วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เป๊ก-ธัญญ่า เปิดใจข่าว พิ้งกี้-สาวิกา

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ร้านมิ้วส์ ทองหล่อ ซอย 10 ภายในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “เจ ออน เดอะ มูน” เป๊ก-สัณชัย เองตระกูล และ ธัญญ่า-ธัญญาเรศ รามณรงค์ ได้แถลงข่าวถึงกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนากันระหว่าง นางสรินยา ไชยเดช แม่ของ พิ้งกี้-สาวิกา กับธัญญ่า เพราะมีข้อความส่งมาที่มือถือเป๊กว่า" มิสยูนะ" ธัญญ่าจึงโทรไปหาแม่พิ้งกี้ เลยกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวเป๊ก-สัณชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนธัญญ่าก็แถลงข่าวต่อสื่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง



"เป๊ก" เปิดเผยว่า “ผมอยากอธิบายตรงนี้ว่า ไม่อยากให้เอสเอ็มเอสเนี่ยเป็นสาระสำคัญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอธิบาย ถ้าถามเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นยังไง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เป็นเบอร์ที่น้องเคยใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งมาเป็นแค่คำทักทาย แต่ว่าข้อความนั้นอาจทำให้คนคิดไปได้หลายอย่าง มันเป็นเรื่องปกติที่คนเคยรู้จักกันจะส่งเอสเอ็มเอสหากัน ใครก็ทำได้ ผมเองในบางครั้งที่เห็นน้องเขาตามสื่อโฆษณา นึกถึงก็ส่งข้อความหา แล้วก็บอกธัญญ่าด้วย แต่ผมเข้าใจดี ในเรื่องของการที่ธัญญ่าได้รับเอสเอ็มเอสมาวันนั้น ในฐานะของภรรยาก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่ใช่เบอร์ของน้อง แต่อยากจะบอกธัญญ่าและทุกคนในที่นี้ว่า ผมกับน้องเขาไม่มีอะไร ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้คบกัน มีแต่เอสเอ็มเอสนาน ๆ ที ด้วยความสัตย์จริงของลูกผู้ชาย ที่ผ่านมาธัญญ่าและคนใกล้ตัวของผมน่าจะเห็นว่าผมพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันไม่มีเหตุผลใด ที่ผมจะกลับไปทำอะไรไม่ดี หรือทำให้ครอบครัวต้องกลับไปเริ่มศูนย์ใหม่ ตัวน้องเขาเองผมเชื่อได้เลยว่าเขาก็ผ่านอะไรร้าย ๆ มาเยอะ กว่าจะกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก น้องเขาคงไม่กลับไปทำให้มันเป็นแบบนี้อีก ผมขอยืนยันให้ทุกคนและธัญญ่าทราบว่า ทุกเรื่องที่ได้ยินมาไม่เป็นความจริง เป็นแค่การทักทายตามปกติ ส่วนในเรื่องของคลิปที่หลุดออกมา ไม่รู้ว่าหลุดออกมาได้ยังไง เพราะธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวที่ต่างประเทศ ส่วนผมก็ส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวผม และเพื่อนที่ทำงานของผมฟังก็เท่านั้น ส่วนในเรื่องของคลิปเนี่ยเป็นเพราะ ธัญญ่าพยายามโทรไปหาแม่ของน้องเขา ซึ่งเมื่อนานมาแล้วแม่เขาบอกว่ามีอะไรก็ปรึกษาได้ ธัญญ่าโทรไปก็เป็นจุดเริ่มต้นของคลิปนี้ ส่วนคุณแม่ของน้องเขาคงตกใจ และก็รู้ว่าน้องไม่ได้ติดต่อผมแล้ว พอมาเจอเรื่องนี้ก็ต้องโมโห และก็ต้องปกป้องลูกสาวเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาของครอบครัวผมและน้องเขาอีก ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมเป็นต้นเหตุ ทำให้เรื่องราวเกิดขึ้น ธัญญ่าต้องทะเลาะกับแม่ของน้องเขา ต้องเสียชื่อเสียง ผมเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุข่าวคราวที่น่าเบื่อและยืดยาวมาก ๆ ฉะนั้นขอให้เรื่องเหล่านี้ยุติ ด้วยคำพูดของผมที่เป็นลูกผู้ชาย จากนี้ไปผมก็ต้องทำให้ครอบครัวที่ผมรักมาก ๆ กลับมาเป็นครอบครัวให้เร็วที่สุด ส่วนน้องก็ปล่อยให้เขาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ตามที่ต้องเป็น ขอให้จบสิ้นข่าวนี้ทุกอย่าง”  

