วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เฮี้ยนไม่เลิก ศพทารก 2002 ศพ เจออาถรรพ์ถ่ายภาพไม่ติด

ร้อยวันพันปีไม่มีใครเคยรู้มาก่อนเลยว่าที่มีศพทารกจำนวนมากนอนอัดอยู่ในโกดังเก็บศพ ภายในวัดไผ่เงินโชตนาราม แต่หลังจากพบซากศพทารกกว่า 2002 ศพ ก็มีผู้มีจิตศรัทธานำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเด็กๆเหล่านั้น ทั้งนี้ยังตกลงไม่ได้ว่าจะเผาหรือฝังศพทารกดีเนื่องจากกลัวอาถรรพ์กัน แต่ทางวัดก็จะมีการจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทารกทั้งหมดในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้

เลยขอรวบรวมเหตุการณ์อาถรรพ์มาถ่ายทอดให้เพื่อนได้อ่านกัน เริ่มจากมีช่างภาพจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเกิดประสบกับเรื่องอาถรรพณ์ระหว่างทำงาน คือ กล้องไม่สามารถบันทึกภาพได้หลังกดชัตเตอร์ แต่เมื่อมีผู้แนะนำให้ลองยกมือไหว้ขอขมาและขออนุญาตดวงวิญญาณ กล้องก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ


หรือเหตุการณ์ที่คณะของพล.อ.ชัยพัฒน์ ธีระธำรงค์ อดีตผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ นายทหารรุ่นน้องคนสนิทของพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีตประธานคมช. พร้อมด้วย พล.ท.ประสูติ รัศมีแพทย์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม ทำการนิมนต์พระสงฆ์ภายในวัดและเกจิอาจารย์จากต่างจังหวัดมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณให้แก่ทารกทั้งหมดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 พ.ย.53 พระครูพิพิธศาสนการ หรือ หลวงพ่อบุญเหลือ เจ้าอาวาสวัดช่องลม จ.ชลบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยหลังจากมีการทอดผ้าบังสุกุลและพิธีแก้อาถรรพ์ปลดปล่อยดวงวิญญาณเป็นที่เรียบร้อย ทางหลวงพ่อบุญเหลือ ได้แจ้งให้คณะนายทหารทราบว่า

ระหว่างทำพิธีเห็นเด็กสภาพเนื้อตัวมอมแมม มารอรับส่วนบุญกลุ่มใหญ่ คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 2,002 คนเสียอีก แต่สามารถส่งวิญญาณทารกไปเกิดใหม่ได้แค่ 722 ดวงเท่านั้น ที่เหลือยังยึดติดอยู่กับสังขารต้องการตามหาแม่ผู้ให้กำเนิด ขณะที่มีบางส่วนถูกเจ้ากรรมนายเวรดึงวิญญาณเอาไว้ ทางหลวงพ่อบุญเหลือ จึงแนะนำให้ทางคณะทราบว่าหากต้องการให้เด็กๆที่เหลือหลุดพ้นต้องหมั่นทำบุญให้บ่อยๆ แต่ทั้งนี้ก็มีอุปสรรคอยู่บ้างเหมือนกันเพราะต้องทำให้ตรงกับวันคืนที่มีฤกษ์ยามในการสวดส่งวิญญาณได้เท่านั้น

แจ๊ค-จิลล์ สองฝาแฝดอดีตนักร้องดังผู้ชื่นชอบการเลี้ยงกุมารทอง เดินทางมาพบพระทิวา ธัมมะชโย เลขานุการพระครูวิจิตรสรคุณ เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินฯ เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับวิธีการฌาปนกิจซากทารกทั้ง 2,002 ศพ หลังหนุ่มแจ๊ค-จักรพันธ์ แฝดผู้พี่ฝันเห็นเด็กๆมาวิ่งเล่นซุกซน แต่ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าลูกๆกุมารนับพันตัวที่บ้านคงมาหยอกเล่นกันตามปกติ พอมีข่าวออกมาจึงคิดได้ว่าน่าจะเป็นการแจ้งเตือนให้เดินทางมาทำบุญ ทั้งคู่พร้อมเตือนให้ทำการฝังซากทารกห้ามเผาเด็ดขาดเพราะจะเกิดเรื่องวุ่นวาย วิญญาณทารกทั้งหมดจะแสดงความเฮี้ยนให้เห็นอย่างแน่นอน

