วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“จอนนี่” คืนจอบู๊เต็มที่ ห่วงขาเป็นลิ่มเลือดไปอุดหัวใจขณะเข้าฉาก

“จอนนี่” หวนคืนจอในรอบ 6 ปี เผยแผลไฟไหม้หายแล้ว เหลืออาการขาบวมเกิดจากลิ่มเลือด หวั่นไปอุดหัวใจเป็นอุปสรรคในการเข้าฉาก ขอผู้จัดฯ "นก ฉัตรชัย" ใช้แสตนด์อินในฉากบู๊หนักๆ เผย "นก จริยา" ภรรยาเป็นห่วง หวั่นตนคึกเล่นบู๊มากจนลืมระวังตัวเอง

ห่างหายจากงานละครเพื่อไปรักษาตัวอยู่นานเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงเจ้าบทบาท “จอนนี่ แอนโฟเน่” ที่ประสบอุบัติเหตุโดนไฟคลอกตามลำตัวเมื่อหลายปีก่อน แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้หวนกลับมาเล่นละครอีกครั้ง ให้กับผู้จัด “นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช” ในละครเรื่อง “ตะวันเดือด” ซึ่งเป็นละครบู๊ล้างผลาญตามแบบฉบับของผู้จัด โดยงานนี้ “จอนนี่” เผยว่าโดนชักชวนแกมขู่บังคับมานาน ทำให้ตนต้องฟิตลดน้ำหนักสุดฤทธิ์ แต่ก็ยังอดห่วงสภาพร่างกายตัวเองไม่ได้ ที่เป็นลิ่มเลือดทำให้ขาบวม ไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าฉากบู๊หนักๆ

“กลับมาคราวนี้ก็ต้องเคาะสนิมเยอะเหมือนกันครับ เคาะเรื่องน้ำหนักก่อนเลยเรื่องแรก (หัวเราะ) เพราะว่าขึ้นไปถึง 100 กิโลเลยครับ แล้วก็ดึงลงมาเหลือ 80 ก็หายไป 20 กิโล ที่กลับมาเล่นเรื่องนี้ก็เพราะพี่นกบังคับบีบคอให้มาเล่นตั้งแต่เรื่อง ดินน้ำลมไฟ แล้วล่ะ แต่ว่ามันยังไม่พร้อม เพราะเรื่องของแผลเป็นที่มันยังยึดอยู่ทั้งหมด มันยังใช้ได้ไม่ดี แล้วตอนที่รักษาก็มีปัญหาที่ขามาอีก ขาขวาบวมเป็นลิ่มเลือด แล้วมันยังอยู่ในช่วงระหว่างการรักษา ผมก็เลยยังไม่อยากออกไปเสี่ยง เพราะถ้าเรายืนนานๆ ขาจะบวมมากครับ ก็รักษาตัวอยู่ 5-6 ปีไม่ได้ทำอะไรเลย เข้าออกแต่โรงพยาบาล”

“ตอนนี้ก็เกือบดีเหมือนเดิมครับ ไม่ถึงกับ 100% แต่ว่าแผลมันหาย 100% แล้ว เหลือแต่รอยแผลเป็นเท่านั้นเอง ส่วนขาทุกวันนี้ก็ยังใส่ทุกน่องอยู่ เพราะตอนนั้นโดนไฟไหม้ไป 20% ตั้งแต่เอวขึ้นมาทั้งแขนด้านซ้ายเลย แล้วเรื่องนี้มันละครบู๊ด้วย จริงๆ ก็บอกพี่นกไว้นะแต่ไม่รู้จะพูดยังไง เดี๋ยวเขาลดค่าตัวหาว่าเล่นไม่ครบ(หัวเราะ) แต่ก็บอกพี่นกไว้เหมือนกันว่าผมเสียวปัญหาเรื่องม้า เพราะมันไม่ใช่ขี่ม้าแบบเรื่อยๆ ไงครับ เพราะเรื่องนี้ผมเล่นเป็นโจร ก็ต้องมีขี่ไล่ยิง ปาระเบิดใส่ ฆ่าตลอดเวลา ผมก็ไม่รู้ว่าม้าที่จะมาอยู่กับผม เขาจะชินกับระเบิดแค่ไหน(หัวเราะ) สิ่งที่ผมห่วงก็คือเรื่องม้ามากที่สุดเท่านั้นเอง”

“แต่นอกนั้นก็ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร เพียงแต่บอกว่าถ้าอันไหนมันต้องคาวบอยมาก อย่างบางทีต้องห้อยม้ายิงปืน อันนั้นผมอาจจะทำไม่ได้ เพราะร่างกายมันไม่ได้ทำมาตั้งนานแล้ว เราก็เลยบอกว่าถ้าอันนั้นกลัวจะทำให้เสียเวลา ก็ใช้แสตนด์อินน่าจะดีกว่า คือเราก็ไม่ใช่สตั้นท์อาชีพ แล้วถ้าเกิดว่าภาพมันดูไม่ดีเดี๋ยวก็เจ็บกันอีก เล่นต่อไม่ได้อีกมันจะยุ่งกันใหญ่ ก็อะไรที่มันหนักหนามากๆ ก็คือขอสตั้นท์เท่านั้นเอง”

