วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตำนาน ราชินีแห่งปรโลกผู้เลอโฉม เทพีเพอร์เซโฟนี (Persephone)


เมื่อได้กล่าวถึง เทพฮาเดส พญามัจจุราชแห่งปรโลกไปแล้ว คราวนี้มาถึง ราชินีผู้เลอโฉมแห่งปรโลกล่ะกัน ราชินีผู้งดงามเคียงข้างบนบัลลังก์แห่งปรภพแห่งเจ้าเหนือวิญญาณทั้งปวงในอาณาจักรใต้พิภพ พระเทพีพระองค์นี้ คือ "เทพีเพอร์เซโฟนี" ผู้เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเทพฮาเดสผู้นี้ เทพีแห่งความเจริญงดงาม พระองค์ทรงเป็นพระธิดาในเทพซีอุสกับเทพีดิมิเตอร์ โพสพเทพีแห่งกรีก เมื่อเทพีดิมิเตอร์กับเทพีเพอร์เซโฟนีอยู่ด้วยกัน ความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณธัญหารก็จะบังเกิดขึ้น แต่เมื่อทั้งสองพรากจากกันความแห้งแล้งและอดอยากก็จะมาเยือนสรรพชีวิต เพราะเทพีเพอร์เซโฟนีเป็นสัญลักษณ์แห่งการเจริญงอกงาม เมื่อความเจริญงอกงามไม่อยู่ พืชผลก็ล้มตาย

และอยู่ๆ จากเทพีผู้สดใสน่ารักตามประสาสาววัยแรกรุ่น ก็พลิกผันกลายเป็นราชินีแห่งปรโลกและเย็นชาไปได้อย่างไร ตามตำนานเล่าว่า เทพีเพอร์เซโฟนีถูกตาต้องใจเทพฮาเดสเป็นอันมาก พระองค์จึงลักพาตัวไปยังอาณาจักรใต้พิภพ และสวมมงกุฎที่ประดับด้วยอัญมณีที่งดงามแก่เทพีเพอร์เซโฟนีทั้งๆ ที่พระเทพีร้องไห้เสียใจแห่งความพลักพลาก เทพฮาเดสยินดีกับที่พระองค์ทรงได้พระมเหสีที่งดงามและผ่องใส พระเทพีทรงเกลียดพระสวามีมาก ถึงขนาดเกิดความเย็นชาไม่สนใจอะไรในพระสวามีเลยตั้งแต่อภิเษกกันมา แต่เมื่อพระเทพีถึงกำหนดขึ้นสู่พื้นพิภพใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกและเย็นชา เมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์และกลายเป็นใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มและชีวิตชีวา ความแห้งแล้งบนโลกหายไปสิ้น กลับบังเกิดความอุดมสมบูรณ์ขึ้น แสดงถึงวันที่พระเทพีได้กลับสู่อ้อมอกพระมารดาอีกครั้ง กลายเป็นตำนานความเป็นของฤดูกาล

ถึงพระเทพีจะทรงมิชอบพระสวามี แต่อย่างไรก็มีความรู้สึกรักบ้าง เข้าตำราว่า รักนะแต่ไม่แสดงออก ทำให้เทพฮาเดสไม่รู้ว่าพระเทพีก็ทรงรักในเทพฮาเดสอยู่บ้าง ในตำนานเคยกล่าวว่า พระองค์ลงมือสังหาร นางไม้ นามว่า "มินธี" สิ้นคาที่ โดยมีเทพีดิมิเตอร์ผู้เป็นพระมารดาร่วมด้วย นี้แสดงได้ถึงความหึงหวงที่พระเทพีมีให้เทพฮาเดส ของใครของใครก็หวง อะไรบางนั้น

มีตำนานเล่าถึงวีรบุรุษนามว่า"ออร์ฟีอุส" เป็นพระโอรสแห่งเทพอะพอลโล จึงเก่งกาจในการเล่นพิณ เขาเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เดินทางไปปรโลกอาณาจักรแห่งเทพฮาเดส เพื่อตามหาดวงวิญญาณของนางไม้ยูลิดิซี นางอันเป็นที่รักกลับคืนสู่พื้นโลกเบื้องบน ด้วยเสียงพิณอันไพเราะและเศร้าทำให้พระราชินีแห่งปรโลก ที่ว่ามีความเย็นชา กลับร้องไห้ออกมาและทูลวิวองต่อเทพฮาเดสผู้เป็นพระสวามีให้ออร์ฟีอุสนำวิญญาณของนางยูริดิซีไป เพราะพระเทพีทรงสงสารในความรักของทั้งสอง เป็นทั้งแรกและครั้งสุดท้าย ที่พระเทพีร้องไห้ให้เห็นในปรโลก และมีพระเมตตาสงสารขึ้นมา ซึ่งจากวันนั้นมา พระเทพีก็กลับมาเย็นชาตามเดิม
ในตำนานรักของกรีก 1 ในตำนานนั้นเป็นที่รักในตำนานเทพเจ้ากรีก คือ ตำนานอีรอสกับไซคี ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า อีรอสรู้แล้วว่าไซคีรู้ความจริงว่าตนเป็นเทพบุตรจึงบินหนีไป ไซคีจึงออกตามหาพระสวามีนั่นคือ เทพบุตรอีรอส จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเทพีอโฟรไดทิ ซึ่งนางไม่รู้เลยว่า เทพีอโฟรไดทิต้องการกำจัดนางเพราะนางไซคีสวยกว่าพระองค์ เทพีอโฟรไดทิจึงช่วยให้นางไซคีไปขอความงามจากเทพีเพอร์เซโฟนีราชินีแห่งปรโลกมาให้พระองค์ นางไซคีไม่รู้ว่าการใช้ของพระเทพีในครั้งนี้ เป็นการส่งนางไปตาย แต่นางไซคีก็ยอมทำเพราะต้องการพระสวามีกลับคืน นางไซคีได้รับความช่วยเหลือจากเทพเจ้าที่เห็นใจในความภักดีของนางจนมาถึงตำหนักที่พำนักแห่งเทพีเพอร์เซโฟนี พระเทพียืนผอบทองคำให้มา และนางไซคีก็รับมาและนำกลับไปให้เทพีอโฟรไดทิ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของนาง พอเปิดผอบมันกลับกลายเป็นการหลับไหลนิรันดร นางไซคีสิ้นใจลง อีรอสที่แอบตามมาห่างๆ ก็ออกมาและได้ขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าบนโอลิมปัส จนเทพซีอุสประทานความเป็นอมตะแก่นางไซคี และเทพบุตรอีรอสกับนางไซคีก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดกาล

เรื่องที่ยกมานี้เพื่อให้ทราบว่า เทพีเพอร์เซโฟนี ถูกกล่าวในตำนานและเทพนิยายของกรีก ซึ่งถึงว่าพระองค์มีความสำคัญต่อชาวกรีกไม่น้อยเลยทีเดียว

