วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“คิมเบอร์ลี่” แจงควงสาวหล่อแบบเพื่อน โต้ชิงดีชิงเด่นเกาเหลา “ญาญ่า”

“คิมเบอร์ลี่” แจงสาวหล่อที่ควงไปไหนต่อไหนเป็นเพื่อน รับงงข่าวกิ๊ก “ชาคริต” เพราะเจอคุยกันไม่กี่คำ แต่ยินดีถ้าต้นสังกัดจับให้เล่นละครคู่กัน เผยพ่อเตือนให้ระวังตัวเรื่องข่าว พร้อมยันไม่เคยชิงดีชิงเด่นเกาเหลา “ญาญ่า” บอกเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในช่อง

กลายเป็นนางเอกน้องใหม่ที่ฮอตที่สุดคนหนึ่งในช่วงนี้ สำหรับนางเอกสาว “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” ที่เพิ่งมีผลงานละครเพียงเรื่องเดียวคือ “ธาราหิมาลัย” แต่ปรากฏเรียกกระแสความสนใจได้ดีทีเดียว แต่พอเริ่มมีชื่อเสียงก็เริ่มมีข่าวกับหนุ่มๆ ให้ต้องตามแก้กัน อย่างกรณีไปร่วมอัดรายการ “ครัวแล้วแต่คริต” ของพระเอกหนุ่มไม้เลื้อย “ชาคริต แย้มนาม” แค่ 2 เทปก็มีข่าวว่าทั้งคู่ปิ๊งปั๊งกิ๊กกันซะแล้ว

ซึ่งล่าสุดได้เจอสาว “คิมเบอร์ลี่” ในงานเปิดตัวแคมเปญ foursquare ของโนเกียและดีแทค เจ้าตัวเผยว่าเริ่มชินกับข่าว ไม่ว่าจะโดนหาว่าคบทอม แต่งงข่าวกิ๊ก “ชาคริต” ยืนยันไม่มีอะไรในกอไผ่

“จริงๆ แล้วข่าวมันต้องมาพร้อมกับในวงการอยู่แล้วใช่ไหมคะ หนูก็ไม่ซีเรียสอะไร เพราะว่าเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดที่มันน่าเกลียดจริงๆ เราก็ไม่ต้องไปกลัวใช่ไหมคะ แต่ถึงมีการขุดคุ้ยจริงๆ ก็ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเป็นเรื่องอดีตซึ่งก็คงทำอะไรไม่ได้ หนูก็จะทำตัวให้ดีๆ ต่อไป อย่างเรื่องเดินกับเพื่อนที่บอกว่าเป็นสาวหล่อ จริงๆ แล้วก็เป็นเพื่อนๆ กันหมดเลยค่ะ คือแม้หนูจะเดินกับเพื่อนผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยไปเดินกันสองคน จะไปกันเป็นกลุ่มมากกว่า”

“แต่กับเพื่อนผู้ชายหนูไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง แต่เพื่อนก็จะมาบอกว่าเป็นไงล่ะโดนแล้ว(หัวเราะ) แต่เขาก็ไม่ได้อะไรนะคะ ขำๆ กันมากกว่า เพราะหนูกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมานานแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าพอมีข่าวกับแล้วต้องเดินห่างๆ กันนะ หนูก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่หนูงงกับข่าวพี่ชาคริตมากกว่า นี่ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เขาอีกเลย วันที่ไปถ่ายก็คุยกันแค่ไม่กี่คำ แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย”

“ถ้าช่องจับให้ลงละครคู่กันเหรอ หนูก็รู้สึกดีนะคะที่ได้เล่นกับพี่เขา เพราะหนูเคยดู เป็นต่อ พี่เขาเล่นได้เป็นธรรมชาติมาก หนูก็ชอบดูผลงานของพี่เขาอยู่ แล้วพี่เขาก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ด้วย แต่ถามว่าพี่เขาเจ้าชู้ไหม หนูว่าก็ไม่นะ ไม่รู้สิ เพราะคุยกันไม่กี่คำจริงๆ หนูเองก็ยังไม่รู้หรอกคะว่าพี่เขาเป็นคนยังไง แต่ก็พอได้ยินกิตติศัพท์มาเหมือนกันนะ(หัวเราะ) แต่พอได้ร่วมงานกันจริงๆ หนูว่าพี่เขาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ แต่ก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลยจริงๆ ค่ะ”

“คุณพ่อก็เป็นห่วงเหมือนกันเรื่องข่าว แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยได้ดูทีวี แล้วเขาก็ไม่ค่อยดูข่าว เพราะเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก(หัวเราะ) แต่หนูเองที่จะบอกเขาอยู่เรื่อยๆ เขาก็จะเตือนๆ มาว่าระวังตัวหน่อยนะ เพราะว่าบางคนก็อาจจะเชื่อตามข่าวก็ได้ แต่เขาก็จะเตือนๆ เป็นห่วง แต่ถามว่าอึดอัดไหม ก็ไม่นะคะ เพราะว่าหนูชอบทำงานตรงนี้ แล้วตอนนี้ก็กำลังทำงานสนุกด้วย ก็คือหลงรักไปแล้วกับงานตรงนี้ แต่ก็มีเสียความส่วนตัวไปนิดนึง แต่ก็ไม่ซีเรียสอะไรค่ะ”

