ตึก 5 เป็นตึกที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนที่มีอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย นอกจากจะใช้เป็นอาคารเรียนแล้ว บนชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ยังทำเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ มีเวทีสำหรับการแสดงพร้อมสรรพ
การก่อสร้างใช้เวลา 2 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้ใช้ได้ ช่วงแรกๆ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง ก้อย(นามสมมุติ)นักศึกษาสาวคณะรัฐศาสตร์ปี 3 ตกลงมาจากชั้น 6 ตายคาที่ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ แขนขาหักไม่มีชิ้นดี ใบหน้าของหล่อนแทบจะจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ถ้าไม่พบเอกสารในบริเวณที่ก้อยตกลงมา
อาจารย์ได้ทราบทีหลังว่าเหตุที่ก้อยตกตึกลงมานั้น เพราะเธอตั้งใจฆ่าตัวตายเนื่องจากเธอเครียดที่ถูกรีไทร์
นักศึกษาทุกคนที่ทราบข่าวเรื่องการตายของก้อยมีความรู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่กล้าเข้าไปที่ตึก 5 อีก ถ้าไม่มีเรียน นับวันความกลัวของนักศึกษาก็ยิ่งมากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น 3 วันผ่านไป เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า เอรีบเดินขึ้นตึก 5 เพื่อไปเรียน ก่อนที่จะขึ้นไปได้แวะเข้าห้องน้ำที่ใต้ตึก เอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาล้างหน้าอยู่โดยที่ไม่สนใจเธอ เธอเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปทำธุระส่วนตัว และเมื่อเดินออกมาก็ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ในอากัปกิริยาเดิม เอเดินเข้าไปข้างๆ เพื่อไปล้างมือ พลางมองเธอคนนั้น คุณพระช่วย…! ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆหันมาช้าๆ ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาข้างขวาค่อยๆทะลักออกมาช้าๆ และแสยะยิ้มพูดออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น “มี…กระ…ดาษ…ชำ…ระ….มั๊ย…” เท่านั้นแหละ เอก็เข่าอ่อนนอนพับอยู่กับพื้นห้องน้ำ จนกระทั่งถึงเวลาพักระหว่างเรียน นักศึกษาสาวหลายคนเดินเข้าห้องน้ำจึงมาพบเอนอนสลบอยู่ จึงพาไปห้องพยาบาลช่วยกันปฐมพยาบาลจนฟื้น เอเอาแต่ร้องไห้ แต่ก็พยายามเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนและอาจารย์ที่ห้องพยาบาลฟัง ทุกคนกลัวมาก
เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วมหาลัย ดังนั้นเวลาไปไหนจึงไม่ค่อยมีใครกล้าไปคนเดียว
วันหนึ่งตรงกับวันรณรงค์เรื่องเอดส์โลก มีนักศึกษาหลายกลุ่มขึ้นไปแสดงบนเวทีที่ห้องประชุมชั้น 6 ของตึก 5 มีการจัดนิทรรศการและมีการแสดงดนตรีที่ใต้ตึก 5 วันนั้นผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งเวลา 3 ทุ่มกว่า
งานทุกอย่างก็เลิก นักศึกษาหลายคนยังคงอยู่ที่ตึก 5 เพื่อเก็บของให้เข้าที่สำหรับใช้ในวันถัดไป จนกระทั่ง 5 ทุ่ม นักศึกษาเหล่านั้นก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับ มีแต่พวกนักดนตรีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เพราะเครื่องดนตรีมีขนาดใหญ่ ยากแก่การขนย้ายจึงได้นอนเฝ้า (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชายที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องลึกลับเท่าใดนัก) พวกเขาตั้งวงกินเหล้าร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางสายลมที่พัดมาเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งตี 