ตำนาน พระบิดาแห่งมนุษยชาติ โพรเมทิอัส


หากไม่พูดถึงเทพเจ้าพระองค์คงน่าเสียดาย ถึงท่านจะไม่ใช่เทพเจ้าในวงศ์วานเทพเจ้ารุ่นใหม่ ซึ่งท่านนั้นกำเนิดในเชื้อสายไททัน แต่กลับประกอบคุณงามความดีไว้ในโลกาอย่างมหาศาล หากไม่มีพระองค์แล้ว มนุษย์หรือคนอย่างพวกเราคงไม่มีในโลกใบนี้แน่ รวมถึงสรรพสัตว์ต่างๆ อีกด้วย พระองค์ทรงเป็นพระโอรสในเทพไออาเพทัส ซึ่งเป็นลุงแห่งเทพซีอุส เท่ากับว่าเทพโพรเมทิอัสเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเทพซีอุส ด้วยผลในสงครามเทพไททันที่จะโค่นอำนาจทวงบัลลังก์คืนให้เทพโครนัสนั้น เทพโพรเมทิอัส กับ เทพเอพิเมทิอัสผู้เป็นน้องชาย ได้เข้าข้างและสนับสนุนฝ่ายเทพซีอุส ผลออกมาว่าเทพไททันที่ทำสงครามเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และลงทัณฑ์จองจำในทาทารัสตลอดกาล และเทพแอตลาสผู้เป็นแม่ทัพและเป็นพี่ชายแห่งเทพโพรเมทิอัสด้วยนั้น ถูกลงโทษให้แบกสวรรค์ไปตลอดกาล ส่วนเทพโพรเมทิอัส กับ เทพเอพิเมทิอัส ได้รับการปูนบำเหน็จจากเทพซีอุสอย่างดี และได้รับความเอ็นดูจากเทพซีอุสเป็นอันมาก ถึงกับให้ไว้วางพระทัยรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่คือ สร้างสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยเทพซีอุสมอบพลังพรวิเศษและพลังชีวิตให้เทพโพรเมทิอัส กับ เทพเอพิเมทิอัส ไป

พอเทพทั้งสองลงมาจากโอลิมปัส ก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากป่าไม้ภูเขาและลำธาร เทพโพรเมทิอัสทรงเป็นเทพที่ทำอะไรมักจะคิดก่อนทำ จึงนำดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่า สิงห์ เสือ กระทิง แรด สัตว์บก สัตว์น้ำ แมลง สัตว์เลื้อนคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เป็นต้น และใส่พลังชีวิตลงไป ทำให้ดินเหนียวที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ มีชีวิตขึ้นมา เทพเอพิเมทิอัส เป็นเทพที่มักจะทำอะไรก่อนคิดก็เลยประทานพรของเทพซีอุสที่ให้มานั่น ใส่ไปตามสัตว์ต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน เช่น ประทานพรให้สิงโตสามารถล่าสัตว์และเป็นเจ้าป่า ประทานพรให้หนอนกลายเป็นผีเสื้อ ประทานพรให้กระต่ายวิ่งกระโดดเร็ว ประทานพรให้ปลาสามารถว่ายน้ำและอาศัยอยู่ในน้ำ เป็นต้น แต่พอเทพโพรเมทิอัสเดินทางมาถึงงานชิ้นสุดท้าย พระองค์ปั้นรูปดินเหนียวเป็นรูปมนุษย์เพศชาย โดยมีลักษณะเหมือนพระองค์และเทพเจ้าผู้ชาย พระองค์ประทานชีวิตให้ แต่พรของเทพซีอุสหมดไปเสียแล้ว เทพีอธีน่าทรงลงมาดูงานแทนเทพซีอุส เมื่อเห็นผลงานของเทพโพรเมทิอัส พระองค์ทรงพอพระทัยจึงมอบพรวิเศษให้มนุษย์มีความคิดเป็นของตนเอง และสามารถเอาชนะเหนือสรรพสัตว์ทั้งปวง และเทพโพรเมทิอัสก็กลัวว่ามนุษย์ที่พระองค์สร้างนั้นจะกลัวกับบรรดาสัตว์ร้ายต่างๆ พระองค์จึงขึ้นไปบนสวรรค์และขโมยไฟที่ดวงตะวันแห่งเทพอะพอลโลมามอบให้แก่มวลมนุษย์ (ชาวกรีกเชื่อว่ามนุษย์ในกลุ่มแรกที่เทพโพรเมทิอัสสร้างนั้นเป็นเพศชายเท่านั้นยังไม่มีเพศหญิง)

เทพซีอุสทรงพอพระทัยกับผลงานที่พระองค์มอบให้เทพโพรเมทิอัสทำนั้น พระองค์จึงกล่าวกับเทพโพรเมทิอัสว่า มนุษย์ควรทำการถวายเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าด้วย เทพโพรเมทิอัสยอมรับพระโองการ จึงจัดการล้มวัวตัวหนึ่งและแร่เอาเครื่องใน เนื้อ และกระดูกมาออกแบ่งเป็น 2 กอง โดยเอาเนื้อไว้อีกกองแล้วเอาเครื่องในปิดไว้ และอีกกองมีแต่โครงกระดูกแต่เอาไขมันของวัวปิดไว้ เทพซีอุสลงมารับเครื่องสักการะพระองค์กลับเลือกกองที่มีโครงกระดูกโดยไม่รู้ว่าเป็นแผนของเทพโพรเมทิอัส ส่วนกองที่เป็นเนื้อและเครื่องในนั้นมนุษย์ก็นำไปแบ่งกันกิน เทพซีอุสทรงกริ้วมากจึงให้เทพเจ้าแห่งลมพัดให้ไฟของมนุษย์ดับ แต่เทพโพรเมทิอัสก็มีความมานะเพื่อที่จะปกป้องลูกหลานที่พระองค์สร้าง พระองค์ก็แอบขึ้นไปขโมไฟสวรรค์ที่มิอาจจะมีสิ่งใดดับมันได้ มามอบให้แก่มนุษย์ เทพซีอุสกริ้วเป็นทวีคูณจึงจับเทพโพรเมทิอัสตรึงไว้กับเขาคอเคซัส และพระองค์ต้องทรมานเพราะจะมีนกเหยี่ยวบินมากินตับของเทพโพรเมอิทัสและพระองค์จะต้องตายและฟื้นในเช้าวันใหม่และนกเหยี่ยวจะบินมากินตับของพระองค์เช่นนี้ไปตลอดกาล แต่สุดท้ายได้รับความช่วยเหลือจากเฮอร์คิวลิสวีรบุรุษแห่งกรีก ซึ่งเฮอร์คิวลิสได้สังหารนกเหยี่ยวนั้นจนตาย และปลดปล่อยเทพโพรเมทิอัสจากบ่วงเครื่องพันธนาการ (การที่เฮอร์คิวลิสปลดปล่อยเทพโพรเมทิอัสได้เพราะครั้งสงครามเทพเจ้ากับอสูร ฝ่ายเทพเจ้าได้ชัยชนะได้ก็เพราะเฮอร์คิวลิสผู้นี้เละ) 