ยืนยันไม่เคยเกาเหลากับนางเอกร่วมช่องอย่าง “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในช่อง มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด

“กับญาญ่าไม่มีเกาเหลาแน่นอน แล้วหนูก็สนิทกับญาญ่ามาก เขาคือเพื่อนที่สนิทที่สุดในช่องด้วยซ้ำค่ะ มีอะไรก็จะคุยกันเล่นๆ จริงๆ เคยเห็นข่าวด้วยกันแล้ว เราก็จะคุยกันทางบีบีว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเอาไปเปรียบเทียบกันด้วย ไม่ใช่แน่นอนค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะคะ เพราะหนูกับเขาก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันคงไม่มีทาง เพราะว่าหนูสนิทกัน เขาก็น่ารักจริงๆ ค่ะ เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก”

“เราก็ปรึกษากันตลอด อย่างบางวันที่เขาต้องเข้าฉากแล้วร้องไห้ไม่ได้ เพราะมีหลายซีนด้วย เขาก็จะโทรมาบ่นว่าทำไมวันนี้ทำไม่ได้ ก็จะปรึกษาเรื่องงานกันตลอดค่ะ แต่หนูก็ให้คำปรึกษาเขาไม่ได้หรอก เพราะหนูเองก็ยังไม่เก่งเท่าเขาอยู่แล้ว(หัวเราะ) เขาเล่นละครมาหลายเรื่อง แต่หนูเพิ่งเรื่องแรกก็ได้แต่ให้กำลังใจเขาไป แต่เรื่องภาษาเขาก็พูดไทยชัดขึ้นแล้วนะคะ หนูว่าเขาก็พูดเหมือนคนไทยพูดแล้วนะ แต่ของหนูก็ยังมีปัญหาอยู่ อย่างก่อนที่จะออกกองหนูก็จะให้พี่ทีมงานช่วยอ่านภาษาไทยให้ฟังก่อนเข้าฉาก”

เผยละครเรื่องต่อไปยังรอคำสั่งจากผู้ใหญ่อยู่ ยอมรับกระแสจากละครเรื่องแรกกลับมาดีมาก เลยทำให้ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“ละครเรื่องต่อไปยังรอทางผู้ใหญ่อยู่ค่ะ แต่ก็ยอมรับว่ากระแสจากละครกลับมาดีจริงๆ ถือว่าดีมากเลย เพราะหนูก็ได้ติดตามดูตามข่าวบ้าง ติดตามข่าวสารตัวเองตลอด(หัวเราะ) ก็ดีใจที่มีคนจำได้เร็วขนาดนี้ ไปไหนมาไหนก็มีแต่เรียกหมอน้ำๆ แต่ความเปลี่ยนแปลงก็คือจากที่เป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว แต่ตอนนี้ก็ต้องแต่งนิดนึง ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น”

“แต่หนูก็ยังต้องเรียนการแสดงอยู่ค่ะ ซึ่งถ้าจะให้คะแนนตัวเองก็น่าจะประมาณ 5 ล่ะมั้ง(หัวเราะ) จริงๆ แล้วหนูคิดว่าการแสดงเป็นเรื่องยากนะคะ เพราะเราก็เป็นนักแสดงมือใหม่ แล้วก็เรื่องแรกของเราด้วย ก็เคยคิดว่ามันจะออกมาเป็นยังไงนะ แต่พอดูที่ตัวเองเล่นก็เลยคิดว่ามันน่าจะทำได้โอเคกว่านี้นะ ก็จะพัฒนาให้มันดีกว่านี้ด้วยค่ะ ก็ยังติดเรื่องภาษานี่แหละค่ะที่ยังพูดไม่ชัด แล้วตอนที่เล่นแรกๆ ก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ค่อยคล่องด้วย ก็จะต้องฝึกการอ่านภาษาไทย การพูดออกเสียงให้ชัดขึ้นค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“ซินาอ้า” งาบเมียเก่าพระเอก กับ วีรกรรมลงแขกของนักร้องค่ายยักษ์/ซ้อ 7

ปีนี้คนไทยเจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะ ไล่มาตั้งแต่เหตุการณ์ควายแดงเผาบ้านเผาเมือง จนป่นปี้ฉิบหาย แล้วไหนจะเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในรอบหลายปี จนมีคนจน คนตาย เสียหายทั้งทรัพย์สินและสภาพจิตใจ กว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้คงอีกนาน

ยิ่งสะเทือนใจหนักเข้าไปอีก กับข่าวการค้นพบซากผีเด็กนับพันกลางเมืองพุทธอย่างเราๆ เพราะมันบ่งบอกว่าตอนนี้สังคมบ้านเรากำลังเสื่อมถอยสุดขีด ไม่คิดว่าผู้หญิงไทยมันจะบ้ากะเจี๊ยวจนสิ้นคิดได้ขนาดนี้ ยิ่งรู้ว่าบางซากเป็นผลผลิตของคนดังหนังหน้าบาง แต่หนังจิ๋มด้าน แล้วอยากจะขำให้ขี้แตก สร้างภาพกันดีนัก สวรรค์ไม่สนับสนุนคนชั่วหรอกนะว้อย

ที่แน่ๆ งานนี้คงทำให้ดาราหน้าเป็นทั้งหลายสยองไปอีกนาน ทีหน้าทีหลังก็จำใส่กะลาหัวเอาไว้ ถ้าริจะตะลุยดงกล้วย ก็อย่าให้เด็กน้อยต้องมาซวยไปด้วย เข้าใจ๋!!

