วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

เจอดีที่โรงเรมกลางใจเมือง

เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ.....เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ5ปีมาแล้ว ช่างนั้นเราและเพื่อนในห้อง4คน ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการทัศนศึกษาซึ่งจัดโดยรัฐบาล เราได้เดินทางไปทัศนศึกษาหลายที่ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งก็ราบรื่นและผ่านไปด้วยดี แต่คืนวันสุดท้ายเราต้องกลับมาประชุมที่สนามหลวง และนอนพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านนั้น

ขอไม่บอกชื่อแล้วกัน... ทันทีที่รถบัสหยุดอยู่หน้าโรงแรมเรารู้สึกได้ถึงความวังเวง ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ทุกคนที่นั่งอยู่ในรถก็พากันพูดคุยถึงความน่ากลัวของโรงแรมแห่งนี้ มันมีขนาดกะทัดรัด แต่สูงโปร่งขึ้นไป ปริเวณรอบนอกดูอึมครึม เงียบสงัด

หลังจากที่เราเข้าไปในโรงแรมและได้ห้องที่เค้าจัดไว้ให้แล้ว เรากับเพื่อนก็แยกกันเป็น 2 กลุ่ม โดยนอนห้องติดกัน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชั้น 6 เมื่อเราขึ้นไปห้องพัก สิ่งที่เราเห็นก็คือห้องที่เราอยู่ตรงกับทางสามแพร่งพอดีและอยู่ตรงบันไดทางขึ้นด้วย

ในทางไศยศาสตร์แล้วเค้าเชื่อกันว่ามันเป็นทางผ่านเข้าออกของดวงวิญญาณ นั่นยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้เราขึ้นไปอีก ช่วงที่จะไขกุญแจเราได้เหลือบไปเห็นป้ายที่คล้องอยู่ตรงลูกบิด เขียนว่า "ห้ามรบกวน" ด้วยความที่ไม่ทันคิดบวกกับความปากพร่อยเลยแซวเพื่อนไปว่า

เดี๋ยวเราจะแขวนป้ายนี้ไว้หน้าห้อง เวลาผีมาจะได้เกรงใจไม่กล้ารบกวน ไปหาห้องข้างๆแทน เมื่อเราเก็บข้าวของแล้วเราเดินสำรวจไปรอบๆห้อง มีรูปคล้ายพระแม่มารีติดอยู่บนหัวเตียง แต่ที่หน้าแปลกก็คือ มีเส้นสีขาวคล้ายสายสิญจ์โยงจากรูปไปยังริมประตู

เพื่อนเราต่างก็มองหน้ากันแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เราเป็นคนแรกที่เข้าไปอาบน้ำก่อน ตลอดเวลาที่เราอาบน้ำเรารู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก ตลอดเวลา ช่วงที่เรากำลังจะออกจากห้องน้ำ เรามองไปที่กระจกมันเป็นฝ้าขึ้นมา

แต่เราจำได้ว่าตอนอาบน้ำเราก็ปิดม่านแล้ว และกระจกกับอ่างก็อยู่ห่างกันมาก ไม่น่าจะเกิดไอไปเกาะที่กระจกได้ แต่เราก็ไม่อยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง เพราะกลัวเค้าจะกลัว เสร็จภารกิจทุกอย่างแล้ว พวกเราก็นั่งดูหนังกัน

ซึ่งวันนั้นมีรายการมิติลี้ลับพอดี ทุกๆอย่างดูเป็นใจทำให้เรารู้สึกว่าคืนนี้เราต้องเจออะไรแน่ๆ เกือบเที่ยงคืนอยู่ดีๆ แอร์ห้องเราก็ไม่ทำงาน เราจึงโทรไปบอกเพื่อนที่อยู่อีกห้องติดกันว่าขอย้ายห้อง พวกนั้นเป็นผู้ชายก็เลยเสียสละห้องให้เรา ก่อนออกมาก็ยังแซวว่าไม่เอาป้ายไปด้วยหรอ

เดี๋ยวผีก็แวะมาเยี่ยมหรอก ห้องที่เราไปอยู่ใหม่นั้นแอร์เย็นมาก เราเลยลงมานอนข้างล่างกับเพื่อน อยู่ใต้แอร์ติดกับห้องน้ำพอดี ให้เพื่อนอีกคนนอนบนเตียง ด้วยความเมื่อยล้ามาทั้งวัน เราก็เผลอหลับไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ เราสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ไม่เห็นเพื่อนที่นอนข้างเราแล้ว