มีบางตำนานว่าคามจริงการกระทำของเทพโพรเมทิอัสที่ทำทุกอย่างเพื่อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้พระองค์เลือกเครื่องสักการะที่มีแต่โครงกระดูกและไขมัน หรือ ขโมยไฟสวรรค์ ก็ตาม พระองค์มิได้ถือโกรธ แต่มีความที่มันลึกซึ้งกว่านั้นคือ เทพโพรเมทิอัสรู้ความลับที่เทพไททันรอคอยมานาน คือ เวรกรรมที่เทพเจ้ารุ่นใหม่จะได้รับคือ กรรมแห่งการที่พ่อถูกลูกโค่นบัลลังก์ ซึ่งเทพซีอุสรู้ว่าเทพโพรเมทิอัสรู้คำทำนายนี้ จึงต้องการลงทัณฑ์เพื่อให้เทพโพรเมทิอัสบอกคำทำนายนั้นมา แต่เทพโพรเมทิอัสกลับไม่บอก ถึงพระองค์จะให้เทพเฮอร์เมสไปแกล้งหลอกถามแล้วก็ตาม เทพโพรเมทิอัสก็ยังไม่หลงกล

ซึ่งความลับของคำทำนายนั้นมีอยู่ว่า หากเทพซีอุส ได้เทพีทีมิส ซึ่งเป็นนางพรายทะเลผู้งดงามมากเลยทีเดียวมาเป็นพระชายา พระโอรสที่เกิดจากพระเทพีจะโค่นล้มบัลลังก์แห่งเทพซีอุสลง แต่เป็นความโชคดีของเทพเจ้ารุ่นใหม่ ที่เทพซีอุสมิได้เทพีทีมิสเป็นพระชายา แต่พระเทพีกลับไปอภิเษกเป็นราชินีแห่งท้าวพีลูส และมีพระโอรส นามว่า"อะคิลลิส" ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งสงครามทรอยที่ลือเลือง

ตำนาน กล่องแห่งความลับ แห่งแพนโดร่า (Pandora)


แพนโดร่า เธอมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น

มนุษย์นั้นชาวกรีก เชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างโดยเทพเจ้านามว่า "โพรเมทิอัส" ซึ่งมนุษย์ในยุคแรกๆ นั้น เป็นเพศชาย ซึ่งต่อมาเป็นผลงานที่ทวยเทพพอพระทัย เทพซีอุสได้ให้เทพโพรเมทิอัสสอนให้มนุษย์ทำการเคารพในเทพเจ้าและทำเครื่องสักการะบูชา เทพโพรเมทิอัสคิดว่าหากมนุษย์ทำการบูชาสังเวยด้วยเนื้อสัตว์ที่บริโภคได้ ถวายแด่เทพเจ้าจนหมดแล้วจะไม่มีอะไรให้มนุษย์กิน เทพโพรเมทิอัสจึงสอนเล่ห์โกงแก่มนุษย์ โดยแบ่งวัวเป็นสองกอง กองหนึ่งเป็นโครงกระดูกและเอาไขมันปิดไว้ ส่วนกองที่สองเป็นเนื้อล้วนๆแต่เอาเครื่องในปิดไว้ เทพซีอุสหลงเทพเลือกกองที่มีโครงกระดูกเพราะคิดว่าภายใต้กองไขมันจะเป็นเนื้อวัว แต่ปรากฏว่าเป็นโครงกระดูก ซึ่งเทพซีอุสไม่พอพระทัยและพิโรธเทพโพรเมทิอัสเป็นอันมาก ไหนจะเรื่องที่ขโมยไฟสวรรค์มาอีก พระองค์จึงจับเทพโพรเมทิอัสตรึงๆ ไว้กับเทือกเขาคอเคซัค และลงโทษให้เหยี่ยวบินมาจิบกินตับของเทพโพรเมทิอัสทุกวัน พระองค์จะตายและฟื้นในเช้าวันใหม่ต่อไป

เมื่อเทพซีอุสลงทัณฑ์เทพโพรเมทิอัส พระองค์ยังมาเล่นงานมนุษย์อีกด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิดหลอกลวงพระองค์ พระองค์จึงรวมตัวกับเหล่าเทพเจ้า สร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมา นามว่า "แพนโดร่า"โดยมีเหล่าเทพเจ้าช่วยกันต่อไปนี้

- เทพฮีฟีสทัส ปั้นรูปมนุษย์เลียนแบบเทพเจ้าเพศหญิง
- เทพีอธีน่า ประทานพร เรื่องสติปัญญาความเฉลียวฉลาด
- เทพีอะโฟรไดทิ ประทานเสน่ห์และความงามให้
- เทพเฮอร์เมส ประทานชีวิต
- เทพซีอุส ประทานความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว มนุษย์เพศหญิงคนแรกปรากฏแล้ว เทพซีอุสทรงพอพระทัย และมอบกล่องใบหนึ่งมอบแก่แพนโดร่า และย้ำว่า ห้ามเปิดกล่องใบนี้เป็นอันขาด และเทพเฮอร์เมสก็นำ แพนโดร่ามายังโลก และมอบนางให้เป็นชายาเทพเอพิเมทิอัส โดยว่าเป็นของขวัญของเทพซีอุส เทพเอพิเมทิอัสทรงรับไว้ด้วยดี ทั้งๆที่พระองค์เคยถูกเทพโพรเมทิอัสเตือนว่าห้ามรับของจากเทพเจ้าเป็นอันขาด ซึ่งเทพเอพิเมทิอัสก็ทรงลืมเพราะหลงในเสน่ห์และความงามของแพนโดร่า ซึ่งทั้งสองก็ครองรักกันจนมีบุตรมากมายเป็นมนุษย์รุ่นต่อๆ มาทั้งชายและหญิง และขยายลูกหลานมนุษย์ไปเรื่อยๆ

ในที่สุดวันที่ทวยเทพรอคอยก็มาถึง เมื่อความอยากรู้อยากเห็นในตัวแพนโดร่าเริ่มกำเริ่มรุนแรงขึ้น นางสงสัยในกล่องที่มาพร้อมกับนาง นางจึงปิดมันออกด้วยความสงสัย นางฝ่าฝืนคำสั่งแห่งเทพซีอุส นางเตะฝากล่องและปิดมันออกมา นางคิดว่าอาจจะเป็นของที่มีค่าจากสวรรค์ แต่ที่แท้กลับเป็นความหายนะและความวิบัติที่เทพเจ้าประทานมาในกล่อง ความเกลียดชัง ความโกรธ ความอาฆาตแค้น ความโลภ ความหลง โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และความตาย มันพุ่งกระจายไปทั่วและเข้าไปยังมนุษย์ทุกคน จนมนุษย์กลายเป็นคนเลว ที่ทั้งมีความโกรธ เกลียด แค้น อาฆาต และมีโรคภัยไข้เจ็บและจบด้วยความตาย…. แต่แพนโดร่ายังดีที่ปิดกล่องนั้นทัน ซึ่งเขาว่าภายในกล่องนั้นยังมีบางสิ่งที่มนุษย์ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งในกล่องนั้นมีความสิ้นหวังที่ยังไม่ได้ออกมา มนุษย์เราจึงยังคงดำรงอยู่ได้เพราะความหวังที่จะดำรงชีพไปในทุกๆ วันนี้

