วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อความจากต่างมิติ – ปิระมิด & 12th Wave of Ascension,โลกคู่ขนาน,จุดประสานมิติ







โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลเอาเองนะครับ

พวกเราเป็นเพียงผู้ที่แปลข้อมูลนี้

ที่เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ มาจากเวปไซต์อื่น

แล้วนำมาโพสต์ เพื่อแบ่งปันให้ท่านได้อ่านด้วยเท่านั้นเองนะครับ

หาใช่เจ้าของข้อมูลไม่





แต่อย่างไรก็ตาม..ทั้งหมดนี้..ก็ด้วยความปราถนาดีครับ

.........................................................







ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)

เรื่อง: ปิระมิด และคลื่นระลอกที่ 12 แห่งการเลื่อนระดับขึ้น

(The Pyramid and the 12th Wave of Ascension)



ผู้รับการสื่อสาร: นาย James Tyberonn

วันที่: 6 กันยายน 2011

ผู้แปล: คุณ kindred









ตอนที่ 1:





สวัสดีที่รักทั้งหลาย! เราคือ เมตาตรอน เทพแห่งแสงสว่าง และเราขอต้อนรับพวกคุณทุกคนเข้าสู่การสื่อสารในครั้งนี้



ท่านคุรุทั้งหลาย บนเส้นทางแห่งการท่องไปของพวกคุณ มันจะมีในบางชาติภพ หรือบางเวคเตอร์ในกาล-อวกาศ

ที่พวกคุณจะมีโอกาสก้าวกระโดดทางควอนตัมได้เร็วกว่าภพชาติอื่นๆ ซึ่งภพชาติเหล่านี้แหละ

คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของโอกาส และการตัดสินใจ ที่จะมากำหนดทางเลือกให้กับพวกคุณ



และภพชาตินี้ ก็เป็นหนึ่งในภพชาติที่กล่าวถึงนี้ ที่ระดับพลังงานและกาลเวลา กำลังถูกเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆอยู่

ดังนั้น จึงกำลังมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับโลกที่กำลังขยายตัวนี้ของพวกคุณอยู่

เพราะว่าพวกคุณกำลังเตรียมตัวสู่การเลื่อนระดับขึ้นในปี 2012 นั่นเอง



มนุษยชาติกำลังตื่นขึ้นมาจากยุคแห่งความเพ้อฝันอันเป็นมายานี้อยู่ และนักฝันผู้ได้รับแจ้งข่าวสารทั้งหลาย

ก็กำลังเขี่ยขนแกะออกจากดวงตาของพวกเขาเองอยู่ และพวกเขาก็กำลังตื่นขึ้นมาจากฉากแห่งความฝัน

ที่เต็มไปด้วยการเดินทางอันแสนจะคลุมเครือ ที่ได้เริ่มมานานแสนนานแล้วนี้อยู่



เสียงสัญญาณไซเรนก็ยังคงส่งเสียงอยู่อย่างแผ่วเบาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกล่อมให้ผู้ที่ยังเหนื่อยล้าอยู่กลับไปนอนเหมือนเดิม

แต่ว่าตอนนี้เสียงเล็กๆจากภายในของบรรดานักฝันผู้ที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็เรียกร้องอย่างไม่ลดละมากยิ่งขึ้น เพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นว่า



จงตื่นขึ้นมาเถิด!



ความปรารถนาลึกๆในใจของผู้ที่มีจิตใจกระจ่างชัด ก้องดังออกมาว่า!



จงเอาพลังอำนาจของพวกคุณไป!

พวกคุณคือพระเจ้า!

และพวกคุณก็ได้สร้างสรรค์รุ่งอรุณแห่งการเลื่อนระดับขึ้น

ในปี 2012 ขึ้นมาแล้ว!





ที่รักทั้งหลาย พวกคุณต่างก็รู้ดีว่า พวกคุณทุกๆคน คือผู้ที่เลือกเองอย่างรอบคอบแล้วว่า

จะมาอยู่บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ ในช่วงเวลานี้ ดังนั้นพวกคุณจึงตกลงใจที่จะยอมรับบทบาทหน้าที่

ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของดาวเคราะห์โลก ที่กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอยู่นี้



นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกคุณจึงสามารถรับรู้ถึงเสียงร้องเรียกอันทรงพลังได้ ในช่วงเวลาแห่งการตื่นรู้ที่สำคัญยิ่งนี้



และดังนั้น ในขณะที่พวกคุณกำลังเตรียมความพร้อมในขั้นตอนสุดท้ายสู่การเลื่อนระดับขึ้นอยู่นี้

จงรับรู้ไว้ว่าพวกเราจะอยู่เคียงข้างพวกคุณในทุกๆย่างก้าวของพวกคุณ ตลอดเส้นทางนี้



ปิระมิดแห่งการตื่นรู้ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกคุณแล้ว และอรรถประโยชน์ของมัน ก็กำลังจะถูกเปิดเผยออกมา



และ ดังนั้นพวกเราจึงจะมาพูดถึงเป้าหมายอันลึกลับของปิระมิดเหล่านี้







..................................................................................................................