ด้านพระทิวา ธัมมะชโย เลขานุการเจ้าอาวาสฯ กล่าวว่า เท่าที่ศึกษาตามหลักของพระพุทธศาสนาไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าจะให้ดำเนินการกับศพทารกที่ถูกทำแท้งอย่างไร แต่เท่าที่รู้มาบ้างก็คือก้อนเลือดในครรภ์มารดาถือเป็นมนุษย์มีชีวิตแล้ว มีลมหายใจและยังมีศีลบริสุทธิ์ หากเกิดเสียชีวิตในครรภ์ตามโบราณจึงเชื่อว่าไม่มีใครกล้าเผา เนื่องจากหาผู้ครองศีลบริสุทธิ์มาทำพิธีเผาไม่ได้อาจเกิดอาเพศแก่ผู้ลงมือทำ

ส่วนเรื่องราวอาถรรพ์ต่างๆ พระทิวาตอบเพียงว่า หากจำกันได้เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่พบซาก 348 ศพแรก ก่อนหน้านั้นฝนหยุดตกไปนานแล้ว แต่หลังจากที่หน่วยกู้ภัยมานำร่างทั้งหมดออกจากช่องเก็บศพหมายเลข 17 ปรากฏว่า 3 ทุ่มคืนเดียวกันเกิดพายุฝนตกหนักราวกับเบื้องบนต้องการชะล้างอะไรบางอย่างให้หมดไปจากวัด ตลอดจนเรื่องที่เจ้าหน้าที่วัดมาทำความสะอาดเก็บกวาดขยะพบกล่องนมถูกดูดน้ำนมจนหมดไปแล้ว จำนวนหลายกล่อง หรือการที่ได้เห็นตุ๊กตาเซ่นไหว้เดินได้ ทำเอาวิ่งหนีกันกระจาย เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Tim กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไป 3 ปี กับอัลบั้ม “New Beginnings”

มิวสิควีดีโอ ‘Let’s Play Dance’ จากเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ Girl2School

ศึกเต้าชนเต้า! “ออย” งดสัมภาษณ์คู่ “เมเปิ้ล” ยันไม่มีเจตนาเอาเท้าเขี่ย

“ออย” งดสัมภาษณ์คู่ “เมเปิ้ล” ลั่นยังเสียความรู้สึกกับข่าวเอาเท้าไปเขี่ยอีกฝ่าย ยันไม่มีเจตนาและเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยอมขอโทษถ้าเซ็กซี่รุ่นน้องยังติดใจ โต้รวมหัวกันปั่นกระแส รับน้อยใจมีแต่ข่าวแง่ลบซดเกาเหลากับคนอื่นตลอด


กลายเป็นศึกชนเต้าซดเกาเหลาชามโตของ 2 สาวเซ็กซี่ไปโดยปริยาย หลังมิสแม็กซิม “เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์” ออกมาเผยว่า ไม่พอใจที่ถูกนักแสดงสาวรุ่นพี่ “ออย ศรุตา เรืองวิริยะ” ใช้เท้าเขี่ยกลางงานพิธีอาบน้ำจัณฑ์ ณ สำนักอาจารย์เม้ง ขุนแผน เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา และทันทีที่กลายเป็นประเด็นฉาว “ออย-เมเปิ้ล” ก็มีอันต้องโคจรมาเจอกันในงาน ''LEO Fashion @ CentralPlaza RAMA3'' ที่จัดขึ้น ณ ลานเบียร์ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เมื่อวันก่อน

