็พยายามชวนทำทัวร์ตลอด เราก็บอกว่าไม่มีเงิน เขาก็เลยไปหาน้าติ๋วไปเอาเงินกับน้าติ๋วมาทำทัวร์พม่า 3 คน ลงไป 3 พันได้กำไรไป 6 หมื่นอันนี้คือสิ่งที่เขาพูดให้เราฟัง เราก็ไม่รู้ว่าน้ามดลงเงินจริงหรือเปล่ามันเป็นเพียงแค่ลมปากไม่มีหลักฐานอะไร และเขาก็บอกว่าให้น้ามดทำทัวร์ประเทศอื่นเราก็เชื่อเขา”

“เพราะตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ แม่เขา(ครูแหม่ม) ก็บอกว่าเขาถูกใส่ร้าย เขาก็พูดดีถ่อมตัวนาธานอย่างนั้น นาธานอย่างนี้ เราก็หลงเขารักเขาก็อย่างว่าบ้านนอกแหละเนอะ เวลาเขามีอะไรเขาก็จะมาสัมผัสเรามาจับขาจับแขนมาออดมาอ้อนบางครั้งก็มาโอบกอด เราก็จะบอกสู้เด้อลูกเด้อปัญหาทุกอย่างมีทางออก ตอนนั้นเอ็นดูเขามาก เขาเป็นคนพูดเพราะพูดหวาน ก็มาพูดให้เราทำทัวร์นี่แหละ พูดไปพูดมาเราก็เลยทำ ก็ไปยืมตังค์นอกระบบมาทำทัวร์ และเขาก็สั่งว่าห้ามบอกใครห้ามบอกแม่(ครูแหม่ม)เราจะรวยแน่นๆ กันสองคน”

“อันแรกเลยนาธานบอกว่าทำประเทศจีน 30 คน จะต้องเสียค่าจองตั๋ว 3 หมื่น เสียภาษี 1.5 หมื่น ค่าทำโบชัวส่งให้ลูกค้าดูอีกใบ 10 บาท 30 ใบ รอรับกำไล 2 แสนกว่าบาท เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปดำเนินการยังไง รู้แต่ว่ามีผู้หญิงที่ชื่อก้อยโทรมาหาน้ามดบอกว่าทัวร์เข้านะประเทศนั้นประเทศนี้ บางครั้งก็บอกลูกทัวร์ตกเครื่องจะต้องเสียเงิน 500 บาท เราก็ต้องเคลียร์ให้เขาหมด ก็โดนหลอกให้ทำทัวร์มาเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังสงกรานต์จนตุลาคมก็ประมาณ 20 กว่าประเทศจนหมดตัวรวมแล้ว 7.4 แสน"

“เงินเราก็ไม่มีหลอกไปยืมเขามา เป็นเงินนอกระบบร้อยละ 20 รวมๆ แล้วก็เป็นแสน เงินเปียแชรอีก 1 แสน และก็ไปขายที่ดินกับบ้านที่อุทัย แปลงที่ 1 ได้ 7.5 หมื่นแปลงที่ 2 ได้เงิน 6.7 หมื่น ซึ่งที่ดินตรงนั้นเป็นเงินที่เหลือจากการแต่งงานเอาไปซื้อไว้เป็นหลักทรัพย์ และก็เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองอีก 2.4 แสน และก็เงินที่ไปช่วยเหลือตอนพี่เต็มอีก ที่ต้องไปจำนองบ้านหลังนี้เพราะเขาบอกว่า มันต้องปิดจ็อบอีก 12 วันจะได้ตังค์คืน แต่ถ้าไม่เอาเงินมาลงอีก 2 แสนจะไม่ได้เงินทั้งหมดคืน ก็เลยไปขอร้องแฟนให้ช่วยหน่อยเพราะถ้าไม่ช่วยเงินที่ลงไปหลายแสนมันสูญนาธานบอกให้พูดแบบนี้ น้ามดก็เลยไปกล่อมแฟนเพราะบ้านหลังนี้เป็นมรดกของแฟน แฟนเขาก็ช่วย และก็บอกให้หยุดทำเท่าไหร่ก็เท่านั้นเราก็ไม่ฟังจนหมดตัว ดิ้นไม่ได้ถึงหยุด ไม่มีใครให้ยืมแล้วถึงหยุด เพราะเราก็อยากได้อยากรวย”

“น้ามดช่วยเขามาตลอดไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้ ช่วยนาธานตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องกับพี่เต็มแล้ว เขามาขอว่าช่วยธานหน่อย เราก็เห็นแล้วก็สงสารน้ามดไม่มีตังค์หรอกมีแต่สร้อย สร้อยทอง 3 บาทก็ถอดไปจำนำให้เขา เงินสดที่เก็บมาทั้งชีวิตมีอยู่ 3.5 หมื่นก็เอาให้ แต่หลอกนาธานว่าไปยืมมาเขาจะได้ร้อนใจรีบไปหามาคืน ก็บอกเขาว่า เงินน้องนะลูกนะ เงินน้องต้องเรียนหนังสือเอามาคืนนะ เขาก็บอกครับ ไปศาลไม่มีเงินเติมน้ำมันก็โอนให้ตลอดครั้งละ 5 พัน”

“เราให้เขาหมดให้ทุกอย่าง สร้อยไม่เคยเอาไปจำนำก็เอาไปจำนำให้เขา เงินนอกระบบก่อนหน้านี้ก็เคยยืมมาบ้างเวลาที่หมุนเงินไม่ทันแต่ก็ไม่ได้มากมายพอหมุนใช้จ่ายในครอบครัว แต่ก็ไปหายืมมาให้เขาจนหมด ขนาดเจ้าหนี้นอกระบบยังเตือนเลยว่า ทำไมช่วงนี้ยืมเงินเยอะจัง เขากลัวนาธานมาหลอกเพราะไปไหนกับนาธานตลอด เราก็โกรธตะหวาดเขาคนล้มอย่าข้ามให้โอกาสเขาหน่อยเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่แตะต้องนาธานอีกเลย”

“คิดแล้วก็เสียใจกับลูกกับผัวเรายังไม่เคยให้เงินเขาเยอะขนาดนี้เลยแต่เรากลับให้นาธานเพราะรักเขามาก รักเหมือนลูกให้กินให้อยู่มากกว่าลูกตัวเองซะอีก ไปขายของมาได้ก็เห็นนั่งเศร้าๆ ก็ถามไม่มีเงินหรอก็เอาเงินให้เขา ก็บอกให้เขาใช้ประหยัดๆ เพราะน้ามดก็ไม่ค่อยมีก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้นะ ให้ตลอดทีละร้อยสองร้อยทีละพัน นาธานไม่น่าทำกับน้ามดเลย”

ให้ “นาธาน” ทุกอย่างขนาดนี้ พอถามว่า นาธานเคยให้อะไร “น้ามด” ไหม เจ้าตัวตอบว่า...
“เขาเคยซื้อสบู่เป็นขวดๆ มาฝากจากกรุงเทพ 2 ขวด นอกนั้นก็ไม่เคยซื้ออะไร”

“เสียใจมากรักเขามากรักเหมือนคนตาบอดขนาดลูกเตือนก็ยังไม่ฟัง อย่าทำทัวร์เลยแม่ถ้าเขารวยเขารวยตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้ว เขาไม่มาทำที่นี่หรอกแต่เราก็ไม่ฟังเพราะอยากรวย เขาบอกประเทศนั้นได้กำไล 2 แสน ประเทศนี้ 3 แสน เราก็คิดไว้ว่า ถ้าได้กำไรทัวร์มาก็จะแบ่งให้นาธาน และก็จะมาซื้อรถให้แฟนมาวิ่งรับส่งนักเรียนก็จะได้มีรายได้เสริมเข้ามาพอได้กินได้อยู่เพิ่มขึ้นมา”

ต้อม : “ผมเป็นทหารเกณฑ์ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่าแม่ไปทำทัวร์กับนาธาน แต่ความมาแตกเพราะความดีใจของแม่ นี่แม่จะได้ตังค์แล้วนะแม่แอบไปทำทัวร์กับพี่นาธาน ผมก็เริ่มเชคข่าวกับเพื่อนๆ เพื่อนก็ปริ้นท์จากอินเตอรเน็ตมาให้ดู ผมก็รู้สึกว่ามันชักแปลกๆ แล้ว ก็บอกแม่ว่าถ้าเขาทำแล้วรวยเขาคงจะเคลียร์หนี้แม่บ้านได้(แม่บ้านสมาน) คงไม่เป็นข่าวแบบนี้หรอก แต่เหมือนนาธานเขาจะรู้ เขาจะหาคำแก้ตัวมาพูดกับแม่ได้หมด เวลาผมแย้งเรื่องอะไรนาธานเขาก็จะหาเหตุผลมาแก้ตัวไว้ล่วงหน้าเลยเขาดักเราไว้ทุกทาง”

“แต่ตอนนั้นเรื่องทัวร์มันยังไม่ชัดเจนผมแค่สงสัย แต่มันก็มีเรื่องที่เขาไปหลอกคนอื่น เขาไปประกาศทั่วเลยเขาจะไปถ่ายแบบกับแตงโมที่หาดนางคอย เพื่อนๆ ก็ถามว่าจริงไหม ผมก็บอกว่าไม่รู้ จนกระทั่งน้ำท่วมที่นั่นเขาก็เงียบๆ ไป และเขาก็ไปหลอกรุ่นน้องผมว่าจะมีดารามาถ่ายแบบ เขาก็ไปบอกรุ่นน้องผมว่า ให้มาเป็นไกด์แนะนำสถานที่แต่ไม่ให้บอกใคร และเขาก็เอาตังค์ให้รุ่นน้องผม 400 บาทกับเหล้าขาว ส่วนดาราที่จะมาถ่ายก็คือตั๊ก บงกช แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเหมือนเขาสร้างกระแสให้กับตัวเอง”

น้ามด : “เขาหลอกให้น้ามดรอ บอกว่าเงินทัวร์จะเข้าแล้วนะ พอเอาบัตรเอทีเอ็มให้นาธานไปตรวจสอบก็ไม่มี ก็เลยคิดว่ารอซักวันสองวันไปกดใหม่ แต่กดไม่เป็นมันกินบัตร ก็บอกให้นาธานไปติดต่อให้เขาก็ไม่ไป เขาบอกว่าเดี๋ยวธนาคารจะส่งมาให้ที่บ้านเอง เราก็รอเป็นเดือนแต่ก็ยังไม่ได้บัตร จนกระทั่งลูกชายกลับมาจากเกณฑ์ทหารก็เลยบอกให้พาไปตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีเงินเข้า น้ามดก็มาบอกนาธานว่าไม่มีเงินเข้าเลย เขาก็บอกเดี๋ยวก็เข้าเราก็เชื่อเพราะคุณก้อยก็จะโทรมาเรื่อยๆ ว่าให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะจัดให้ก่อนซัก 2 - 3 งวดพอให้ได้หมุนแต่ก็ไม่ได้”

“แต่มันก็มีเหตุให้สงสัยเพราะคุณก้อยนี่โทรมาอีกบอกว่าเงินในบัญชีของน้ามดไม่มีถึง 500 เลย ให้เอาเงินไปติดบัญชีไว้หน่อยมันจะได้มีเครดิต น้ามดก็เลยไปหายืมเงินได้มา 3 พันเอาไปใส่ไว้ในบัญชีตอน 11.30 น.ตอนเย็นเงินทัวร์จะเข้า 3.7 แสน เราก็นาธานเอ๊ยไปตรวจสอบดูสิลูก คุณก้อยบอกมาว่าเงินจะเข้าจะได้เอาเงินไปไถ่บ้าน เหลือเท่าไหร่ก็เอาเงินแบ่งกันกินแบ่งกันใช้เพราะเราอยู่ด้วยกัน ก็ปรากฏว่าเงินไม่เข้า พอลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบให้เงิน 3 พันที่เข้าไปก็หายไปหมด“

“น้ามดก็เลยมาโวยวายกับนาธานว่าเงินที่ใส่ไปหายไปหมดเลย ก็เลยโทรไปหาคุณก้อยว่าไม่รู้เงินที่ใส่ไปหายไปไหนหมด น้ามดไม่ได้กดไม่ได้ถอนเลย คุณก้อยก็อ้างว่าธนาคารมันแบล็คลิสต์ ก็เลยให้ลูกไปตรวจสอบถึงได้รู้ว่าพอเงินเข้าไปตอนเช้าตอนเย็นก็มีคนไปกดออกแล้ว แต่เราก็ยังไม่คิดว่าจะโดนหลอกมัน 50 : 50 ไม่อยากจะเชื่อ”

“พอผ่านไปไม่กี่วันคุณก้อยก็โทรมาอีก บัญชีธนาคารอื่นบัญชีหนึ่งมันมีเงินไม่ถึงพันนะ น่าจะเอาเงินไปใส่ซักพันสองพัน วันนั้นก็เลยไปกับลูกชายและก็นาธาน ลูกชายก็ไปซื้อม้วนหนัง น้ามดก็นั่งรออยู่ในรถ ส่วนนาธานก็เอาเงินไปเข้าบัญชีและก็เดินออกมาว่าเสร็จแล้วนะ เราก็จ้าก็พาไปกินข้าวแล้วก็กลับ จนลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบเงินเพราะเขาบอกว่าเงินจะเข้า พอลูกไปตรวจสอบก็ปรากฏว่า เงินไม่เข้าส่วนเงิน 2 พันที่ให้นาธานไปเข้าก็ไม่มี”

“พึ่งจะมามั่นใจว่าโดนหลอกจริงๆ ก็เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา พอเริ่มมีข่าวออกว่าแม่เขา(ครูแหม่ม)จะแถลงข่าว เขาก็โทรมาหาว่าน้ามดอยู่ไหน เราก็บอกขายของอยู่ เขาก็บอกว่า จะฆ่าธานให้ตายเลยหรอ วันนี้จะโอนตังค์ให้น้ามด 2 แสนนะ เราก็ดีใจรีบวิ่งไปเอาเลขบัญชีที่บ้าน พอตอนเย็นไปดูก็ปรากฏว่าไม่โอนมา แต่เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดอีก บอกว่าจะโอนตังค์ให้น้ามดอยู่นะ ธานไม่ทิ้งน้าหมดหรอกจะหาทางช่วย จะหาเงินมาไถ่ถอนบ้าน แต่ตอนนี้ทัวร์น่ะมันล่มแล้วนะน้ามด พอเขาพูดตรงนี้น้ามดก็รู้แล้วว่าโดนหลอกก็เลยต้องไปแจ้งความ”

หลอก “น้ามด” ว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์เชพโรเลต ให้เซ็นต์ค้ำประกันรถให้

“นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังมาหลอกอีกว่า เขาเป็นพรีเซ็นต์รถเชฟโรเลตได้เงินค่าตัว 9 แสน แล้วเอารถเก่าไปเทิร์น 3.5 แสน(รถของนาธาน) รวมเป็นล้านกว่า แต่รถล้านหกเกือบล้านเจ็ด แต่เขาไม่เอาตังค์ค่าตัวแต่จะเปลี่ยนเป็นรถ ก็เลยให้น้ามดไปค้ำประกันให้ วันไปค้ำเอาน้ามดไปด้วย แต่วันไปเอารถเขาไปคนเดียว ตอนนั้นเราก็ไม่ทันได้คิดว่าไปค้ำประกันแล้วต้องรับผิดชอบ มันให้เซ็นต์ก็เซ็นต์ไป คิดว่าเขาคงได้ค่าพรีเซ็นเตอร์มาแล้วก็เลยไม่คิด แต่ตอนหลังเขาก็มาตามทวงยึดรถแล้ว มาวันที่ 25 เป็นวันเดียวกันกับมาวันที่นาธานบอกทัวร์เจ๊งเลย”

ต้อม : “หลังจากที่นาธานวางสายไป วันนั้นก็มีคนมาตามยึดรถที่บ้าน แต่ตอนแรกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรเรา จนเราถามไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่าโดนหลอกเรื่องพรีเซ็นเตอร์ จริงๆ มันคือเอารถแลกรถแค่ 2 แสน โอ้โห ก่อนหน้านี้มาขอเงินแม่ 3 หมื่น ไปซื้อเสื้อผ้าสไตล์ร็อค จะไปเดินแบบให้รถเบนซ์ที่กรุงเทพ แต่แม่หาให้ยืมไม่ได้เลยไม่ได้ให้ ผมก็คิดเอะใจว่า อ้าว...แล้วเบนซ์กับเชฟโรเลตไม่ฟ้องกันตายเหรอ”

น้ามด : “ตอนนี้เขาก็มาทวงค่าผ่อนรถกับเรา ก็เลยบอกว่าไม่มีอะไรจะให้ยึดแล้ว มีแต่ตัว ถ้าจะเอาก็คงจะต้องไปติดคุกอย่างเดียว เพราะไม่มีอะไรให้ยึด พูดจริงๆ ก็คือยอมติดคุกเพราะไม่เหลืออะไรให้ยึดแล้ว”

“ตอนนี้ความหวังทุกอย่างมันพังหมดแล้ว วันนี้น้ามดก็ยังไม่มีเงินไปจ่ายดอกค่าบ้านเขาเลย สัญญาบ้านจะหมดวันที่ 29 เดือนธันวาคมนี้แล้ว ถ้าไม่มีเงินไปไถ่ก็จะโดนยึดบ้าน แต่เราก็ยังไม่มีเงินว่าจะไปขอร้องเขาให้เขาช่วยต่อสัญญาให้หน่อยก็ไม่รู้ว่าเขาจะต่อให้หรือเปล่า ถ้าบ้านหลังนี้ต้องหมดไปก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันไม่กล้าคิดมันตื้อไปหมดแล้ว”

“ทุกวันนี้ทำงานหนักมาก เมื่อก่อนขายแต่ของหวานกับกาแฟ ออกจากบ้านตอนเช้าตี 3 และก็จะกลับมาทำของที่บ้านรอไปขายตอนเย็น แต่ตอนนี้น้ามดต้องขายก๋วยเตี๋ยวเพิ่มด้วย ต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ต้องทำทั้งวันพอขายของหวานเสร็จตอนเช้า ก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ส่วนลูกชายปลดทหารมาแล้วก็จะให้เขากลับบ้านมาทำขนมรอ ร้านกาแฟจ้างเขาขายวันละ 200 บาท ที่ต้องทำเยอะแบบนี้เพราะเรามีหนี้สินเยอะ เหนื่อยไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องจ่ายหนี้รายวันนอกระบบวันละ 2 พัน ทุกวันที่ 29 ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านอีกเดือน 8 พัน”