ตอนที่ 2:การขยายกำลังขึ้นในปี 2012 (2012 Amplification)









ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)

เรื่อง: ปิระมิด และคลื่นระลอกที่ 12 แห่งการเลื่อนระดับขึ้น

(The Pyramid and the 12th Wave of Ascension)



ผู้รับการสื่อสาร: นาย James Tyberonn

วันที่: 6 กันยายน 2011

ผู้แปล: คุณ kindred



ที่มา:

http://spiritlibrary.com/earth-keeper/the-pyramid-12th-wave-of-ascension







ในปี 2012 จะมีระลอกคลื่นพลังงานอันประณีตและเยี่ยมยอดกว่าพลังงานไหนๆเกิดขึ้น ซึ่งพลังงานที่ว่านี้

อาจจะเรียกได้ว่า คือ “คลื่นพลังงานระลอกที่ 12 แห่งการเลื่อนระดับขึ้น” (the 12th -Wave of Ascension)



มันเป็นคลื่นความถี่ของพลังงานจลน์และคริสตัลไลน์ ที่มีการสั่นสะเทือนแบบพิเศษชนิดหนึ่ง ที่จะเข้ามายังดาวเคราะห์โลก

การหลั่งไหลเข้ามาของระลอกคลื่นแห่งเอกภพที่มีการเคลื่อนไหว (dynamic Cosmic Wave) ในปี 2012 นี้

จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยจริงๆ



พวกคุณเคยถูกบอกกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า พวกคุณเคยเข้าคิวรอ เพื่อที่จะได้มาอยู่บนโลกใบนี้ ในช่วงเวลานี้มาแล้ว



นั่นเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งความจริงที่ว่านี้ก็คือ

ด้วยข้อตกลงทางจิตวิญญาณของพวกคุณ

พวกคุณจะมาทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการเลื่อนชั้นขึ้น

ของดาวเคราะห์โลกใบนี้





นี่ไม่ใช่แค่การพูดที่ซ้ำๆซากๆเท่านั้น และก็ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นเท่านั้นด้วย แต่มันคือ คำกล่าวอันเป็นจริง

เพราะว่าพวกคุณมีหน้าที่สำคัญในการแสดงนำอย่างมีความรับผิดชอบในปี 2012



มันคือพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่งของพวกคุณ พันธะสัญญาที่จิตวิญญาณได้ให้คำมั่นไว้

ในอันที่จะบรรลุภารกิจนี้ด้วยความรัก และพวกเราขอสรรเสริญพวกคุณสำหรับสิ่งนั้น



คลื่นพลังงานระลอกที่ 12 ของการเลื่อนระดับขึ้นนี้ ถูกเสริมแต่งด้วยพลังงานในการสร้างสรรค์

มันเป็นพลังงานที่มาช่วยเหลือพวกคุณทุกคน มันจะทำให้พวกคุณสามารถต่อสู้และขจัดสิ่งกีดขวางอันสุดท้ายออกไปได้



ปี 2012 คือช่วงเวลาแห่งการรวบรวมผู้ที่มีความคิดเห็นที่เหมือนกัน

เพื่อก่อให้เกิด “จิตสำนึกอันเป็นหนึ่งเดียวกัน” (unity consciousness)

เพื่อมาสร้างสรรค์โลกแบบใหม่ร่วมกัน

อันเป็นกระบวนทัศน์แบบใหม่แห่งมวลมนุษยชาติ







..................................................................................................................



ตอนที่ 3:คลื่นพลังงานระลอกที่ 12 (The 12th Wave)















คลื่นพลังงานระลอกที่ 12 ของการยกระดับขึ้น จะเริ่มต้นขึ้น

ในวันนิวมูน (เดือนดับ) ของวันที่ 23 เดือนมกราคม ปี 2012

และมันก็จะมีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นเท่าทวีคูณ

จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012



ซึ่งในขั้นแรก คลื่นพลังงานที่ 12 นี้ จะถูกรับเข้ามาไว้ในปิระมิดก่อน แล้วจากนั้น มันก็จะถูกส่งต่อไปยัง Sun Disc หลักๆ

และขั้วพลังงาน (power-nodes) ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกในทันทีทันใด แล้วจากนั้นมันก็จะแผ่กระจายไปรอบโลก

และโอบล้อม หรือหุ้มห่อโลกใบนี้ และโลกทั้งมวล (Omni-earth) เอาไว้





มันจะเหมือนกับการจุดชนวนของเอกภพ (Cosmic Triggers) ที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ในปี 2009 ,ในปี 2010 และในปี 2011

