วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

หุ่นเจ้าสาว

ดิฉันน่าจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันผิดปกติมาก แต่น่าแปลกที่ตอนแรกดิฉันไม่ได้สะกิดใจแม้แต่น้อย

วันนั้นเป็นวันแรกที่ดิฉันเข้าไปอยู่ในหอพัก คือว่าดิฉันได้งานทำแถวรังสิต แน่ละ...เมื่อบ้านอยู่ไกลก็จำเป็นต้องหาหอพักอยู่ มีคนแนะนำหอแห่งนี้ให้ ดิฉันก็เลยไปติดต่อด้วยตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่ของหอบอกว่ามีห้องเหลืออยู่ห้องเดียว คือห้องหมายเลข 814 อยู่ที่ชั้นแปด มีตู้มีเตียงครบเรียบร้อยทุกอย่าง ถือกระเป๋าใบเดียวก็เดินเข้าไปอยู่ได้เลย

รุ่งขึ้น ดิฉันให้พี่ขับรถมาส่งเพราะต้องขนหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้า รวมทั้งของใช้ในห้องน้ำมาด้วย

ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ พี่ชายต้องรีบไปทำงาน ของแค่นี้ดิฉันขนขึ้นห้องคนเดียวได้ เรื่องกุญแจน่ะรึคะ เรียบร้อยตั้งแต่เซ็นสัญญาเช่าห้องเมื่อวานนี้แล้ว อากาศยามเช้าสดชื่นจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ ดิฉันไม่เคยเจอผู้คนเลย มันเงียบสงบดีจัง...

อ้อ! เจอแต่ยามหน้าประตูกระจกชั้นล่างของอาคารคนเดียว เขายิ้มให้ขณะดิฉันใช้กุญแจการ์ดรูดเปิดประตู จากนั้นก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ แหม...ลิฟต์เล็กนิดเดียว ขึ้นได้ครั้งละไม่เกินสี่คนเท่านั้น ดิฉันไม่ชอบที่แคบๆ ซะด้วย แต่ไม่เป็นไร ลิฟต์พุ่งขึ้นไปเร็วใช้ได้เลยละ...ปรู๊ดเดียวก็ถึงชั้นแปด...

ประตูลิฟต์เปิดแล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้ง...ตรงข้ามประตูลิฟต์จัดเป็นเก้าอี้นั่งพัก มีกระจกผนัง มีต้นไม้ประดับอยู่ในกระถาง และสิ่งที่ทำให้ดิฉันสะดุ้งคือ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนแข็งทื่อ...เธอสวมชุดไทยคล้ายเจ้าสาว ทำผมสวยงาม ยืนตรง หน้ามองตรง


เมื่อเพ่งดูจริงๆ จังๆ เออหนอ...หุ่นขี้ผึ้งนี่นา!!

ดิฉันถอนใจแล้วนึกขัน หอแห่งนี้มีลูกเล่นแปลกๆ เขามีกระทั่งทำหุ่นขี้ผึ้งมายืนต้อนรับหน้าลิฟต์ ลงทุนน่าดู...ไม่เคยเห็นมีที่ไหนทำอย่างนี้เลย

พอรู้ว่าเป็นแค่หุ่นก็เดินเข้าไปพิศดู 

เอ...จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เขาปั้นจนดูคล้ายคนมากๆ คุณคงนึกออกนะคะ...ผิวพรรณ ผมและดวงตา ดูยังไงก็เหมือนคนไม่มีผิด...เหมือนจนน่าขนลุกจริงๆ

เอาละ! ดิฉันถือถุงหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงไปที่ห้องหมายเลข 814 แล้วใช้กุญแจดอกเล็กๆ ไขเข้าไป...ห้องสวยใช้ได้ พอเหมาะพอเจาะกับการอยู่คนเดียว มีระเบียงด้วยซีคะ วิวก็สวยดี ดิฉันชอบอยู่ห้องของตึกสูงๆ ก็เพราะชอบดูวิวนี่แหละ

หลังจากพักผ่อนและเก็บของเข้าที่เข้าทางแล้วดิฉันก็ไปทำงาน...

ตอนกดลิฟต์และรออยู่นั้น ก็ยังหันไปชื่นชมหุ่นขี้ผึ้งสาวสวยนั่นเลยค่ะ นึกเล่นๆ ว่าถ้าหล่อนกระดิกได้หรือยักคิ้วให้ ดิฉันคงไม่รู้จะเผ่นไปทางไหน

เย็นนั้นกลับมา อ้าว? หุ่นขี้ผึ้งแสนสวยหายไปแล้ว!

คิดดูอีกทีเขาคงย้ายไปไว้ที่อื่น หรือไม่ก็เอามาวางไว้หน้าลิฟต์ชั่วคราว แต่แหม...ไม่มีเหตุผลเลย เขาเอามาวางไว้ตรงนี้ทำไม? มันมาจากไหน? ใครเป็นเจ้าของ? ช่างเถอะ! อย่าคิดมากเลย...ปวดหัวเปล่าๆ

สามสี่วันถัดจากนั้น ดิฉันได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของหอที่ชื่ออ้อย ก็เลยเอ่ยถึงหุ่นขี้ผึ้งตัวนั้น...คุณอ้อยทำท่าตกใจวูบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนรับเออรับค่ะ แต่ดิฉันสังเกตเห็นท่าทีพิกลๆ นั้น...และตอนนี้แหละค่ะ ที่เริ่มสะกิดใจ

เรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผยจากเจ้าของร้านอาหารหน้าปากซอยของหอพักนั้น...

คุยไปคุยมา ดิฉันก็เล่าว่ามาวันแรกมีเรื่องตกใจนิดหน่อยที่เปิดลิฟต์มาเจอหุ่นขี้ผึ้ง แต่งชุดเจ้าสาว สวยสะดุดตามากเชียว...เล่นเอาคุณป้าเจ้าของร้านเอามือกุมอก เบิกตากว้าง

"คุณเห็นจริงๆ เหรอคะ?"

คุณพระช่วย! นั่นน่ะไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งหรอกค่ะ แต่เป็นผีเจ้าสาวจริงๆ มายืนทื่อให้ดิฉันเห็นเต็มหูเต็มตา เป็นการต้อนรับน้องใหม่ก็ว่าได้!

เธอเป็นผู้เช่าห้องหมายเลข 814 เมื่อหลายเดือนก่อน คุณป้าเจ้าของร้านนี้รู้จักดี เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำมากินอาหารแทบทุกวัน เธอมีคนรักที่เธอรักเขามาก และเตรียมจะแต่งงานด้วย ขนาดไปซื้อชุดเจ้าสาวมาอวดคุณป้าเชียวละ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าถูกหลอก เสียเงินทอง เสียทั้งตัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไป

เธออับอายและเสียใจจนกินยานอนหลับตายในห้อง 814

ดิฉันโทร.บอก พี่ให้มารับเดี๋ยวนั้น และบอกทางหอด้วยว่าถูกผีหลอก เขาใจร้ายมากที่ให้เช่าห้องนี้ ผลสุดท้ายเขาคืนเงินประกันให้ดิฉัน จะว่าคุ้มก็ไม่คุ้มหรอกค่ะ ดิฉันขวัญเสียอย่างแรง...ทุกวันนี้ยังอยู่คนเดียวไม่ได้เลยค่ะ จะบอกให้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น