“ลูกๆ ทุกคนก็มาช่วยทำงานหมด เวลาเสาร์-อาทิตย์ทุกคนต้องมาช่วย คนหนึ่งไปเฝ้าร้านขายขนม อีกคนก็ต้องไปช่วยร้านที่ขายกาแฟเพราะจ้างป้าขาย ลูกทุกคนทำงานหมดน้ามดร้องไห้จนไม่มีต้ำตาแล้ว ลูกชายต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ขี่มอเตอร์ไซด์ไปขายของคนเดียว พอเสาร์อาทิตย์ต๊ะก็จะซ้อนมอเตอร์ไปด้วย เราเห็นแล้วน้ำตานี่ไหลพรากเลย ร้องจนน้ำตามันก็หมด มันตกข้างในนี้(ชี้ไปที่ใจ) ดีที่ลูกกับสามีให้กำลัง สู้นะแม่ เราจะช่วยขายของปลดหนี้นะแม่นะ เมื่อก่อนต้อมติดทหารเพิ่งปลดประจำการเดือนตุลาฯบางทีเห็นลูกต้องมาทำแบบนี้ก็สงสาร ตีสองมันหนาว บางทีฝนตกก็ต้องเอาผ้ามาคลุมไปกันสองคนพี่น้อง กว่าจะถึงเปียกกันหมด มันสะท้อนใจ แทนที่ลูกจะได้นอนหลับสบาย แต่ต้องกระเตงลูกไปช่วยขายของ”

“ของกินของใช้ทุกอย่างก็ต้องประหยัดหมด บอกลูกให้ช่วยกันประหยัด อย่ากินเยอะ อันไหนพอจะอดก็อด ขนมนมเนยให้ลด นานๆ ถึงกิน เมื่อก่อนลูกจะกินอะไรน้ามดให้กินหมด แต่ตอนนี้ก็บอกลูกว่าเรามีหนี้สินเยอะ เขาก็เข้าใจ ตื่นเช้ามาอ้วนกับน้องก็จะไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน กินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลัก นมก็ไม่ต้องกินนะ มากินโอวัลตินที่ร้านเรา เขาก็เข้าใจ น้ามดก็อยากจะขอโทษที่ไม่เชื่อเขา ถ้าฟังลูกสักนิดจะไม่เป็นแบบนี้เลย(เอามือไปวางตักต้อม) ทั้งที่ลูกก็เตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง และก็อยากจะบอกนาธานว่าให้หยุดเถอะอย่าไปหลอกลวงคนอื่นเลย ให้น้ามดเป็นรายสุดท้าย”

ต้อม : “อยากให้นาธานเห็นใจทางแม่ ซึ่งแม่ดีกับเขามาก อยากให้เห็นใจหัวอกของคนที่เคยรัก ที่ตอนนี้หมดตัวไปแล้ว อยากให้พี่ธานเปลี่ยนหัวใจลองดู ว่าพี่ธานจะรู้สึกยังไง กับการที่เราสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราหามาทั้งชีวิต เพราะเราเชื่อใจคำที่เขาโกหก อยากให้เขาคิดสักนิดก่อนที่จะทำอะไร โอเค.เขาอาจจะไม่มีหน้ามีตาในวงการแล้ว แต่ถ้าเขากลับตัวกลับใจ แล้วมาอยู่ที่นี่ ตั้งใจทำมาหากินเขาก็อยู่ได้นะครับ”

น้ามด : “มันเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว น้ามดเจ็บใจที่มันมาหลอกมาลวง น้ามดคงไม่ให้อภัยมันแล้ว รักมันจนวินาทีสุดท้ายที่เขาออกจากเชียงคานไป น้ามดช่วยเหลือทุกอย่าง ตอนทะเลาะกับตาน้ามดยังแอบเอาเงินยัดมือ เอ้าลูกเอ้ยเอาไว้ซื้อบุหรี่เอาไว้เติมน้ำมัน แอบเอาไปให้ไม่ให้มาที่นี่เพราะกลัวตาเห็น(บ้านอยู่ติดกัน) ไม่ได้กินข้าวก็ปิดไฟให้เข้ามากินข้าวที่บ้าน วันที่เขาจะออกจากเชียงคานน้ามดก็ดูแลทุกอย่าง แอบช่วยไม่ให้ต้อมรู้ วันนั้นน้องต๊ะก็เอาเงินเก็บตัวเองซื้อบุหรี่กับน้ำอักลมให้สองกระป๋อง ส่วนหน้ามดซื้อข้าวมันไก่ติดรถให้ไว้กิน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นกันอีกเลย”


ครูแหม่ม : “เห็นแบบนี้แล้วเสียใจ เรานำหายนะมาสู่ครอบครัวเรา วันนั้นน้องต้อมกวาดบ้านแล้วก็บอกว่า รู้สึกยังไงไม่รู้มันเหมือนไม่ใช่บ้านของตัวเองเพราะเอาไปจำนองหมดแล้ว เราไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว เขาพึ่งปลดทหารเกณฑ์มาก็เอาเงินที่สะสมมาได้ 2หมื่นเอาไปซื้อหลังคาไว้ กะว่าถ้าบ้านโดนยึดก็จะเอาไปสร้างกระต๊อบอยู่”


“เห็นแล้วเศร้า(ร้องไห้) เราทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ก็เลยต้องรับผิดชอบพาไปแจ้งความทุกอย่าง เราเห็นน้องแล้วสงสารก็บอกน้องต้อมไม่ต้องสร้างไปอยู่ด้วยกัน เราแย่เราทำให้ญาติพี่น้องเดือดร้อน เสียใจที่พาเขาเข้ามาอยู่ ก็ขอโทษน้ามดขอโทษน้องกราบเท้าพ่อกราบเท้าแม่แล้ว ขอโทษที่นำสิ่งที่ไม่ดีนำคนชั่วมา แหม่มผิดไปแล้วที่นำความหายนะเข้ามา เห็นแล้วก็นึกถึงกรณีของพี่เต็ม เราเหมือนเป็นเซ็นเตอร์นำเขาไปยังคนอื่นๆ”

“มีคนเตือนว่าไปปกป้องนาธานทำไม ยิ่งลูกศิษย์นี่ปริ้นมาให้ดูเลย โดยเฉพาะข่าวของผู้จัดการ ปริ้นมาให้ดูเป็นปึ๊กๆ เลย ก็อ่านนะ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแหละ แต่ความสงสารมันมีมากกว่า เพราะมัน(นาธาน)ไม่มีใคร ก็คือว่าหูหนวกตาบอดเพราะความสงสาร ไม่ต้องมาเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ความสงสารต้องดู มันจะนำความหายนะมาสู้ครอบครัวหรือเปล่า ดูครอบครัวแหม่มเป็นตัวอย่าง”

ขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 9 ขวบ 20 บาทก็เอา

"แม่ของครูแหม่ม" รัก "นาธาน" มาก แต่นาธานก็ก้าวร้าวด่า เ - ี้ ย

ครูแหม่ม : “ต๊ะกับต้าเขาจะเหมือนเสนาน้อยของนาธานที่คอยบริการตลอด เวลานาธานอยากได้อะไรก็จะใช้ไปซื้อของส่วนเขาก็รออยู่บนรถ เขาไม่เคยลงไปเอง นอกจากนั้นแล้วก็ยังขอเงินเด็กๆ ด้วย น้องต้านี่จะเติมเงินค่าโทรศัพท์ให้ตลอด บางครั้งก็ขอเงินน้องต้าไปซื้อโรตี 20 บาทก็ยังเอา ขนาดน้องสองหลานอายุ 9 ขวบก็โดน 200”
จังหวะนี้น้องต้ากลับจากโรงเรียนมาพอดี ผู้สื่อข่าวจึงดึงตัวมาสัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว...

นาธานขอเงินน้องต้าไปทำอะไร?
น้องต้า : “ซื้อโรตีครับ”
เราให้ไปเท่าไหร่?
น้องต้า : “ร้อยนึงครับ”
แล้วนาธานคืนต้ามั้ย?
ต้า : ....(เงียบ) (น้ามดพูดแทรก คืนบ้างไม่คืนบ้าง มีครั้งนึงเขาโมโห เขาไปทวงเงินนาธาน บอกเอาเงินกูมา)
ครูแหม่ม : ตอนนั้นเขาโกรธนะ ถ้าไม่โกรธไม่ทวง
น้ามด : “ตอนนั้นคงรักพี่นาธาน เป็นทหารเอกคอยซื้อของให้นาธานกับไอ้อ้วน(น้องต๊ะ ลูกชายคนกลาง) แต่ถ้าน้ามดว่างก็จะเป็นคนไปกับนาธานเอง เพราะป็นคนลงไปซื้อของให้ ทุกคนมีน้ำใจกับเขาหมด”

“น้าต่าย” ช่างเสริมสวยญาติ “ครูแหม่ม” ที่ “นาธาน” เคยไปใช้บริการทำสวยเป็นประจำ ก็โดนยืมเงินเหมือนกัน


น้าต่าย : “เห็นข่าวเขาตั้งแต่แรกก็ไม่อยากยุ่งกับเขา เพราะเชื่อว่าเป็นจริงเพราะเห็นแม่บ้านเป็นลมซะขนาดนั้น ก็จะเป็นคนที่คอยเตือนน้ามดว่าให้ระวังตัวให้ดี และก็เตือนทุกๆ คนแต่ก็ไม่มีใครฟัง นาธานเขาเป็นคนที่รักสวยรักงามก็เคยมาโกรกผมที่นี่ แต่ตอนหลังมาขอยืมเงินไป 2 พันแล้วไม่เอามาคืนก็ไม่มาอีกเลย แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่อยากทวงหรอกก็คิดว่าให้ๆ เขาไป แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาสั่งแอมเวย์ บอกจะเอาโน่นเอานี่รวมแล้วเป็นหมื่น เราก็บอกว่าไม่มีเงินให้เอาเงินมาก่อน เขาก็บอกจะโอนเงินให้วันจันทร์ เราก็คิดว่าทำไงดี กลัวว่าจะไม่ได้คืนเงินก็ไม่มีด้วยแหละ ก็เลยบอกไม่ได้ถ้าจะเอาต้องเอาเงินสดมา ก็เลยไม่ได้เสียเงินหมื่น”


บ้านครูแหม่มที่ถูก "นาธาน" มารื้อแปลนสร้างใหม่เป็นบ้านทรงประหลาด


พระเกือบตกเป็นเหยื่อ โดนเรียกเงินทำเครื่องกระจายเสียง 4 หมื่น


ครูแหม่ม : “เขาเคยไปคุยกับหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่งบอกจะทำสถานีวิทยุกระจายเสียงให้ ใช้เงิน 7 หมื่น แต่จ่ายแค่ 4 หมื่นก่อน แต่พอดีพระท่านคงรู้ตัวก่อนก็เลยไม่ได้ให้ คือรู้มาว่าเขาไปทำห้องน้ำถวายวัด แล้ววันนึงก็มีคนมาทวงค่าสี 5 พัน นาธานก็บอกให้มาเอากับแม่ ให้มารวมกับยอดบ้าน ส่วนอีกคนก็มาทวงค่าห้องน้ำกับยาย 1 หมื่น แต่ไม่ได้ให้ เพราะไม่รู้เรื่องให้ไปทวงกับนาธานเอง เพราะบ้านเราไม่ได้ยุ่งตรงนี้”

นอกจากนั้นแล้วแหล่งข่าวคนหนึ่งก็ยังได้เปิดเผยกับบันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ด้วยว่า ขณะที่อยู่เชียงคานนั้น นาธาน โอร์มาน ผู้นับถือศาสนาอิสลามและไม่กินหมู แต่ค่อนข้างเข้านอกออกในวัดแห่งหนึ่งในเชียงคานบ่อยมาก และมีความสนิทสนมกับเด็กวัดคนหนึ่งถึงขั้นพามานอนที่บ้านบ่อยครั้ง

ครบสูตรทำร้ายผู้มีพระคุณ ด่าคนแก่ หลอกเงินเด็ก ตุ๋นเงินพระ....

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“แอนนี่” ทิ้งภาพเซ็กซี่ลุ้นรับรางวัลแม่ดีเด่น เผยโดน “ฟิล์ม” ฟ้องม.ค.54ขึ้นศาล

“แอนนี่ บรู๊ค” โต้ดังแล้วเบี้ยวงาน แจงต้องเลือกงานงดภาพเซ็กซี่เพื่อรักษาภาพลักษณ์เป็นแม่คน หันหน้าช่วยสังคมรณรงค์ต่อต้านการทำแท้ง ลุ้นรับรางวัลแม่ดีเด่น รับถูก “ฟิล์ม” ฟ้องบอกศาลอยากให้ไกล่เกลี่ย แต่ตนขอปรึกษาทนายก่อน

เจอข้อหาดังแล้วเบี้ยวงานทันที สำหรับดาราสาวแม่ลูกอ่อน “แอนนี่ บรู๊ค” ที่หลังจากโด่งดังจากกระแสข่าวเกี่ยวข้องกับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ทำให้มีงานติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ซึ่งว่ากันว่าพอดังแล้วดาราสาวก็อาศัยจังหวะนี้อัพค่าตัวแพงหูฉี่ แถมยังตั้งกฎงดรับงานกลางคืนเพื่อรักษาภาพพจน์ให้ดูดี งานนี้เลยทำให้อีเว้นท์หนึ่งของเบียร์ยี่ห้อดังถูกหางเลข “แอนนี่” เบี้ยวงานเดินแบบกลางลานเบียร์ เมื่อไปสอบถามเจ้าตัวถึงเรื่องนี้ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างเพิ่งรู้คอนเซ็ปต์ต้องเดินแบบเซ็กซี่ ไม่เหมือนที่ตกลงไว้ตอนแรก เลยบอกปัดเพราะไม่อยากเสียภาพลักษณ์เป็นแม่คน

“ที่ไม่ได้ไปงานลีโอ เพราะตอนแรกที่พี่เขาติดต่อมาบอกว่าเป็นงานเดินแบบเฉยๆ แอนนี่ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนลานเบียร์ พอมารู้ใกล้ๆ วันงาน โดยส่วนตัวแอนนี่เดี๋ยวนี้จะรับงานอะไรก็ต้องดูหน่อย ต้องเลือกงานหน่อย ไม่ได้อยากจะเลือก แต่ว่ามันต้องเลือก"

"เพราะหนึ่งแอนนี่ก็เป็นแม่คนแล้ว ถ้าจะมาทำงานแบบไม่นึกถึงลูกมันก็ไม่ได้ค่ะ แล้วอีกอย่างภาพเซ็กซี่เราไม่ได้มีมา 5 ปีแล้ว เราทิ้งไปแล้ว ถ้าเกิดว่าจะต้องไปเดินแบบเซ็กซี่ หรืออะไรอีกก็คือไม่รับ กลัวเรื่องภาพลักษณ์ที่จะออกมาด้วย อีกอย่างนึงคือแอนนี่เพิ่งมารู้ดีเทลงานทีหลัง ถ้ารู้ก่อนก็อาจจะไม่ได้รับ มันไม่เหมือนกับที่เขาบอกไว้ ที่เป็นเดินแบบธรรมดา มันค่อนข้างจะเซ็กซี่หวือหวามาก ก็เลยยังไม่รับดีกว่า"

แอบลุ้นจะได้รับรางวัลแม่ดีเด่น เผยหันหน้าช่วยเหลือสังคมมากขึ้น กำลังรณรงค์ต่อต้านการทำแท้ง

"จริงหรือเปล่า (หัวเราะ) ถ้าได้ก็ดีใจนะคะ แต่ว่ายังไม่ได้มีผู้ใหญ่บอกว่าอะไรนะคะ แต่ว่าตอนนี้แอนนี่ก็รณรงค์เรื่องของคนทำแท้ง คือแอนนี่เห็นว่าเราพอจะช่วยได้ แอนนี่ก็เลยอยากช่วย คิดว่าถ้าเราจะมาช่วยตรงนี้ การที่เราจะทำงานอะไร เราก็ต้องเลือกนิดนึง"

ร่วมอนุโมทนาบุญกับ “พระฟิล์ม” พร้อมตั้งรับเรื่องคดีที่อีกฝ่ายฟ้องร้องมา เผยศาลอยากให้มีการไกล่เกลี่ย ขอปรึกษาทนายก่อน

"ภาพงานบวชของพระฟิล์มก็เห็นบ้างค่ะ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย ก็อยากให้การบวชครั้งนี้มีแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตเขา แล้วก็อยากให้ตั้งสติดีๆ แล้วก็ขอให้คิดได้"

"ส่วนชีวิตแอนนี่ตอนนี้ก็กำลังคลี่คลายไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็รอในเรื่องคดีที่เขาฟ้องมาค่ะ ก็ต้องเตรียมตั้งรับให้ดี ทางนักร้องเขาก็ฟ้องมาค่ะ แอนนี่ก็ตั้งรับ ถามว่าเครียดไหม คือมันเลยจุดนั้นมาแล้ว เลยมาจนไม่รู้จะเครียดทำไมแล้ว เครียดไปเราก็เหนื่อย 2 เดือนก่อนหน้านี้คือแบบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย แต่ตอนนี้คือปล่อยมันลง ถือว่ามันหนักมาก ก็ปล่อยมันไม่เป็นไร ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ อย่างวันนี้ก็เพิ่งไปซื้อเสื้อให้น้องมาเอง”

“แต่ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ศาลก็นัดมกราคม แต่ทางศาลอาญาอยากให้มีการไกล่เกลี่ย แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนึง (ไกล่เกลี่ยนี่รวมคดีที่เราฟ้องด้วยไหม?) อืมไม่ค่ะ เฉพาะคดีนี้คดีเดียว เพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของครอบครัว แอนนี่คิดว่าศาลท่านคงเห็นมันน่าจะคุยกันได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ท่านก็เลยอยากให้เกิดการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้น"

"ใจแอนนี่ตั้งแต่มีเรื่องจนถึงวันนี้ อยากให้มันจบลงด้วยดีอยู่แล้ว แต่ว่ามันมาถึงจุดนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะยังไง อีกใจก็ภาวนาขอให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เรื่องพร้อมไกล่เกลี่ยก็ต้องอยู่ที่ทนายค่ะ เดี๋ยวปรึกษาทนายอีกทีนึงว่าคิดเห็นยังไง เพราะว่าการไกล่เกลี่ยมันมีอะไรมากกว่านั้น ต้องดูก่อน”

เผยเพิ่งกลับไปร่วมงานกับเวิร์คพ้อยท์ฯ ถ่ายรายการ “ชิงช้าสวรรค์” เหมือนเดิม ลุ้นจะได้เล่นละคร แย้ม “น้องคากิ” ลูกชายมีพัฒนาการเร็ว บอกสงสัยอยากรีบโตมาเลี้ยงแม่