จากนั้น "ธัญญ่า" เปิดเผยต่อว่า “ก็ไม่รู้จะพูดอะไร พี่เป็กก็พูดไปหมดแล้ว อยากฝากถึงน้องคนนั้นว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดมา 2 ปีกว่าจะ 3 ปี เราทุกข์ทรมานกันทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาส พี่เป็กขอโอกาส จากที่เราตัดสินใจหย่าแน่นอน แต่ในเมื่อพี่เป๊กพร้อมที่จะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง และลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เราควรให้โอกาสเขาเพื่อครอบครัวและเพื่อลูก ก็อยากฝากขอร้องน้องนิดนึงนะคะ ในเรื่องของการส่งข้อความคิดถึงสามีเราเนี่ย มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็โอเคจะเข้าใจอย่างนั้น ส่วนกรณีที่คุยกับแม่ของน้องเขาในแบบไม่ดีเท่าไหร่ ก็อยากจะบอกว่า แค่จะโทรไปบอกว่า น้องติดต่อมานะ อย่างที่แม่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการติดต่อกันให้โทรมาบอกจะจัดการทุกอย่างเอง เราก็อยากโทรบอก ไม่งั้นก็ค้างคาใจ เราจะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไปยังไง ในเมื่อไม่มั่นใจเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปีมันทรมานทั้งคุณและครอบครัวเรา การส่งข้อความมาจะอนาคตอีกกี่ปีก็ตาม ขอให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์ว่า มันไม่มีอะไรในเชิงชู้สาวอีกแล้ว” 

พอถึงตรงนี้ เป๊ก รีบพูดขึ้นว่า “พี่บอกธัญญ่าให้ฟังตรงนี้ว่า ในความเป็นลูกผู้ชาย เรื่องเหล่านั้นคงไม่มีเหมือนที่อธิบายไปทั้งหมด”

ธัญญ่า เลยหันไปถามเสียงเข้มว่า “คงไม่มีหรือไม่มี”

เป๊ก เลยรีบตอบกลับว่า “ไม่มี ไม่มี” 

ผู้สื่อข่าวถามว่าน้องเขาส่งข้อความมาบ่อยไหม “ผมก็ส่งไปบ้าง เวลาที่เห็นตามสื่อ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ ลียา เราทั้งคู่ดูแลลูกตลอดเวลา ลียาเริ่มโตขึ้น จะ 3 ขวบ เริ่มรู้เรื่องแล้ว ในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหาหรือมีปมด้อย ฉะนั้นต้องขึ้นอยู่กับตัวผมด้วยว่า ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์” 

จากนั้นธัญญ่า กล่าวทิ้งท้ายว่า "ที่ผ่านมาจากเดิมที่ตัดสินใจว่าเราจะจบ แต่พอมีโอกาสได้กลับมา ก็พยายามจะเป็นครอบครัว ก็มีกิจกรรมร่วมกัน ปรึกษากันเรื่องลูกตลอด ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอมาเกิดเรื่อง ก็ทำให้เราไม่ไว้ใจ ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นครอบครัว เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา แล้วปัญหาที่เคยเกิดก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ มิสยูนะ (Miss You Na) ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจ หลังจากที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่วินาทีแรกที่เห็นข้อความก็รู้สึกไม่เอาแล้ว แต่พอเราได้คุยกัน ใจเย็นลง ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

ที่มา: เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น