ซึ่งงานนี้ของแรงกับของแรงมาเจอกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างทำเชิดไม่มองหน้ากัน แถมยังปฏิเสธที่จะถ่ายภาพหรือยืนให้สัมภาษณ์คู่กันอีกต่างหาก โดย “เมเปิ้ล” ได้รีบชิ่งเดินออกจากงานไปทันที เหลือเพียงแต่ “ออย” ที่พูดตอกย้ำกับสื่อว่า ไม่ขอสัมภาษณ์คู่ เพราะยังเสียความรู้สึกกับข่าวที่เกิดขึ้น

“มันไม่ต้องสัมภาษณ์คู่ก็มันคือคนละเรื่อง อาจจะเรื่องเดียวกัน แต่ว่า.......จริงๆ ออยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้จะได้มาเจอกัน คือพอดีคิวน้องคนนั้นไม่ได้ ออยเพิ่งรู้ตอนบ่าย แล้วก็มารู้ที่งานนี้ค่ะว่าได้มาร่วมงานกัน แต่ก็ไม่อยากสัมภาษณ์คู่กันเฉยๆ เพราะความรู้สึกมันยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ให้มันร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนแล้วค่อยสัมภาษณ์คู่ คือเราเป็นรุ่นพี่ เราอยู่ในวงการมาก่อน บางทีว่าเราก็ไม่รู้จะขอโทษยังไง เจตนาคือเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นการเข้าใจผิด ก็อาจจะมีกระทบกระทั่งบ้าง คือตรงนั้นเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ มันนั่งพับเพียบหลายชั่วโมงก็เมื่อย เพราะฉะนั้นก็ต้องมีสลับขาบ้าง แต่เราไม่มีเจตนาหรือว่าตั้งใจที่จะไปทำไม่ดีอะไร แต่ถ้าน้องเข้าใจว่าออยเอาเท้าไปสะกิดเขา ออยก็ขอโทษด้วย”

“เมื่อกี้เจอกันก็ไม่ได้คุยไม่ได้ทักอะไรกัน ก็เฉยๆ ไม่รู้จะคุยอะไร ตัวเขาเองก็ไม่ได้มาขอโทษอะไรออย เขาก็เฉยๆ ค่ะ จริงๆ ออยไม่ได้ติดใจอะไรนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอะไรขนาดนั้น เราก็คุยกับผู้จัดการเขา แต่จะไม่คุยกับตัวน้องเอง เพราะเราก็รู้ว่าเขาก็มีอารมณ์ เราก็มีอารมณ์ อย่างงานที่มีพิธีเป็นมงคลต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน คือ ร้อนหงุดหงิดอย่างนี้ เราก็เข้าใจว่ามีอารมณ์ แต่น้องเขาหันมาส่งสายตา เราก็แบบ อุ๊ย! แรงไปไหม เราก็แบบไม่ดีแน่ ลองเข้าไปคุยกับผู้จัดการว่า เราทำอย่างนี้ถูกไหม”

“ก่อนหน้านี้เราถ่ายหนัง ผู้หญิง 5 บาป ด้วยกัน แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายร่วมซีนกัน ก็จะแยกต่างคนต่างถ่าย ดังนั้นไม่มีทางที่ออยจะเคยเหวี่ยงเขาหรือไม่กินเส้นกันมาก่อน คือออยจะสนิทกับโอ๋ (รุ่งระวี บริจินดากุล) มากกว่า เหมือนน้องเขาก็เพิ่งเข้ามาในวงการ สนิทกับเพื่อนที่เราเคยทำงานร่วมกันบ่อยๆ แต่ถามว่าเราติดใจอะไรไหม ก็ไม่ได้ติดใจนะ แต่ก็ไม่รู้น้องเขาติดใจอะไรหรือเปล่า”

ปฏิเสธมีทิฐิถ้าอีกฝ่ายไม่คุย ก็จะไม่คุยด้วยก่อน บอกให้เวลาพิสูจน์ ถ้าตนรู้สึกผิดจะไปขอโทษอีกฝ่ายเอง