“เรื่องงานก็มีเข้ามา อย่างตอนนี้ก็ได้ไปทำงานที่เวิร์คพ้อยท์ ก็เพิ่งกลับไปทำรายการ ชิงช้าสวรรค์ มาเมื่อวานซืน ซึ่งคนดูที่เขาติดรายการอยู่แล้ว เขาก็คิดถึงบอกว่ากลับมาแล้วก็ดีใจ แอนนี่กลับไปก็ไม่ต้องปรับอะไรมาก จูนติดเหมือนเดิมเพราะว่าเล่นมา 4-5 ปีแล้ว ส่วนงานละครก็ยังรออยู่ แต่ก็มีติดต่อเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังรอทางทีมงานตัดสินใจ ”

“ตอนนี้น้องคากิเริ่มจำหน้าเราได้แล้ว เพราะเลี้ยงเขามาตั้งแต่แรกคลอด พัฒนาการตอนนี้เขาจะนั่งแล้วไม่ยอมพลิกคว่ำ ข้ามขั้นตอน สงสัยอยากโตรีบมาเลี้ยงแม่ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ชินกับการเป็นแม่แล้ว รู้ว่าจะต้องตื่นกี่โมง ทำอะไรบ้าง แต่เขาเลี้ยงง่ายขึ้น เรื่องงอแงก็มีบ้าง ร้องจะเอาของเข้าปาก ตอนนี้ก็รู้สึกยังเครียดบ้าง เพราะเราต้องตื่นเช้า กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน เลี้ยงทั้งวันก็เหนื่อยบ้าง ถ้าเราไปทำงานก็จะมีป้ามาช่วยดูแล เอาป้ามาอยู่ด้วยค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“เมเปิ้ล” ยอมขอโทษ “ออย” จบศึกเต้าฟัดเต้า โต้ฮั้วกันปั่นกระแสกินเกาเหลา

“เมเปิ้ล” ปัดหนีสื่อเพราะไม่อยากสัมภาษณ์คู่ “ออย” อ้างมีงานต้องรีบไปต่อ ยอมเอ่ยปากขอโทษดาราสาวรุ่นพี่ผ่านสื่อ ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ส่วนตัว บอกอากาศร้อนเลยหงุดหงิด เปล่าหาเรื่องหรือเหวี่ยงใส่ ทั้งยังโต้ฮั้วกันปั่นกระแสกินเกาเหลา

เป็นศึกเกาเหลาเต้าชนเต้า ระหว่างนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ “เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์” ที่เปิดศึกเขม่นดาราสาวเซ็กซี่รุ่นพี่ “ออย ศรุตา เรืองวิริยะ” หลังไปร่วมพิธีอาบน้ำแสงจันทร์เพื่อเป็นสิริมงคล ที่สำนักอาจารย์เม้ง ขุนแผน แล้วไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายเอาเท้าเขี่ยขณะกำลังทำพิธี ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ไปปะทะหน้ากันแบบจังๆ ในงานอีเว้นท์หนึ่งมาแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือยืนถ่ายภาพคู่ โดย “เมเปิ้ล” เป็นฝ่ายหนีกลับไปก่อน ปล่อยให้ “ออย” ต้องตอบคำถามสื่อเพียงคนเดียว ล่าสุดมีโอกาสเจอสาวแม็กซิมอีกครั้ง เจ้าตัวเลยรีบแก้ต่างว่าครั้งก่อนเปล่าหนี อ้างมีงานต้องรีบไปต่อ

“คือเมื่องานคราวที่แล้ว มีคนโทรมาเยอะมาก พี่นักข่าวก็โทรมา จริงๆ วันนั้นไม่ได้หนี วันนั้น 3 ทุ่มครึ่งเปิ้ลต้องไปถ่ายรายการ เอกเขนก แล้วพี่โบ ธนากร รอเปิ้ลอยู่ที่ทองหล่อ แล้วเวลาเลทมาเยอะมากแล้ว เปิ้ลก็เลยต้องรีบไป ซึ่งวันนั้นไม่มีใครได้สัมภาษณ์ เพราะเปิ้ลเสร็จงานก็ไปเลย”

“ถามว่าเป็นเพราะไม่อยากสัมภาษณ์คู่ออยหรือเปล่า อืมไม่อยากให้บอกว่าไม่สัมภาษณ์คู่ คือพอทำงานเสร็จมันไม่มีเวลาแล้ว เพราะมันเลทมาชั่วโมงนึงแล้ว เปิ้ลก็เกรงใจพี่โบ เพราะเขามารอเปิ้ลที่ร้านตั้งแต่ 3 ทุ่ม กว่าเปิ้ลจะไปก็ 4 ทุ่มแล้ว”

เอ่ยปากยอมขอโทษดาราสาวรุ่นพี่ เพราะถือว่าตนเป็นรุ่นน้อง ปัดฮั้วกับอีกฝ่ายช่วยกันสร้างกระแสข่าว

“วันนั้นเรื่องของเรื่องคือ มันไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องทะเลาะกัน เพียงแค่คนเยอะและอากาศก็ร้อนด้วย ยังไงก็ขอโทษพี่เขาแล้วกัน ในสิ่งที่เปิ้ลทำไม่ดี เพราะวันนั้นเปิ้ลก็ไม่ได้ทำอะไรใส่ เพียงแต่ว่าอากาศมันร้อน พอโดนกันนิดหน่อย ก็โอ๊ย (เสียงสูง) เปิ้ลเป็นคนที่แบบว่าถ้าหงุดหงิดหน้าจะไปก่อนเลย จริงๆ ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ได้ไปด่าหรือว่าอะไรพี่เขาเลยสักนิดเดียว ซึ่งมันไม่ใช่การเกาเหลากันนะ แล้วมันไม่ใช่เรื่องน่าฮั้วกันเลย ไม่ใช่เรื่อง มันไร้สาระมาก”

“เปิ้ลยังไม่ได้คุยกับพี่เขา ถ้ามีโอกาสก็จะคุย วันนั้นที่ไปร่วมงานเดียวกัน ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ยังไงก็ต้องขอโทษพี่ออยแล้วกัน ในฐานะที่เปิ้ลเป็นรุ่นน้องกว่า ถ้าไปแสดงสีหน้าหรืออารมณ์ไม่ดี เพราะวันนั้นคนเยอะมาก เป็นใครก็คงอารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน”

“เปิ้ลคงไม่ต้องโทรไปเคลียร์อะไรแล้ว คิดว่าถ้าบอกอย่างนี้แล้วเขาก็คงจะโอเคแล้วนะ ถ้าเขารู้ข่าว หนูไม่ต้องโทรไปเคลียร์ก็ได้ มันก็น่าจะโอเค ก็อยากฝากบอกพี่เขานิดนึงว่า จริงๆ แล้วเปิ้ลไม่ได้ไปเหวี่ยงใส่เลย อย่างที่บอกคือแค่สีหน้าเท่านั้นเอง บางคนไม่เข้าใจเวลาเราไม่ยิ้มหรือไม่พูดคุย ยืนยันว่าไม่ได้หาเรื่องค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“โบวี่” เลิกเหนียมโชว์แดนซ์ฉีกทุเรียน มั่นเซฟดีหวอไม่โผล่

“โบวี่ อัฐมา” โชว์สเต็ปแดนซ์สุดเซ็กซี่ ฉีกขาเต็มที่ไม่หวั่นของดีโผล่ มั่นใจเซฟมาดี เผยลงทุนจ้างอาจารย์พิเศษสอนเต้นเซ็กซี่แดนซ์โดยเฉพาะ เผื่อเปิดรับงานหลากหลายในอนาคตข้างหน้า เมินคนมองนับวันยิ่งทำตัวแรง
ปกติจะเห็นดาราสาว “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” รับแต่งานอีเว้นท์จำพวกโชว์ตัว เดินแบบหรือร้องเพลงบ้างประปราย แต่ล่าสุดทำเอาหลายๆ คนต้องทึ่งกับความสามารถใหม่ของเธอ ที่มาโชว์ลีลาเซ็กซี่แดนซ์กระจายในงานแรลลี่ฉลองครบรอบ 1 ปีของนิตยสาร PARTYYEAR BOOK ที่จัดขึ้นบริเวณริมสระว่ายน้ำของโรงแรม อาคา รีสอร์ท กุฏิ หัวหิน

โดยงานนี้สาว “โบวี่” ทุ่มสุดตัวโชว์ลีลาท่าเต้นทั้งยกแข้งยกขา ฉีกทุเรียน แอ่นก้นกระดก แสดงสายตาสุดเย้ายวนร้อนแรง ทำเอาหนุ่มๆ ร้องวิ้ดวิ้วซี้ดปากกันเป็นแถว ภายหลังโชว์เสร็จดาราสาวยอมรับว่าตื่นเต้นมากกับการเต้นครั้งนี้ แต่ไม่กลัวมีภาพไม่งามหลุดออกไป เพราะเซฟอย่างดี

“ตื่นเต้นมากเลยค่ะ แต่ก็ทำเต็มที่นะคะ เพราะโบไปเรียนเต้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย ก็สนุกดีนะคะ(หัวเราะ) ที่ออกเซ็กซี่หน่อย เพราะธีมเขาอยากได้เซ็กซี่ เราก็โอเคจัดให้ แต่เซฟตัวเองดีมากค่ะ ข้างในก็ใส่กางเกงขาสั้น คิดว่าป้องกันมาดีแน่นอน และใส่ชุดนี้ซ้อมเต้นหลายรอบด้วย คือมีการซื้อพล็อบ ซื้อเสื้อผ้าทุกอย่างใส่ซ้อมเพื่อที่จะแสดงจริง ไปซ้อมกับอาจารย์อยู่หลายครั้งค่ะ ซึ่งถ้าหลุดก็คงจะเป็นในเรื่องของท่าทางการเต้นมากกว่า แต่ถ้าหลุดอย่างอื่นเช่นท่ายกขา เราก็ใส่กางเกงขาสั้นเซฟไว้อยู่แล้ว”

“เนื่องจากมันเป็นเซ็กซี่แดนซ์ โบว่ามันก็เลยเซ็กซี่ได้เต็มที่ เพราะมันคือการแสดง มันคือการเต้น ไม่ใช่แค่ออกมาแล้วทำท่าว่าจะถอดเสื้อ แต่เราสื่อสารมันออกมาทางการแสดง ก็คือการแดนซ์โชว์ จริงๆ โบก็ชอบนะ สนุกดี ก็ถ้ามีคนจ้างอีกก็ยินดีค่ะ เพราะว่าหมดค่าเรียนเต้นไปเป็นหมื่นจะได้คุ้มๆ (หัวเราะ) ก็มีคุยกับอาจารย์ที่สอนไว้แล้วว่าจะเรียนท่าอื่นๆ ต่อ เผื่อว่ามีงานจะได้มีเพลงออกมาโชว์ได้เลย มีหลายๆ เพลงให้เลือก ไม่ใช่ว่างานน้อยลงนะคะถึงได้กล้าทำแบบนี้ ช่วงนี้งานเยอะกว่าทุกช่วงของปี เดือนที่ผ่านมางานอีเว้นท์เยอะมากค่ะ อาจจะเพราะมีภาพยนตร์ออกมาติดๆ กันด้วย”

ประกาศรับงานประเภทแดนซ์โชว์เต็มที่ ไม่หวั่นคนมองนับวันยิ่งทำตัวแรง

“ถ้างานประเภทแดนซ์โชว์อย่างนี้ ถ้าลูกค้าสนใจและเรียกไปทำก็ยินดีนะคะ (หัวเราะ) เพราะถือว่าเป็นงานๆ นึง ที่มีกระแสว่าโบดูแรงขึ้น โบไม่ได้กังวลถึงกระแสตรงนั้นเลยค่ะ เพราะเวลาโบมาทำงานก็รู้สึกว่า เราต้องทำงานของเราให้เต็มที่ อย่างงานแสดงหรือพิธีกร หรือออกงานอีเว้นท์บางงานที่ให้ร้องเพลง โบก็ไปเรียนร้องเพลงมา โบคิดว่าเราต้องเต็มที่กับทุกงาน แล้วงานนี้ก็รีเควสมาว่าต้องเป็นเซ็กซี่แดนซ์โชว์ เราก็อยากจะทำเต็มที่ให้ออกมาดีที่สุด โบมองแค่นี้มากกว่า ส่วนที่คนจะมองว่าแรงหรือไม่แรง โบไม่ซีเรียส เราแค่ทำงานในส่วนของเรา”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“อุ้ม -ใหม่- ครี” ประชันหวิวถ่ายปฏิทินน้ำมันเครื่อง โวไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่ใช่แอลกอฮอล์

“อุ้ม- ใหม่- ครี” แฮปปี้ถ่ายปฏิทินหวือให้น้ำมันเครื่องชื่อดัง บอกอยากมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทย ยันเซฟอย่างดีไม่เปลือยล่อนจ้อน ลั่นไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่น้อมรับกระแสต่อต้าน โดยเฉพาะเสียงจวกจาก “เจ๊เบียบ”

 
กินกันไม่ลงจริงๆ สำหรับ 3 สาวสุดเซ็กซี่ของวงการ ที่มาร่วมสร้างความฮือฮาในการสลัดผ้าถ่ายปฏิทินหวือให้กับน้ำมันเครื่อง ZIC MOTOR OILเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ต้อนรับปีค.ศ 2011 โดยทั้ง 3 นางแบบสาว “อุ้ม ลักขณา วัธนวงศ์สิริ”, “ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร” และ “ครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา” ที่เคยทำหนุ่มๆ น้ำลายหกกันเป็นแถว กับการถ่ายปฏิทินเบียร์ดังมาแล้ว ได้เปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจถ่ายปฏิทินสุดวาบหวิวเซ็ตนี้ว่า

อุ้ม : “ที่ตัดสินใจถ่ายปฏิทินชุดนี้ ก็เหมือนกับเป็นของขวัญปีใหม่ แล้วอีกอย่างเราก็คุยคอนเซปต์ เพราะยี่ห้อเขาดังมากในเกาหลี ซึ่งพรีเซ็นเตอร์ที่เกาหลีเป็น เรน เลยนะ เราก็เลยรู้สึกว่าเหมือนเป็นตัวแทนของคนไทย ผู้หญิงกับรถมันก็เหมือนเป็นของคู่กัน เพราะสมัยนี้ผู้หญิงมีความคล่องมีความทันสมัย ทีมงานที่เราร่วมงานด้วยก็ไว้ใจ เราก็แค่อยากมีของขวัญสักชิ้นหนึ่ง”

“ตัดสินใจนานไหม มันก็คนละแบบกับการถ่ายของลีโอ เราก็ยังไม่เคยถ่ายแบบนี้เลย ก็คุยกับแม่กับพ่อ แล้วก็คุยเรื่องคอนเซปต์กับทีมงานที่เราไว้ใจและสนิทอยู่แล้ว เราเชื่อว่ามันจะออกมาสวย ไม่ดูโป๊ ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็จะออกแนวโชว์ผิวๆ รูปร่างนิดนึง แบบสปอร์ตก็มี นุ่มนวลก็มี จะเป็นหลายๆ แนวมากกว่า”

ครี : “อย่างของครีเขาจะวางคาแรคเตอร์ให้เป็นสาวสังคม ดูออกแนวหวานหน่อย จะฉีกแนวไปจากลีโอ มันเหมือนฉีกคาแรคเตอร์ไปเลย การทำงานก็ค่อนข้างแฮปปี้มาก สนิทกับทีมงานด้วยมันเลยไม่ต้องชั่งใจ เรารู้อยู่แล้วว่างานต้องออกมาดี ก็ตัดสินใจไม่นานเลย ครีคิดว่ามันน่าสนใจมาก”

ใหม่ : “คอนเซปต์ของใหม่จะออกแนวมีหลายอารมณ์ เลยเหมือนเป็นการถ่ายทอดของมุมหวาน ดูอ้อนแอ้น ดูแล้วเหมือนเด็กอินโนเซ้นท์ ดูเหมือนจะไร้เดียงสา แบ๊วๆ ใสๆ เด็กเกิน (หัวเราะ) แต่ใหม่แฮปปี้นะ มันดูเป็นตัวเองมากขึ้นเลยสบายใจ มันไม่เหมือนเป็นการถ่ายปฏิทิน ทำให้ทุกคนรู้จักตัวตนเรามากขึ้น แล้วใหม่เองก็เหมือนเป็นนักแข่งรถอยู่แล้ว ก็เลยเหมือนเป็นตัวแทนผู้หญิงด้วย”

“ใหม่เองก็รู้สึกดีกับยี่ห้อของเขาด้วย ได้ลองศึกษาหาข้อมูลมา คือยี่ห้อเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีระดับ แล้วตัวใหม่ชอบทำงานแบบมีระดับอยู่แล้ว ก็เลยทำให้ผลงานของเราออกมาไม่ค่อยกลุ้ม ก็เพิ่งได้เห็นปฏิทินเมื่อสักครู่เอง แต่สำหรับใหม่มีลิมิตในการถ่ายนะ ขอไว้เพราะเราเองก็ถ่ายมาเยอะแล้วแนวปฏิทิน”

อุ้ม : “ทุกคนมีลิมิตมีคอนเซปต์ว่าได้แค่ไหน”

ใหม่ : “แต่ละคนสวยเหมือนกัน เซ็กซี่เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกัน ไม่มีใครสวยไปกว่ากัน เรารวมตัวกันได้เป็นอย่างดี”

อุ้ม : “อย่างของอุ้มกับครีอาจจะดูโป๊หน่อย แต่มันมีวิธีเทคนิคการถ่ายทำ เราไม่ได้โป๊เปลือย เซฟอย่างดีมาก ไม่ได้ถอดออกหมด เราก็มีอะไรปิดไปมันเป็นเทคนิคการทำงาน เราก็จะรู้กันเอง ส่วนเรื่องค่าตัวเอาเป็นว่าสมน้ำสมเนื้อดีกว่า”

ครี : “ตอนถ่ายไม่ได้เปลือยหมดแน่นอนค่ะ”

ส่วนเรื่องกระแสต่อต้านที่หลายคนมองว่า การถ่ายปฏิทินเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทั้ง 3 สาวลั่นไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถึงจะผิดกฎหมาย แต่ยินดีน้อมรับทุกกระแส โดยเฉพาะการจวกจาก “เจ๊แดง ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช”

ครี : “ขอพูดตรงนี้เลย ปีที่แล้วเราโดนเต็มๆ เลย คือว่าปฏิทินตอนที่เราไปขึ้นสภากัน เขาบอกว่าถ้าจั่วหัวว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสุรา คือปัจจุบันของแบบนี้มันโฆษณาทางตรงหรือทางอ้อมไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาพูดเลยว่า ถ้าเป็นปฏิทินหวือหวาต่างๆ เปลี่ยนโลโก้เป็นสินค้าอย่างอื่น ไม่มีผิดกฎหมายแน่นอน ไม่เกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย อันนี้ถือว่าถูกกฎหมายแน่นอน สามารถแจกได้ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างไม่มีกำหนด เขากำหนดเฉพาะประเภทสุราเท่านั้น”