2 หลายคนหลับไปแล้วเพราะความเพลีย แต่บางคนก็ยังจับกลุ่มกินเหล้ากันอยู่ หนุ่มก็เป็นอีกคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้น เขารู้สึกปวดท้องหนักขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ลุกออกไปเพียง 2-3 ก้าวเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงัก บอร์ดที่ติดรูปเกี่ยวกับโรคเอดส์เหมือนกับมีเงาอะไรเลือนผ่านไป หนุ่มคิดว่าคงตาฝาดแล้วก็เดินไปที่ห้องน้ำโดยไม่สนใจอะไรอีกหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำชายซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำหญิง (ที่เกิดเรื่องในตอนต้น) อยู่ดีๆ ก็มีเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังขึ้น จากที่ได้ยินเพียงแผ่วๆ ก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับเสียงนั้นมาดังอยู่หน้าห้องน้ำที่เขากำลังปฏิบัติกิจอยู่ หนุ่มเกิดสงสัยว่าทำไมมีผู้หญิงมาร้องไห้ที่ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่รู้ว่ามีคนอยู่แน่ เขาจึงเงียบเพื่อที่เธอคนนั้นจะไม่ตกใจที่รู้ว่ามีใครอยู่ที่นี่ แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดมันเหมือนกับว่าหล่อนรู้ว่ามีคนอยู่ เพราะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องน้ำ หนแรกหนุ่มไม่ตอบ แล้วมันก็ดังขึ้นมาอีก “ใคร” เขาตะโกนถามออกไป แต่ไม่มีเสียงตอบ จนมีเสียงเคาะประตูขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 3 หนุ่มเริ่มไม่พอใจ รีบทำธุระของตัวเองให้เสร็จแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมาดู แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น จะต้องมีคนแกล้งเขาแน่ๆ หนุ่มเดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พอเล่าจบเท่านั้นก็มีลมพัดมาที่พวกเขาวูบหนึ่ง พวกเขาหันไปที่บริเวณทางห้องน้ำ….หญิงสาวคนนั้นยืนร้องไห้อยู่ที่นั่นร่างกายเต็มไปด้วยเลือด “ช่วย…ด้วย…ฉัน…ไม่…อยาก…โดน…ไทร์…” เท่านั้นแหละวงเหล้ากระจาย แต่ละคนวิ่งไปคนละทิศละทาง คนที่นอนอยู่ก็สะดุ้งตกใจตื่นมองไปมองมาไม่เห็นมีอะไรจึงหลับต่อ
อ้ำนอนอยู่ใกล้ห้องน้ำที่สุดและเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเพราะเป็นคนขี้เซามาก และก็ไม่ยอมตื่นมาดูเหตุการณ์ต่างๆเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เขากำลังนอนหลับสบาย แต่รู้สึกเหมือนกับมีน้ำหยดลงมาที่หน้าจากหนึ่งหยดเป็นสองหยดเป็นสามหยด…มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเขาตื่นขึ้นมาหวังจะด่าไอ้เพื่อนคนนั้นที่มาแกล้งเขา “ไอ้..ห่..” พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุด ช็อกกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้หญิงคนนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาข้างขวาทะลักออกมาอยู่นอกเบ้า มีกระดูกโผล่ออกมาจากดั้งจมูก อ้ำแทบจะอาเจียนกับภาพที่เห็น แถมด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เท่านั้นแหละ “ผี...ผี...หลอก” อ้ำโวยวายแล้วก็วิ่งออกไปโดยไม่คิดชีวิต พร้อมๆกับมีเสียงหัวเราะของผีสาวไล่หลังมา
ตอนนี้อาคารหลังนั้นก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ได้นิมนต์พระมาทำพิธีแล้ว เหตุการณ์ณืทุกอย่างก็ค่อยๆเลือนไป จนบางคนก็ลืมไปด้วยซ้ำ
ก้อยยังคงอยู่ที่นั่น โผล่มาหลอกหลอนบ้างเป็นบางครั้ง ใครอยากจะพบก้อยเชิญได้ที่มหาวิทยาลัย...ตึก 5...!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น