เราก็นึกว่าเค้าไปเข้าห้องน้ำ นอนเล่นอยู่ประมาณ 10 นาที เพื่อนคนนั้นก็ยังไม่ออกมา เราเลยเดินไปดู แต่ห้องน้ำก็ไม่มีใคร ก็เลยสงสัยว่าเค้าไปไหน แล้วสายตาเราก็มองไปเห็นประตูห้องเปิดอยู่ เราก็ตกใจมาก

นึกโกรธเพื่อนคนนั้นอยู่ในใจว่าออกไปข้างนอกทำไมไม่ปิดประตู ถ้ามีคนคิดไม่ดีแอบเข้ามาจะเป็นยังไง เรารีบเดินไปปิดประตู ขอบอกก่อนว่าประตูที่นี่แม้คนข้างในไม่ได้กดล็อคที่ลูกบิดคนข้างนอกก็เปิดมาไม่ได้ ต้องให้คนข้างในเปิด

เรากลับมาที่เตียงเพื่อเรียกเพื่อนอีกคนแต่เรียกเท่าไหร่เค้าก็ไม่ตื่น เราเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆแล้ว อยู่ๆก็เหมือนมีอะไรดลใจให้เราหันกลับไปมองที่ประตูอีกครั้ง มันเปิดออกอีกแล้ว!!!! เราแปลกใจมากแต่ก็คิดว่าเมื่อกี้คงปิดไม่สนิทเรากดล็อคที่ลูกบิดอย่างเดียว ไม่ได้ลงกลอน ถ้าดึงไม่สนิทมันอาจเด้งก็ได้.. เลยลุกขึ้นไปปิดอีกครั้ง 

ช่วงที่เรากำลังจะปิดประตูเรามองออกไปข้างนอก เห็นผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูง ลักษณะเหมือนพวกแขกขาว แต่งตัวเหมือนพนักงานเก็บกระเป๋าของโรงแรม ยืนมองเราตรงบันได ด้วยสีหน้าที่โกรธมากๆ เรารีบถอยหลังเข้ามาในห้อง คราวนี้กดล็อคและลงกลอนด้วย ในใจก็กลัวว่าพี่เค้าจะมาว่าที่ดึกๆดื่นๆเปิดประตูออกมา คิดว่าเค้ามาดูแลนักเรียนที่มาพัก เรากลับไปปลุกเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียง

คราวนี้เค้าลุกขึ้นมา เราเล่าให้เค้าฟังว่าเพื่อนอีกคนหายไป เค้าเลยลองโทรไปถามอีกห้องหนึ่ง ปรากฏว่าเพื่อนเราอยู่ที่ห้องนั้น เราก็ถามเค้าว่ามีอะไร เค้าตอบเราด้วยเสียงเหมือนคนกำลังร้องไห้ ว่าค่อยคุยกันพรุ่งนี้ เรารู้เลยว่าเค้าต้องเจออะไรแน่ๆ แต่ก็โล่งใจที่เค้าไม่เป็นไร 

ขณะที่เรากับเพื่อนกำลังเตรียมจะนอน เพื่อนเราก็พูดขึ้นมาว่า ทำไม่ไม่ปิดประตู คราวนี้เราอึ้งไปเลย เพราะเราพึ่งล็อคและลงกลอนไปกับมือ เราอยากร้องให้มากแต่ก็กลัวเพื่อนจะกลัวไปด้วย เลยฝืนใจเดินไปปิดประตูอีกครั้ง 

คืนนั้นเราไม่หลับเลย นอนสวดมนต์จนถึงเช้า พอเราลงไปที่ล็อบบี้ตอนเช้า ก็ถามเพื่อนคนนั้นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เค้าเล่าว่าได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังกินข้าวดังอยู่ในห้อง

เค้าเรียกเรากับเพื่อนอีกคนแล้วแต่ไม่มีใครตื่น เค้ากลัวมากเลยไปนั่งกับเพื่อนอีกห้อง แต่เค้าไม่กล้าบอกเรา และเค้าก็บอกอีกว่าก่อนไปเค้าปิดประตูแล้ว และเรายังค้างคาใจกับผู้ชายที่เห็นเมื่อคืนอยู่ ก็เลยไปถามแม่บ้านว่าที่นี่มีพนักงานเป็นชาวต่างชาติหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าไม่มี เรากับเพื่อนมานั่งประมวลเหตุการณ์กันแล้ว ก็คิดว่าคงเจอดีแล้วล่ะ ก็อยากเตือนทุกคนที่ต้องไปค้างตามโรงแรมให้ระวังไว้!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น