ใหม่ : “คิดว่าปฏิทินสมัยนี้มีทัศนคติให้กับผู้บริโภค มันเหมือนเป็นของขวัญ เราไม่ได้ทำออกมาด้วยความอนาจารหรือว่าโป๊ เพราะคำว่าโป๊ของใหม่คือการไม่ใส่เสื้อผ้า อยากจะให้เปลี่ยนการมองพวกเรา ดูเหตุผลมากกว่าดูภาพ แล้วมันจะมีอะไรที่ทำให้สนุกกับการดูมากขึ้น”

อุ้ม : “สำหรับกระแสก็ต้องมีอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบหรืออะไรก็แล้วแต่ กระแสมันต้องอยู่คู่กับดารา นักแสดงอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องยอมรับทุกกระแส เราทำงานตรงนี้ก็รู้ว่ามันต้องมีทั้งคนชอบ แล้วคนไม่ชอบ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบเราต้องรับเอาไว้”

ครี : “ถ้าคุณระเบียบรัตน์ออกมาตำหนิ ครีเชื่อว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้ามันมีเหตุการณ์แบบนั้นพวกเราคงทำได้แค่น้อมรับอย่างเดียว คงทำอะไรไม่ได้ เราก็เป็นนักแสดงที่ถูกจ้างมาอีกที ไม่ได้มาตอบโต้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น นี่คือพื้นที่ของนักแสดงกลุ่มหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่จะมาเป็นประเด็น เอามาพูดกันเอาเป็นเอาตายเหมือนครั้งที่แล้ว เลยอยากฝากไว้ว่ามีเรื่องที่สำคัญของบ้านเมืองอีกมากมาย อยากให้ไปตรงนั้นมากกว่า เราก็เป็นแค่ส่วนบันเทิงที่อยากทำให้คนไทยสดชื่นมากกว่า”

อุ้ม : “ถ้าเป็นกระแสจากคนรอบข้างและครอบครัว ไม่หนักใจเลยนะ คนรอบข้างเห็นแล้วก็ชมมากกว่า เราไม่ได้ทำสีหน้าท่าทางเย้ายวนเชิญชวน ที่ดูแล้วทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ มันไม่ใช่”

ใหม่ : “ใหม่ว่ามันอยู่ที่ความคิดนานาจิตตังของแต่ละคนมากกว่า ถามว่าคุณดูไหม ซึ่งคุณก็ยังบริโภค เพราะฉะนั้นก็ต้องขอขอบคุณทุกกระแสมากกว่า ใหม่จะไม่ดูถูกความคิดของทุกคน เราเองก็ไม่ได้มีความคิดที่ดีเสมอไป ใหม่ก็ยอมรับและเคารพในสิ่งที่ทุกคนตักเตือนทั้งหมด แล้วก็อยากให้มองถึงผลงานมากกว่า เสื้อผ้าที่เราใส่ออกมาทำงาน ต้องมีการแยกแยะกันนิดนึง”





ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

Stone สโตน

ตัวอย่างหนังเข้าใหม่หนังก่อนโรงจาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ
Stone

ชื่อไทย สโตน
ประเภทหนัง Drama/Thriller
ผู้กำกับ John Curran
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 23 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Robert De Niro, Edward Norton, Milla Jovovich

Stone สโตน | เรื่องย่อ
Parole officer Jack Mabry (Robert De Niro) has only a few weeks left before retirement and wishes to finish out the cases he's been assigned. One such case is that of Gerald "Stone" Creeson (Edward Norton), a convicted arsonist who is up for parole. Jack is initially reluctant to indulge Stone in the coarse banter he wishes to pursue and feels little sympathy for the prisoner's pleads for an early release. Seeing little hope in convincing Jack himself, Stone arranges for his wife Lucetta (Milla Jovovich) to seduce the officer, but motives and intentions steadily blur amidst the passions and buried secrets of the corrupted players in this deadly game of deception.

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Tron Legacy ทรอน ล่าข้ามอนาคต

ตัวอย่างหนังเข้าใหม่หนังก่อนโรงจาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ
Tron Legacy

ชื่อไทย ทรอน ล่าข้ามอนาคต
ประเภทหนัง Sci-Fi/Fantasy/Action
ผู้กำกับ Joseph Kosinski
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 23 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Jeff Bridges, Garrett Hedlund, Bruce Boxleitner, Michael Sheen, Olivia Wilde, Beau Garrett, John Hurt


Tron Legacy ทรอน ล่าข้ามอนาคต | เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัย 3 มิติ สุดไฮเทคในโลกดิจิตอลที่คุณไม่เคยได้เห็นมาก่อนในโลกภาพยนตร์ แซม ฟลินน์ (การ์เรตต์ เฮดลันด์) เด็กหนุ่มหัวดื้อวัย 27 ที่ยังค้างคาใจกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของพ่อของเขา เควิน ฟลินน์ (ดาราเจ้าของรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำ เจฟฟ์ บริดเจส) ผู้ที่ทุกคนรู้จักดีในนามของผู้พัฒนาเกมชั้นนำระดับโลก แซมเริ่มค้นหาต้นตอของสัญญาณประหลาดที่ถูกส่งมาจากศูนย์เกมของพ่อเขา สัญญาณที่พ่อของเขาเท่านั้นที่จะส่งมาได้ เขากลับถูกดึงเข้าไปสู่โลกดิจิตอลที่เควินถูกขังมานานกว่า 20 ปี และด้วยการช่วยเหลือจากนักรบผู้กล้าหาญ ควอร่า (โอลิเวีย ไวลด์) สองพ่อลูกจึงออกเดินทางไปสู่การผจญภัยที่มีความเป็นและความตายเป็นเดิมพัน ในจักรวาลไซเบอร์อันน่าตะลึง จักวาลที่ถูกสร้างขึ้นโดย เควิน ฟลินน์ นั่นเอง มันได้พัฒนาไปไกลเกินว่าจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น ภาหนะ, อาวุธ, สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงจอมวายร้ายที่ไม่มีอะไรมาหยุดมันจากการไล่ล่าสองพ่อลูกจากการหลบหนีได้

Fugitive จะไม่ขยายตอน แต่จะออกอากาศตอนพิเศษต่อจากตอนจบ

Drama และ Yoseob ในมิวสิควีดีโอเพลง ‘First Snow and First Kiss’

S.M. THE BALLAD ปล่อยมิวสิควีดีโอ ‘Miss You’ ออกมาแล้ว

Park Hyo Shin มีกำหนดเข้ารับใช้ชาติ 21 ธันวานี้

So Ji Sub ถ่ายแบบให้สมาร์ทโฟนตัวใหม่ Take

Yes or No อยากรัก ก็รักเลย

ตัวอย่างหนังเข้าใหม่หนังก่อนโรงจาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ
Yes or No

ชื่อไทย Yes or No อยากรัก ก็รักเลย
ประเภทหนัง Romantic/Comedy
ผู้กำกับ สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 16 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง อริสรา ทองบริสุทธิ์, ศุภนาฎ จิตตลีลา, สุชารัตน์ มานะยิ่ง, สรณัฐ ยุปานันท์

Yes or No อยากรัก ก็รักเลย | เรื่องย่อ
พาย (ออม-สุชารัตน์) สาวน้อยแสนหวาน ดาวเด่นของมหา’ลัย ต้องย้ายออกจากห้องของหอพัก นศ.หญิง เพราะสุดจะทนกับเพื่อนร่วมห้องเก่าอย่าง เจน (ดิว-อริสรา) สาวสวยเซ็กซี่อารมณ์สุดแปรปรวน การย้ายห้องเพื่อหนีปัญหาของเพื่อน ทำให้พายเองก็ต้องเจอกับรูมเมทคนใหม่อย่าง คิม (ติ๊นา-ศุภนาฎ) เด็กคณะเกษตรฯ หน้าตาน่ารักแถมเท่ห์จนเหมือนผู้ชายมาก..การมาเรียนวันแรกที่นี่ของคิม ทำให้ เจน ที่กำลังเฮิร์ทจากแฟนทอมคนเก่า กลับมามีชีวิตสดชื่นทันที

แต่ พาย เธอกลับตั้งแง่ใส่ คิม ตั้งแต่วันแรกที่เจอ เพราะเธอไม่ชอบทอมบอยเท่าไหร่นัก แต่ด้วยนิสัยของคิมที่เป็นคนชอบเทคแคร์ การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องเล็กๆ ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้กัน สนิทกันมากขึ้น....จนเกิดความรู้สึกพิเศษเกินเพื่อน พาย เริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจตัวเอง ส่วน คิม ก็สับสนและคิดไม่ต่างจากพายเท่าไหร่นัก..

การมาอยู่หอพักในมหา’ลัยของ พาย นั้นได้รับการดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดีจากหนุ่ม แวน (บอล-สรณัฐ) ชายหนุ่มมาดเท่ห์ อบอุ่น โรแมนติกและใจดี ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ แวน ได้รับไฟเขียวจากครอบครัวของพาย โดยเฉพาะแม่ของพาย ที่คาดหวังว่าพาย และแวน จะได้เป็นแฟนกัน และแน่นอน แวน นั้นแอบรักพายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...

เรื่องราว ความรักของทั้งสี่ คน มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่สังคมเข้าใจ ความวุ่นวาย สับสน ในใจของ เธอและเธอ บทสรุปแล้ว..มันจะเป็นอย่างไร...???

เพราะคำว่า รัก...เกิดขึ้นกับใครก็ได้ กับเพศไหนก็ได้ ...เพราะสุดท้ายรักก็คือ รัก!!!

“แม่บุญธรรม” พาญาติแจ้งความแล้ว เผยโดน “นาธาน” หลอกทั้งโคตร ทิ้งแต่ กกน.ไว้ให้ดูต่างหน้า

“แม่บุญธรรม” พาญาติไปแจ้งความแล้ว เผย โดน “นาธาน” หลอกทั้งบ้าน พ่อแม่โดนหลอกให้ขายวัวขายควาย น้าโดนไป 7 แสน ขนาดเด็กก็ยังหลอกเอาเงินไปซื้อโรตี สุดแสบเหลือแต่ กกน.ให้ดูต่างหน้า
 
กางเกงในที่นาธานทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

จากที่เคยรักกันปานจะกลืนกิน ถึงขั้นเอาตำแหน่งหน้าที่การงานมารับประกัน “นาธาน โอร์มาน” ไม่ว่านาธานจะมีเรื่องกับใคร “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมสุดที่รักของนาธาน ก็จะตามไปปกป้องเสมอ หลายๆ คนคงจะจำกันได้ดีกับวีรกรรมรักลูกบุญธรรมสุดตัวในกรณี “แม่บ้านสมาน สุขเสริม”

แต่ล่าสุด เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับแม่บ้านสมาน และครอบครัวก็มาเกิดกับครอบครัวของครูแหม่มจนได้ หลังจากที่ครูแหม่มพานาธานมาอยู่ที่เชียงคาน บ้านเกิดของครูแหม่ม เพื่อจะลงหลักปักฐานสร้างรีสอร์ตให้นาธานเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายครอบครัวของครูแหม่มเองกลับจบเห่ พ่อแม่ก็โดนหลอกให้ขายวัวขายควาย “สิทธิพร โคตรอุดมพร” หรือ “น้ามด” ญาติของครูแหม่ม ก็โดนหลอกให้เอาเงิน 7 แสนกว่าบาทโดยอ้างว่าจะไปทำทัวร์ และอีกหลายคนที่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวเพราะไม่อยากจะมีเรื่องมีราว

และเมื่อเช้านี้เวลา 09.00 น.ครูแหม่ม และน้ามด ก็ได้เดินทางมาที่ สภ.เชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงกับนาธาน โดยน้ามดได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า......
“วันนี้จะมาแจ้งความ ว่า นาธาน ฉ้อโกง เขาบอกว่า จะพาไปทำทัวร์ต่างประเทศ เราก็เอาเงินสดใส่มือเขาเลย ไม่มีหลักฐานอะไรเลย เขามีแต่บอกว่าเอาเงินมาให้ และเขาจะเป็นคนทำ จะติดต่อประเทศนั้นประเทศนี้เอง จะเอาเงินไปเสียภาษี เราก็ทำอะไรไม่เป็น เขาก็เป็นคนดำเนินเรื่องหมด หนังสือเราก็เขียนไม่ค่อยได้ ก็เลยไม่มีหลักฐานอะไร มีแต่โฉนดนี่แหละ เอาโฉนดเอาบ้านไปจำไว้ 2.4 แสน และก็ไปขายที่อุทัยธานี 1 แสนกว่าบาท แล้วก็ไปยืมประกันชีวิตของออมสิน 1.4 แสน เปียแชร์อีก 1 แสน เขาชวนว่า จะไปทำทัวร์ต่างประเทศเกือบ 20 ประเทศ เขาบอกว่า เรารวยกันสองคนนะ ไม่ต้องไปบอกลูกไม่ต้องไปบอกแม่แหม่ม เขาเอาไปตั้งแต่หลังสงกรานต์ และก็มาเรื่อยๆ”

“ระหว่างนั้นก็จะมีผู้หญิงบอกว่า ชื่อ คุณก้อย เป็นคนโทร.มาประสานงาน เขาจะคอยโทร.มาบอกว่า ตอนนี้มีทัวร์เข้าแล้วนะ 20 คน มาจากประเทศเนปาล ออสเตรเลีย 30 คน ต้องใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ เขาก็บอกว่า ให้เอาเงินให้นาธานไปเลย นาธานจะเอาเงินไปจองตั๋ว และดำเนินการทุกอย่าง เราก็หาเงินให้เขา”

“พอทำไปซักพัก เราก็บอกว่า ไม่มีตังค์แล้ว อยากจะหยุดทำแล้ว นาธาน ก็บอกว่า ถ้าไม่ปิดจ็อบทัวร์ก็จะไม่ได้งานที่ลงทุนไป สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่าจะเอาบ้านไปจำ ร้อยละ 4 เพราะเขาบอกว่า อีก 12 วันจะได้ตังค์คืนหมดเลย รวมแล้วเขาเอาเงินไปทั้งหมด 7 แสนกว่าบาท เราช่วยเหลือเขาตั้งแต่เรื่องของคุณเต็ม สร้อยคอก็ถอดไปจำนำให้ นี่ไม่รวมที่ให้ไปแบบเสน่หาให้ทีละ 500 ทีละ 1,000 ไม่คิด เพราะตอนนั้นให้เขาด้วยความรัก ให้เขาเพราะตาบอด ยอมรับว่า ตัวเองโง่เพราะอยากรวย พอเขาบอกว่า เราต้องรวยแน่ๆ น้ามด ทำทัวร์รวย เราก็ไม่รู้เรื่องหาเงินให้เขาอย่างเดียว”

“นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังเอาเงินในเอทีเอ็มไปอีก นาธาน บอกว่า เงินเข้าแล้วนะ 340,000 เราก็บอกว่า เราทำไม่เป็น ก็ให้เขาเอาเอทีเอ็มไปกดนะลูกนะ จะเอาเงินไปไถ่บ้าน เราบ้านนอกทำไม่เป็น ปรากฏว่า เงินในบัญชีมี 3,000 บาทเขายังกดเอาไปหมดเลย นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังหลอกให้เราไปค้ำประกันรถให้อีก บอกว่าจะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์รถให้ไปเซ็นค้ำให้”

“พึ่งจะมารู้ความจริงวันที่ 25 เดือนที่ผ่านมานี่แหละ เขาบอกทัวร์เจ๊งแล้วนะน้ามด เงินของเราก็เลยสูญหมด ตอนนี้ไม่มีเงินเลย ต้องหาเงินไปไถ่บ้าน วันนี้ก็ครบวันที่จะต้องจ่ายหนี้บ้านที่ไปจำเดือนละ 8,000 บาท เขาก็บอกว่าเขาจะหาเงินมาใช้ให้ แต่มันรอไม่ได้แล้ว เพราะเราเอาบ้านไปขายฝากมันจะหมดสัญญาวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องมาแจ้งความ”

ด้าน “ครูแหม่ม” เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่เคยปกป้อง “นาธาน” แต่วันนี้ต้องเป็นคนมาแจ้งความซะเอง แฉโดนหลอกทั้งบ้าน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก วอนกลับตัวอย่าไปหลอกคนอื่นอีก
“รู้สึกไม่ค่อยดีที่เคยปกป้อง แต่วันนี้ต้องเป็นคนมาแจ้งความอีก เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ทำให้ครอบครัวเราหายนะ อยากให้นาธานหยุดหลอกลวงคนอื่น อย่าหลอกลวงประชาชน อยากให้เขาตั้งใจทำมาหากิน อย่าไปลอกลวงคนอื่นเลย วาทศิลป์ของเขาอยากให้เอาไปใช้ในทางที่ดี รู้ว่าไม่มีใครสอนเขาได้ แต่อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา”

“น้ามดเขาก็ไม่ได้รวยหาเช้ากินค่ำ เขาดูแลนาธานหาให้กินตั้งแต่เช้ายันค่ำ ดูแลดียิ่งกว่าลูก ขนาดลูกตัวเล็กๆ ของน้ามด ก็ยังเอาเงินให้นาธานไปซื้อโรตีกิน ญาติๆ หลายๆ คนถึงจะมีกระแสข่าวอย่างไรก็ให้กำลังใจเขา เขาบอกโดนหลอกทุกคน ก็บอกว่าไม่เป็นไรก็ให้โอกาสเขา”

“แต่กลับมาทำกันแบบนี้ ตอนนี้น้ามดไปทำงานไม่ได้ เพราะต้องหลบเจ้าหนี้ ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน คนต่างจังหวัดจิตใจดี มีแต่บอกให้เขาสู้นะลูก แต่ทำไมเขาอำมหิตมากเลย มาหลอกเงินหมดเลย เงินค่าเทอมหลาน ขนาดเงินขวัญถุงวันแต่งงานของน้ามดก็เอาไปหมด อยากจะบอกว่าสิ่งที่นาธานทำหยุดได้แล้ว อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเลย รู้ว่าจิตสำนึกนาธานไม่หยุดนิ่งหรอก รู้ว่าเขาคงโกรธครูแหม่ม แต่อยากให้เขาหยุดซักที”

“น้ามดอุตส่าห์รัก เขามีความเอื้ออาทรให้ แต่กลับมาหลอกเขา มาหลอกเขาทำทัวร์พูดอยู่ทุกวัน เขาไม่ทำก็หลอกให้ทำ น้ามดเห็นนาธานทำหน้าเศร้า ไม่มีเงินหรอเอาเงินใส่มือให้ตลอด นาธานงานไม่ได้ทำ ดูดบุหรี่วันละ 3 ซอง ยี่ห้อแพงๆ ขนาดสามีน้ามดยังไม่ได้ดูดเลย อยากจะบอกว่าขอให้เลิกอ้าง ดู๋ สัญญา หรืออ้างใครต่อใครได้แล้วว่าจะมาสัมภาษณ์ นาธาน ไม่มีเงินไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงแล้ว”

“ถามว่าจะอโหสิกรรมให้เขาไหม ก็อโหสิกรรมแน่ แต่คิดดูสิขนาดน้ามดไม่มีเงิน เขาก็ยังให้คุณก้อยโทร.มาขอเงิน 1,400 และพอเกิดเรื่องก็มาบอกว่า น้ามดอยากทำทัวร์เอง หนังสือเขายังอ่านไม่ออกเลยแล้วจะทำได้ยังไง อยากจะฝากบอกนาธานด้วยว่า นาธานไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ไม่ใช่ศิลปิน ไม่ใช่อะไรแล้ว เป็นคนธรรมดาสามัญนี่แหละ อยากให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหยุดหลอกลวงคนอื่นได้แล้ว”

“สำหรับเรื่องหลักฐานที่เราไม่มี ไม่กลัวเรื่องเสียเปรียบหรอก ถึงบางคนจะบอกให้เราจบ เพราะไม่อยากสาวไส้ให้กากิน แต่ไม่อยากให้เขาไปหลอกคนอื่น 1 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อเราก็ยังดีถือว่าเราได้ทำบุญก่อนตาย นาธานเขาไม่ได้หลอกแค่คนรวยคนจน เด็กก็หลอกหมด พ่อแม่ครูแหม่มก็มาหลอก หลอกให้ขายวัว 50,000 เอาไปทำทัวร์ต่างประเทศ”

หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของครูแหม่ม เพื่อบันทึกภาพรีสอร์ตและบ้านของครูแหม่ม ซึ่งก็ได้รับการเปิดเผยสั้นๆ จากแม่ของครูแหม่ม ว่า นาธานหนีไปแล้ว ทิ้งสมบัติไว้ให้ดูต่างหน้าอย่างเดียว คือ กางเกงใน!