“มันก็ไม่ใช่ว่าถ้าเขาไม่คุย เราก็จะไม่คุยก่อน แต่ออยไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเราก็ไม่ได้มีเจตนาเอาเท้าไปเขี่ย และมันใช้ศัพท์ที่ไม่ใช่เท้ามันแรงไป เราก็เลยตกใจ เราก็ไม่รู้นะ คือเพื่อนส่งข่าวมาให้ดู ถามว่าต้องการให้น้องเขามาขอโทษเราหรือเปล่า ก็ไม่ต้องมาขอโทษหรอกค่ะ ให้เวลาช่วยละกัน เวลาอาจจะบอกอะไรเอง หรือว่าวันหนึ่งออยรู้สึกตัวเองผิด ก็จะไปขอโทษนะ ก็จะบอกพี่ออยไม่ได้ตั้งใจ ก็ขึ้นอยู่กับเวลา”

“ตอนนี้เราก็ยังร่วมงานได้ แต่ไม่ขอถ่ายรูปด้วย เพราะมันก็ยังไม่เคลียร์ แต่ถ้าเขาจะมาเคลียร์เราก็โอเคค่ะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต แต่ข่าวมันออกมาค่อนข้างแรง คือตอนนี้ออยมีแต่ข่าวลบไปหมด พาดหัวเราเอาเท้าไปเขี่ย มันดูแย่ ก็เข้าใจว่ามีอารมณ์ แต่เราก็ให้เกียรติพิธีกรรมที่กำลังทำอยู่ แต่ไม่มีอะไรค่ะ ก็รักน้องเหมือนเดิม เราทำงานด้วยกัน ก็ผูกพันรักทุกคนแหละ แต่บางทีความรู้สึกที่ให้ไปดีๆ แต่พอให้กลับมาแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ถ้าน้องคิดมากก็ขอโทษแล้วกัน เพราะพี่ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว”

ปัดแท็คทีมกับ “เมเปิ้ล” สร้างกระแส รับน้อยใจมีข่าวในแง่ลบมาตลอด

“ไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสหรอกค่ะ เพราะตัวเมเปิ้ลก็ดังของเขาอยู่แล้ว ส่วนออยก็มีข่าวเรื่อยๆ ของออย ไม่จำเป็นต้องแบบว่าเกาะกันสร้างกระแส อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไร มันเป็นการเข้าใจผิด ก็กระทบกระทั่งกันได้ แต่ว่าถ้าเขาแรงมาเราก็แรงกลับ เราก็เฉยๆ ไม่รู้สิถ้าคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างนั้นก็ไม่เข้าใจ อึดอัดไหม ร้อนไหม หงุดหงิดไหม ออยคิดว่าทุกอย่างมันอยู่ที่กาลเทศะ และออยเป็นคนที่รู้กาลเทศะ ไม่เช่นนั้นออยคงอยู่ในวงการไม่ได้นานขนาดนี้”

“ออยมีข่าวมีปัญหากับคนโน้นคนนี้บ่อย ก็กลัวนะคนจะมองเราในแง่ลบ คนที่ไม่รู้จักออยต้องเกลียดออยแน่นอน เพราะว่าไม่มีข่าวดีๆ เลย ออยก็เหนื่อยแล้วก็เสียใจค่ะ ที่คนไม่เข้าใจคิดว่าเราชอบสร้างกระแสตลอดเวลา ใครจะสร้างกระแสตลอดเวลา บางครั้งก็ท้อเหมือนกัน ก็มีแอบร้องไห้ แอบเสียใจที่เออเราทำดีที่สุดแล้ว แต่บางครั้งมันเหมือนแบบอะไรก็ลบๆๆ อาจเป็นเพราะลุคของเราด้วย ลุคน้องเขาก็ดูแรง ดูเซ็กซี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้ดูยิ่งแรงๆ มากขึ้น”

“ออยก็เสียใจ เพราะว่าเราก็ตั้งใจทำงานทุกอย่างเต็มที่ อย่างหนัง หรืออีเว้นท์ ทุกอย่างตั้งใจหมด แต่สิ่งที่กลับมาคือคำถามว่าทำไมไม่ถูกคนนั้น ไม่ถูกคนนี้ คือไม่ไปถามเขาบ้างล่ะว่า...ทำไมถึงไม่ไอ้นี่ออย ออยอาจจะเป็นคนที่พูดค่อนข้างตรงมั้ง มันก็เลยดูเหมือนเราแรง แต่จริงๆ แล้วในบางครั้งที่เรามองคนที่เฟคเก่งกว่าเรา เขาอาจจะร้ายกว่าเราก็ได้ แต่ด้วยความที่ลุคเราเป็นแบบนี้มั้ง เลยทำให้เราเป็นแบบนี้”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