ไม่ใช่มีหอย แล้วใช้สอยมั่วซั่ว ตัวอย่างก็มีให้เห็น รึจะลอง ...นรกไม่ได้มีไว้ให้เดินชอปปิ้งนะจ๊ะ

พูดแล้วก็ของขึ้น อยากตบกะบาลพวกนี้ซะจริงๆ นอกจากจะคิดเรื่องดีไม่เป็นแล้ว ยังตั้งหน้าตั้งตาทำแม่มแต่เรื่องเลวๆ ตัวเองอับอายไม่พอ ยังทำให้ประเทศชาติตกต่ำไปด้วย ดักดานแต่เรื่องกิน ขี้ ปี้ เยี่ยว ไม่ได้ดูเล้ย ว่า คนอื่นเค้าไปทำภารกิจเพื่อชาติกันเหนื่อยยากขนาดไหน

ว่าแล้ว ซ้อก็อยากจะปรบมือให้ดังๆ ให้กับฮีโร่ของคนไทยทุกคน ถึงบางคนจะได้เหรียญรางวัล และบางคนไม่ได้รางวัลอะไรกลับมา แต่ก็อยากจะบอกจากใจ ว่า พวกคุณทำให้คนไทยมีความสุข และลืมเรื่องอุบาทว์ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นอยู่ ขอบคุณและสู้ๆ นะตะเอง ^u^

อีกคนที่จัญไรไม่ได้ผุดได้เกิด เอ้ย ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ “ซินาอ้า” หน้าบาน นี่ขนาดไข่บวมอยู่นะเนี่ย ยังมีแรงแหกหอยชะนีเป็นว่าเล่น ต้องยกนิ้วแม่ตีงให้มันเจงๆ คนอะไรเหี้ยได้ทุกระดับ ตั้งแต่ของสูงยันของ “ต่ำ” แทรกแซงแม่นทุกวงการ ทั้งกากี ยันกาหรี่ ตัวเอี้ยไม่ต้องไปหาพ่อที่ไหนเลยว่ะ 5555555

จะว่าไป งานนี้ก็เหมือนฝนตกขี้หมูไหล คนจานไรมาพบกันนะแหละ เพราะผู้หญิงเองก็ไม่ได้ดีเด่มาจากไหน ซึ่งนางบำเรอรายล่าสุดของไอ้ไข่เน่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ “สาวน้ำไหล” เมียเก่า “พระเอกหน้าคิงคอง” หนุ่มผู้พิศวาสการตีหม้อสาวอ่างนั่นแหละ

เรื่องของอดีตผัว-เมียคู่นี้ มันน่าเสือกดีซะจริงๆ (555) คราวก่อนซ้อเพิ่งขี้โม้เรื่องพระเอกคิงคองไป หวิดโดนกระทืบไปทีนึงแล้ว คราวนี้เสือกเรื่องเมียเก่าอีก ไม่รู้จะโดนดักปาขี้ป่าวน้อ?!! บรื๋อ...

ถ้าซ้อไม่เห็นว่า เรื่องที่ตะเองทำมันผิด ก็ไม่อยากยุ่งให้เสี่ยงตีงหร้อกกก ชิมิๆ

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ที่ซ้อปากหมาก็เพราะอยากเตือนสาวน้ำไหลว่าให้กลับตัวกลับใจ เก็บหอยตอนนี้ยังทัน เพราะคนที่อีกำลังลองของอยู่มันไม่ธรรมดา ถ้าคุณหญิงหน้ากระด้งตกมันขึ้นมา ตายห่านะว้อยยย

เข้าใจว่า สาวน้ำไหลคงจะชินกับการหากินแนวนอน เพราะจริงๆ แล้วหล่อนเองก็ทำตัวแบบนี้มาตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการเป็นที่รู้จักด้วยซ้ำ สมัยก่อนที่จะเข้าวงการ ก็เป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งค์ไร้ราคา แถมยังเคยนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวประกวดเวทีเน่าๆ มาด้วยซ้ำ ดีที่หน้าตาพอไปได้เลยได้เป็นดารา แต่ยังไม่ทันจะดังสมใจอยาก ก็ดันมาซวยเพราะเรื่องยาเสพติด สุดท้ายก็เลยร่วงเป็นดาวตก กว่าจะไต่เต้ากลับมายืนในวงการได้ อีต้องลงทุนสุดตัว

แต่ที่ทำให้กอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้จริงๆ ก็เพราะได้เป็นแฟนกับหนุ่มคิงคองนั่นแหละ เพราะตอนนั้นฝ่ายชายเองก็กำลังดังเป็นพลุแตก ทำให้สาวน้ำไหลได้เกาะไข่อาศัยอานิสงฆ์นี้ด้วย พูดง่ายๆ ว่า คู่นี้เค้าแบ่งหน้าที่กันดันว่างั้นเถอะ คนละจึ๊กสองจึ๊กสุดท้ายสาวน้ำไหลก็เลยได้กลับมาทำมาหากินเหมือนเดิม

แต่แล้วก็ไปไม่รอด เข้ากันได้ดีมาตลอด แต่บทจะเลิกดันยังไงก็ไม่เข้าซะงั้น สุดท้ายทั้งพระเอกคิงคอง ทั้งสาวน้ำไหล ก็ทางใครทางมัน ปิดฉากความเป็นผัว-เมียถาวร