รีสอร์ทของนางพิสมัยที่ให้นาธานเป็นคนดูแล

Zia - What Month, What Day, What Time

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“ก้อย” แฟนเก่า “แดน” โฮ! ยันเอาโซดาไฟมาฆ่าตัวตาย เผยอยู่กินเป็นผัวเมีย 5 ปีรับไม่ได้เห็นหญิงอื่นในห้องนอน

แฟนเก่า “แดน ดนัย” น้ำตานองยันไม่มีเจตนาเอาโซดาไฟสาดใส่ดาราหนุ่ม เผยจะเอามากินฆ่าตัวตาย เพราะรับไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมีหญิงอื่นในห้องนอน เผยเคยอยู่กินฉันท์ผัวเมียนาน 5 ปี แต่ต้องแยกบ้านเพราะครอบครัวฝ่ายชายไม่ปลื้ม ขอโทษทำเดือดร้อนลั่นยังรักและยังอยากตายอยู่

ยอมออกมาแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชน เพราะทนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไม่ไหว สำหรับ “ก้อย แพรวพันธุ์ สมพงษ์มิตร” วัย 30 ปี สาวมือสาดน้ำกรดใส่ดาราหนุ่ม “แดน ดนัย สมุทรโคจร” ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (26 พ.ย.) ก้อยได้พาพี่ชายคนสนิท “นายสุวิชชา แสงอวน” มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่ร้านตำแหลก ย่านรามอินทรา ซึ่งก้อยที่อยู่ในสภาพบอบช้ำตาบวม ได้เล่าถึงเหตุการณ์พร้อมกับน้ำตานองหน้าตลอดเวลาว่า

“เหตุการณ์วันนั้นที่ตัดสินใจไปบ้านเขา มันเกิดจากที่เราสงสัยว่าทำไมช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แดนถึงไม่รับโทรศัพท์เราเหมือนปกติ สงสัยมากมันผิดปกติ ปกติจะส่งแมสเซจกลับมา โทรกลับมา ถ้าไม่รับก็จะโทรกลับมา แต่เมื่อที่ผ่านมาโทรไปก็ไม่รับ และไม่โทรกลับมาด้วย 1-2 วันเราก็อดทน ดูว่ามันผิดปกติและสงสัย มันผิดคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ทุกครั้งเราเจอกัน เราก็ถามเขาว่ามีแฟนหรือเปล่า เขาพูดว่าไม่มีใครเลย ไม่มีใครจริงๆ ถามย้ำหลายรอบแล้ว และที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลย เป็นคนดีมาก”

“เราก็คิดอยู่ประมาณ 1 คืน เป็นคืนก่อนที่จะบุกไปบ้านเขา ก็คิดไว้แล้วว่า มันมีอะไรสักอย่างแน่นอน ถ้าเราเจอสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่น เราจะฆ่าตัวตาย (ร้องไห้สะอึกสะอื้น) พอวันรุ่งขึ้นเราก็ไปบ้านเขา ที่เขาบอกว่าก้อยบุกรุกทุบกระจกบ้านเขาไม่จริงเลย เหตุการณ์แต่แรกก้อยไปถึงประมาณบ่ายโมง เรามีการ์ด มีสติ๊กเกอร์ มีกุญแจห้องทุกห้องในบ้านนั้น เพราะคบกันนานแล้ว เราก็ไปกดออดแล้วแต่เขาไม่เปิด”

“คือรู้แล้วว่าเขาตื่นแล้วต้องมีอะไรแน่ ด้วยความร้อนใจและสงสัยมาก มันมีหินก้อนหนึ่งแถวนั้นเราก็เอามาทุบกระจกเปิดล็อกแล้วเข้าไป เขาก็ตะโกนเรียกออกมาว่า ก้อยๆๆ เราก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องนอน แต่เขาไม่เปิด เราก็เอากุญแจมาไข ไขเสร็จก็เจอเขาอยู่คนเดียว ก็ถามว่าในห้องน้ำมีใครอยู่ ก็คุยกันดีๆ แล้วผู้หญิงก็เรียกเราเข้าไปคุยในห้องน้ำก็กอดกัน เราก็เข้าใจแล้วว่าเขารักกัน มายังไง”

“เราก็เดินเสียใจอารมณ์ชั่ววูบ (ร้องไห้โฮ) มันก็ไม่ชั่ววูบ มันอยากตาย (สะอึกสะอื้น) คือขวดน้ำที่เอาไปด้วยเราไม่ได้ตั้งใจจะไปสาดเขา เราเตรียมไปเพื่อจะดื่มเอง เหตุการณ์ ณ ตอนนั้นคือคุยกันรู้เรื่องแล้วว่า เราเจอแน่นอนกับตา ที่เราคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเขา ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนมาจากอเมริกา ก็คือมันเห็นสภาพเขาอยู่ในห้องเดียวกัน แล้วลักษณะการแต่งกายเขาก็ไม่ได้แต่งตัวพร้อม ส่วนผู้หญิงก็อาบน้ำอยู่ มันไม่ใช่ เราก็เลยหยิบขวดขึ้นมาบอกว่าเราหิวน้ำ ก็หยิบขึ้นมาจะดื่ม แต่เขาพูดว่าอย่ามาตายในบ้านเขา เขาก็ยื้อแย่ง ก็เกิดการสู้กัน แล้วมันก็เลยไปโดน เขาก็ปาขวดไปอีกห้องหนึ่ง คือถ้าเขาไม่แย่งไม่งั้นเราก็ตายไปแล้ว หรือถ้าไม่ตายก็กะว่าทำให้เขาเห็น ที่ไม่ทำที่บ้านเราเพราะอยากให้เขารู้ว่า มาตายให้ดูต่อหน้า เพราะเรารักเขามาก ทำใจไม่ได้ที่จะไม่มีเขา”

เมื่อย้อนถามถึงความสัมพันธ์ที่ฝ่ายชายบอกว่าเลิกกันมานาน 6 เดือนแล้ว เจ้าตัวยอมรับแต่ยังมีการติดต่อไปมาหาสู่กันไม่เคยขาด พร้อมเผยเคยอยู่กินกันฉันท์สามี-ภรรยากับดาราหนุ่มมานานถึง 5 ปี

“คือพูดว่าเลิกแต่เขาก็ติดต่อ ก็ยังไปมาหาสู่ก้อยที่บ้านปกติ ที่เขาบอกว่าเลิกเพราะเขาโกหกแม่เขา แม่เขาบอกว่าอย่ามายุ่งกับเรา แต่เราก็ยังติดต่อกัน เขาทำเพื่อแม่และครอบครัว แต่จริงๆ ก็ยังคบหาอยู่ ถามว่าเหมือนเขาหลอกเราหรือเปล่า เขาไม่ได้หลอกหรอก มันก็เป็นความสมัครใจของเรา เรารักเขา ก็ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต อะไรก็ได้ๆ ยังได้เจอกันบ้าง ได้คุยกันบ้าง ถ้าเขาไม่รักเรา ไม่มีใจให้เราเลย เขาจะมาไหม เราก็เข้าข้างตัวเองว่า เขายังรักเราอยู่ ไม่งั้นเขาจะมาติดต่อหรือมาหาทำไม”

“ก้อยกับแดนถ้านับถึงวันนี้ก็คบกันมา 5 ปี ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีเรื่องลงไม้ลงมือกันในบ้านเลย คือถ้าตอนคบกันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ในบ้านด้วยกัน เราอยู่บ้านหลังนั้นเลย”

“นายสุวิชชา” รีบกล่าวเสริมทันที “ก็เป็นสามี-ภรรยาตามพฤตินัย ไม่ได้จดทะเบียน ผู้หญิงผู้ชายรักกันคบกัน อยู่ด้วยกัน ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมชาติ ผมก็ไม่เข้าใจเขาบอกความในไม่ให้ออก ความนอกไม่ให้เขา น้องเขาก็ไม่เคยไปปริปากว่าคบกับแดน ไม่เคยทำให้แดนเสียหาย หรือบอกว่าเป็นแฟนแดน น้องเงียบตลอด รู้ว่าแดนเป็นคนของประชาชนก็ไม่อยากให้พูดให้เสียหาย”

จากนั้น “ก้อย” ได้เล่าต่อถึงสาเหตุที่ “แดน” พาผู้หญิงอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านได้ จนทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง

“เราอยู่กันมา แล้วมามีปัญหากันสักพักนี้ ก็เป็นปัญหาที่ต้องทำให้ทางบ้านเขาสบายใจ แดนก็บอกว่าให้ห่างกัน เราก็เลยแยกบ้านออกมาเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังมาหาเราที่บ้านปกติ”

“ส่วนที่บอกว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีเรื่องและขึ้นสน.โคกครามด้วยกันมาแล้ว ก็เป็นเรื่องจริงค่ะ ก็เป็นตอนที่เราขนของออกจากบ้าน แล้วมันมีสายชาร์จสำหรับเครื่องเล่นเกมส์ของเขาติดมากับเรา มีของ 3 อย่าง....ที่บอกว่าเราเอาของเขาไป มันเป็นการเข้าใจผิด วันที่เราไปขนของก็พาคนไปช่วยขน แล้วของอันนั้นอยู่ในกระเป๋าเรา เราไม่มีจิตใจจะขโมยของอยู่แล้ว ของเราก็เยอะกว่าอีก”

“แต่หลังจากเกิดเรื่องล่าสุดนี้ก้อยยังไม่ได้คุยกับแดนเลย เขาก็ไม่โทรมา แต่ในระหว่างนั้นที่ออกมาเรารู้แล้วว่าเราผิดที่บุกรุกบ้านเขา เราก็รอที่จะไปสถานีตำรวจ ทางผู้จัดการเขาก็บอกว่าไม่ต้องมา ให้กลับบ้านไปเลย ไม่มีอะไร ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องคดี เพราะเราไม่ได้ตั้งใจไปทำร้าย ไม่ได้วางแผนจะไปทำร้ายเขา แล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรผู้หญิง เราไม่ได้ทำเลย (ร้องไห้)”

“แล้วน้ำที่ก้อยเอาไปก็ไม่ใช่น้ำกรด เป็นโซดาไฟผสมน้ำยาล้างห้องน้ำ อันนั้นเขาเรียกน้ำกรดหรือเปล่าก้อยไม่รู้ แต่เราเองก็โดนหน้าโดนตัวเราเหมือนกัน เพราะยื้อแย่งกัน (โชว์รอยแผล) แล้วก้อยก็ขอยืนยันว่า ไม่ได้เอามือไปทุบกระจกบ้านเขา ถ้าไปดูที่เกิดเหตุจะเห็นว่า กระจกไม่สามารถเอามือต่อยแล้วแตกได้ ไปดูได้เลย เพราะมันมีวัสดุ เราก็เอาหินแถวนั้นทุบ ยืนยันว่าไม่ได้เอามือทุบแน่นอน รอยอันนี้พิสูจน์ได้”

เอ่ยปากขอโทษดาราหนุ่มที่ทำให้เดือดร้อน ลั่นยังรักและยังอยากตายอยู่

“ก้อยก็ขอโทษที่ทำให้เขาเดือดร้อน ไปสร้างเรื่องในบ้านเขา และทำให้เขาโดนน้ำที่เราเตรียมจะไปกินเอง กระเด็นใส่เขา (ร้องไห้อีก) ถามว่ารักเขาไหม รักเขานะ ไม่เคยคิดทำร้ายเขานอกจากตัวเรา เราแบบโอเคไม่รักฉัน ฉันตาย ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ ไม่อยากให้เขาเสียชื่อเสียง เพราะเขาเป็นคนดี ก็รักเขา (ร้องไห้) ตอนนี้ก็ยังอยากตายอยู่นะ อะไรก็ได้แล้ว”

“ตอนนี้คงเลิกเด็ดขาดแล้วมั้งคะ เขาคงไม่มาอะไรกับเราแล้วล่ะ ก้อยก็คงไม่เข้าใกล้เขาแล้ว ไปถึงขนาดนั้นแล้ว มันพอแล้ว (ร้องไห้) ก็เขาบอกว่ามีคนอื่นแล้ว เราก็ไม่ยุ่งกับเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหลอก เขาอาจจะยังไม่เรียกแฟนก็ได้”

ในส่วนของคดีความพี่ชายคนสนิทของ “ก้อย” เผยยังไม่ได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ ยันไม่ได้คิดหลบหนีแต่อย่างใด

“เรื่องคดีคือน้องเขาติดต่อไปทางสน.แล้ว ผู้จัดการเขาบอกว่าไม่ต้องติดต่อมาแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว น้องก็ไม่ได้ติดต่อไปไหนเลย ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ติดต่อมา คือเราก็พร้อมที่จะไปให้ปากคำ เราไม่ได้หนี แต่ที่หลบเพราะสภาพจิตใจน้องยังไม่ดีมาก แต่ถ้าเขาเรียกมาเราก็ไป ถึงแดนบอกไม่มีอะไร ไม่เอาเรื่อง เราไม่มีอะไรก็จบ แต่ถ้าทางกฎหมายบอกยอมความไม่ได้ แล้วทางตำรวจจะเอายังไง ถ้าพิสูจน์ว่าน้องผิดจริงหรือไม่จริง เราก็ทำตามกฎหมาย"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ What’s Up ของ Dae Sung ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

“ใหม่” ไม่หวั่นกฎหมายถ่ายปฏิทินหวือเย้ย แย้มเปิดเว็บ “นมใหม่” ขายบราเสริมอึ๋ม

“ใหม่ สุคนธวา” เผยสลัดผ้าถ่ายปฏิทินน้ำมันเครื่อง ลั่นไม่กลัวกฎหมายเอาผิด เพราะไม่ได้หวือเกินลิมิต แย้ม “ตรัย” แฟนหนุ่มให้ไอพอดเซอร์ไพร์สวันเกิด บอกทีแรกแอบหวั่นจะให้แหวนขอแต่งงาน เพราะยังไม่พร้อม พร้อมเปรยทำธุรกิจขายเสื้อชั้นในเสริมอึ๋มผ่านเว็บไซต์ “นมใหม่ดอทคอม”

เห็นรักๆ งอนๆ กันอยู่หลายรอบ แต่พักหลังนี้ดูเหมือนหวานใจของดาราสาว “ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร” อย่างนักแข่งรถหนุ่ม “ตรัย ตรัยธนิษฐ์ ฉิมตะวัน” จะทำตัวถูกอกถูกใจดาราสาวไม่ใช่น้อย เพราะพูดถึงทีไรเป็นต้องอมยิ้มตลอด ล่าสุดสาว “ใหม่” เผยว่าเพิ่งไปถ่ายแบบปฏิทินให้กับน้ำมันเครื่องยี่ห้อหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เซ็กซี่ไปกว่าที่เคยถ่ายชุดว่ายน้ำแน่นอน ที่สำคัญแฟนหนุ่มยังไม่เห็น แต่บอกไม่มีปัญหาแค่ตกใจนิดหน่อย

“ล่าสุดใหม่เพิ่งไปถ่ายภาพปฏิทินเซ็กซี่ให้กับน้ำมันเครื่องยี่ห้อหนึ่งค่ะ จะเปิดตัววันที่ 29 นี้ ถามว่าหวือมากไหม ก็ไม่นะ น้อยที่สุดแล้วนะ แต่ถ้าอยากเห็นว่าเซ็กซี่ขนาดไหนไปดูได้ในวันที่ 29 เพราะว่าค่อนข้างโชคดีที่ได้สไตล์ลิสต์ที่ค่อนข้างโอเคด้วยค่ะ ใหม่ก็ไว้ไจสไตล์ลิสต์คนนี้ ภาพที่ออกมามันก็เลยดูน่ารักมากกว่า ไม่ใช่บิกินี่ค่ะ ใส่ชุดอยู่แล้วก็มีเครื่องประดับให้มันดูน่ารักด้วย”

“ไม่หวือหวากว่าที่เคยถ่ายไปแน่นอนค่ะ แต่บางภาพอาจจะหวือหวาประมาณหนึ่ง แต่ว่าไม่หวือหวากว่าปฏิทินที่ใหม่เคยถ่ายแน่นอน แต่เรื่องรีทัชเรามีคุยกันไว้แล้วว่าได้เท่านี้นะ ห้ามไปเอาออกนะ แล้วใหม่ก็ค่อนข้างไว้ใจทีมงานที่ติดต่อเราด้วย แต่ก็ต้องยอมรับกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์แหละ แต่ก็ต้องขอบคุณและขอโทษเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเลย ถ้าหากใครไม่ชอบก็ขออภัยนะคะ แต่ว่ามันก็คืองาน คอนเซ็ปต์มันเป็นแบบนี้ แล้วถ้าหากว่ามันดูน่ารักหรือว่ามันดูเซ็กซี่ ก็อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นมุมในแง่ดี เป็นสีสันก็ดีค่ะ ก็คงหายเหนื่อย”