เพราะว่าคลื่นพลังงานระลอกที่ 12 นี้ จะไหลผ่านเข้าไปในสิ่งต่างๆที่อยู่บนพื้นโลก ที่มีรูปทรงแปดเหลี่ยม (อ็อคตะฮีดรอน - octahedron)

เช่นฟีปิระมิด (Phi Pyramid) และภูเขาหรือเนินตามธรรมชาติทั้งหลาย ที่มีรูปทรงแปดเหลี่ยมด้วย







ซึ่งหลังจากการมาของกระแสคลื่นเริ่มต้นนั้นแล้ว ก็จะเป็นการหลั่งไหลมาของคลื่นรหัสต่างๆ

ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงของวันอิควินอกซ์ (equinoxes), วันที่เกิดคราสทั้งหลาย, วันเหมายัน (solstices)

และในวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2012 ด้วย



และระดับพลังงานก็จะพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด ในวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012



ในวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2012 พลังงาน Crysto-Sun Disc ใหม่ จะมีพลังเต็มพิกัด

และจะไปทำให้กระบวนการกระตุ้นพลังงานคริสตัลไลน์เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลง

และก็จะไปเปลี่ยนรหัสของโปรแกรมสุดท้ายของโครงข่ายคริสตัลไลน์ (Crystalline Grid) ด้วย





หลังจากนั้นก็จะเกิดการรีบูทโครงข่ายขึ้นใหม่ และโครงข่ายนี้

ก็จะเปิดใช้งานได้ใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 21 เดือนธันวาคม ปี 2012

นี่คือการถือกำเนิดขึ้นของโลกใหม่









โครงข่ายคริสตัลไลน์ (The Crystalline Grid) ได้กลายเป็นโปรแกรมที่มีบทบาทสำคัญต่อโลก

และได้เข้ามาแทนที่โครงข่ายแม่เหล็กโลก (the magnetic grid) ตั้งแต่ปี 2009 แล้ว

และโครงข่ายคริสตัลไลน์นี้ จะปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012

(จะมีการบรรยายถึงหัวข้อนี้ขึ้นอีกในการสื่อสารคราวต่อไป)



และดังนั้น พวกเราจะบอกพวกคุณว่า ในปี 2012 คือ เวลาที่มีค่าอย่างยิ่งที่จะไปหาประสบการณ์ในปิระมิดต่างๆ

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงได้ชี้แนะให้ผู้รับสาส์นคนนี้ ไปจาริกบุญเพื่อปรับแนวตำแหน่งทางพลังงาน ยังเมืองกิซา





..................................................................................................................









ตอนที่ 4: ห้องโถงแห่งกษัตริย์ (The Kings Chamber)







ในตอนนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องของ “ห้องโถงแห่งกษัตริย์” (The Kings Chamber) กัน

ถ้าคุณคือผู้แสวงหาสัจธรรมแนวหน้า ที่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเองด้านอภิปรัชญาคนหนึ่งหละก็

คุณก็จะได้เข้าไปยังห้องโถงแห่งกษัตริย์นี้ ไม่ช่วงเวลาใดก็ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะไปโดยกายเนื้อหรือไปโดยกายทิพย์ก็ตาม

เพราะภายในนั้นมีประตูทางเข้าพิเศษที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลกของพวกคุณอยู่



ประวัติศาสตร์ในระยะหลังๆมานี้ มนุษยชาติกำลังถูกดึงดูดอีกครั้งหนึ่งแล้ว โดยโอกาสแห่งการมีประสบการณ์แบบควอนตัม

ซึ่งห้องโถงแห่งกษัตริย์ของมหาปิระมิดนี้ได้มอบให้ มันมีตำนาน และเรื่องราวที่เล่าขานกันมาอยู่มากมาย

ที่ย้อนกลับไปถึงยุคของเหล่าผู้พิชิต เหล่าผู้นำ และ เมื่อเร็วๆมานี้ เหล่าผู้มีเวทย์มนต์ทั้งหลายด้วย



แต่พวกเราต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้กับแต่ละบุคคล จะแตกต่างกันไป

ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงสว่าง, พลังของความตั้งใจ และความพร้อมของแต่ละบุคคล

เพราะว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ภายในห้องโถงแห่งกษัตริย์นี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีข้อจำกัด..



คนส่วนใหญ่ที่เข้าไปในห้องโถงแห่งกษัตริย์ในยุคปัจจุบันนี้ จะเข้าไปในฐานะของผู้อยากรู้อยากเห็น หรือในฐานะของนักท่องเที่ยว

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำสมาธิในนั้น อีกทั้งพวกเขายังไม่เข้าใจถึงกลศาสตร์ควอนตัมที่จำเป็นของพวกเรา

ในการจุดชนวนคลื่นเสียงฟีโซนิก (phi sonics) เพื่อที่จะเปิดสนามพลังงานควอนตัมที่อยู่ภายในนั้นขึ้น



และพวกเราอยากจะขอเพิ่มเติมอีกว่า ต่อให้พวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆก็เถอะ แต่พวกเขาก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์