ตำนาน วีรบุรุษแห่งกรีก เฮอร์คิวลิส (hercules) ผู้มีพละกำลังมหาศาล


Hercules เป็นวีรบุรุษของชาวกรีก ที่แข็งแรงที่สุดในโลก และเขาก็มีความมั่นใจ ในความแข็งแกร่ง ของร่างกายของตนเอง และประเมินความสามารถของเขา เทียบเท่ากับเทพเจ้าเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการประมาณตนไว้สูงเกินไปเลย เพราะเขาได้ช่วยเทพเจ้า ในการเอาชนะ Giants เขาบ้าบิ่นถึงขนาด ท้าทายเทพ Apollo เพื่อที่จะบังคับเอาคำตอบจาก Oracle ของ Apollo

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนที่ฉลาดเท่าไรนัก เป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน เขามักจะระเบิดโทสะลงบนผู้บริสุทธิ์ และด้วยความที่เขามีพละกำลังมหาศาล ทำให้รุนแรงถึงชีวิต แต่เมื่อเขารู้สึกตัว เขาก็จะรู้สึกเสียใจอย่างมาก และรับการลงโทษทุกชนิด ไม่มีใครสามารถลงโทษเขาได ้ถ้าเขาไม่เต็มใจ และก็ไม่มีใครสามารถทนทาน การลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเขาได้

ตลอดชีวิตของวีรบุรุษคนนี้ หมดไปกับการไถ่บาป ที่เขาได้ทำครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็รับการลงโทษ ด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่า จะเป็นงานที่ไม่มีทางสำเร็จก็ตาม หลายครั้งที่เขาลงโทษตัวเอง ขณะที่คนอื่นๆ ปฏิเสธที่จะลงโทษเขา ความยิ่งใหญ่ของวีรบุรุษคนนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถ ในการประกอบกิจที่ยากลำบากทั้งหลายได้ด้วยพละกำลังมหาศาล แต่อยู่ที่ความดีของจิตวิญญาณที่มีความสำนึกผิดในบาปที่เขาได้ก่อขึ้น และความเต็มใจในการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลบล้างความผิดนั้น

ชีวิตของ Hercules

Hercules เกิดใน Thebes (ทีบีส) เป็นบุตรของ Zeus ที่เกิดจาก Alcmene (อัลค์-มี-นี) จำแลงมาในรูปของสามีของเธอ Amphitryon (แอมฟิทรีออน) นายพลของ Thebes ระหว่างที่กำลังออกรบ Alcmene มีบุตรชายสองคน Iphicles และ Hercules

ชื่อกรีกของ Hercules คือ Herakles ซึ่งแปลว่าของขวัญล้ำค่าจาก Hera (แต่เนื่องจากชื่อ Hercules เป็นที่รู้จักกันทั่วไป มากกว่าชื่อกรีก จึงใช้ชื่อละตินเฉพาะชื่อนี้ แต่ตัวละครอื่นๆ มีชื่อเป็นกรีกทั้งหมด) ยิ่งทำให้ Hera โกรธมากยิ่งขึ้น และตั้งใจจะฆ่า Hercules ให้ได้

เมื่อ Hercules อายุเพียง 1 ปี Hera ส่งงูตัวมหึมาเข้ามาที่ห้องเด็ก เมื่อเด็กๆ ตื่น Iphicles ก็หวีดร้อง ในขณะที่ Hercules บีบคองูด้วยมือข้างละตัว เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งมาที่ห้องเด็ก ก็เห็น Hercules นั่งหัวเราะ กำมือแน่นอยู่รอบคองู ที่หมดพิษสง และยื่นซากงูให้  Amphitryon อย่างร่าเริง ทำให้ทุกคนรับรู้ว่า ชะตาชีวิตของเด็กคนนี้ ถูกลิขิตมาให้เป็นคนสำคัญในอนาคต

โหรตาบอดที่มีชื่อเสียงของ Thebes ชื่อ Teiresias กล่าวว่า ข้าขอสาบานว่า ทั้งลูกชายของเจ้า และเจ้าผู้ให้กำเนิด จะกลายเป็นตำนานเล่าขานทั่วไป ของชนชาวกรีก บุตรของเจ้าจะเป็นวีรบุรุษ ของมวลมนุษยชาติ

Hercules ได้รับการอบรม ตามอย่างที่กุลบุตรชาวกรีกจะได้รับ แต่เขาไม่ชอบวิชาดนตรี เคยถึงกับลงมือเกินกว่าเหตุทำให้ครูสอนเสียชีวิต ถึงแม้ว่าเขาจะเสียใจมากเพียงไร เขาก็ยังทำผิดซ้ำซาก อย่างไรก็ตาม วิชาอื่นๆ ที่ Hercules ชอบ เช่น วิชาดาบ วิชามวยปล้ำ วิชาขับรถเทียมม้า อาจารย์ที่สอนวิชาเหล่านี้ ก็มีชีวิตอยู่เป็นปกติสุข

เมื่อเขาเติบโตเต็มที่ มีอายุได้ 18 ปี เขาก็สามารถ ฆ่าสิงโตได้เพียงลำพัง หลังจากนั้น เขาสามารถพิชิตพวก Minyans ที่เป็นเมืองที่บรรดา ชาวเมืองทีบีส ต้องส่งส่วยให้ เป็นประจำได้สำเร็จ จากงานนี้เอง เขาได้แต่งงานกับเจ้าหญิง Megara เป็นรางวัล เขาเป็นสามีที่ดี และพ่อที่ดีของลูกๆ

เมื่อเขามีบุตรคนที่สาม Hera ได้ส่งความบ้าคลั่งมาหาเขา ทำให้เขาฆ่าลูกๆ รวมทั้ง Megara ที่พยายามปกป้องลูกคนสุดท้อง เมื่อเขาได้สติ เขาก็พบห้องโถงที่เตมไปด้วยคราบเลือด พร้อมกับร่างกายที่ไร้วิญญาณ ของลูกและภริยาของเขา Hercules ยืนนิ่งมีแต่เพียง Amphitryon ที่กล้าเข้ามาหาเขา และเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้ฟัง

เมื่อเขาได้ทราบเรื่องทั้งหมด Hercules จึงกล่าวว่า และข้าเป็นคนฆ่าผู้เป็นที่รักของข้าเองถึงแม้ Amphitryon จะพยายามอธิบายว่า เป็นเพราะ Hercules ขาดสติไปชั่วขณะ เขาก็ไม่สามารถที่จะทนดูโดยที่ไม่ลงโทษตัวเองได้ ข้าสมควรจะชดใช้การตายเหล่านี้ด้วยชีวิตของข้าเอง