“กฎหมายที่ว่าห้ามแจกปฏิทินโป๊ไม่กลัวค่ะ คือที่ใหม่รับปฏิทินชิ้นนี้มันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับงานแข่งรถของใหม่ มันเหมือนกับว่าทางน้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้ค่อนข้างไว้ใจในภาพลักษณ์การแข่งรถของเรา แล้วเราก็เหมาะกับการที่มาถ่ายปฏิทินของเขา ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับกฎหมาย ไม่กลัวอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าปฏิทินที่เขาทำออกมาจะไม่ออกแนวห้าม แต่ที่ห้ามแปลว่าเขาแสดงออกมาเยอะหรือแรงเกินไปเขาถึงห้าม แต่อันนี้ไม่แรงค่ะ”

“พี่ตรัยทราบแล้วค่ะ ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน(หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้เศร้าอะไรนะคะ เพราะตอนถ่ายมีผู้จัดการไปด้วย เขาก็คอยคุมงานดูให้มันพอดีกับเรา พี่ตรัยก็แค่ถามว่างานเป็นยังไงมากกว่า แต่เขาก็ยังไม่เห็นภาพนะ แต่ใหม่ก็บอกเขาก่อนแล้วว่าจะมีถ่ายนะ เขาก็บอกโอเคอะไรที่มันเป็นเงิน อะไรที่มันเป็นงานของเราเขาก็ไม่ว่า ส่วนชุดว่ายน้ำก็มีหลายเล่มติดต่อมาเหมือนกัน แต่ว่ายังก่อนดีกว่า ขอไปฟิตหุ่นก่อนให้มันฟิตเปรี๊ยะอีกทีหนึ่ง แล้วก็ลองดูหัวหนังสืออีกทีหนึ่งด้วยค่ะ”

แย้มความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มยังดี แม้จะมีงอนกันบ้างแต่เคลียร์กันเรียบร้อย ปลื้มฝ่ายชายให้ไอพอดเป็นของขวัญวันเกิด ยอมรับตกใจนึกว่าจะขอแต่งงานเพราะตนยังไม่พร้อม

“ความสัมพันธ์กับพี่ตรัยก็ดีค่ะ ยังคบกันอยู่ไม่ได้เลิก แต่มีช่วงหนึ่งที่อาจจะมีน้อยใจงอนกันบ้าง ที่ใหม่ก็แข่งรถ เขาก็แข่งรถ แต่ว่าก็กลับมาคุยและเคลียร์กันเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งเมื่อวันเกิดใหม่วันที่ 23 ที่ผ่านมา เขาก็เซอร์ไพรส์คือเที่ยงคืนเขามากดออดหน้าบ้าน เอาดอกไม้มาให้ จริงๆ ตกใจมาก เพราะเขาไม่สบายและหายไปทั้งวันเหมือนกัน แต่พอตอนหนึ่งทุ่มก็พาไปกินข้าวในร้านที่เราได้ตกลงคบหากัน แล้วก็ให้นักดนตรีร้องเพลงให้ แล้วของขวัญอยู่ในชามเมนูให้เด็กเสิร์ฟมาเสิร์ฟให้ แล้วบอกว่าต้องกินนะเมนูนี้ พอเปิดมาก็ตกใจเป็นไอพอดค่ะ”

“ตอนแรกใหม่ก็คิดอยู่ในใจนะว่าเป็นแหวนหรือเปล่า(หัวเราะ) คือจริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นว่าต้องมีของก็ได้ ถึงไม่แพงไม่ใช่ของสำคัญไม่ใช่แหวนก็โอเค เพราะถือว่าเขาหาเงินด้วยตัวเอง แล้วก็เอาเงินที่ตัวเองหามาซื้อของขวัญให้ใหม่ ใหม่ก็โอเคแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ใหม่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย ถ้าสมมติว่าเขาขอแต่งงานจริงๆ ใหม่ก็คงยังไม่พร้อม ยังสนุกกับงานที่เรารับผิดชอบอยู่เลย”

“ส่วนการ์ดวันเกิด เขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่โรแมนติก ไม่ใช่ผู้ชายที่หวาน แต่สิ่งที่เขาทำคือเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง เรื่องความเจ้าชู้ เขาเปลี่ยนเพื่อเรานะ และก็ทำด้วยความจริงใจ แล้วอยากให้ดูแลเขาอย่างนี้ไปตลอด ซึ่งสำหรับตัวใหม่ก็เป็นของใหม่อย่างนี้ คือใหม่ไม่ค่อยทำอะไรให้เขากังวลใจหรือผิดหวัง ไม่ให้เขาคิดมาก ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม แล้วก็ทำแต่งาน เขาก็ค่อนข้างสบายใจตรงนี้ แล้วก็เรื่องคนที่เข้ามาหาใหม่ส่วนใหญ่ ใหม่ก็จะไม่ให้ใครเข้ามาแล้ว เขาก็จะไว้ใจ แต่เขาก็เปลี่ยนเพื่อใหม่เยอะมาก”

เผยทำธุรกิจขายเสื้อชั้นในผ่านเว็บไซต์ แย้มเคล็ดลับที่ทำให้ตนมีหน้าอกสวยก็เพราะเสื้อชั้นใน

“ตอนนี้ใหม่เพิ่งทำธุรกิจอีกตัวหนึ่ง แต่ว่าไม่ได้เปิดเป็นร้านแต่เปิดในเว็บไซต์ จะเป็นธุรกิจที่ทำให้ผู้หญิงมีเสน่ห์มากขึ้น ชื่อwww.nommai.com ก็ไม่ได้ล่อแหลมนะ ชื่อมันเข้าใจง่ายดี คือนมใหม่ก็เหมือนว่าคุณเข้ามาในเว็บนี้ คุณจะได้นมใหม่กลับไป แล้วก็อีกความหมายหนึ่งคือสิ่งที่ใหม่ใช้อยู่ทุกวันนี้แหละเป็นนมของใหม่ มันดูเซ็กซี่ได้ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

Song Joong Ki จะเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัล Melon Music Awards ปี 2010

Kim Gu Ra จะไม่ร่วมรายการ Hot Brothers ซีซั่น 2 ต่อ

S.M. THE BALLAD เผยเพลง ‘Hot Times’ ออกมาแล้ว

ฉาก Minho (SHINee) จูบกับ Han Ji Hye เผยออกมาแล้ว

“อ้วน รังสิต” โต้ติดอ่าง-เปิดคอนโดมั่วสาว

“อ้วน รังสิต” ยันไม่เคยเที่ยวอ่าง อบ นวด บอกเป็นแต่สมาชิกสปอร์ตคลับ ชวน “อ๋อม” ไปออกกำลังกายกันบ่อยๆ พร้อมปัดเปิดคอนโดมั่วสาว แจงคอนโดยังไม่เสร็จ และไม่เคยขึ้นคอนโดใคร ลั่นโสดสนิท ไม่ขอมีแฟนเป็นคนในวงการ

ห่างหายจากการเป็นข่าวไปนาน แต่พอกลับมามีอีกทีพระเอกหนุ่ม “อ้วน รังสิต ศิรนานนท์” ก็เจอข่าวคาวๆ ซะเลย เพราะมีกระแสข่าวว่าพระเอกหนุ่มเป็นอีกหนึ่งคนที่นิยมการเที่ยวอ่าง อบ นวด เหมือนที่พระเอกหนุ่ม “สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์” ได้ออกมายอมรับแล้วว่า เป็นคนที่นิยมการเที่ยวสถานที่แบบนี้เช่นกัน แถมยังมีข่าวอีกว่าหนุ่ม “อ้วน” ชอบมากชนิดที่ต้องสมัครเป็นเมมเบอร์กันเลยทีเดียว ซึ่งงานนี้เจ้าตัวก็ออกอาการขำ ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปเที่ยวสถานที่แบบนี้

“ผมไม่เคยเป็นเมมเบอร์อาบ อบ นวดที่ไหนครับ เป็นแต่เมมเบอร์สปอร์ตคลับ อาจจะเข้าใจผิด เพราะว่าผมกับอ๋อม(อรรคพันธ์ นะมาตร์) เป็นเมมเบอร์สปอร์ตคลับอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเมมเบอร์ในทางนั้นแน่นอน แต่คนอื่นผมไม่รู้นะครับ แต่สำหรับผมไม่ได้ไป ไม่มีครับ ตอนนี้ผมกับอ๋อมไปแต่สปอร์ตคลับ ที่อื่นไม่ได้ไปเลย ถึงเราจะรวมตัวกันก็ไม่ไปที่นั่นแน่นอน”

“แต่จริงๆ ผมกับข่าวแบบนี้ก็เคยมีไปแล้วครั้งนึง ผมก็เฉยๆ นะ แต่มันกลับมามีอีกแล้วเหรอ ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะว่าผมไม่ได้ซีเรียสกับข่าวพวกนี้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้อ่านด้วย แต่รู้สึกว่าจะมีคนอ่านของเขาเยอะนะ เพราะมีคนมาถามผมเยอะเหมือนกันเรื่องข่าวนี้ ผมก็รู้สึกว่าเขาไปเอามาจากไหน แล้วก็เรื่องที่ว่าผมเปิดคอนโดมั่วผู้หญิงก็เหมือนกัน อันนี้ก็มั่วครับ เพราะว่าคอนโดผมยังไม่เสร็จเลย เลยไม่มีคอนโด แล้วคอนโดคนอื่นผมก็ไม่ขึ้น ไม่เคยขึ้นคอนโดใคร ผมอยู่บ้านกับพี่สาว”

เผยตอนนี้ไม่ได้มองสาวที่ไหน ถ้าให้เลือกได้ไม่ขอมีแฟนเป็นคนในวงการบันเทิง

“ผมเฉยๆ กับข่าวพวกนี้นะ ไม่ค่อยอะไร แล้วช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน หรืองานเยอะอะไรมากมาย ผมก็เลยไม่ได้ซีเรียส เวลาจะพิสูจน์เอง แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรนะครับ ช่วงนี้ที่ผ่านมาก็เงียบๆ แล้วก็มีข่าวนี้แหละ ขนาดอยู่เงียบๆ ยังอุตส่าห์มีแย็บมานิดนึง สงสัยกลัวผมเงียบเกินมั้ง(หัวเราะ)”

“สาวๆ หายไปเยอะเหรอ ไม่หรอก ปกติก็ไม่มีอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่มี โสดครับ ก็คิดอยู่ว่าถ้ามีแฟนสักคนก็ดี แต่ว่าก็ยังไม่เจอใครที่ตรงสเปค ไม่ได้ดูใครด้วยตอนนี้ ยังไม่ได้ดูใครสักคนเลยครับ อาจจะเป็นเพราะว่าสังคมตอนนี้ผมแคบลงเลยไม่ค่อยได้เจอใคร พอเรียนจบแล้ววันๆ ก็เจอแต่คนในวงการ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ไม่อยากมีแฟนในวงการ คือมันจะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน ไม่ใช่ผมไม่มีเวลาคนเดียว คราวนี้เขาไม่มีเวลาอีก ก็ยิ่งแย่ ตอนนี้ไม่ได้ดูใครเป็นพิเศษ ไม่มีครับ อยู่แต่กับเพื่อน”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

คลิป Rain แสดงปิดงาน “2010 Guangzhou Asian Games”

Seo In Kook ปล่อยมิวสิควีดีโอ ‘Take’ ออกมาแล้ว

SHINee ในมิวสิควีดีโอ ‘Obsession’ เพลงประกอบภาพยนตร์ “The Warrior’s Way”

“ญาญ่า” ปลื้มกระแสแรง งานอีเว้นท์เข้ารับทรัพย์อื้อซ่า

“ญาญ่า” ปลื้มกระแสตอบรับละครดี ทำงานเข้ารับทรัพย์ตลอด แย้มเตรียมหาของขวัญเซอร์ไพรส์พ่อแม่ช่วงคริสต์มาส พร้อมรับตื่นเต้นได้ร่วมงาน “ปอ ทฤษฏี” ในละครรีเมค “ดาวเรือง”

ณ ตอนนี้คงไม่มีใครกระแสตอบรับดีเท่ากับนางเอกสาวน้องใหม่ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” อีกแล้ว ถึงแม้จะมีผลงานละครออกมาไม่กี่เรื่อง แต่ฟีดแบคที่ได้รับกลับมาทำเอาเจ้าตัวขึ้นแท่นนางเอกน้องใหม่ที่มาแรงและฮอตที่สุดไปแล้ว แถมยังรับทรัพย์อื้อซ่าเพราะมีงานอีเว้นท์เข้าให้ได้ไปตลอดไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งเรื่องนี้สาว “ญาญ่า” เผยว่าดีใจที่คนให้การตอบรับดี แต่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลับจำตนไม่ค่อยได้

“ดีใจนะคะที่มีคนต้อนรับเราดีขนาดนี้ ดีใจที่ละครที่เล่นไปฟีดแบคกลับมาดี แต่จริงๆ แล้วเพื่อนๆ ที่โรงเรียนบางคนก็ไม่คุ้นหน้าหนูนะ เพราะเวลาไปโรงเรียนหนูไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้หวีผมเลย(หัวเราะ) แต่เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนคนจะเรียกยัยจี๊ดๆ ไม่มีใครเรียกหนูว่าญาญ่าแล้วตอนนี้”

“รับทรัพย์เหรอ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่จริงๆ เงินทุกอย่างที่ได้มาก็เอาเข้าแบงค์หมดเลย(หัวเราะ) ก็คิดว่าคริสต์มาสนี้จะทำอะไรพิเศษกว่าเดิมให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้อะไรดี คงต้องถามก่อนว่าเขาอยากได้อะไร”

เผยดีใจได้เล่นละครรีเมคเรื่อง “ดาวเรือง” คู่กับพระเอกหนุ่ม “ปอ ทฤษฏี สหวงษ์” บอกชอบละครเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเคยดูเวอร์ชั่นก่อนมาบ้าง

“จริงๆ เรื่องนี้ยังไม่ได้สรุปอะไรมาเท่าไหร่นะคะ แค่ได้ยินมาบ้างว่าจะได้เล่น แต่ก็ยอมรับว่ากดดันนิดนึงนะคะ แต่หนูชอบมากเลยละครนี้ คือได้ดูมาน่ารักมาก หนูชอบมาก แต่ไม่ทันดูตอนเขาฉายหรอก แอบหาดูตอนหลัง ก็ถ้าได้เล่นจะดีใจมาก แต่คาแรคเตอร์ก็จะต่างไปจากเรื่องก่อน ออกแนวห้าวๆ จะไม่หวานเท่าจี๊ด ดูแมนๆ หน่อย ถ้าได้ร่วมงานกับพี่ปอก็ดีนะคะ พี่ปอเป็นคนน่ารักอยู่แล้วด้วย”

“ละครจ่อคิวยาวเหรอ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เผอิญเป็นคนที่โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสมากกว่าค่ะ ไม่เหนื่อยนะคะ สนุกมากกว่า อย่างงานอีเว้นท์อย่างนี้ถ้าหนูไม่ติดเรียนก็มาได้ ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“คิมเบอร์ลี่” แจงควงสาวหล่อแบบเพื่อน โต้ชิงดีชิงเด่นเกาเหลา “ญาญ่า”

“คิมเบอร์ลี่” แจงสาวหล่อที่ควงไปไหนต่อไหนเป็นเพื่อน รับงงข่าวกิ๊ก “ชาคริต” เพราะเจอคุยกันไม่กี่คำ แต่ยินดีถ้าต้นสังกัดจับให้เล่นละครคู่กัน เผยพ่อเตือนให้ระวังตัวเรื่องข่าว พร้อมยันไม่เคยชิงดีชิงเด่นเกาเหลา “ญาญ่า” บอกเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในช่อง

กลายเป็นนางเอกน้องใหม่ที่ฮอตที่สุดคนหนึ่งในช่วงนี้ สำหรับนางเอกสาว “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” ที่เพิ่งมีผลงานละครเพียงเรื่องเดียวคือ “ธาราหิมาลัย” แต่ปรากฏเรียกกระแสความสนใจได้ดีทีเดียว แต่พอเริ่มมีชื่อเสียงก็เริ่มมีข่าวกับหนุ่มๆ ให้ต้องตามแก้กัน อย่างกรณีไปร่วมอัดรายการ “ครัวแล้วแต่คริต” ของพระเอกหนุ่มไม้เลื้อย “ชาคริต แย้มนาม” แค่ 2 เทปก็มีข่าวว่าทั้งคู่ปิ๊งปั๊งกิ๊กกันซะแล้ว

ซึ่งล่าสุดได้เจอสาว “คิมเบอร์ลี่” ในงานเปิดตัวแคมเปญ foursquare ของโนเกียและดีแทค เจ้าตัวเผยว่าเริ่มชินกับข่าว ไม่ว่าจะโดนหาว่าคบทอม แต่งงข่าวกิ๊ก “ชาคริต” ยืนยันไม่มีอะไรในกอไผ่

“จริงๆ แล้วข่าวมันต้องมาพร้อมกับในวงการอยู่แล้วใช่ไหมคะ หนูก็ไม่ซีเรียสอะไร เพราะว่าเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดที่มันน่าเกลียดจริงๆ เราก็ไม่ต้องไปกลัวใช่ไหมคะ แต่ถึงมีการขุดคุ้ยจริงๆ ก็ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเป็นเรื่องอดีตซึ่งก็คงทำอะไรไม่ได้ หนูก็จะทำตัวให้ดีๆ ต่อไป อย่างเรื่องเดินกับเพื่อนที่บอกว่าเป็นสาวหล่อ จริงๆ แล้วก็เป็นเพื่อนๆ กันหมดเลยค่ะ คือแม้หนูจะเดินกับเพื่อนผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยไปเดินกันสองคน จะไปกันเป็นกลุ่มมากกว่า”

“แต่กับเพื่อนผู้ชายหนูไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง แต่เพื่อนก็จะมาบอกว่าเป็นไงล่ะโดนแล้ว(หัวเราะ) แต่เขาก็ไม่ได้อะไรนะคะ ขำๆ กันมากกว่า เพราะหนูกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมานานแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าพอมีข่าวกับแล้วต้องเดินห่างๆ กันนะ หนูก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่หนูงงกับข่าวพี่ชาคริตมากกว่า นี่ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เขาอีกเลย วันที่ไปถ่ายก็คุยกันแค่ไม่กี่คำ แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย”

“ถ้าช่องจับให้ลงละครคู่กันเหรอ หนูก็รู้สึกดีนะคะที่ได้เล่นกับพี่เขา เพราะหนูเคยดู เป็นต่อ พี่เขาเล่นได้เป็นธรรมชาติมาก หนูก็ชอบดูผลงานของพี่เขาอยู่ แล้วพี่เขาก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ด้วย แต่ถามว่าพี่เขาเจ้าชู้ไหม หนูว่าก็ไม่นะ ไม่รู้สิ เพราะคุยกันไม่กี่คำจริงๆ หนูเองก็ยังไม่รู้หรอกคะว่าพี่เขาเป็นคนยังไง แต่ก็พอได้ยินกิตติศัพท์มาเหมือนกันนะ(หัวเราะ) แต่พอได้ร่วมงานกันจริงๆ หนูว่าพี่เขาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ แต่ก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลยจริงๆ ค่ะ”