Rain จะร้องเพลงฮิต 3 เพลงในพิธีปิดกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010

“ฟิล์ม” พ้นมรสุม เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ได้ฉายา “ธีรภัทโท”

“ฟิล์ม” บวชแล้วที่วัดชุ้ง จ.สระบุรี ได้รับฉายา “ธีรภัทโท” แปลว่า “นักปราชญ์ผู้ประเสริฐ” มีเพื่อนดาราแห่อนุโมทนาบุญแน่น แต่ไร้แวว "เจนี่" แฟนคลับทำหมอนมาถือ 100 ใบ เจ้าตัวเผยตั้งใจบวชศึกษาพระธรรมนาน 25 วัน พรุ่งนี้ (26 พ.ย.) หลังบิณฑบาตโปรดคุณยาย จะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุปูแช่ จ.เชียงใหม่ ก่อนสึก 19 ธ.ค.และบินเรียนต่ออังกฤษทันที
หลังผ่านพ้นมรสุมข่าวฉาว และมีพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบล้านนาไปแล้ววานนี้ (24 พ.ย.) นักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทสมความตั้งใจเมื่อช่วง เช้าที่ผ่านมา ที่วัดชุ้ง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี พร้อมเพื่อนสนิทอีก 3 คนที่เข้าร่วมพิธีอุปสมบทในครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อเวลา 07.00 น.ได้มีพิธีปลงผมนาค ซึ่ง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” มีสีหน้าสงบนิ่งสำรวม ขณะที่คุณยายเนื่อง ทองมั่ง เป็นผู้เริ่มต้นขริบปลายผม ตามด้วยคุณพ่อเสริมศักดิ์ โตคงทรัพย์ และคุณแม่โคมมนต์ ทองมั่ง จากนั้นเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงบันเทิงอาทิ เฮีย ฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์และภรรยา ผู้บริหารอาร์เอสฯ, หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธ์ บอสใหญ่ค่ายบรอดคาซท์ฯ, แหม่ม พัชริดา วัฒนา, พจน์ อานนท์, เอกชัย ศรีวิชัย, ปาน ธนพร, อี๊ด สมพงษ์ คุนาประถม หรือ อี๊ด โปงลางสะออน, ลูลู่ ดวงฤดี บุญบำรุง, ลาล่า ขวัญนภา เรืองศรี ฯลฯ

กระทั่งเวลา 08.30 น.มีการแห่นาครอบโบสถ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เหล่าแฟนคลับของนักร้องหนุ่มรวมตัวกันทำหมอนจำนวน 100 ใบ และขนกันมาร่วมงานถึง 2 คันรถทัวร์ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนพ้องในวงการที่มาร่วมอนุโมทนาบุญ และร่วมขบวนถือหมอน-พานเทียนแพ อาทิ แนนนี่ เกิร์ลลี่เบอร์รี่, โฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไร, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, หวาย ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์, วงแบล็ควนิลลา, วงไอน้ำ, วงพริกไทย, โทโมะ เคโอติก ฯลฯ แต่เป็นที่ น่าสังเกตว่างานนี้กลับไร้แววนางเอกเพื่อนซี้อย่าง "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" หรือแม้กระทั่งอดีตคนเคยรักอย่าง "ฝ้าย อริญรดา ปิติมารัชต์" มาร่วมงานแต่อย่างใด