เท่าที่ระดับพลังงานและปริมาณแสงสว่างของพวกเขา จะสามารถรับได้เท่านั้นเอง



แต่สำหรับนักปราชญ์ และผู้ที่มีสติปัญญาแล้ว ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้ จะเป็นอะไรที่พิเศษเหนือธรรมดา

และปราศจากข้อจำกัดด้านมิติอีกด้วย









ดวงไฟสีฟ้าเข้ม (cobalt-blue orbs) ที่มักถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ ก็คือตัวชี้บ่งเบื้องต้น ที่บอกให้ทราบว่า

ประตูมิติได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว แต่ว่าปรากฎการณ์นี้ ก็เกิดขึ้นในมิติที่สูงกว่า ในสนามพลังงานที่อยู่สูงกว่าความเป็นขั้วของมิติที่ 3 นี้



..................................................................................................................



ตอนที่ 5: ปี 2012 ในห้องโถงแห่งกษัตริย์





และดังนั้น สิ่งที่ถูกเรียกว่าห้องโถงแห่งกษัตริย์นี้

อันที่จริงแล้ว มันก็คือประตูมิติที่พิเศษและมีศักยภาพที่น่าทึ่งมาก

ซึ่งศักยภาพที่ว่านี้ ก็จะถูกเปิดให้กว้างขึ้น และมากขึ้นไปอีก

ในปี 2012 ในช่วงเวลาของระลอกคลื่นที่ 12 นี้



หรืออาจพูดอีกอย่างหนึ่งว่า สตาร์เกต (Stargate) ของห้องโถงแห่งกษัตริย์นี้ จะถูกทำให้มีความสามารถ

ในการเปิดรับมิติ และทิศทางต่างๆเพิ่มมากขึ้น ในระลอกคลื่นที่ 12 นี้



บางทีถ้าจะอธิบายให้ดีกว่านี้ ก็จะได้ว่า เพราะว่ามุมมันลงตัวมากขึ้น เพราะว่าช่วงกว้าง (Amplitude)

ของการรับสัญญาณ มันจะถูกทำให้สูงขึ้น ในปี 2012 นั่นเอง



ซึ่งก็เป็นผลสืบเนื่องมาจาก การที่ระบบสุริยะของพวกคุณ

เข้าไปอยู่ในตำแหน่งจุดกึ่งกลางของกาแล็กซี่ของพวกคุณนั่นเอง

ดังนั้นจึงทำให้มุมของการเรียงตัวของระบบสุริยะของพวกคุณ

กับดวงอาทิตย์ศูนย์กลางกาแล็กซี่ที่ชื่อ Tula (the Great Central Sun - Tula)

อยู่ในตำแหน่งจุดศูนย์กลางพอดีด้วยเช่นกัน







ด้วยเหตุนี้ ประสบการ์ที่แตกต่างจากเดิมอย่างมากมายใน 'ห้องโถงแห่งกษัตริย์' นี้ ก็จะเป็นไปได้ในปี 2012

ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาใดๆก่อนหน้านี้บนโลกของพวกคุณ



การสั่นสะเทือนด้วยค่า Phi (The Phi Resonance) ภายในห้องโถงนี้ จะถูกทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

และด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้นนี้ ก็จะทำให้ช่วงสเปคตรัมของทั้งมิติที่ต่ำกว่าและสูงกว่า ทั้งมิติภายนอกและภายใน

มีความเป็นไปได้อย่างสุดขั้ว





..................................................................................................................





ตอนที่ 6:การสั่นสะเทือนด้วยค่า Phi (PHI Resonance)















ฟีปิระมิด (Phi Pyramids) คือสิ่งก่อสร้างหลากมิติอันประณีต ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง

รูปแบบของคลื่นเสียง Phi จะสามารถเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพให้กับส่วนที่เป็นวัตถุธาตุของปิระมิดได้

และสามารถทำให้ส่วนที่เป็นสำเนาทิพย์ทั้งหลายของมันกลายเป็นสำเนา “กึ่งวัตถุธาตุ” ได้

(semi-materialize the etheric doubles)



คลื่นเสียงจะเปิดทางเข้าไปสู่ห้องโถงต่างๆที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีรูปแบบคลื่นเสียงเหล่านี้

โอกาสในการเข้าถึงประตูมิติต่างๆก็จะเป็นไปได้น้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้พิทักษ์โลกบางคน

จึงได้ถูกดึงดูดให้เข้ามามีส่วนร่วม และส่งพลังงานเข้าไปในส่วนทั้งสองนี้อย่างเฉพาะเจาะจง



สิ่งที่เป็นโครงสร้างทิพย์ทุกชนิด จะมีรูปแบบคลื่นเสียงเฉพาะตัวเป็นของมันเอง ซึ่งช่วยให้พวกมันคงรูปร่างอยู่ได้

