ธรรมเนียมของคนไทยตั้งแต่โบร่ำโบราณ หากชายชาตรีไม่มีสองสิ่ง ถือว่าไม่ใช่ชายชาตรี
หนึ่ง คือ การออกรบ
สอง คือ การบวช
ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง และธรรมเนียมการบวชผู้ชายที่ครบสามสิบสอง จะต้องบวชทดแทนพระคุณแม่พ่อ ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กตั้งแต่น้อย การบวชนิยมบวชสิบห้าวัน หนึ่งเดือน หรือตลอดพรรษาสามเดือนแล้วแต่ว่าใครจะสะดวกอย่างไร
และมันก็นำมาซึ่งความน่าสะพรึงกลัว ขนหัวลุก
หลวงพี่เต๊ะ เพื่อนร่วมรุ่นของพระบอล(เพื่อนผม) ที่ปลีกวิเวกไปบวช ณ วัดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน ได้เล่าเรื่องของความเฮี้ยนแห่งตึกพระใหม่ให้ฟัง ตำนานแห่งความน่าสะพรึงกลัว คุณพร้อมแล้วใช่มั้ยที่จะติดตาม
พระบอล หนึ่งในก๊วนพระใหม่ห้าสิบกว่ารูปที่บวชด้วยกัน มีนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่อาจจะละได้ตั้งแต่สมัยก่อนบวช นั่นคือ นิสัยสูบบุหรี่ นอกจากนี้เพราะความที่เป็นลูกคนเล็ก เลยถูกเอาใจมาจนชิน จึงทำให้ขี้เกียจทำวัตรบ้าง ขี้เกียจรับไทยทานบ้าง ตามประสาของคนที่ยังละนิสัยเก่าไม่ได้ พระบอลบวชมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นมา หลวงพี่ที่ดูแลก็ว่ากล่าวตักเตือน แต่ก็ไม่ทำให้พระบอลสำนึกไปได้
จนกระทั่งเจ้าของตึกตัวจริงต้องมาเตือน
และเป็นการเตือนที่พระบอลจะจดจำไปทั้งชีวิต
ดึกคืนหนึ่ง พระบอลจำวัดอยู่ในห้องเพียงลำพัง เวลาผ่านไป เที่ยงคืน นาฬิกาตีบอกเวลาดังเป๊งๆ เที่ยงคืน ทั่วทั้งตึกเงียบงัน ไม่มีสรรพสำเนียงใดๆ หมาก็หลับกันหมดแล้ว พระบอลนอนหลับสนิท และก็ได้ฝันไป
ในฝัน พระบอลนอนอยู่กับเตียง และลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงผลักประตูมุ้งลวดเข้ามา จึงกุลีกุจอลุกขึ้น ผู้เข้ามาเยือนเป็นพระสองรูป ดูท่าทางจะบวชมานาน แต่ยังหนุ่มแน่นทั้งสองรูป พระบอลจึงเอาอาสนะในห้องปูถวายและปูนั่งด้วยตัวเองผืนหนึ่ง พระทั้งสองนั่งลง จ้องพระบอลเขม็งไม่กระพริบตา พระบอลอึดอัด ถามว่า "ท่านมีธุระอะไรกับผมหรือ"
พระที่อยู่ทางขวา กล่าวว่า "ท่านน่ะมีโอกาสที่หาได้ยากในชีวิต เวลาท่านมีแค่เดือนเดียว ท่านควรตั้งใจปฏิบัติให้ดี ไม่ใช่มาแอบสูบบุหรี่ ที่หลับที่นอนก็ไม่เก็บ ขี้เกียจทำวัตรทำวา ถ้าท่านต้องการแบบนั้น ท่านควรบอกโยมของท่านว่าไม่ต้องการบวช อยู่บ้านเฉยๆจะดีกว่า"
พระบอลมึนตึงเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าว่าตรงๆ แบบนี้มาก่อน ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ เดือดปุดๆ แต่ไม่รู้ว่าพระสององค์นี่เป็นใคร ไฉนถึงกล้ามาว่ากล่าวตนถึงในห้อง
สักครู่หนึ่งก็มีอุบาสกใส่ชุดขาว ยกน้ำมาเสิร์ฟสามแก้ว พระบอลรับน้ำ อุบาสกยกไปวางหน้าพระทั้งสองรูปแล้วถอยออกนอกห้องไป พระบอลรู้สึกระหายน้ำ จึงยกขึ้นดื่ม แต่พระทั้งสองรูปไม่แตะน้ำเลย จึงถามว่า "ท่านไม่ดื่มน้ำหรือ"
"ดื่มสิ" ไม่ทันขาดคำ พระทั้งสองรูปก็แลบลิ้นออกมา ลิ้นของท่านทั้งสองยืดออกราวสองศอก พระบอลตะลึง ลิ้นของพระทั้งสองแตะน้ำ ตวัดแผลบขึ้นมาในปาก แล้วก็แผลบๆๆๆ
งานเข้าแล้ว นั่นคือสิ่งที่พระบอลคิดในใจ ตะโกนลั่นห้องว่า
ผีหลอกโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แฮ่กๆๆๆๆๆๆ
พระบอลสะดุ้งตื่น ขยี้ตางัวเงีย แล้วก็ต้องตกใจรอบสอง
เพราะบัดนี้ท่านไม่ได้นอนบนเตียง แต่มานั่งอยู่บนอาสนะ ริมผนังห้อง อาสนะสองใบที่ปูไว้ยังคงมีอยู่ทั้งสองใบ เพียงแต่ว่าไม่มีแขกแปลกหน้าสององค์นั้นอยู่ ประตูยังปิดสนิทอยู่ ไม่มีใครเข้ามาเลย
ฮ เฮ้ยๆๆๆๆๆ ง งี้มันของจริงนี่หว่า ท่านเต๊ะโว้ย ช่วยด้วยยยยยยยย ผีหลอกกกกกกกกก
พระบอลเปิดประตู วิ่งออกไปแหกปากดังลั่นทั้งตึก เคราะห์ดีที่เช้ามืดแล้ว พระส่วนมากเลยตื่นกัน หลังจากนั้นพระบอลก็กระจายความลี้ลับน่าสะพรึงกลัวไปทั่วทุกหัวระแหงตึก หลวงพี่ที่คุมตึกยิ้มๆ กล่าวว่า
สององค์นั้นเป็นพระที่เคยบวชที่นี่ และตายในห้องนั้นองค์หนึ่ง ส่วนอีกองค์รถคว่ำตาย ท่านมักจะมาปรากฏตัวสั่งสอนพระใหม่ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยให้สำนึกแบบท่านนี่แหละ
หลังจากนั้นพระบอลก็ลดดีกรีความซ่าลงไประดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้ทั้งหมด แต่พอนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้นก็หายซ่าไปเลย
แต่มันยังมีตำนานประจำตึกอีกมากมายที่ลี้ลับและรอวันเปิดเผย หึๆๆๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น