ก่อนที่ Hercules จะด่วนฆ่าตัวตายไปนั้น ก็พลันเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ปาฏิหาริย์นี้ไม่ได้เกิดจากเทพเจ้า ลงมาจากสวรรค์ แต่เป็นปาฏิหาริย์ ที่เกิดจากความเป็นเพื่อน Theseus ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา ยื่นมือออกมาจับมือที่เปื้อนเลือดของ Hercules ไว้ (ซึ่งตามความเชื่อของชาวกรีกทั่วไปว่า Theseus จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และมีส่วนในการกระทำของ Hercules ด้วย)

Theseus กล่าวกับ Hercules ว่า อย่าตกใจไปเลย อย่าห้ามไม่ให้ข้าได้มีส่วนร่วม ในการกระทำทุกอย่างของเจ้า ความเลวร้ายที่ข้าได้แบ่งเบามาจากเจ้านั้น ไม่ใช่ความเลวร้ายสำหรับข้าเลย และฟังทางนี้ มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ สามารถทนแรงกระทำจากสวรรค์ได้ โดยที่ไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ

Hercules “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าได้ทำอะไรลงไป
Theseus “ข้ารู้ ความทุกข์ของท่าน แม้แต่สวรรค์ยังรับรู้
Hercules “ถ้าเช่นนั้นปล่อยให้ข้าได้ตายเถิด
Theseus “วีรบุรุษไม่เอ่ยคำเช่นนั้นหรอก

Hercules “นอกจากตายแล้วข้าจะทำอะไรได้” Hercules สำลักถ้อยคำออกมา ถ้าอยู่หมู่ชนจะติเตียน กล่าวขานว่า คนนั้นนั่นแหล่ะที่ฆ่าทั้งเมียและลูกของเขา ข้ามีตราบาปไปชั่วชีวิต

Theseus “แม้จะเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ควรต้องทนทุกข์ และเข้มแข็ง มาอยู่เอเธนส์กับข้า ใช้ของร่วมกับข้า ใช้ชีวิตกับข้า จากการที่ได้ช่วยเจ้า เจ้าจะตอบแทนให้แก่ข้า และเมืองเอเธนส์อย่างใหญ่หลวงนัก

Hercules นิ่งไปพักหนึ่งแล้วจึงตอบถ้อยอย่างช้าๆ ว่า ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปเถิด ข้าจะเข้มแข็งและรอคอยความตาย

หลังจากนั้นทั้งสองก็ไปยังเอเธนส์ ชาวเมืองเอเธนส์เห็นชอบกับ Theseus ที่ว่า Hercules ไม่สมควรต้องรับผิดจากการกระทำที่เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าได้ทำอะไรลงไป แต่ Hercules เองที่ไม่เข้าใจเรื่องเช่นนั้น เขามีแต่อารมณ์ที่เป็นใหญ่ เขาจึงอยู่เอเธนส์ได้ไม่นานนัก

แล้วเขาก็ไปที่ Delphi เพื่อปรึกษา Oracle (ผู้มีญาณวิเศษ เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า) ของเทพ Apollo ซึ่ง Oracle ก็มองเรื่องที่เกิดขึ้น ในแง่เดียวกันกับที่เขาคิด เพื่อล้างมลทินของเขา Oracle บอกว่า เขาจะต้องหาญาติของเขา Eurystheus (ยู-ริส-ทูส) กษัตริย์ของ Mycenae (หรือบางเรื่องก็ชื่อ Tiryns) และรับใช้ทุกอย่างที่ Eurystheus สั่ง

Eurystheus เป็นคนทั้งโง่และหยาบช้า เมื่อ Hercules มาปวารณาตัวเป็นทาส Eurystheus ก็สั่งงานให้ Hercules ทำภารกิจที่เรียกว่า แรงงานของ Hercules” (The labours of Hercules) แต่ละงาน ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ทำให้สำเร็จได้ยาก ซึ่งมีทั้งหมด 12 งาน ได้แก่

การล่าสิงโตเมืองนีเมีย (The Nemean Lion)
การปราบ Hydra (The Lernean Hydra)
การพากวางแดง (The Hind of Ceryneia)
การพาหมูป่ากลับมาเป็นๆ (The Erymanthian Boar)
การทำความสะอาดคอกม้าเมือง Augeas (The Augean Stables clean up)
การขับไล่นกที่เมือง Stymphalos (The Stymphalian Birds)
การปราบวัวกระทิงเมือง Crete (The Cretan Bull)
การพาม้ากินคนของ Diomedes กลับมา (The Man-Eating Horses of Diomedes)
การนำเอาเข็มขัดของ Hippolyte มา (Hippolyte’s Belt)
การพาเอาคอกปศุสัตว์ของ Geryon กลับมา (The Cattle of Geryon)
การนำเอาแอปเปิลของ Hesperides (The Apples of the Hesperides)
การพาเอา Ceberus กลับมาเป็นๆ (Ceberus)

หลังจากที่เขาได้ทำงานทั้ง 12 ชิ้นเรียบร้อย ชีวิตเขาก็ไม่ค่อยสงบสุข เพราะเขามักจะก่อเรื่องขึ้น และพยายามไถ่โทษตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งได้พบกับ Deianira Hercules ได้ต่อสู้กับ Achelous เทพแห่งแม่น้ำ เพื่อ Deianira

ในการต่อสู้ ไม่ว่า Achelous จะพยายามใช้เหตุผลหว่านล้อมเท่าใด Hercules ได้แต่บอกว่า ข้ามีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าฝีปาก สู้กันแล้วข้าจะแสดงให้เห็นว่า ข้าชนะในการต่อสู้ ส่วนเจ้าก็อาจจะพูดชนะ” Achelous ได้จำแลงเป็นวัวกระทิงในการต่อสู้ และโจมตีอย่างรุนแรง ในการต่อสู้ Hercules ได้หักเขาข้างหนึ่งซึ่งกลายเป็น Cornucopia เขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ และได้ชัยชนะ ทำให้ Hercules ได้แต่งงานกับ Deianira

หลังจากที่ Hercules ได้ไปรบเพื่อล้างแค้นกษัตริย์ Eurytus (ยุ-ริ-ทัส) ที่ทำให้เขาต้องถูกลงโทษจาก Zeus ให้ไปเป็นทาสของ Omphale จากการฆ่าลูกชายของยูริทัส จากชัยชนะนี้ เขาได้เชลยศึกเป็นเจ้าหญิง Iole ทำให้ Deianira เกิดความริษยา จึงทอเสื้อคลุมที่ลงมนต์จากเลือดของ Nessus คนครึ่งม้า ที่บอกว่า เลือดของเขาจะใช้เป็นมนต์เสน่ห์ เมื่อ Hercules คิดนอกใจ แต่เนื่องจาก Nessus ตายด้วยศรอาบเลือด Hydra ของ Hercules จึงทำให้เลือดมีพิษด้วย เมื่อ Hercules ใส่เสื้อดังกล่าว จึงร้อนเหมือนถูกไฟเผา แม้จะถอดออกแล้วก็ตาม Deianira ฆ่าตัวตายด้วยสำนึกผิด

ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจจะตายด้วยพิษ ที่อยู่ในเสื้อ แต่ Hercules มีชีวิตอยู่ด้วยความทรมาน เขาจึงขอให้ก่อกองไฟขึ้นที่ภูเขา Oeta เพื่อ เขาจะได้ตายตามปรารถนา เขาก็รู้สึกเป็นสุขจึงเอ่ยปากว่า โอ นี่คือการพัก นี่คือจุดจบเขาได้ขอให้ Philotetes เป็นคนจุดไฟ และมอบธนูและลูกธนู ซึ่งได้ถูกใช้ในสงครามกรุงทรอยในภายหลัง เมื่อไฟลุกท่วม Hercules ก็หายไปจากโลกมนุษย์ Athena ได้พาเขาขึ้นสู่สวรรค์ในรถลาก และก็สามารถไกล่เกลี่ยกับ Hera ได้สำเร็จ และแต่งงานกับ Hebe ลูกของ Hera

JJ Project เผยวีดีโอเรียลลิตี้ตามติด 'Real JJ Project' Episode แรกแล้ว!!


JJ Project เผยวีดีโอ Reality Series 'Real JJ Project' เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา

ใน Episode นี้ตามติด JB และ Jr. ถึงการเตรียมงานก่อนขึ้นเวทีเดบิวต์ของพวกเขาในเพลง "Bounce"



ทั้งนี้คอยติดตาม Episode ของ 'Real JJ Project' ได้ทาง Channel YouTube ของ JJ Project สำหรับวันนี้ไปดู Episode แรกด้านล่างได้เลย



ข่าวเกาหลี by www.VelawanG.com
หากนำข่าวไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตเว็บไซต์ด้วยค่ะ ^^

ตำนาน วีรบุรุษแห่งกรีก เพอร์ซุส (perseus) ผู้สังหารเมดูซา


มาพูดถึงวีรบุรุษแห่งกรีกท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ทรงพลกำลังเหมือนดั่งเฮอร์คิวลิสแต่กลับมีความเหมือนกันที่เป็นลูกครึ่งเทพเจ้าเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดว่า เพอร์ซุส เป็นทวดแห่งเฮอร์คิวลิส ซึ่งจะเล่าในช่วงต่อไป หรืออาจเป็นเพราะเหตุนี้ส่วนหนึ่งจึงทำให้เฮอร์คิวลิสมีอภิพลังมหาศาลเพราะเชื้อเทพมาทั้งสองสายทั้งฝ่ายมารดาและบิดาที่เป็นจอมเทพอยู่แล้ว ผู้คนทั้งหลายรู้จักเพอร์ซุสในนาม "เพอร์ซุสผู้สังหารเมดูซา" ซึ่งเป็นอสูรร้ายที่น่ากลัว ที่สามารถทำให้ผู้ที่สบตาของมันแล้วกลายเป็นหินไป

ตำนานกล่าวว่าเพอร์ซุสว่าเป็นพระโอรสแห่งเทพซีอุสกับพระชายาที่เป็นมนุษย์นามว่า "ดาเนีย" เขาเล่าว่า ท้าวอะคริสิอัสกษัตริย์แห่งเมืองอาร์กอสผู้เป็นพระราชบิดาแห่งเจ้าหญิงดาเนียทรงเข้ารับคำทำนายจากนักบวชวิหารเดลฟีว่า "เจ้าจะต้องตายด้วยบุตรชายแห่งธิดาเจ้า"

หลังจากนั้นท้าวอะคริสิอัสจึงกลัวว่าพระองค์จะตายจึงป้องกันเป็นการดับไฟเสียแต่ต้นลมโดยการสร้างหอคอยที่สูงและขังเจ้าหญิงดาเนียไว้ เพื่อป้องกันเจ้าหญิงมีความสัมพันธ์กับชายอื่นจนตั้งครรภ์ แต่ไหนจะรอดพ้นจากคำทำนายเมื่อเทพซีอุสเกิดหลงรักเจ้าหญิงดาเนียและมาร่วมภิรมย์สุขสมจนเจ้าหญิงตั้งครรภ์และให้กำเนิดพระโอรส พอท้าวอะคริสิอัสทราบเท่านั้นก็จับเจ้าหญิงดาเนียใส่หีบพร้อมพระโอรสพระองค์น้อยลอยทิ้งลอยทะเลไป และแล้วหีบใบนี้ก็ลอยไปติดที่เกาะเซอริฟัส และเจ้าหญิงพร้อมพระโอรสได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้าชาวประมงนามว่า "ดิคทิส" ซึ่งเป็นพระเชษฐาแห่งกษัตริย์โพลิเดคทิส ดิคทิสจึงตัดสินใจส่งเจ้าหญิงพร้อมพระโอรสให้ท้าวโพลิเดคทิสอุปถัมภ์ จนพระโอรสองค์น้อยเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม นามว่า "เพอร์ซุส" ท้าวโพลิเดคทิสซึ่งหลงรักในเจ้าหญิงดาเนียมานานแต่มีเพอร์ซุสเป็นก้างขวางคอ พระองค์จึงจัดการเขาโดยส่งเพอร์ซุสไปตายโดยให้เพอร์ซุสไปนำหัวเมดูซามาเป็นของขวัญ เพอร์ซุสก็ยอมรับภารกิจครั้งนี้

เพอร์ซุสออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกซึ่งท้าวโพลิเดคทิสบอกว่า "ที่อยู่ของปีศาจร้ายเมดูซาอยู่สุดขอบโลกทางทิศตะวันตก…"

เช่นนั้นเพอร์ซุสจึงต้องเดินทางไปยังทิศตะวันตกแต่ไม่ทันไรก็มีทะเลมาขว้างกั้น แต่สวรรค์ยังปราณีเทพซีอุสผู้เป็นบิดาสั่งพระเทวโองการให้เทพฮาเดส เทพีอธีน่า และเทพเฮอร์เมสช่วยเพอร์ซุสในภารกิจครั้งนี้ จากนั้นเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ทรงประทานของวิเศษพระองค์ละอย่างแก่เพอร์ซุส

- เทพฮาเดส ประทานหมวกนักรบที่มีขนนกเป็นพู่สวยงาม
- เทพีอธีน่า ประทานโล่
- เทพเฮอร์เมส ประทานเกือกติดปีก

เพอร์ซุสดีใจกับของวิเศษที่เทพเจ้าประทานมาให้ เพอร์ซุสจึงได้โอกาสถามเทพเจ้าว่าปีศาจเมดูซาอยู่ที่ใด เทพีอธีน่าจึงตอบว่า
"พวกเราเหล่าทวยเทพมิรู้หรอก แต่มีกลุ่มเทพีกราเอีย 3 พี่น้องเท่านั้นที่รู้ว่าปีศาจเมดูซาอยู่ที่ไหน" เพอร์ซุสจึงถามต่อว่า "เทพี 3 พี่น้องกราเอียอยู่ที่ไหนล่ะพระองค์" "เจ้าจงใช้เกือกติดปีกแห่งข้าเหาะไปยังเกาะกลางทะเลที่นั่นคือที่อยู่ของพี่น้องเทพีกราเอีย" เทพเฮอร์เมสกล่าว "ขอให้เจ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ" เทพฮาเดสกล่าว