เช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับวัตถุธาตุทางกายภาพทั้งหลาย ที่คลื่นเสียง Phi จะทำหน้าที่เป็นพันธะ

เกาะเกี่ยวอะตอมและโมเลกุลต่างๆของวัตถุธาตุทางกายภาพให้อยู่ด้วยกัน รวมทั้งจะทำหน้าที่

ยึดเกาะโครงสร้างของพลาสมาทิพย์และแสงสว่างเอาไว้ด้วยกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม

ส่วนที่เป็นวัตถาตุทางกายภาพของปิระมิดทั้งหลาย จึงสามารถคงอยู่ได้นานเหลือเกิน และทำไมมันจึงสามารถปรากฏขึ้น

และปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในมิติทิพย์ได้ด้วย







..................................................................................................................



ตอนที่ 7: ท่านมหาเทพเมตาตรอนพูดถึงมหาปิระมิดที่กีซ่า











ถ้าจะพูดกันในเชิงมิติแล้ว ก็จะพูดได้ว่า จริงๆแล้วหมู่ปีระมิดแห่งกิซ่า

ได้เคยหายไป และปรากฏขึ้นมาใหม่หลายครั้งหลายหนแล้ว



แต่เรื่องนี้มันก็ยากที่พวกคุณจะเข้าใจได้ ว่าเมื่อใดที่มันถูกทำให้ปรากฏออกมาเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่มีสัดส่วนแบบ phi

(octahedronal phi) และรูปทรงปีระมิดกลับด้านแล้ว รูปทรงเหล่านี้ จะกลายเป็นโปรแกรมโฮโลแกรมเหลว

(fluid hologramic inserts) ที่จะกวัดแกว่งไหลเวียนไปมา ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงในมิติต่างๆ กับช่องว่างที่ไร้กาลเวลา



พวกมันจะกระพริบและไหลไปตามวงจรของพวกมันเอง โดยไม่มีจุดเริ่มต้นที่เฉพาะเจาะจงที่ใดที่หนึ่ง

ตามมุมมองที่เป็นเส้นตรงของมิติที่ 3





นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม หมู่มหาปีระมิดที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่เมืองกิซ่า

จึงมีอยู่มากกว่า 1 เวอร์ชั่น แม้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ จะสามารถมองเห็นพวกมันได้

เพียงแค่เวอร์ชั่นเดียวก็ตาม



ในกาล-อวกาศที่เป็นเส้นตรงในแบบ 3 มิติของพวกคุณ พวกมันจะดูเหมือนว่าเป็นเพียงแค่ โครงสร้างหินที่มีรูปแบบตายตัว

และตั้งอยู่บนโลก เหมือนกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้น



ดั้งนั้น การพยายามไปชี้บ่งเอาเองว่า โครงสร้างเหล่านี้เป็นแค่วัตถุธาตุทางกายภาพที่มีรูปร่างตายตัวเท่านั้น

จึงเป็นความบิดเบือนอย่างหนึ่ง และไม่เป็นผลดีต่อความสามารถของพวกคุณ ในอันที่จะเข้าใจถึง

ความสลับซับซ้อนอันมหาศาลของพวกมัน ในฐานะที่พวกมันเป็นประตูไปสู่มิติที่สูงกว่าได้



ดังนั้น ถ้าพวกคุณเข้าไปยังปิระมิดเหล่านี้ ด้วยความเชื่อที่คับแคบแบบนั้น

พวกคุณก็จะไม่สามารถจูนประสาน ให้เข้ากับความถี่นั้นได้อย่างเหมาะสม

และถ้าพวกคุณพยายามที่จะมองให้เห็นถึงความไม่สอดประสานกัน หรือการหายไปของพวกมัน

พวกคุณจะได้รับคำตอบที่น้อยมากๆพอๆกัน



จริงๆแล้วถ้ามนุษย์พยายามที่จะไปกะเกณฑ์กระบวนการของมันเอาเองตามใจชอบ มันก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย



เพราะว่าปิระมิดแบบ phi เหล่านี้ พวกมันคือภาพโฮโลแกรมที่มีชีวิต

และมีความรู้สึกนึกคิด (conscious sentience) เป็นของมันเอง

แถมความรู้สึกนึกคิดที่ว่านี้ ก็มีการขยายตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

และก็มีการกำหนดตัวมันเองขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา

ไปเป็นรูปทรงเรขาคณิตของมิติที่สูงกว่า ตามกรอบของกฎเลขยกกำลังอีกด้วย



..................................................................................................................