“คุณพ่อก็เป็นห่วงเหมือนกันเรื่องข่าว แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยได้ดูทีวี แล้วเขาก็ไม่ค่อยดูข่าว เพราะเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก(หัวเราะ) แต่หนูเองที่จะบอกเขาอยู่เรื่อยๆ เขาก็จะเตือนๆ มาว่าระวังตัวหน่อยนะ เพราะว่าบางคนก็อาจจะเชื่อตามข่าวก็ได้ แต่เขาก็จะเตือนๆ เป็นห่วง แต่ถามว่าอึดอัดไหม ก็ไม่นะคะ เพราะว่าหนูชอบทำงานตรงนี้ แล้วตอนนี้ก็กำลังทำงานสนุกด้วย ก็คือหลงรักไปแล้วกับงานตรงนี้ แต่ก็มีเสียความส่วนตัวไปนิดนึง แต่ก็ไม่ซีเรียสอะไรค่ะ”

ยืนยันไม่เคยเกาเหลากับนางเอกร่วมช่องอย่าง “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในช่อง มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด

“กับญาญ่าไม่มีเกาเหลาแน่นอน แล้วหนูก็สนิทกับญาญ่ามาก เขาคือเพื่อนที่สนิทที่สุดในช่องด้วยซ้ำค่ะ มีอะไรก็จะคุยกันเล่นๆ จริงๆ เคยเห็นข่าวด้วยกันแล้ว เราก็จะคุยกันทางบีบีว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเอาไปเปรียบเทียบกันด้วย ไม่ใช่แน่นอนค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะคะ เพราะหนูกับเขาก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันคงไม่มีทาง เพราะว่าหนูสนิทกัน เขาก็น่ารักจริงๆ ค่ะ เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก”

“เราก็ปรึกษากันตลอด อย่างบางวันที่เขาต้องเข้าฉากแล้วร้องไห้ไม่ได้ เพราะมีหลายซีนด้วย เขาก็จะโทรมาบ่นว่าทำไมวันนี้ทำไม่ได้ ก็จะปรึกษาเรื่องงานกันตลอดค่ะ แต่หนูก็ให้คำปรึกษาเขาไม่ได้หรอก เพราะหนูเองก็ยังไม่เก่งเท่าเขาอยู่แล้ว(หัวเราะ) เขาเล่นละครมาหลายเรื่อง แต่หนูเพิ่งเรื่องแรกก็ได้แต่ให้กำลังใจเขาไป แต่เรื่องภาษาเขาก็พูดไทยชัดขึ้นแล้วนะคะ หนูว่าเขาก็พูดเหมือนคนไทยพูดแล้วนะ แต่ของหนูก็ยังมีปัญหาอยู่ อย่างก่อนที่จะออกกองหนูก็จะให้พี่ทีมงานช่วยอ่านภาษาไทยให้ฟังก่อนเข้าฉาก”

เผยละครเรื่องต่อไปยังรอคำสั่งจากผู้ใหญ่อยู่ ยอมรับกระแสจากละครเรื่องแรกกลับมาดีมาก เลยทำให้ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“ละครเรื่องต่อไปยังรอทางผู้ใหญ่อยู่ค่ะ แต่ก็ยอมรับว่ากระแสจากละครกลับมาดีจริงๆ ถือว่าดีมากเลย เพราะหนูก็ได้ติดตามดูตามข่าวบ้าง ติดตามข่าวสารตัวเองตลอด(หัวเราะ) ก็ดีใจที่มีคนจำได้เร็วขนาดนี้ ไปไหนมาไหนก็มีแต่เรียกหมอน้ำๆ แต่ความเปลี่ยนแปลงก็คือจากที่เป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว แต่ตอนนี้ก็ต้องแต่งนิดนึง ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น”

“แต่หนูก็ยังต้องเรียนการแสดงอยู่ค่ะ ซึ่งถ้าจะให้คะแนนตัวเองก็น่าจะประมาณ 5 ล่ะมั้ง(หัวเราะ) จริงๆ แล้วหนูคิดว่าการแสดงเป็นเรื่องยากนะคะ เพราะเราก็เป็นนักแสดงมือใหม่ แล้วก็เรื่องแรกของเราด้วย ก็เคยคิดว่ามันจะออกมาเป็นยังไงนะ แต่พอดูที่ตัวเองเล่นก็เลยคิดว่ามันน่าจะทำได้โอเคกว่านี้นะ ก็จะพัฒนาให้มันดีกว่านี้ด้วยค่ะ ก็ยังติดเรื่องภาษานี่แหละค่ะที่ยังพูดไม่ชัด แล้วตอนที่เล่นแรกๆ ก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ค่อยคล่องด้วย ก็จะต้องฝึกการอ่านภาษาไทย การพูดออกเสียงให้ชัดขึ้นค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“ซินาอ้า” งาบเมียเก่าพระเอก กับ วีรกรรมลงแขกของนักร้องค่ายยักษ์/ซ้อ 7

ปีนี้คนไทยเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะ ไล่มาตั้งแต่เหตุการณ์ควายแดงเผาบ้านเผาเมือง จนป่นปี้ฉิบหาย แล้วไหนจะเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในรอบหลายปี จนมีคนจน คนตาย เสียหายทั้งทรัพย์สินและสภาพจิตใจ กว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้คงอีกนาน

ยิ่งสะเทือนใจหนักเข้าไปอีก กับข่าวการค้นพบซากผีเด็กนับพันกลางเมืองพุทธอย่างเราๆ เพราะมันบ่งบอกว่าตอนนี้สังคมบ้านเรากำลังเสื่อมถอยสุดขีด ไม่คิดว่าผู้หญิงไทยมันจะบ้ากะเจี๊ยวจนสิ้นคิดได้ขนาดนี้ ยิ่งรู้ว่าบางซากเป็นผลผลิตของคนดังหนังหน้าบาง แต่หนังจิ๋มด้าน แล้วอยากจะขำให้ขี้แตก สร้างภาพกันดีนัก สวรรค์ไม่สนับสนุนคนชั่วหรอกนะว้อย

ที่แน่ๆ งานนี้คงทำให้ดาราหน้าเป็นทั้งหลายสยองไปอีกนาน ทีหน้าทีหลังก็จำใส่กะลาหัวเอาไว้ ถ้าริจะตะลุยดงกล้วย ก็อย่าให้เด็กน้อยต้องมาซวยไปด้วย เข้าใจ๋!!

ไม่ใช่มีหอย แล้วใช้สอยมั่วซั่ว ตัวอย่างก็มีให้เห็น รึจะลอง ...นรกไม่ได้มีไว้ให้เดินชอปปิ้งนะจ๊ะ

พูดแล้วก็ของขึ้น อยากตบกะบาลพวกนี้ซะจริงๆ นอกจากจะคิดเรื่องดีไม่เป็นแล้ว ยังตั้งหน้าตั้งตาทำแม่มแต่เรื่องเลวๆ ตัวเองอับอายไม่พอ ยังทำให้ประเทศชาติตกต่ำไปด้วย ดักดานแต่เรื่องกิน ขี้ ปี้ เยี่ยว ไม่ได้ดูเล้ย ว่า คนอื่นเค้าไปทำภารกิจเพื่อชาติกันเหนื่อยยากขนาดไหน

ว่าแล้ว ซ้อก็อยากจะปรบมือให้ดังๆ ให้กับฮีโร่ของคนไทยทุกคน ถึงบางคนจะได้เหรียญรางวัล และบางคนไม่ได้รางวัลอะไรกลับมา แต่ก็อยากจะบอกจากใจ ว่า พวกคุณทำให้คนไทยมีความสุข และลืมเรื่องอุบาทว์ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นอยู่ ขอบคุณและสู้ๆ นะตะเอง ^u^

อีกคนที่จัญไรไม่ได้ผุดได้เกิด เอ้ย ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ “ซินาอ้า” หน้าบาน นี่ขนาดไข่บวมอยู่นะเนี่ย ยังมีแรงแหกหอยชะนีเป็นว่าเล่น ต้องยกนิ้วแม่ตีงให้มันเจงๆ คนอะไรเหี้ยได้ทุกระดับ ตั้งแต่ของสูงยันของ “ต่ำ” แทรกแซงแม่นทุกวงการ ทั้งกากี ยันกาหรี่ ตัวเอี้ยไม่ต้องไปหาพ่อที่ไหนเลยว่ะ 5555555

จะว่าไป งานนี้ก็เหมือนฝนตกขี้หมูไหล คนจานไรมาพบกันนะแหละ เพราะผู้หญิงเองก็ไม่ได้ดีเด่มาจากไหน ซึ่งนางบำเรอรายล่าสุดของไอ้ไข่เน่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ “สาวน้ำไหล” เมียเก่า “พระเอกหน้าคิงคอง” หนุ่มผู้พิศวาสการตีหม้อสาวอ่างนั่นแหละ

เรื่องของอดีตผัว-เมียคู่นี้ มันน่าเสือกดีซะจริงๆ (555) คราวก่อนซ้อเพิ่งขี้โม้เรื่องพระเอกคิงคองไป หวิดโดนกระทืบไปทีนึงแล้ว คราวนี้เสือกเรื่องเมียเก่าอีก ไม่รู้จะโดนดักปาขี้ป่าวน้อ?!! บรื๋อ...

ถ้าซ้อไม่เห็นว่า เรื่องที่ตะเองทำมันผิด ก็ไม่อยากยุ่งให้เสี่ยงตีงหร้อกกก ชิมิๆ

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ที่ซ้อปากหมาก็เพราะอยากเตือนสาวน้ำไหลว่าให้กลับตัวกลับใจ เก็บหอยตอนนี้ยังทัน เพราะคนที่อีกำลังลองของอยู่มันไม่ธรรมดา ถ้าคุณหญิงหน้ากระด้งตกมันขึ้นมา ตายห่านะว้อยยย

เข้าใจว่า สาวน้ำไหลคงจะชินกับการหากินแนวนอน เพราะจริงๆ แล้วหล่อนเองก็ทำตัวแบบนี้มาตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการเป็นที่รู้จักด้วยซ้ำ สมัยก่อนที่จะเข้าวงการ ก็เป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งค์ไร้ราคา แถมยังเคยนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวประกวดเวทีเน่าๆ มาด้วยซ้ำ ดีที่หน้าตาพอไปได้เลยได้เป็นดารา แต่ยังไม่ทันจะดังสมใจอยาก ก็ดันมาซวยเพราะเรื่องยาเสพติด สุดท้ายก็เลยร่วงเป็นดาวตก กว่าจะไต่เต้ากลับมายืนในวงการได้ อีต้องลงทุนสุดตัว

แต่ที่ทำให้กอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้จริงๆ ก็เพราะได้เป็นแฟนกับหนุ่มคิงคองนั่นแหละ เพราะตอนนั้นฝ่ายชายเองก็กำลังดังเป็นพลุแตก ทำให้สาวน้ำไหลได้เกาะไข่อาศัยอานิสงฆ์นี้ด้วย พูดง่ายๆ ว่า คู่นี้เค้าแบ่งหน้าที่กันดันว่างั้นเถอะ คนละจึ๊กสองจึ๊กสุดท้ายสาวน้ำไหลก็เลยได้กลับมาทำมาหากินเหมือนเดิม

แต่แล้วก็ไปไม่รอด เข้ากันได้ดีมาตลอด แต่บทจะเลิกดันยังไงก็ไม่เข้าซะงั้น สุดท้ายทั้งพระเอกคิงคอง ทั้งสาวน้ำไหล ก็ทางใครทางมัน ปิดฉากความเป็นผัว-เมียถาวร

งานนี้ทางด้านสาวน้ำไหลเสียใจแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือ นอกจากพระเอกคิงคองจะไม่เศร้าแล้ว เจ้าตัวยังคึกผิดปกติ ถึงขั้นตระเวนลงอ่างโน้นเข้าอ่างนี้ ตั้งหน้าตั้งตาตีหม้อไม่กลัวโรคเลยทีเดียว ไปบ่อยจนเจ้าของเค้าตอกบัตรเป็นแขกวีไอพี เรียกว่า อยากเปิบหอยเวอร์ชั่นไหน แค่พระเอกคิงคองดีดนิ้ว เจ้าของร้านมีมาเสิร์ฟให้ถึงปากว่างั้นเถอะ

ที่แท้ก็เอาเวลาทำใจไปขึ้นลำนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้ไม่เห็นน้ำตาซักแหมะ มีแต่น้ำอย่างอื่นมันไหลออกมาแทน หุหุหุ

ตั้งแต่ทั้งคู่เลิกรากันมา คนก็เมาท์ว่าเป็นเพราะสาเหตุโน่นนี่นั่นสารพัด บวกกับทั้งสองคนออกตัวว่า เป็นเพราะไปกันไม่ได้ บ้างล่ะ งานเยอะบ้างล่ะ แต่เหตุผลที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้งคู่ตอแหลเล้ย มันรุนแรงและชั่วช้ากว่าที่คิดเยอะ เพราะความจริงแล้ว เป็นเพราะพระเอกคิงคองทนความร่านของสาวน้ำไหลไม่ไหวต่างหาก

มีอย่างที่ไหน ผัวก็มีเป็นตัวเป็นตน แต่ยังทะเยอทะยานอยากรวยทางลัด ถึงกับบินไปให้ไอ้ซินาอ้า สวนมดลูกถึงเมืองนอก กลายเป็นหนึ่งในดารานางบำเรอ ที่ไอ้ไข่เน่ามันใช้เงินฟาดหัวมาขยี้น้ำเชื้อเล่นๆ

ว่ากันว่า การพลีน้องหนูครั้งนี้คุ้มแสนคุ้ม เพราะถึงจะเหี่ยวแห้งไปหน่อย ไม่อวบอัดเป็นโอ่งเหมือน “อีป้าแหบเสน่ห์” หรือแม้จะไม่ใสแหนวเหมือน “อีหนูโรบอต” แต่ก็มีดีที่ลีลาจัดจ้านตามประสาคนกรำศึกมานาน เป็นที่ถูกอกถูกใจไอ้ไข่บวม งานนี้ก็เลยฟาดไปเหนาะๆ 10 ล้าน!!!

ถุย เงินโกงแผ่นดินทั้งน้าน

ซึ่งกติกาบนเตียงก็ไม่ต่างจากเมียคนอื่นๆ นั่นก็คือ ถ้าสายตรงหาใคร คนนั้นต้องรีบหอบหอยกระเตงนมบินไปให้มันขย่มทันที เอ้า คงเพราะมันรู้ตัวว่าใกล้ตายห่าแล้ว ก็คงอยากจะตายตาหลับ แล้วถ้าวันนั้นมาถึง ก็ค่อยเผาจิ๋มกระป๋องไปให้มันละกัน 5555555

ส่วนสาวน้ำไหลก็เพลาๆ หน่อย เกิดจิ๋มพังขึ้นมา หมดอาวุธทำมาหาแดกไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ

ร่านเป็นแรดขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนเค้าจะอยากเอาไปทำเมีย พระเอกคิงคองมันคงนอนเอาตีนก่ายหน้าผากหลายตลบ แต่ถ้าจะทนแหย่รูเดียวกันกับคนอื่นมันก็คงจะสกปรกไป สุดท้ายถึงได้เลือกเดินสายอ่างแทน เพราะนอกจากจะสะเด่าถึงโคนแล้ว ยังไม่ต้องรับผิดชอบอีกด้วย

ยังไงก็อย่า “มัน” จนลืมระวังล่ะ เพราะซ้อไม่อยากให้มีซากเด็กเพิ่มขึ้นอีกแม้แต่ศพเดียว

อีกรายที่กำลังจะตกอับเพราะเจี๊ยวเน่าก็ “นักร้องมาดเซอร์ ชื่อคมสุดๆ” นักร้องหน้าใหม่ ที่เพิ่งดังระเบิดจากการร้องเพลงประกอบหนังโรแมนติกร้อยล้าน

ย้อนไปเมื่อสมัยที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องค่ายยักษ์ หนุ่มมาดเซอร์รายนี้ถือเป็นคนมีแววด้านดนตรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้อีผลักดันตัวเองไปเป็นนักร้องอาชีพ ซึ่งการได้เป็นนักร้อง นอกจากจะทำให้หนุ่มมาดเซอร์มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแล้ว เจ้าตัวยังได้ของแถมเป็นผู้หญิงให้ได้ซ้อมเสียงทุกคืน

เพราะนักร้องกับแฟนคลับมันเป็นของคู่กัน ลีลาจับไมค์บนเวทีมันเร้าใจ จนทำให้แฟนคลับบางคนอยากจับไมค์นักร้องต่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคเก่า จนมายุคนี้นักร้องกับแฟนคลับก็ยังคงนิยมมั่วกันอยู่ รวมไปถึงหนุ่มมาดเซอร์คนนี้ด้วย แต่สงสัยจะเป็นเพราะติดนิสัยทำงานเป็นทีมจากการทำวงดนตรีหรือเปล่าไม่รู้ ถึงได้พากันเซ็กส์หมู่ไม่อายผีสางเทวดา

เรื่องเกิดจากหนุ่มมาดเซอร์พาวงไปเล่นดนตรีที่ร้านตามปกติ แต่พอหลังจากเล่นเสร็จก็ได้เวลากระเจี๊ยวทำงานต่อ ว่าแล้วก็ไปสะดุดตาเอาสาวงามนางหนึ่งที่นั่งดื่มอยู่ในร้าน หนุ่มมาดเซอร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงดิ่งเข้าไปทอดกระเจี๊ยว เอ้ย สะพานสานสัมพันธ์ กะฟันฉับๆ ว่างั้นเถอะ แพล่บๆ

มือชั้นนี้มีรึจะพลาด แค่สาดน้ำลายไม่กี่อึกก็สอยกระโปกกลับไปตำบ๊วบๆ ได้แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน หนุ่มหน้ายาวถึงได้เกิดพิเรนทร์ ชวนเพื่อนในวงติดสอยห้อยตามไปด้วยถึง 5 คน กะลงแขกร่วมด้วยช่วยกันว่างั้นเถอะ ทำเอาเพื่อนฝูงเกาะหัวแกร๊กๆ ไม่เชื่อว่าผู้หญิงจะยอม ว่าแล้วหนุ่มมาดเซอร์ก็ยืดอกข่มว่า “พวกเมิงปั่นเจี๊ยวรอได้เลย เด่วกรูจัดการเอง”

หลังจากนั้น หนุ่มมาดเซอร์ก็เดินดุ่มๆ ไปต่อรองกับสาวคู่ขาอย่างหน้าตาเฉย ว่า ถ้าอยากจะลับตอพี่ ขอ 5 ต่อ 1 ได้ป่ะ พร้อมยื่นข้อเสนอให้เวลาตัดสินใจ แต่งานนี้เกินคาด สงสัยจะคันคะเยอหนัก สาวน้อยพยักหน้าตอบตกลงแบบไม่ต้องรอนาน เล่นเอาหนุ่มมาดเซอร์ดีใจโด่รอเลยทีเดียว

พออะไรๆ เข้าเป้า อีก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบไปเปิดห้องพักเลยชักเย่อกันซี้ดซ้าด อู้อ้า ลั่นห้อง

พอเสร็จศึกก็ต่างคนต่างไป ทิ้งไว้แค่คราบเหงื่อ 55555

แต่ผลปรากฏว่า งานนี้หนุ่มมาดเซอร์เกิดติดอกติดใจพลังแรงเย่อของสาวน้อยคนนี้เข้า อีก็เลยเรียกมาเทสต์ไมค์หัวแดงต่อนอกรอบบ่อยๆ แต่ตั้งแต่หนุ่มมาดเซอร์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องค่ายยักษ์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

แต่ก็อย่าวางใจไปนะจ๊ะ เกิดสาวน้อยคนนั้นจิ๋มสั่นอยากเป็นเมียนักร้องดังขึ้นมา มีหวังได้ผ่าซากอสุจิออกมาตรวจประจาน ทีนี้ล่ะได้กลับไปเป็นนักร้องต๊อกต๋อยเหมือนเดิมเป็นแน่

ถ้าอยากอยู่วงการนี้ต่อ ก็อย่าเที่ยวไปล่อใครตามใจเจี๊ยวอย่างที่เคยทำนะจ๊ะ...

