ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ผมได้ฟังเรื่องผีจากพวกผู้ใหญ่ เขาบอกว่าผีที่เจ็บไข้ได้ป่วยตายตามธรรมชาติ จะไม่ดุร้ายเหมือนพวกผีตายโหง ทั้งโดนฆ่าและฆ่าตัวตาย โดนรถชนตาย ตกน้ำตาย รวมทั้งตายด้วยอุบัติเหตุสยองต่างๆ ไม่ว่าไฟไหม้ ตกต้นไม้ตาย....ล้วนแต่ทำให้เกิดผีหลอกวิญญาณหลอนทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าผีอะไรก็ไม่เฮี้ยนสุดขีดเท่ากับผีรถไฟทับตาย! บ้านผมอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟบางซื่อซะด้วย แถวๆ สะพานดำที่ข้ามคลองประปา....กลัวซีครับ ทำไมจะไม่กลัว!
สมัยผมเด็กๆ น่ะเกิดเหตุรถไฟทับคนตาย หรือใครจะเรียกว่าชนคนตายก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คือมีลุงขี้เมาแกเดินกอดขวดเหล้า เป๋ไปเป๋มาจนโดนรถไฟชนกระเด็นไปเป็นสิบๆวา เนื้อตัวกลายเป็นซากเละเทะ แดงเถือกด้วยเลือดสดๆ คนดูถึงกับลมใส่ไปตามๆกัน
อีกรายเป็นคนจรจัดมานอนบนรางรถไฟใกล้ๆ หมู่บ้าน...รายนี้แขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม่ช้าก็มีผู้หญิงแม่ลูกอ่อนทะเลาะกับผัว อุ้มลูกเดินร้องไห้เข้าไปหารถไฟที่พุ่งมาจากบางซื่อ...อะไรจะไปเหลือล่ะ ครับ? เฮ้อ...
ที่เล่ามานั่นเฉพาะที่ผมรู้เห็นเท่านั้น แถมผีดุบรรลัยอีกต่างหาก!
ตอนกลางคืนมีคนเห็นร่างเละเทะเดินกอดขวดเหล้าไปตามทางรถไฟ ส่วนรายคนจรจัดที่แขนขาขาดก็คลานโหย่งๆ ให้คนเห็นหลายราย ยิ่งแม่ลูกอ่อนนั่นเธอเดินอุ้มลูกร้องไห้น่าสงสาร...แต่คนดวงซวยที่มองเห็นเข้าย่อมจะไม่เกิดความรู้สึกเวทนาใดๆ แต่สติแตกร้องจ้าเป็นเจ๊กตื่นไฟ วิ่งเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลานทุกคนไป
...สถานีใหญ่โตระดับชุมทางบางซื่อน่ะมีรถไฟผ่านทั้งสายเหนือ สายใต้ สายอีสาน เสียงล้อบดครางดังคึ่กๆ ระคนกับเสียงหวูดกรีดแหลมแทบจะทั้งวันทั้งคืนก็ว่าได้ เรื่องอุบัติเหตุชนคนตายน่ะหนีไม่พ้นอยู่แล้วครับ
พอโตขึ้นหน่อย ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่ริมคลองประปา ติดกับสะพานดำพอดี กิ่งใบแผ่กว้างหนาทึบชนิดมองเห็นแล้ววังเวงใจชอบกล ชาวบ้านเรียกเจ้าพ่อโพธิ์ เชื่อถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดู
ลุงม้วนคนข้างบ้านบอกผมว่า พวกผีที่ตายเพราะโดนรถไฟทับน่ะ ล้วนแต่ไปอาศัยอยู่ที่ต้นโพธิ์ กลายเป็นบริวารเจ้าพ่อไม่รู้ว่ากี่สิบรายมาแล้ว
ก่อนนั้นก็เคยมีสาวอกหัก ดูเหมือนจะท้องอ่อนๆด้วย ปีนขึ้นไปผูกคอตาย เคยมีคนเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่โคนต้นโพธิ์บ้าง ห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งโพธิ์บ้าง...รายไหนก็รายนั้นเป็นวิ่งกระเจิงไม่คิดชีวิต บางรายถึงกับจับไข้หัวโกร๋นไปเลย
ผู้คนแถวนั้นที่นั่งรถไฟผ่านไปมาตอนกลางคืนก็เคยเล่ากันว่าผีที่สะพานดำดุร้ายจนต้องเรียกว่าเฮี้ยนจัดอย่าบอกใครเชียว!
ขนาดรถไฟวิ่งมาเร็วๆ ยังมองเห็นอมนุษย์ห้อยโหนอยู่ตามราวสะพานเต็มไปหมด มีทั้งแขนขาขาด หัวขาด ตับไตไส้พุงห้อยร่องแร่ง บ้างก็แลบลิ้นปลิ้นตา จนถึงทำท่าจะชะโงกเข้ามาทางหน้าต่างรถไฟก็มี
ผีดุอะไรจะปานนั้น?! สงสัยจะยังไม่ได้ไปอยู่กับเจ้าพ่อโพธิ์ หรือว่าได้รับอนุญาตให้มาตากอากาศ เลยฉวยโอกาสหลอกหลอนผู้คนเล่นดื้อๆยังงั้นเอง!
ผมกับเพื่อนอีกสองคนเคยเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้ากับตัวเอง เมื่อเรานั่งดวดดื่มในบ้านริมคลองประปาของเจ้าตุ๋ย หอบเหล้าโซดา น้ำแข็งและกับแกล้มไปนั่งสำราญกันที่ระเบียงบ้าน ฝั่งนี้อยู่ตรงข้ามกับต้นโพธิ์ครับ
ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนถึงใกล้ค่ำ คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาขาเมา รถไฟเปิดหวูดจะเข้าจะออกสถานีทีก็หยุดเม้าธ์ทันที ฟังเสียงล้อเหล็กกระแทกรางโครมๆเพลิดเพลิน ทำให้นึกถึงเสียงเพลงฉึกฉักรถไฟสมัยก่อน...บังเอิญเจ้าโก้เพื่อนอีกคนมองเห็นอะไรอีกฟากคลองแถวๆ ต้นโพธิ์...ร้องโวยวายขึ้นมาดื้อๆ
เสียงร้องของมันทำให้ผมกับเจ้าตุ๋ยหันขวับไปมอง...ภาพที่เห็นทำให้เย็นวาบไปทั้งตัว...ผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีนป่ายอยู่บนกึ่งโพธิ์พอดี!
จู่ๆ ร่างนั้นก็หล่นพรวดลงมาห้อยต่องแต่ง พวกเราลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมๆ กน เจ้าตุ๋ยร้องลั่นแต่ว่า...เฮ้ยๆ คนผูกคอตาย! เล่นเอาเพื่อนบ้านโผล่ออกมาดู ก่อนจะเผ่นไปขึ้นทางรถไฟข้ามสะพานไปที่ต้นโพธิ์ เหน็ดเหนื่อยแทบจะขาดใจตาย
นรกเป็นพยาน! ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า ยอดโพธิ์สะบัดกิ่งใบซู่ซ่า ฟังแล้วเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจ...จะว่าเมาหรือตาฝาดแต่เราก็เห็นพร้อมกันทั้งสามคน
...ไม่รู้ว่าผีผูกคอตายตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มาปรากฏกายให้เราเห็น ขนหัวลุกไปตามๆกันซีครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น