ทั้งนี้นาคฟิล์มได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเข้าพิธีบวชว่า การบวชในครั้งนี้เป็นความตั้งใจของตนมานานแล้ว ก็รู้สึกปลาบปลื้มดีใจที่ได้ทดแทนคุณพ่อแม่ ศาสนา รวมถึงผู้มีพระคุณทั้งหลาย และได้ปฏิบัติธรรมจริงๆ ซึ่งตนจะปฏิบัติให้ดีที่สุด เพื่อนำทางธรรมมาใช้ทางโลกให้มากยิ่งขึ้น วันนี้พอได้ก้าวเข้ามาอยู่ในศาสนาแล้ว เมื่อเทียบเคียงกับโลกมายาต่างกันสิ้นเชิง แค่ท่องคาถาสวดมนต์ก็รู้สึกว่ายากแล้ว ตอนผู้มีพระคุณทั้งหลายมาตัดผมก็ขนลุก ซึ้ง และเริ่มปลงว่ามนุษย์ก็แค่นี้เอง เรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องภายนอกมาก

เมื่อถามตอนนี้ยังมีอะไรกังวลในใจหรือไม่ นาคฟิล์มตอบว่า ไม่มีแล้ว และตนอยากบวชให้ทุกคน ก่อนหน้าที่จะบวชก็ได้ไปลาทุกคน รวมถึงแฟนคลับ ขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้ ซึ่งแพลนหลังจากนี้ในวันพรุ่งนี้จะออกบิณฑบาตให้อากง คุณยาย และคนในจ.สระบุรี แล้วจะเดินทางไปจำวัดต่อที่จ.เชียงใหม่ หากแฟนคลับจะตามมาทำบุญก็ไม่ขัดศรัทธา ใครอยากมาก็ได้ สำหรับสิ่งที่จะได้กลับมาจากการบวชในครั้งนี้ ตนคาดเดาไม่ได้ แต่อยากให้ได้มากที่สุด เพราะรุ่นพี่หลายคนเคยบอกว่าการบวชดี เรากำลังจะเข้าไปถึงจุดนั้นแล้ว ก็อยากให้ได้รับอย่างนั้นเช่นกัน

ด้าน “คุณพ่อเสริมศักดิ์-คุณแม่โคมมนต์” เผยความ รู้สึกเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกดีใจและมีความสุขที่วันนี้ได้สมหวังในชีวิต และลูกชายก็มีความตั้งใจที่จะบวชอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้แนะลูกไปว่าแม้เป็นสิ่งที่ต้องการมานาน แต่เป็นช่วงระยะเวลาแค่สั้นๆ ดังนั้นขอให้ตั้งใจศึกษาพระธรรมให้ดีที่สุด และหลังจากสึกแล้วไม่ต้องทิ้งการปฏิบัติธรรม ขอให้ทำควบคู่ไปกับทางโลกด้วย

จากนั้นเมื่อถึงเวลา 09.30 น.นักร้องหนุ่มก็ได้เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีท่านเจ้าคุณวิสุทธิโสภณ เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ววรวิหาร เจ้าคณะอำเภอเสาไห้ เป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมให้ฉายา “ธีรภัทโท” แปลว่า “นักปราชญ์ผู้ประเสริฐ” สำหรับการบวชในครั้งนี้ พระฟิล์มตั้งใจศึกษาพระธรรมนาน 25 วัน โดยเช้าวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.จะเดินบิณฑบาตโปรดคุณยายเนื่อง ทองมั่ง ก่อนออกเดินทางไปศึกษาพระธรรม และปฏิบัติธรรมต่อที่วัดพระธาตุปูแช่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และมีกำหนดลาสิกขาในวันที่ 19 ธ.ค. จากนั้นจะเดินทางไปเรียนภาษาต่อที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษในวันที่ 28 ธ.ค.นี้

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“อั้ม” ไม่ฟ้องตัวปลอมอ้างชื่อทวีตด่าแฟนคลับ

“อั้ม พัชราภา” ยันตัวปลอมเล่นทวิตเตอร์ด่าแรงแฟนคลับ ลั่นไม่โกรธและไม่คิดฟ้องร้อง บอกอยากทำอะไรตามสบาย มั่นประชาชนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อเป็นตน พร้อมแย้มปีใหม่เปลี่ยนแพลนควง “โน้ต” เค้าท์ดาวน์แดนกิมจิแทนท่องยุโรป