ตอนที่ 8:กระบวนการก่อสร้างมหาปิรามิดที่กีซ่า











ในกระบวนการก่อสร้างมหาปิรามิดที่กีซ่านั้น เครื่องดนตรีที่มีคลื่นความสั่นสะเทือนเสียงเป็นคลื่นความถี่ Phi

จะถูกตั้งเสียงด้วยจิตเพื่อให้พวกมันผลิตคลื่นเสียงออกมาเป็นท่วงทำนองที่สอดคล้องกลมกลืนกัน

และสัมพันธ์กับสนามพลังงานรวม (Unified Field) ด้วย



ซึ่งการตั้งค่าเสียงนี้จะต้องพอเหมาะพอดีกับขนาดของฐานปิรามิดเป๊ะๆ และจะต้องพอเหมาะพอดีกับ

ช่องว่างภายในปิรามิดที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ด้วย



ตำแหน่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเสียงทั้งหลาย (Sound-engineering technicians)

จะไปอยู่รอบๆปิรามิดนั้น ก็จะต้องถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เกิดช่องว่างที่มีสภาวะ “ต้านแรงโน้มถ่วง” (anti-gravity) ขึ้น

ในจุดที่เป็นกุญแจสำคัญๆรอบฐานปิรามิดได้อย่างเหมาะสม



จากนั้นเครื่องดนตรีเหล่านั้น ก็จะถูกเล่นให้มีระดับเสียงและจังหวะที่แตกต่างกันไป เพื่อก่อสร้างฐานรากของปิรามิด

คลื่นความสั่นสะเทือนของเสียงบางคลื่น จะถูกเล่นค้ำจุนไว้เพื่อให้บล็อกของหินที่ใช้ในการก่อสร้างฝ่าฝืนแรงโน้มถ่วงได้





แต่อีกครั้งหนึ่ง โปรดอย่าลืมว่า “โครงสร้างต้นแบบ” ของปิรามิดนี้ เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว

ในสนามพลังงานของกระแสความคิด (Thought field) ก่อนที่บล็อกหินทางกายภาพทั้งหลายจะถูกทำให้ปรากฎขึ้น

และถูกทำให้ลอยเข้าไปอยู่ในที่ๆของพวกมัน โดยใช้เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมเสียงหลากมิติ

(multidimensional sound engineering)



และแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าเรื่องนี้มันออกจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ และจินตนาการไม่ออกเลยก็ตาม

แต่ว่าเทคโนโลยีที่ว่านี้ก็เคยถูกใช้มาแล้วจริงๆบนโลกใบนี้โดยอารยชนที่มีความเจริญก้าวหน้าสูงกว่า



ช่องว่างและกาลเวลาตามที่พวกคุณเข้าใจนั้น มันมีการกระเพื่อมถึงกันและกันอยู่ตลอดเวลา

พวกมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิดกัน เพราะว่าตอนนี้ความเข้าใจในกฎทางฟิสิกส์ของพวกคุณ

ยังอยู่ภายในขอบเขตของกาลเวลาแบบเป็นเส้นตรงของมิติที่ 3 นี้อยู่



ดังนั้น เรื่องนี้มันอาจจะทำให้พวกคุณรู้สึกงงๆ แต่ว่ากลุ่มของมหาปิรามิดกีซ่านั้น จริงๆแล้ว

พวกมันไม่มีจุดเริ่มต้นที่แท้จริงให้กาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรงของพวกคุณ



แต่ว่าถ้าพวกคุณอยากจะระบุลงไปให้ชัดๆว่าวันไหนคือวันที่กลุ่มของมหาปิรามิดกีซ่านี้ถูกสร้างขึ้นหละก็

พวกเราก็จะบอกว่า เวอร์ชั่นล่าสุดของพวกมัน ถูกสร้างขึ้นโดยโธท (Thoth) และเหล่าคุรุชาวดาวนายพราน

(Orion Masters) เมื่อ 38,000 ปีที่ผ่านมา แต่ว่านั่นก็เป็นตัวเลขที่วิ่งได้

และจะใช้ได้เฉพาะกับกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรงเพียงเส้นทางเดียวนี้เท่านั้นนะ







..................................................................................................................









ตอนที่ 9:คำถามถามท่าน Metatron:





มันน่าทึ่งที่ท่านกล่าวว่า โธว์และเหล่าคุรุแห่งดาวนายพราน เป็นผู้สร้างปิระมิดเหล่านี้ขึ้นมา

เมื่อประมาณ 38,000 ปีมาแล้ว ถ้าอย่างนั้น นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นอย่างนั้นหรือ?