เมื่อเพอร์ซุสได้คำตอบเป็นที่พอใจจึงลาและขอบคุณเทพเจ้าที่ช่วยเหลือ เพอร์ซุสจึงเดินทางต่อไปโดยอาศัยเกือกติดปีกของเทพเฮอร์เมส จนมาถึงเกาะที่อยู่ของ เทพีกราเอีย 3 พี่น้อง เพอร์ซุสพบกับภาพของเทพีที่น่าสงสารที่ตาบอดทุกพระองค์ แต่มีดวงตาเพียงดวงเดียวที่แบ่งกันใช้เท่านั้น เพอร์ซุสขโมยดวงตาแห่งเทพีกราเอียมาเพื่อหลอกถามถึงที่อยู่ของปีศาจเมดูซา เหล่าเทพียอมบอกทางแก่เพอร์ซุสจนไปถึงเกาะอันเป็นที่อยู่แห่งปีศาจเมดูซาได้สำเร็จ

เพอร์ซุสมาถึงเกาะที่เต็มไปด้วยรูปแกะหินเหมือนคนจริง ในท่าทางต่างๆ ทั้งน่ากลัว น่าสงสาร ทุกรูปล้วนเคยเป็นคนมีลมหายใจ แต่กลับมากลายเป็นหินเพราะปีศาจเมดูซา เพอร์ซุสเข้าไปยังปราสาทที่อยู่ของเมดูซา และเพอร์ซุสไม่กล้ามองเมดูซาโดยตรงเพราะกลัวว่าเมื่อสบตามันแล้วจะกลายเป็นหิน เขาจึงดูเอาจากเงาที่สะท้อนในโล่ ปรากฏว่าเขาพบกับเมดูซาและเด็ดหัวมันมาจนได้และเหาะนำหัวเมดูซากลับสู่เกาะเซอริฟัส (บางตำนานว่าพอเพอร์ซุสตัดหัวเมดูซาได้นั้นก็บังเอิญสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งออกมาจากคอของเมดูซา นั่นคือ ม้ามีปีก นามว่า "เปกาซัส" ซึ่งเขาว่าเป็นบุตรที่เมดูซาตั้งครรภ์ครั้งที่มีความสัมพันธ์กับเทพโพไซดอนในครั้งที่เมดูซายังเป็นนางพรายงดงามนางหนึ่งและถูกเทพีอธีน่าลงทัณฑ์สาปให้เป็นปีศาจร้ายอย่างที่เป็นอยู่นั่นเอง) แต่กลับถูกพายุพัดเข้ามาถึงอุทยานสวรรค์แห่งเทพเจ้าที่มีเทพแอตลาสที่แบกสวรรค์ไว้เป็นผู้เฝ้า เพอร์ซุสหวังจะพักผ่อนเพราะความเหน็ดเหนื่อยแต่กลับถูกเทพแอตลาสขับไล่ เพอร์ซุสจึงโมโหและชูหัวเมดูซาใส่เทพแอตลาส เมื่อเทพแอตลาสสบตากับหัวเมดูซาก็กลายเป็นหินไป ต่อมากลายเป็นภูเขาแอตลาสทางตอนเหนือทวีปแอฟริกา ต่อมาเพอร์ซุสออกเดินทางผ่านทะเลทรายซาฮาร่าบังเอิญเลือดของเมดูซาหยดไหลตามทางจึงบังเกิดเป็นงูพิษที่อาศัยในทะเลทราย

เพอร์ซุสเดินทางผ่านกรุงเอธิโอเปียอันมีท้าวเซฟฟิฟัสปกครอง ซึ่งเขาต้องประหลาดกับเหตุการณ์ที่มีสาวงามถูกตรึงไว้กับโขดหินและมีเจ้าสัตว์ประหลาดจากทะเลกำลังจะกินนาง เพอร์ซุสจึงเข้าสังหารมันเพื่อช่วยหญิงสาวที่เป็นเหยื่อ เพอร์ซุสมาทราบทีหลังว่า หญิงสาวผู้นี้คือ เจ้าหญิงอันโดเมดร้าพระธิดาแห่งท้าวเซฟฟิฟัส ซึ่งเพอร์ซุสยังประหลาดใจว่าทำไมเจ้าหญิงต้องมาเป็นอาหารของปีศาจร้าย ท้าวเซฟฟิฟัสกล่าวถึงสาเหตุว่า "พระมเหสีข้า คัสสิโอเปีย กล่าวดูหมิ่นเกียรติแห่งเหล่านางพรายนีเรียดส์ทั้ง 50 นางซึ่งมี 1 ในนั้นคือเทพีอัมฟิตริตีราชินีแห่งเทพโพไซดอน พระองค์พิโรธจึงส่งสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลขึ้นมาอาละวาดจับพสกนิกรของเรากิน จนเราต้องส่งสาวพรหมจรรย์มาสังเวยมันทุกปีจนมาถึงคราวของเจ้าหญิงอันโดรเมดร้านี้ล่ะท่าน"

เมื่อเพอร์ซุสทราบความจริงแล้ว ท้าวเซฟฟิฟัสพอพระทัยเพอร์ซุสที่ช่วยพระธิดาไว้จึงยกพระธิดาให้เป็นพระชายา และแล้วเพอร์ซุสก็อภิเษกกับเจ้าหญิงอันโดรเมดร้าและพาเจ้าหญิงกลับบ้านเมืองของพระองค์และเพอร์ซุสได้นำหัวของเมดูซามาถวาย พอมาถึงเกาะเซอริฟัสพบว่าพระมารดาเจ้าหญิงดาเนียหนีมาอยู่ที่บ้านของดิกทิสเพราะถูกท้าวโพรเดคทิสลวนลาม เพอร์ซุสคิดแก้แค้นจึงเข้าเฝ้าและมอบหัวเมดูซาแก่ท้าวโพรเดคทิสโดยชูหัวเมดูซาให้ เมื่อพระองค์สบตาเมดูซาพระองค์ก็กลายเป็นหินไป จากนั้นเพอร์ซุสก็ยกเมืองนี้ให้ดิกทิสเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไป จากนั้นเพอร์ซุสก็นำหัวเมดูซามาประดับไว้ในโล่ของเทพีอธีน่าและก็คืนของวิเศษกลับคืนสู่เทพเจ้าซึ่งเป็นเจ้าของเดิม