สร้างความฮือฮาอีกระลอกสมกับเป็นนางเอกตัวแม่เซ็กซี่ สำหรับ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่วานนี้ (24 พ.ย.) ได้ไปร่วมโชว์ในงาน มิดไนท์ เซลล์ รอแยล ที่ ดิเอ็มโพเรียม โดยสวมหน้ากากนกยูงเพชรมูลค่าสูงถึง 200 ล้านบาท เต้นรำคู่กับพระเอกรุ่นน้อง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ซึ่งงานนี้ทำเอานางเอกสาวตื่นเต้นสุดๆ พร้อมเปรยอยากเป็นเจ้าของเพชรเม็ดใหญ่บนหน้ากากสักเม็ดหนึ่ง เอ๊ะ...ก็ไม่รู้หวานใจตัวจริงอย่าง “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” จะได้ยินเสียงร่ำร้องนี้หรือเปล่า?!?

นอกจากนี้สาวอั้มยังได้ขอแก้ต่างกับสื่อ เกี่ยวกับกรณีถูกแอบอ้างชื่อเล่นทวิตเตอร์ด่าแฟนคลับด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง ซึ่งนางเอกสาวยันว่าไม่ใช่ตัวเอง และไม่คิดฟ้องร้องคนที่แอบอ้างแต่อย่างใด

“อั้มเห็นข่าวแล้วค่ะ เมื่อวานเพื่อนโทรมาบอก ก็เลยเข้าไปดู จริงๆ อั้มจะใช้ชื่อ เลดี้ กาก้า ก็ได้ หรือใช้ชื่อใครก็ได้ ก็ไม่ได้ว่าเขา และไม่ได้โกรธเขา เพราะเขาก็สะกดชื่อเราไม่ตรงด้วย อาจจะไม่ใช่เราก็ได้ แต่ยืนยันเลยว่า อั้มไม่ได้เล่นค่ะ ไม่ใช่เรา แล้วก็คงไม่ฟ้องร้องอะไรด้วย ไม่งั้นอั้มคงโดน เลดี้ กาก้า ฟ้องแล้ว”

“ตอนที่รู้เรื่องนี้อั้มไม่ตกใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะอั้มเห็นดาราหลายคนก็เจอเรื่องแบบนี้ ถือว่าเขาชื่นชอบเราแล้วกันเลยใช้ชื่อเรา ไม่ว่าค่ะ อั้มเชื่อว่าคนที่อ่านข่าวก็เข้าใจอยู่แล้วว่าไม่ใช่ดาราคนนั้น สำหรับอั้มก็บอกได้สั้นๆ ว่า ไม่ใช่อั้มค่ะ แล้วโลกอินเทอร์เน็ตกว้างมากใครจะเป็นใครก็ได้ในนั้น อยากใช้คำหยาบ ใช้อะไรก็ใช้เถอะค่ะ ตามสบาย แต่ไม่ใช่อั้ม เพราะอั้มไม่ได้เล่น อั้มว่ามีคน 89 เปอร์เซ็นต์นะที่ไม่เชื่อเลยว่าเป็นอั้มแน่นอน”

ทั้งยังเผยโปรแกรมเที่ยวช่วงปีใหม่ จากที่เคยวางจะจูง “โน้ต วิเศษ” ไปท่องยุโรป ก็เปลี่ยนมาเป็นเกาหลีแทน

“โปรแกรมเที่ยวช่วงปีใหม่อาจจะเปลี่ยนใจแล้วค่ะ เพราะพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) จะเลี้ยงขอบคุณทุกคนที่ทำงานร่วมกับเขา มีช่างแต่งหน้า ทำผมเยอะแยะ เขาจะไปเลี้ยงที่เกาหลี ออกค่าตั๋วให้ทุกคนไป ถ้าสนใจเชิญแทนนะคะ เพราะพี่เอมีโควต้าด้วย อาจจะไปของฟรีไม่ต้องเสียเงินเอง ส่วนอั้มเองก็มีโควต้าของอั้ม อั้มชวนเพื่อนได้ ว่าจะไปถล่มพี่เอสักหน่อย รวยซะขนาดนั้น"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์