ท่าน Metatron:



อา…แต่พวกเราก็บอกแล้ว ว่ามันเป็นตัวเลขที่วิ่งได้ และเพราะว่าปิระมิดนั้น มันได้หายไป

แล้วก็ได้ปรากฏขึ้นมาใหม่ ในมิติทางกายภาพ หลายครั้งหลายหนแล้ว



และ แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องที่น่างงมาก (*หัวเราะอย่างสุภาพ) แต่พวกมันไม่ได้ถูกเนรมิตขึ้นมาให้เป็นก้อนหิน

หรือเป็นวัตถุธาตุทางกายภาพเพียงแค่ครั้งเดียวหรอกนะ



จริงอยู่ ที่บางส่วนของเหตุผลที่พวกเราใช้อธิบายนี้ มันอาจจะทำให้พวกคุณงง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า

พวกคุณกำลังสังเกตการณ์จากสมมติฐานของกาลเวลาที่เป็นเส้นตรงอยู่หนะสิ



ดังนั้น พวกเราจะบอกพวกคุณว่า อันที่จริงแล้วปิระมิดนั้น ได้ถูกเนรมิตขึ้นมาก่อนแล้ว ก่อนเวลาที่คุณถามมานั่นซะอีก

แล้วมันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งในมิติทางกายภาพ เมื่อประมาณ 12,500 ปีที่ผ่านมานี้เอง พวกคุณรู้ไหม



ดังนั้น แล้วตรงไหนหละคือจุดเริ่มต้น? เพราะว่ามันไม่เคยมีจุดเริ่มต้นเพียงแค่จุดเดียวเลย



แต่พวกเราจะบอกว่า เมื่อ 38,000 ปีที่แล้ว

คือช่วงเวลาที่สัมพันธ์กับกรอบความคิด

ของโลกแห่งความเป็นจริงปัจจุบันของพวกคุณมากที่สุด



มันมีโลกอยู่มากมายหลายโลก ซึ่งพวกเราได้เคยบอกพวกคุณไปแล้วก่อนหน้านี้

รูปทรงแปดเหลี่ยมทั้งหลาย และองค์ประกอบที่สลับซับซ้อนของพวกมัน

คือสิ่งที่มีกลไกทางเรขาคณิตที่เชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน





ดังนั้น พวกเราจึงขอบอกว่า มันไม่มีจุดของเวลาที่แน่นอนตายตัว สำหรับการก่อสร้างปิระมิดที่เมืองกิซาเลย

นั่นก็เพราะว่า ณ.เมืองกิซา (Giza) คือจุดตัดที่แม่นยำของโฮโลแกรมของกาล-อวกาศ (time-space holograms)

ของโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ของโลกทั้งมวล (Omni-Earth)





โปรแกรมภาพสามมิติ (hologramic programs) ทั้งหมด ของสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “กาลเวลา”

จะดำรงอยู่ร่วมกัน และเชื่อมประสานกันที่จุดๆนั้นพอดี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม

ปิระมิดต่างๆ จึงถูกจัดวางตำแหน่งไว้ที่นั่น



ในความเป็นจริงแล้ว พวกคุณมีอดีตมากมาย มีอนาคตมากมาย และมีกระบวนทัศน์ที่ดำรงอยู่ร่วมกันมากมายที่กิซา

ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็มีอยู่จริง และมีอยู่-เป็นอยู่ พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกันด้วย





ท่านคุรุทั้งหลาย พวกคุณจะต้องเข้าใจว่า

โลกแห่งความเป็นจริง มันไม่ได้มีอยู่แค่เพียงเวอร์ชั่นเดียว





ในความเป็นจริงแล้ว เมืองกิซาก็เป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมอันหนึ่งด้วย

เพราะฉะนั้น หมู่มหาปิระมิดที่เมืองกิซา จึงเป็นช่องทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกภายใน กับโลกภายนอกมากมายหลายโลก



และมันก็มีปิระมิด และช่องทางเชื่อมต่อแบบนี้อยู่อีกมากมาย

แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีศักยภาพสูงเทียบเท่ากับที่เมืองกิซาแห่งนี้เลย



และ ท่านคุรุทั้งหลาย มันยังมีอย่างอื่นอีกมากมายหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นในจุดเหล่านี้







..................................................................................................................



ตอนที่ 10:ตำแหน่งของจุดประสานมิติ







โลกทางกายภาพของพวกคุณ โลกใดโลกหนึ่ง

ณ.จุดที่เป็นปัจจุบันขณะของพวกคุณจุดใดจุดหนึ่ง

จะมีลักษณะเฉพาะเป็นแบบใดนั้น

มันค่อนข้างที่จะขึ้นอยู่กับการมีตัวตนอยู่ของพวกคุณ

และการรับรู้ถึงมันของพวกคุณ



เพราะฉะนั้นแล้ว จักรวาลทางกายภาพ จึงไม่มีวัตถุธาตุทางกายภาพใดๆ

ที่สามารถรับรู้ได้โดยผู้ที่ไม่ได้กำลังอยู่ร่วมใน “ปัจจุบันขณะ” นั้นๆกับพวกคุณด้วย



ยังมีโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆ และจิตสำนึกรูปแบบอื่นๆอยู่อีกมากมาย

ที่กำลังซ้อนทับ และดำรงอยู่ร่วมกัน ในช่องว่างอันเดียวกัน

กับโลกที่พวกคุณกำลังอยู่ในขณะนี้



ชาติภพต่างๆของพวกคุณ เกิดขึ้นและเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งหมด