ขอบคุณบทความซ้อเจ็ดจากผู้จัดการออนไลน์

“เอมมี่” ไม่เถียงเนื้อหอมหนุ่มรุมขายขนมจีบ รับมีเข้าตาขอสวยเลือกได้ก่อน

ภาพจากนิตยสาร MIX

“เอมมี่ มรกต” ยังฮอตหนุ่มแวะเวียนขายขนมจีบไม่ขาดสาย รับมีเข้าตาแต่ขอดูให้ชัวร์ก่อน ส่วนข่าวไฮโซมาจีบขอดูไปเรื่อยๆ ลั่นดูที่นิสัยไม่ใช่ฐานะ ให้จับตาดูมีแต่งฟ้าแลบหรือไม่


ตั้งแต่เลิกรากับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ ดาราสาว “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” ก็ดูห่อเหี่ยวกับเรื่องความรัก และดูเหมือนเจ้าตัวปิดโอกาสให้ตัวเอง ซึ่งพอได้มีโอกาสนางเอกสาวจึงโต้ว่า ไม่ได้คิดปิดโอกาส เพียงแค่ต้องการให้เวลากับตัวเองเท่านั้น และยอมรับว่ามีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบอยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจ

"เรื่องหนุ่มๆ ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้างค่ะ เยอะไหม แล้วกี่คนถึงว่าเยอะล่ะ (ยิ้ม) ไม่หรอกค่ะ ก็ถือว่าคุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้ปิดตัวเองนะคะ แต่ก็คือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น คือก่อนที่เราจะคบกับใครสักคน ตัวเราเองก็ต้องพร้อมด้วย ซึ่งตอนนี้มี่ก็ทำแต่งาน แล้วก็อยู่กับเพื่อนตลอดเวลา ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็พอมีหนุ่มเข้าตาบ้าง ส่วนข่าวที่ว่ามีไฮโซมาจีบ อืมก็ดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน ไม่รู้ไม่ได้สนใจที่ฐานะหรืออะไรอยู่แล้วค่ะ ดูที่จิตใจ ดูที่ตัวคนมากกว่า"

“ให้เวลากับตัวเองนานไปไหม อืมไม่นานหรอก การให้เวลากับตัวเองเป็นสิ่งที่ดีนะ ได้ค้นหาตัวเองให้เจอกันก่อนที่จะทุ่มเวลา ทุ่มใจให้ใครสักคนนึง เราก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะคบใครเราก็ต้องมั่นใจก่อนแล้วว่าใช่หรือเปล่า คงไม่ถึงกับใช้คำว่าเข็ดหรือเหนื่อย คงใช้คำว่าประสบการณ์มากกว่า ประสบการณ์ก็สอนให้เรารักตัวเองบ้าง การที่จะถูกใจใครสักคนมันต้องใช้เวลา ตัดสินใจอะไรตอนนี้ก็ไม่ได้ อีกอย่างนึงไม่อยากเร่งรีบที่จะทำให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจทีหลัง”

“จะมีแต่งฟ้าแลบเลยหรือเปล่า แลบขนาดนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ต้องคอยดู ต้องดูไปก่อนค่ะ จริงๆ ตอนนี้ทำงานละครตั้ง 3 เรื่อง แล้วก็งานอื่นๆ อีกเป็นช่วงสร้างตัว ก็ให้เวลากับงานเต็มที่ก่อน"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

"แคท" วอนจบพร้อมท้าสาบานไม่เคยเหวี่ยงสื่อ

"แคท" งงข่าวเหวี่ยงสื่อ บอกอยู่วงการมา 20 ปีไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ยินดีท้าสาบาน รับเสียใจและรู้สึกแย่ที่เกือบจะโดนแบน วอนสื่อจบประเด็นนี้ได้แล้ว

หายหน้าจากหน้าจอไปพักใหญ่ สำหรับนางเอก-นักร้องสาว "แคท แคทรียา อิงลิช" ที่ล่าสุดกำลังมีผลงานละครเรื่อง “แฝดนะยะ” ให้ติดตามชมกันทางช่อง 3 แต่พอหันหน้ากลับเข้ามามีงานได้ไม่นาน ก็มีกระแสข่าวว่า เจ้าตัวเหวี่ยงสื่อไม่ยอมให้สัมภาษณ์ในกองละครเรื่อง “ดวงตาสวรรค์” ซึ่งกับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นสาวแคทรับว่างงและเสียใจมาก เพราะอยู่วงการมา 20 ปีไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้

"ก็ยังงงๆ ว่ามีข่าวแบบนี้ออกมาได้ยังไง เพราะว่าตั้งแต่เข้าวงการมา 20 ปีไม่เคยปฏิเสธเรื่องการให้สัมภาษณ์ เพราะฉะนั้นเลิกหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาได้แล้ว เพราะมันไม่มีจริงๆ มีคนบอกว่าเป็นการเหวี่ยงในการถ่ายละครในกองถ่าย ซึ่งการถ่ายละครมันเป็นความลับอยู่แล้ว แคทก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหน แคทก็งง เพื่อนๆ ก็โทรมาบอกข่าวมาอีกแล้ว"

"เราก็รู้สึกแย่ และรู้สึกเสียใจนะที่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะว่าคราวก่อนที่เกิดขึ้นก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ใช่ความผิดของแคทมันเป็นความผิดของทางงานไม่ได้ประสานอะไรกับพี่ๆ นักข่าว แล้วมาลงที่แคท ก็อยากให้เลิกเล่นประเด็นนี้ได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะ20 ปีที่แคทอยู่ในวงการ และถ้าแคทมีงานด่วน แคทต้องบอกก่อนว่าแคทสายแล้วต้องรีบไป แคทไม่ให้สัมภาษณ์อะไรแบบนี้ ไม่มีทาง ขอสาบานและขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน"

"และครั้งก่อนที่จะโดนแบน แคทคิดว่าแคทไม่อยากอยู่ในวงการแล้ว แต่กลายเป็นว่าไอ้เรื่องที่เข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ แล้วแคทไม่รู้อะไรเลย งงเลยแล้วมันจะกลายเป็นว่าพี่ๆ จะมาแบนแคท แคทรักพี่ๆ แล้วทำไมถึงกลายเป็นรังเกียจแคท เหมือนเสียเพื่อนๆ พี่ๆ ไป แต่พอได้เจอพี่ๆ อีกครั้งนึงก็เข้าใจกันแล้วก็โอเคแล้วค่ะ"

ลั่นไม่ขอโทษสื่อเพราะจะกลายเป็นคนผิดจริงๆ แต่จะขอโทษแทนคนที่ประสานงานที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด

"ถ้าจะให้ขอโทษพี่ๆ สื่อบางคนที่เข้าใจผิด ก็แคทไม่ได้ผิดนะ และถ้าแคทขอโทษกลายเป็นว่าแคทผิดถูกไหมคะ แล้วอันนี้คือจะมาขอโทษแทนคนที่ไม่ได้สื่อสารกับพวกพี่ๆ (หัวเราะ) มันก็คือว่าแคทไม่เคยทำแบบนี้กับพี่ๆ นักข่าวอยู่แล้ว เราต้องเอื้อๆ กันไป เพราะแคทคิดว่าแคทอยู่กับพี่ๆ มาตั้งแต่แคทเข้าวงการมาใหม่ๆ และการที่แคทเข้ามาในวงการก็น่าจะรู้ใจกันแล้ว"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“กะเทยเอมมี่” โวพ็อกเก็ตบุ๊กยอดจองเป็นพัน ยันเขียนถึง “อั้ม” ขำๆ รับเคยเป็นแฟน “ฟิล์ม ทิฟฟานี่” อุบใครรุก-รับ

“กะเทยเอมมี่” โวพ็อกเก็ตบุ๊กยังไม่ทันคลอด แต่มียอดสั่งจองมาเป็นพันแล้ว ยันมีเรื่อง “อั้ม-โน้ต” ในหนังสือ แต่ออกแนวขำๆ ไม่รุนแรงถึงขั้นถูกฟ้องร้อง ไม่เถียงเกาะกระแสนางเอกสาวและรู้สึกดีที่ดังสมใจ ลั่นยังไม่เคลียร์ซดเกาเหลา “แจ๊ส” แต่คุยกันได้ รับเคยเป็นแฟน “ฟิล์ม ทิฟฟานี่” แต่ไม่รับใครเป็นฝ่ายรุกหรือรับ

เอ่ยปากเกริ่นมานานแล้ว กำลังซุ่มทำพ็อกเก็ตบุ๊กเรื่องราวชีวิตของตัวเองอยู่ รวมทั้งมีบางส่วนที่พูดถึงนางเอกตัวแม่เซ็กซี่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” กับแฟนหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์” รวมอยู่ด้วย จากกรณีข่าวฉาวตนถูกไฮโซหนุ่มหิ้วขึ้นคอนโด ล่าสุดกะเทยหน้าสวย “เอมมี่ รัชฎา ครุฑรามาษ” ได้เผยถึงความคืบหน้าว่า พ็อกเก็ตบุ๊กทำเสร็จเรียบร้อย และได้ฤกษ์คลอดในสัปดาห์หน้า แย้มชื่อหนังสือ “เอมมี่กะเทยแห่งปี” พร้อมยันมีเรื่อง “อั้ม” อยู่ในหนังสือแน่นอน

“พ็อกเก็ตบุ๊กเรียบร้อยแล้วค่ะ จะออกอาทิตย์หน้า ตอนนี้มียอดสั่งจองเข้ามาแล้ว ประมาณหลักพัน แต่เอมมี่ไม่ทราบว่าคนที่จองเป็นใคร เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่จัดการหมดเลย ส่วนเนื้อหาจะออกแนวตลกๆ เอมมี่จะเขียนถึงเพื่อนและเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับพี่อั้มก็เป็นอะไรที่ขำๆ ไม่ได้จริงจัง แต่มีในหนังสือแน่นอน และรับรองไม่มีการฟ้องร้องแน่ๆ”

“เนื้อหาในหนังสือยืนยันว่าเซฟและเป็นเรื่องจริง เนื้อหาไม่ได้แรงมากเหมือนที่มีกระแสออกมา ขนาดผู้ใหญ่และเพื่อนๆ อ่านแล้วยังบอกว่าขำดี อ่าน 3-4 รอบก็ไม่เบื่อ ก็เหมือนที่เอมมี่บอกพี่ๆ ไปหลายรอบแล้ว่า เป็นการเขียนแบบขำๆ ตลก ดังนั้นเลยไม่ได้กลัวจะมีใครมาฟ้องร้อง และก็ไม่มีใครที่ถูกพาดพิงโทรมาหาด้วย เพราะถ้าอ่านแล้วจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”

ต่อข้อซักถามที่ว่า “อั้ม พัชราภา” รออ่านหนังสือเธออยู่ รู้สึกอย่างไร เจ้าตัวหัวเราะร่วนก่อนตอบว่า

“(หัวเราะ) ก็ฝากพี่ๆ ไปด้วยดีกว่า ให้พี่ๆ ไปซื้อกัน แต่ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นอะไรที่อ่านขำๆ อ่านแล้วเพลิน แล้วก็มีแฟชั่นที่คนไม่เคยเห็น จะได้ดูว่านี่เหรอกะเทย ภาพก็หวิวมากเลยค่ะ ขนาดปอย (ตรีชฎา มาลยาภรณ์) ยังบอกว่าหวิวมากเลย”

“คือคนที่รู้จักเราจากข่าวพี่อั้ม เขาก็ต้องมองอยู่แล้วว่าต้องเขียนเรื่องนี้แน่ๆ มันต้องแฉต้องอะไร ซึ่งภาพที่ออกไปมันดูแรง เอมมี่ก็ดูเสียหาย บางครั้งเราก็ต้องแคร์บ้าง จะบอกว่าไม่แคร์ก็ไม่ถูกต้อง ก็ต้องแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างบ้าง แต่ตัวเอมมี่รู้สึกข่าวเป็นกระแสแล้ว ก็ต้องเกาะกระแสไป เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้แล้ว ถามว่าเสียใจไหมที่ถูกมองเกาะเขาดัง มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เอมมี่รับได้มากกว่า คิดว่าเป็นแง่บวก สำหรับเรารู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันที่ดัง (หัวเราะ)”

ส่วนกรณีซดเกาเหลากับมิสทิฟฟานี่ 2009 “แจ๊ส สรวีย์ นัดที” ถูกอีกฝ่ายท้าตบผ่านข้อความทางบีบี เพราะเป็นเพื่อนของ “ปอย ตรีชฎา” เจ้าตัวลั่นยังไม่ได้เคลียร์อีกฝ่าย แต่ยันยังเจอและคุยกันได้ พร้อมยอมรับเคยเป็นแฟนกับ “ฟิล์ม ธัญญรัศม์ จิราภัทร์ภากร” มิสทิฟฟานี่ 2007 มาก่อน

“กับแจ๊สยังไม่ได้เจอกันสักครั้งเลยค่ะ ก็ไม่ได้คุยกันเลย แต่ถามว่าเจอกันได้ไหม ก็เจอกันได้ค่ะ และก็คุยกันได้ เพราะเป็นสาวประเภทสองเหมือนกันก็คุยกันได้อยู่แล้ว”

“ส่วนภาพหลุดกับฟิล์มก็ยอมรับว่าเคยคบกันสมัยเด็กๆ เคยเป็นแฟนกันตอนอยู่ม.4 ก็แค่หอมแก้มกันไม่มีอะไร ตอนนั้นเรายังเป็นผู้ชายนะ ก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยคบกัน แต่ปฏิเสธว่าใครรุกใครรับเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ส่วนความสัมพันธ์ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ”

ขอบคุณข่าวแ๋ซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พิธีซิโกเด็ก สวดส่งวิญญาณทารกแท้ง

จากกระแสข่าวการพบซากทารกกว่า 2,000 ศพ ในวัดไผ่เงิน คงไม่มีใครที่เห็นข่าวนี้แล้วจะไม่สลดหดหู่ แต่ในทางกลับกันก็มีกระแสเรื่องของพิธี "ซิโกเด็ก" หรือ "การสวดส่งวิญญาณทารกแท้ง" เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสังคมถึงความถูกต้อง โดยพิธีกรรมนี้จะมีขึ้นที่ วัดศรีบุญเรือง ถนนรามคำแหง ในวันที่ 27 พ.ย. 2553 โดยทาง วัดศรีบุญเรือง ยืนยันเดินหน้าทำพิธีต่อไปเพื่อเป็นการทำบุญให้กับเด็กที่ถูกทำแท้ง พร้อมชี้แจงเพิ่มว่า พิธี "ซิโกเด็ก" นี้ ไม่สามารถช่วยชำระล้างบาปที่ได้ทำผิดไว้ได้แน่นอน
วันนี้ทาง Ghostshock จึงขอนำเสนอจุดกำเนิดของพิธีดังกล่าว พิธี "ซิโกเด็ก" เป็น พิธีกรรมทำบุญ สวดส่งวิญญาณ และเผาทารกคลอดก่อนกำหนด (แท้ง) เป็นพิธีกรรมที่ลูกศิษย์พระครูโกศลธรรมโสพิศ หรือ พระอาจารย์อ๊อด ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดหน้าพระ เมรุราชิการาม หรือวัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา จัดให้มีพิธีกรรมนี้ขึ้นทุกๆ ปี ทั้งนี้ได้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2540


พระอาจารย์อ๊อดได้บอกกล่าวลูกศิษย์ว่า "ความจริงแล้ว พิธีกรรมนี้ไม่ใช่การไถ่บาปสำหรับผู้ที่เคยทำแท้งมาก่อน หากแต่เป็นการทำเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีโอกาสได้พบกับความสงบสุข มีโอกาสได้รับส่วนบุญส่วนกุศล ถือเป็นการส่งดวงวิญญาณเหล่านั้น ให้พ้นจากห้วงทรมาน และสามารถไปสู่สัมปรายภพได้ "

พิธีเริ่มต้นด้วยการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บวงสรวงดวงวิญญาณสัมภเวสี ที่ยังเร่ร่อนอยู่ โดยยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด การทำบุญเลี้ยงพระ และมีการเขียนชื่อผู้ตายลงในกระดาษ แล้วใส่ไปในโลง นอกจากนี้ยังมีการ เผาภูเขาทอง สิ่งของเครื่องใช้ไปให้แก่ดวงวิญญาณทารก หลังจากเผาเสร็จจะมีการเดินข้ามสะพานข้ามอุปสรรค ซึ่งเป็นสะพานที่คลี่คลายและลดปัญหาวุ่นวายในชีวิตภายในวันงาน ที่สำคัญพิธี "ซิโกเด็ก" นี้ห้ามฝากกันโดยเด็ดขาด

ส่วนคติความเชื่อของผู้ร่วมงานเข้าพิธี คือ ผู้ที่เคยผ่านการทำแท้ง ส่วนใหญ่มักจะถูกรบกวนจากดวงวิญญาณทารกที่ถูกทำลาย เนื่องจากการทำแท้งนั้น เป็นเพียงการเอาร่างกาย หรือตัวอ่อนที่ยังเป็นก้อนเลือดก้อนเนื้อของเด็กที่มาเกิดเป็นลูกของผู้ที่ทำแท้งออกเท่านั้น