“แต่ถ้าเล่นธรรมดาก็ยังปกติเหมือนเดิมครับ ฟังก์ชั่นแขนก็ใช้ได้ครบหมดแล้ว ยืดได้ครบหมด แต่อะไรที่มันหนักหนามากก็บอกพี่นกไว้ว่าขอไว้นิดนึง เรื่องแดดตอนนี้ไม่มีผลแล้วครับ และส่วนใหญ่ก็ใส่เสื้อแขนยาวด้วย เรื่องกายภาพทุกอย่างก็หยุดหมดแล้วครับ เหลือแต่ลิ่มเลือดที่ขา แต่ตอนนี้ก็ใช้คำว่าเรียนรู้ที่จะอยู่กับเขาได้ ก็ทำยังไงให้เขาไม่บวมไม่อักเสบ เพราะมันผ่าตัดไม่ได้ครับ เวลาวิ่งก็ไม่มีผล เพราะทุกวันนี้ก็วิ่งอยู่ ไม่งั้นน้ำหนักคงไม่ลด (หัวเราะ) ก็ใช้วิ่งนี่แหละครับ แล้วก็คุมแป้งด้วย”

“จริงๆ ตอนแรกที่รับเล่นเรื่องนี้ ยังไม่รู้เลยว่าได้เล่นเป็นอะไร(หัวเราะ) พี่นกก็โทรมาอีกเหมือนเดิม เขาบอกมีเรื่องนี้ให้นะ แล้วเขาก็ด่าผมสารพัดบอกให้กลับมาได้แล้ว เราก็บอกโอเคๆ ก็ยังไม่รู้ว่าบทเป็นยังไงนะ จนเขาส่งบทมาให้นี่แหละ ก็เลยนึกในใจว่าไม่น่าเล่นเลย พลาดไปแล้ว เหนื่อยทั้งเรื่องเลย (หัวเราะ) หนักมาก แต่ก็ดีครับนานๆ ได้กลับมา แล้วก็ได้มาเล่นอะไรเยอะๆ ก็สนุกๆ มันไม่ใช่ว่าไปบู๊อย่างเดียว ผมมีร้องไห้ด้วย ฆ่าคนไปร้องไห้ไปคือโรคจิตนิดๆ ด้วยครับ ก็เลยรู้สึกว่ามีอะไรให้เล่นเยอะดี ไม่รู้พี่นกพอรู้ว่าผมเล่นตัวนี้ปุ๊บ ก็เลยสั่งคนเขียนบทเขียนโรคจิตเลยหรือเปล่า เพราะออกแนวโรคจิตมาก”

เผยช่วงที่หายไปทำแต่งานเบื้องหลัง ส่วนงานละครเรื่องต่อไปยังไม่รับ ขอรอดูผลโรคลิ่มเลือดจากเรื่องนี้ก่อน เปรยภรรยา “นก จริยา แอนโฟเน่” ห่วง กลัวตนเผลอเล่นบู๊มากจนลืมระวังตัวเอง

“ช่วงที่หายไปส่วนใหญ่ก็อยู่เบื้องหลังอย่างเดียว แล้วก็พักผ่อนรักษาตัว เลี้ยงลูกอีกอย่าง ถ้าหลังจากเรื่องนี้จะรับต่อเลยไหม ผมขอเล่นเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนดีกว่า เพราะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าขามันจะเป็นปัญหาไหม เพราะจริงๆ สิ่งสำคัญอยู่ที่ขาตอนนี้ ถ้าเกิดมันเป็นลิ่มเลือดขึ้นมา แล้วมันมาอุดหัวใจก็จบเลย เพราะฉะนั้นหมอก็ค่อนข้างจะซีเรียสเรื่องลิ่มเลือดมาก ก็ลองลดยามาแล้ว แต่พักหลังก็ยังเป็นอยู่ยังไม่หาย หมอก็บอกให้ทานยาต่ออีก 1 ปี ก็โอเค คงลองดูก่อนครับ จนละครออนแอร์ก็จะได้ดูว่าเป็นยังไงบ้าง”

“คุณนกก็ไม่ได้ห้ามนะครับ แต่ถ้าบู๊มากเขาก็จะห่วง บอกว่าห้ามเสี่ยงมาก เพราะรู้ว่าเดี๋ยวเวลาไปรวมหัวกันแล้วจะฮึกเหิมคะนองมันส์ๆ กัน กลัวยั้งใจไว้ไม่อยู่สนุกกันใหญ่ เขากลัวอย่างนั้นมากกว่า แต่เราก็เป็นนักแสดงนะ ถ้า 4 3 2 ไปก็ใส่แล้วไม่รู้ล่ะ แต่ก็บอกพี่นกไปว่าให้ช่วยเซฟให้หน่อยนะ เพราะเราก็รู้ตัวเองว่าถ้าถึงจุดนึงเราก็ลืมตัว ก็เลยต้องบอกเขาว่าให้ช่วยเซฟด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น