จากนั้นเพอร์ซุสพาพระมารดาและเจ้าหญิงอันโดรเมดร้าล่องเรือสู่เมืองอาร์กอสเพื่อเยี่ยมเสด็จตาและหวังว่าเสด็จตาจะหายกลัวในคำทำนายแล้ว พอท้าวอะคริสิอัสทราบเท่านั้นก็ได้หลบหนีไปพำนักที่เมืองลาริสซาซึ่งเจ้าเมืองเป็นพระสหายเก่า เพอร์ซุสมาถึงก็ออกตามหาเสด็จตาจนมาถึงเมืองลาริสซา ซึ่งในขณะนั้นมีการจัดงานกีฬา เพอร์ซุสก็ลงแข่งขันด้วยโดยลงแข่งก๊ฬาขว้างจานเหล็ก (ควอยต์) ซึ่งบังเอิญจริงๆ เพอร์ซุสขว้างแรงไปโดยไม่ได้ตั้งใจดันไปถูกชายชราคนหนึ่งเสียชีวิต พอเจ้าหญิงดาเนียมาถึงก็กลายว่าชายชราที่ตายนั้นคือ ท้าวอะคริสิคัส ซึ่งเป็นไปตามคำทำนายเสียจริงที่พระองค์จะต้องตายด้วยน้ำมือของหลาน ต่อมาเพอร์ซุสก็ขึ้นครองราชย์เมืองอาร์กอสแต่เกิดความไม่สบายใจเพราะเท่ากับว่าตนเป็นผู้สังหารเสด็จตาเหมือนว่าแย่งบัลลังก์มา จึงมาสร้างเมืองใหม่คือ "ไมซีนี" จากนั้นพระองค์กับพระราชินีอันโดรเมดร้าก็ทรงครองรักกันอย่างมีความสุข

ตำนาน เทพีแห่งการล้างแค้น เทพีเนเมซิส (Nemesis)


เทพี Nemesis เป็นเทพพีแห่ง กฏแห่งกรรม ของชาวกรีกนั้นเอง เทพีองค์นี้ถือได้ว่าเป็นยอดหญิงไม่แพ้เทพีองค์ไดๆ และแข็งแกร่งไม่แพ้เทพผู้ชายเลย เป็นเทพีที่ไม่ยอมให้คนชั่วลอยนวน สมาชิกคนใหนอยากจะบูชา ก็เชิญนะคร้าบบ

ความผิดและกรรมชั่วทั้งหลาย สมควรต้องได้รับโทษตอบแทน จึงจะชอบด้วยความยุติธรรม ชาวกรีกและโรมันคิดเช่นนี้ และเห็นว่าความพยาบาทหรือการล้างแค้นอันชอบธรรมก็เป็นกิจที่เทพเจ้าพึง บำเพ็ญต่อมนุษย์เช่นกัน เขาจึงแต่งตั้งเทพีแห่งความพยาบาทหรือการสนองกรรมขึ้นโดยมีนามว่า "เนเมซิส (Nemesis)"

เนเมซิส เป็นเทพีสาวที่ออกมาลงโทษคนที่ทำผิดศีลธรรมทำกรรมชั่ว คนที่หยิ่งผยอง หรือคนที่ปฏิเสธพรของเทพเจ้า หรือไม่ก็คนที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมเอื้อเฟื้อแก่คนอื่น แต่จะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่คนดีและผู้ทรงคุณธรรมทั่วไป

เนเมซิส เป็นลูกสาวของ นิกซ์ (Nyx) เทพีแห่งรัตติกาล เขาว่ากันว่าบิดาของเธอคือ โอเชียนัส (Oceanus) แม่สาวเนเมซิส นั้นได้ชื่อว่าสวยพอๆ กับ อโฟรไดท์ (Aphrodite) เทพีแห่งความงามและความรักเลยล่ะ ความสวยของเธอไปเข้าตาของจอมเทพ ซีอุส(Zeus) เข้า แต่ เนเมซิสไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับ ซีอุส เธอก็เลยแปลงร่างหนีทุกครั้งที่เธอเห็น ซีอุสเข้ามาใกล้ บางตำราก็บอกว่าสุดท้ายเธอแปลงร่างเป็นห่าน แต่ซีอุส รู้ทันแปลงร่างเป็นหงส์และจับคู่กับเธอ เนเมซิสวางไข่ไว้ในกอหญ้า 1 ฟอง คนเลี้ยง!มาพบไข่ฟองนี้เข้าจึงนำไปถวายพระนางลีดา (Leda) นางลีดา เก็บไข่ฟองนั้นเอาไว้ในกล่อง และเมื่อเด็กน้อยฟักออกมาจากไข่ นาง ลีดา ก็ให้ชื่อว่า"เฮเลน( Helen )"และเลี้ยงดูเด็กคนนั้นเหมือนเป็นบุตรีของตนเอง หนูน้อย เฮเลนคนนี้เมื่อโตขึ้นมาก็คือแม่สาวที่ทำให้เกิดสงครามกรุงทรอย (Trojan War) ขึ้นยังไงล่ะ

บางตำราเขาก็ว่า ซีอุส แกหลงรักเนเมซิส แต่เมื่อ เนเมซิส ไม่ยอมร่วมหอด้วย พระองค์ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจาก อโฟรไดท์ ให้ อโฟรไดท์ แปลงร่างเป็นนกอินทรีเข้าโจมตีตัวเองที่แปลงร่างเป็นหงส์ เจ้าหงส์ปลอมก็ทำเป็นบินร่อแร่มาหา เนเมซิสแม่สาวเนเมซิส ใจดีอุ้มหงส์เจ้าเล่ห์เอาไว้ พอ เนเมซิสหลับ ซีอุส ในร่างหงส์ก็มีความสัมพันธ์กับเธอ พอ เนเมซิส คลอดก็คลอดลูกออกมาเป็นไข่ เทพ เฮอร์เมส (Hermes) ก็รีบมาเอาไข่นั้นไปที่เมือง Sparta แล้วโยนไข่ฟองนั้นไปที่ตักของพระนาง ลีดา แล้วแม่โฉมงามเฮเลน ก็กระโดดออกมาจากไข่ใบนั้นนั่นเอง (แต่ส่วนใหญ่บอกว่าเฮเลนน่ะเป็นลูกของพระนางลีดาเองนั่นแหละ)

แต่ บางตำรากล่าวถึงเนเมซิสแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง คือบอกว่า รูปลักษณะของเทพีองค์นี้เป็นหญิงที่มีหน้าตาแสดงความเหี้ยมเกรียม ถือพังงาและล้อ บางทีก็มีปีกด้วย แสดงว่าองค์เทพีจะตามตอบแทนผู้ทำความผิดไปทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำหรือบก ดังที่พังงา(พวงมาลัยเรือ) และล้อ (ที่ใช้สำหรับรถแล่นบนบก) เป็นเครื่องหมาย แสดงอยู่

ที่กรุงโรมมีรูปอนุสาวรีย์ของเทพีเนเมซิสประดิษฐานอยู่ใน รัฐสภาทีเดียว เมื่อจะประกาศเมื่อจะประกาศศึกต่อศัตรู จะมีพิธีบวงสรวงพระนางก่อน เพื่อให้เป็นที่ปรากฏว่า พวกเขาทำศึกโดยเหตุผลอันชอบธรรมที่สุดเสมอ