งานนี้ทางด้านสาวน้ำไหลเสียใจแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือ นอกจากพระเอกคิงคองจะไม่เศร้าแล้ว เจ้าตัวยังคึกผิดปกติ ถึงขั้นตระเวนลงอ่างโน้นเข้าอ่างนี้ ตั้งหน้าตั้งตาตีหม้อไม่กลัวโรคเลยทีเดียว ไปบ่อยจนเจ้าของเค้าตอกบัตรเป็นแขกวีไอพี เรียกว่า อยากเปิบหอยเวอร์ชั่นไหน แค่พระเอกคิงคองดีดนิ้ว เจ้าของร้านมีมาเสิร์ฟให้ถึงปากว่างั้นเถอะ

ที่แท้ก็เอาเวลาทำใจไปขึ้นลำนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้ไม่เห็นน้ำตาซักแหมะ มีแต่น้ำอย่างอื่นมันไหลออกมาแทน หุหุหุ

ตั้งแต่ทั้งคู่เลิกรากันมา คนก็เมาท์ว่าเป็นเพราะสาเหตุโน่นนี่นั่นสารพัด บวกกับทั้งสองคนออกตัวว่า เป็นเพราะไปกันไม่ได้ บ้างล่ะ งานเยอะบ้างล่ะ แต่เหตุผลที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้งคู่ตอแหลเล้ย มันรุนแรงและชั่วช้ากว่าที่คิดเยอะ เพราะความจริงแล้ว เป็นเพราะพระเอกคิงคองทนความร่านของสาวน้ำไหลไม่ไหวต่างหาก

มีอย่างที่ไหน ผัวก็มีเป็นตัวเป็นตน แต่ยังทะเยอทะยานอยากรวยทางลัด ถึงกับบินไปให้ไอ้ซินาอ้า สวนมดลูกถึงเมืองนอก กลายเป็นหนึ่งในดารานางบำเรอ ที่ไอ้ไข่เน่ามันใช้เงินฟาดหัวมาขยี้น้ำเชื้อเล่นๆ

ว่ากันว่า การพลีน้องหนูครั้งนี้คุ้มแสนคุ้ม เพราะถึงจะเหี่ยวแห้งไปหน่อย ไม่อวบอัดเป็นโอ่งเหมือน “อีป้าแหบเสน่ห์” หรือแม้จะไม่ใสแหนวเหมือน “อีหนูโรบอต” แต่ก็มีดีที่ลีลาจัดจ้านตามประสาคนกรำศึกมานาน เป็นที่ถูกอกถูกใจไอ้ไข่บวม งานนี้ก็เลยฟาดไปเหนาะๆ 10 ล้าน!!!

ถุย เงินโกงแผ่นดินทั้งน้าน

ซึ่งกติกาบนเตียงก็ไม่ต่างจากเมียคนอื่นๆ นั่นก็คือ ถ้าสายตรงหาใคร คนนั้นต้องรีบหอบหอยกระเตงนมบินไปให้มันขย่มทันที เอ้า คงเพราะมันรู้ตัวว่าใกล้ตายห่าแล้ว ก็คงอยากจะตายตาหลับ แล้วถ้าวันนั้นมาถึง ก็ค่อยเผาจิ๋มกระป๋องไปให้มันละกัน 5555555

ส่วนสาวน้ำไหลก็เพลาๆ หน่อย เกิดจิ๋มพังขึ้นมา หมดอาวุธทำมาหาแดกไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ

ร่านเป็นแรดขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนเค้าจะอยากเอาไปทำเมีย พระเอกคิงคองมันคงนอนเอาตีนก่ายหน้าผากหลายตลบ แต่ถ้าจะทนแหย่รูเดียวกันกับคนอื่นมันก็คงจะสกปรกไป สุดท้ายถึงได้เลือกเดินสายอ่างแทน เพราะนอกจากจะสะเด่าถึงโคนแล้ว ยังไม่ต้องรับผิดชอบอีกด้วย

ยังไงก็อย่า “มัน” จนลืมระวังล่ะ เพราะซ้อไม่อยากให้มีซากเด็กเพิ่มขึ้นอีกแม้แต่ศพเดียว

อีกรายที่กำลังจะตกอับเพราะเจี๊ยวเน่าก็ “นักร้องมาดเซอร์ ชื่อคมสุดๆ” นักร้องหน้าใหม่ ที่เพิ่งดังระเบิดจากการร้องเพลงประกอบหนังโรแมนติกร้อยล้าน

ย้อนไปเมื่อสมัยที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องค่ายยักษ์ หนุ่มมาดเซอร์รายนี้ถือเป็นคนมีแววด้านดนตรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้อีผลักดันตัวเองไปเป็นนักร้องอาชีพ ซึ่งการได้เป็นนักร้อง นอกจากจะทำให้หนุ่มมาดเซอร์มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแล้ว เจ้าตัวยังได้ของแถมเป็นผู้หญิงให้ได้ซ้อมเสียงทุกคืน

เพราะนักร้องกับแฟนคลับมันเป็นของคู่กัน ลีลาจับไมค์บนเวทีมันเร้าใจ จนทำให้แฟนคลับบางคนอยากจับไมค์นักร้องต่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคเก่า จนมายุคนี้นักร้องกับแฟนคลับก็ยังคงนิยมมั่วกันอยู่ รวมไปถึงหนุ่มมาดเซอร์คนนี้ด้วย แต่สงสัยจะเป็นเพราะติดนิสัยทำงานเป็นทีมจากการทำวงดนตรีหรือเปล่าไม่รู้ ถึงได้พากันเซ็กส์หมู่ไม่อายผีสางเทวดา

เรื่องเกิดจากหนุ่มมาดเซอร์พาวงไปเล่นดนตรีที่ร้านตามปกติ แต่พอหลังจากเล่นเสร็จก็ได้เวลากระเจี๊ยวทำงานต่อ ว่าแล้วก็ไปสะดุดตาเอาสาวงามนางหนึ่งที่นั่งดื่มอยู่ในร้าน หนุ่มมาดเซอร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงดิ่งเข้าไปทอดกระเจี๊ยว เอ้ย สะพานสานสัมพันธ์ กะฟันฉับๆ ว่างั้นเถอะ แพล่บๆ

มือชั้นนี้มีรึจะพลาด แค่สาดน้ำลายไม่กี่อึกก็สอยกระโปกกลับไปตำบ๊วบๆ ได้แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน หนุ่มหน้ายาวถึงได้เกิดพิเรนทร์ ชวนเพื่อนในวงติดสอยห้อยตามไปด้วยถึง 5 คน กะลงแขกร่วมด้วยช่วยกันว่างั้นเถอะ ทำเอาเพื่อนฝูงเกาะหัวแกร๊กๆ ไม่เชื่อว่าผู้หญิงจะยอม ว่าแล้วหนุ่มมาดเซอร์ก็ยืดอกข่มว่า “พวกเมิงปั่นเจี๊ยวรอได้เลย เด่วกรูจัดการเอง”

หลังจากนั้น หนุ่มมาดเซอร์ก็เดินดุ่มๆ ไปต่อรองกับสาวคู่ขาอย่างหน้าตาเฉย ว่า ถ้าอยากจะลับตอพี่ ขอ 5 ต่อ 1 ได้ป่ะ พร้อมยื่นข้อเสนอให้เวลาตัดสินใจ แต่งานนี้เกินคาด สงสัยจะคันคะเยอหนัก สาวน้อยพยักหน้าตอบตกลงแบบไม่ต้องรอนาน เล่นเอาหนุ่มมาดเซอร์ดีใจโด่รอเลยทีเดียว

พออะไรๆ เข้าเป้า อีก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบไปเปิดห้องพักเลยชักเย่อกันซี้ดซ้าด อู้อ้า ลั่นห้อง

พอเสร็จศึกก็ต่างคนต่างไป ทิ้งไว้แค่คราบเหงื่อ 55555

แต่ผลปรากฏว่า งานนี้หนุ่มมาดเซอร์เกิดติดอกติดใจพลังแรงเย่อของสาวน้อยคนนี้เข้า อีก็เลยเรียกมาเทสต์ไมค์หัวแดงต่อนอกรอบบ่อยๆ แต่ตั้งแต่หนุ่มมาดเซอร์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องค่ายยักษ์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

แต่ก็อย่าวางใจไปนะจ๊ะ เกิดสาวน้อยคนนั้นจิ๋มสั่นอยากเป็นเมียนักร้องดังขึ้นมา มีหวังได้ผ่าซากอสุจิออกมาตรวจประจาน ทีนี้ล่ะได้กลับไปเป็นนักร้องต๊อกต๋อยเหมือนเดิมเป็นแน่

ถ้าอยากอยู่วงการนี้ต่อ ก็อย่าเที่ยวไปล่อใครตามใจเจี๊ยวอย่างที่เคยทำนะจ๊ะ...

ขอบคุณบทความซ้อเจ็ดจากผู้จัดการออนไลน์

“เอมมี่” ไม่เถียงเนื้อหอมหนุ่มรุมขายขนมจีบ รับมีเข้าตาขอสวยเลือกได้ก่อน

ภาพจากนิตยสาร MIX

“เอมมี่ มรกต” ยังฮอตหนุ่มแวะเวียนขายขนมจีบไม่ขาดสาย รับมีเข้าตาแต่ขอดูให้ชัวร์ก่อน ส่วนข่าวไฮโซมาจีบขอดูไปเรื่อยๆ ลั่นดูที่นิสัยไม่ใช่ฐานะ ให้จับตาดูมีแต่งฟ้าแลบหรือไม่


ตั้งแต่เลิกรากับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ ดาราสาว “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” ก็ดูห่อเหี่ยวกับเรื่องความรัก และดูเหมือนเจ้าตัวปิดโอกาสให้ตัวเอง ซึ่งพอได้มีโอกาสนางเอกสาวจึงโต้ว่า ไม่ได้คิดปิดโอกาส เพียงแค่ต้องการให้เวลากับตัวเองเท่านั้น และยอมรับว่ามีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบอยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจ

"เรื่องหนุ่มๆ ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้างค่ะ เยอะไหม แล้วกี่คนถึงว่าเยอะล่ะ (ยิ้ม) ไม่หรอกค่ะ ก็ถือว่าคุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้ปิดตัวเองนะคะ แต่ก็คือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น คือก่อนที่เราจะคบกับใครสักคน ตัวเราเองก็ต้องพร้อมด้วย ซึ่งตอนนี้มี่ก็ทำแต่งาน แล้วก็อยู่กับเพื่อนตลอดเวลา ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็พอมีหนุ่มเข้าตาบ้าง ส่วนข่าวที่ว่ามีไฮโซมาจีบ อืมก็ดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน ไม่รู้ไม่ได้สนใจที่ฐานะหรืออะไรอยู่แล้วค่ะ ดูที่จิตใจ ดูที่ตัวคนมากกว่า"

“ให้เวลากับตัวเองนานไปไหม อืมไม่นานหรอก การให้เวลากับตัวเองเป็นสิ่งที่ดีนะ ได้ค้นหาตัวเองให้เจอกันก่อนที่จะทุ่มเวลา ทุ่มใจให้ใครสักคนนึง เราก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะคบใครเราก็ต้องมั่นใจก่อนแล้วว่าใช่หรือเปล่า คงไม่ถึงกับใช้คำว่าเข็ดหรือเหนื่อย คงใช้คำว่าประสบการณ์มากกว่า ประสบการณ์ก็สอนให้เรารักตัวเองบ้าง การที่จะถูกใจใครสักคนมันต้องใช้เวลา ตัดสินใจอะไรตอนนี้ก็ไม่ได้ อีกอย่างนึงไม่อยากเร่งรีบที่จะทำให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจทีหลัง”

“จะมีแต่งฟ้าแลบเลยหรือเปล่า แลบขนาดนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ต้องคอยดู ต้องดูไปก่อนค่ะ จริงๆ ตอนนี้ทำงานละครตั้ง 3 เรื่อง แล้วก็งานอื่นๆ อีกเป็นช่วงสร้างตัว ก็ให้เวลากับงานเต็มที่ก่อน"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

"แคท" วอนจบพร้อมท้าสาบานไม่เคยเหวี่ยงสื่อ

"แคท" งงข่าวเหวี่ยงสื่อ บอกอยู่วงการมา 20 ปีไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ยินดีท้าสาบาน รับเสียใจและรู้สึกแย่ที่เกือบจะโดนแบน วอนสื่อจบประเด็นนี้ได้แล้ว

หายหน้าจากหน้าจอไปพักใหญ่ สำหรับนางเอก-นักร้องสาว "แคท แคทรียา อิงลิช" ที่ล่าสุดกำลังมีผลงานละครเรื่อง “แฝดนะยะ” ให้ติดตามชมกันทางช่อง 3 แต่พอหันหน้ากลับเข้ามามีงานได้ไม่นาน ก็มีกระแสข่าวว่า เจ้าตัวเหวี่ยงสื่อไม่ยอมให้สัมภาษณ์ในกองละครเรื่อง “ดวงตาสวรรค์” ซึ่งกับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นสาวแคทรับว่างงและเสียใจมาก เพราะอยู่วงการมา 20 ปีไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้

"ก็ยังงงๆ ว่ามีข่าวแบบนี้ออกมาได้ยังไง เพราะว่าตั้งแต่เข้าวงการมา 20 ปีไม่เคยปฏิเสธเรื่องการให้สัมภาษณ์ เพราะฉะนั้นเลิกหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาได้แล้ว เพราะมันไม่มีจริงๆ มีคนบอกว่าเป็นการเหวี่ยงในการถ่ายละครในกองถ่าย ซึ่งการถ่ายละครมันเป็นความลับอยู่แล้ว แคทก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหน แคทก็งง เพื่อนๆ ก็โทรมาบอกข่าวมาอีกแล้ว"

"เราก็รู้สึกแย่ และรู้สึกเสียใจนะที่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะว่าคราวก่อนที่เกิดขึ้นก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ใช่ความผิดของแคทมันเป็นความผิดของทางงานไม่ได้ประสานอะไรกับพี่ๆ นักข่าว แล้วมาลงที่แคท ก็อยากให้เลิกเล่นประเด็นนี้ได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะ20 ปีที่แคทอยู่ในวงการ และถ้าแคทมีงานด่วน แคทต้องบอกก่อนว่าแคทสายแล้วต้องรีบไป แคทไม่ให้สัมภาษณ์อะไรแบบนี้ ไม่มีทาง ขอสาบานและขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน"

"และครั้งก่อนที่จะโดนแบน แคทคิดว่าแคทไม่อยากอยู่ในวงการแล้ว แต่กลายเป็นว่าไอ้เรื่องที่เข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ แล้วแคทไม่รู้อะไรเลย งงเลยแล้วมันจะกลายเป็นว่าพี่ๆ จะมาแบนแคท แคทรักพี่ๆ แล้วทำไมถึงกลายเป็นรังเกียจแคท เหมือนเสียเพื่อนๆ พี่ๆ ไป แต่พอได้เจอพี่ๆ อีกครั้งนึงก็เข้าใจกันแล้วก็โอเคแล้วค่ะ"

ลั่นไม่ขอโทษสื่อเพราะจะกลายเป็นคนผิดจริงๆ แต่จะขอโทษแทนคนที่ประสานงานที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด

"ถ้าจะให้ขอโทษพี่ๆ สื่อบางคนที่เข้าใจผิด ก็แคทไม่ได้ผิดนะ และถ้าแคทขอโทษกลายเป็นว่าแคทผิดถูกไหมคะ แล้วอันนี้คือจะมาขอโทษแทนคนที่ไม่ได้สื่อสารกับพวกพี่ๆ (หัวเราะ) มันก็คือว่าแคทไม่เคยทำแบบนี้กับพี่ๆ นักข่าวอยู่แล้ว เราต้องเอื้อๆ กันไป เพราะแคทคิดว่าแคทอยู่กับพี่ๆ มาตั้งแต่แคทเข้าวงการมาใหม่ๆ และการที่แคทเข้ามาในวงการก็น่าจะรู้ใจกันแล้ว"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“กะเทยเอมมี่” โวพ็อกเก็ตบุ๊กยอดจองเป็นพัน ยันเขียนถึง “อั้ม” ขำๆ รับเคยเป็นแฟน “ฟิล์ม ทิฟฟานี่” อุบใครรุก-รับ

“กะเทยเอมมี่” โวพ็อกเก็ตบุ๊กยังไม่ทันคลอด แต่มียอดสั่งจองมาเป็นพันแล้ว ยันมีเรื่อง “อั้ม-โน้ต” ในหนังสือ แต่ออกแนวขำๆ ไม่รุนแรงถึงขั้นถูกฟ้องร้อง ไม่เถียงเกาะกระแสนางเอกสาวและรู้สึกดีที่ดังสมใจ ลั่นยังไม่เคลียร์ซดเกาเหลา “แจ๊ส” แต่คุยกันได้ รับเคยเป็นแฟน “ฟิล์ม ทิฟฟานี่” แต่ไม่รับใครเป็นฝ่ายรุกหรือรับ

เอ่ยปากเกริ่นมานานแล้ว กำลังซุ่มทำพ็อกเก็ตบุ๊กเรื่องราวชีวิตของตัวเองอยู่ รวมทั้งมีบางส่วนที่พูดถึงนางเอกตัวแม่เซ็กซี่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” กับแฟนหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์” รวมอยู่ด้วย จากกรณีข่าวฉาวตนถูกไฮโซหนุ่มหิ้วขึ้นคอนโด ล่าสุดกะเทยหน้าสวย “เอมมี่ รัชฎา ครุฑรามาษ” ได้เผยถึงความคืบหน้าว่า พ็อกเก็ตบุ๊กทำเสร็จเรียบร้อย และได้ฤกษ์คลอดในสัปดาห์หน้า แย้มชื่อหนังสือ “เอมมี่กะเทยแห่งปี” พร้อมยันมีเรื่อง “อั้ม” อยู่ในหนังสือแน่นอน

“พ็อกเก็ตบุ๊กเรียบร้อยแล้วค่ะ จะออกอาทิตย์หน้า ตอนนี้มียอดสั่งจองเข้ามาแล้ว ประมาณหลักพัน แต่เอมมี่ไม่ทราบว่าคนที่จองเป็นใคร เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่จัดการหมดเลย ส่วนเนื้อหาจะออกแนวตลกๆ เอมมี่จะเขียนถึงเพื่อนและเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับพี่อั้มก็เป็นอะไรที่ขำๆ ไม่ได้จริงจัง แต่มีในหนังสือแน่นอน และรับรองไม่มีการฟ้องร้องแน่ๆ”

“เนื้อหาในหนังสือยืนยันว่าเซฟและเป็นเรื่องจริง เนื้อหาไม่ได้แรงมากเหมือนที่มีกระแสออกมา ขนาดผู้ใหญ่และเพื่อนๆ อ่านแล้วยังบอกว่าขำดี อ่าน 3-4 รอบก็ไม่เบื่อ ก็เหมือนที่เอมมี่บอกพี่ๆ ไปหลายรอบแล้ว่า เป็นการเขียนแบบขำๆ ตลก ดังนั้นเลยไม่ได้กลัวจะมีใครมาฟ้องร้อง และก็ไม่มีใครที่ถูกพาดพิงโทรมาหาด้วย เพราะถ้าอ่านแล้วจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”

ต่อข้อซักถามที่ว่า “อั้ม พัชราภา” รออ่านหนังสือเธออยู่ รู้สึกอย่างไร เจ้าตัวหัวเราะร่วนก่อนตอบว่า

“(หัวเราะ) ก็ฝากพี่ๆ ไปด้วยดีกว่า ให้พี่ๆ ไปซื้อกัน แต่ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นอะไรที่อ่านขำๆ อ่านแล้วเพลิน แล้วก็มีแฟชั่นที่คนไม่เคยเห็น จะได้ดูว่านี่เหรอกะเทย ภาพก็หวิวมากเลยค่ะ ขนาดปอย (ตรีชฎา มาลยาภรณ์) ยังบอกว่าหวิวมากเลย”

“คือคนที่รู้จักเราจากข่าวพี่อั้ม เขาก็ต้องมองอยู่แล้วว่าต้องเขียนเรื่องนี้แน่ๆ มันต้องแฉต้องอะไร ซึ่งภาพที่ออกไปมันดูแรง เอมมี่ก็ดูเสียหาย บางครั้งเราก็ต้องแคร์บ้าง จะบอกว่าไม่แคร์ก็ไม่ถูกต้อง ก็ต้องแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างบ้าง แต่ตัวเอมมี่รู้สึกข่าวเป็นกระแสแล้ว ก็ต้องเกาะกระแสไป เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้แล้ว ถามว่าเสียใจไหมที่ถูกมองเกาะเขาดัง มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เอมมี่รับได้มากกว่า คิดว่าเป็นแง่บวก สำหรับเรารู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันที่ดัง (หัวเราะ)”

ส่วนกรณีซดเกาเหลากับมิสทิฟฟานี่ 2009 “แจ๊ส สรวีย์ นัดที” ถูกอีกฝ่ายท้าตบผ่านข้อความทางบีบี เพราะเป็นเพื่อนของ “ปอย ตรีชฎา” เจ้าตัวลั่นยังไม่ได้เคลียร์อีกฝ่าย แต่ยันยังเจอและคุยกันได้ พร้อมยอมรับเคยเป็นแฟนกับ “ฟิล์ม ธัญญรัศม์ จิราภัทร์ภากร” มิสทิฟฟานี่ 2007 มาก่อน

“กับแจ๊สยังไม่ได้เจอกันสักครั้งเลยค่ะ ก็ไม่ได้คุยกันเลย แต่ถามว่าเจอกันได้ไหม ก็เจอกันได้ค่ะ และก็คุยกันได้ เพราะเป็นสาวประเภทสองเหมือนกันก็คุยกันได้อยู่แล้ว”

“ส่วนภาพหลุดกับฟิล์มก็ยอมรับว่าเคยคบกันสมัยเด็กๆ เคยเป็นแฟนกันตอนอยู่ม.4 ก็แค่หอมแก้มกันไม่มีอะไร ตอนนั้นเรายังเป็นผู้ชายนะ ก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยคบกัน แต่ปฏิเสธว่าใครรุกใครรับเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ส่วนความสัมพันธ์ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ”

ขอบคุณข่าวแ๋ซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พิธีซิโกเด็ก สวดส่งวิญญาณทารกแท้ง

จากกระแสข่าวการพบซากทารกกว่า 2,000 ศพ ในวัดไผ่เงิน คงไม่มีใครที่เห็นข่าวนี้แล้วจะไม่สลดหดหู่ แต่ในทางกลับกันก็มีกระแสเรื่องของพิธี "ซิโกเด็ก" หรือ "การสวดส่งวิญญาณทารกแท้ง" เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสังคมถึงความถูกต้อง โดยพิธีกรรมนี้จะมีขึ้นที่ วัดศรีบุญเรือง ถนนรามคำแหง ในวันที่ 27 พ.ย. 2553 โดยทาง วัดศรีบุญเรือง ยืนยันเดินหน้าทำพิธีต่อไปเพื่อเป็นการทำบุญให้กับเด็กที่ถูกทำแท้ง พร้อมชี้แจงเพิ่มว่า พิธี "ซิโกเด็ก" นี้ ไม่สามารถช่วยชำระล้างบาปที่ได้ทำผิดไว้ได้แน่นอน
วันนี้ทาง Ghostshock จึงขอนำเสนอจุดกำเนิดของพิธีดังกล่าว พิธี "ซิโกเด็ก" เป็น พิธีกรรมทำบุญ สวดส่งวิญญาณ และเผาทารกคลอดก่อนกำหนด (แท้ง) เป็นพิธีกรรมที่ลูกศิษย์พระครูโกศลธรรมโสพิศ หรือ พระอาจารย์อ๊อด ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดหน้าพระ เมรุราชิการาม หรือวัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา จัดให้มีพิธีกรรมนี้ขึ้นทุกๆ ปี ทั้งนี้ได้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2540


พระอาจารย์อ๊อดได้บอกกล่าวลูกศิษย์ว่า "ความจริงแล้ว พิธีกรรมนี้ไม่ใช่การไถ่บาปสำหรับผู้ที่เคยทำแท้งมาก่อน หากแต่เป็นการทำเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีโอกาสได้พบกับความสงบสุข มีโอกาสได้รับส่วนบุญส่วนกุศล ถือเป็นการส่งดวงวิญญาณเหล่านั้น ให้พ้นจากห้วงทรมาน และสามารถไปสู่สัมปรายภพได้ "

พิธีเริ่มต้นด้วยการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บวงสรวงดวงวิญญาณสัมภเวสี ที่ยังเร่ร่อนอยู่ โดยยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด การทำบุญเลี้ยงพระ และมีการเขียนชื่อผู้ตายลงในกระดาษ แล้วใส่ไปในโลง นอกจากนี้ยังมีการ เผาภูเขาทอง สิ่งของเครื่องใช้ไปให้แก่ดวงวิญญาณทารก หลังจากเผาเสร็จจะมีการเดินข้ามสะพานข้ามอุปสรรค ซึ่งเป็นสะพานที่คลี่คลายและลดปัญหาวุ่นวายในชีวิตภายในวันงาน ที่สำคัญพิธี "ซิโกเด็ก" นี้ห้ามฝากกันโดยเด็ดขาด

ส่วนคติความเชื่อของผู้ร่วมงานเข้าพิธี คือ ผู้ที่เคยผ่านการทำแท้ง ส่วนใหญ่มักจะถูกรบกวนจากดวงวิญญาณทารกที่ถูกทำลาย เนื่องจากการทำแท้งนั้น เป็นเพียงการเอาร่างกาย หรือตัวอ่อนที่ยังเป็นก้อนเลือดก้อนเนื้อของเด็กที่มาเกิดเป็นลูกของผู้ที่ทำแท้งออกเท่านั้น