ภายในโลกแห่งความเป็นจริงและจิตสำนึกเหล่านี้

และมันก็เป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่พวกคุณกำลังอยู่ในขณะนี้นี่แหละ

เพียงแต่ว่า ตัวตนเวอร์ชั่นอื่นๆของพวกคุณ (ภพชาติอื่นๆ - ผู้แปล)

จะไม่สามารถรับรู้ถึงวัตถุธาตุทางกายภาพ

อันเดียวกันกับที่พวกคุณกำลังรับรู้ได้อยู่ในขณะนี้เท่านั้นเอง





เพราะว่าโลกคู่ขนานแต่ละโลก ก็จะมีคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันไป

เหมือนกับคลื่นวิทยุ AM และ FM ที่สามารถเดินทางอยู่ในช่องว่างเดียวกันได้

โดยไม่ไปรบกวนซึ่งกันและกัน



โลกแห่งความเป็นจริงคู่ขนานต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน ที่สามารถอยู่ในตำแหน่งเดียวกันได้

โดยไม่ขึ้นอยู่กับมายาการของตำแหน่งทางกายภาพแต่อย่างใดเลย



แต่มันก็มีข้อยกเว้นบางอย่างอยู่ ที่เวคเตอร์บางเวคเตอร์ของกรอบการรับรู้ของพวกคุณ

จะสามารถมาเชื่อมประสานกัน ที่จุดกระพริบที่เฉพาะเจาะจงบางจุดได้



จุดเหล่านี้คือจุดที่พวกคุณเรียกกันว่า stargate ,ประตูมิติ และรูหนอนต่างๆ

แต่ว่า แม้ว่ามันจะผ่านมาหลายต่อหลายศตวรรษแล้วก็ตาม

แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ และนักวิชาการของพวกคุณก็ยังไม่อาจเข้าใจได้มันอยู่ดี



และดังนั้น บนโลกของพวกคุณ จึงยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งเหล่านี้

และส่วนใหญ่แล้ว พวกมันก็ยังไม่เป็นที่รับรู้กันมากนัก ทั้งที่พวกมัน

ก็อยู่บนตำแหน่งที่เป็นจุดโครงข่าย (grid-points) บนโลกแท้ๆ



ตำแหน่ง grid-point เหล่านี้ คือประตูมิติ และภายในประตูมิติที่พิเศษเหล่านี้

ก็คือจุดเชื่อมประสานกันของโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย



ความหลากมิติคือความสมบูรณ์ (validity) ของสนามพลังงานรวม (unified field)

คือความสมบูรณ์ของควอนตัมฟิสิกส์ มันมีอยู่จริง มันเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่นวนิยายวิทยาศาสตร์

แต่จริงๆแล้ว มันคือวิทยาศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว!



มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถจะปรับคลื่นความถี่ในแบบมนุษย์ของตัวเอง

เพื่อให้ Mer-Ka-Na ทำงานได้อย่างเหมาะสมเต็มที่จริงๆ เมื่ออยู่ในตำแหน่งหลากมิติเหล่านี้

ซึ่งนี่แหละคือหัวใจสำคัญในการที่จะทำให้สามารถสำรวจพวกมันได้



แต่อันที่จริงแล้ว ภายในจุดประสานมิติเหล่านี้ พวกคุณหลายๆคน

ก็มีโอกาสที่จะทำให้ค่าของแสงสว่างของพวกคุณขยายตัวและเพิ่มมากขึ้นกว่าในตอนนี้ได้



หมู่ปิระมิดแห่งเมืองกิซา และจริงๆแล้ว รวมถึงจุดศูนย์รวมพลังงานต่างๆ (power nodes)

และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายด้วย (sacred sites) ล้วนถูกสร้างขึ้นมาบนพิกัดที่เป็นจุดตัดของเวคเตอร์เหล่านี้ทั้งนั้น

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม พวกมันจึงยังคงได้รับความเคารพนับถืออยู่ แต่ความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งของพวกมัน

เกี่ยวกับการก่อสร้าง และวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างของพวกมัน กลับหายสาบสูญไปเสียแล้ว



..................................................................................................................





ตอนที่ 11:แหล่งกำเนิดพลังงานแห่งชีวิต (Life Force Generators)











คำอธิบายที่ง่ายที่สุดคือ จุดประสานมิติเหล่านี้

เป็นแหล่งกำเนิดของรหัสคริสตัลไลน์ของแสงสว่าง

ที่เป็นพลังแห่งชีวิตในตัวของมันเอง



และมันก็มีกระบวนการที่จะทำให้ “กระแสความคิด”

ถูกควบแน่นกลายมาเป็นสสารที่เป็นวัตถุธาตุทางกายภาพได้

หรือทำให้ “เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้” ต่างๆ

ถูกเนรมิตออกมา และตกผลึกออกมาสู่ประสบการณ์ได้





ในระดับที่สูงขึ้นไป พวกคุณทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว

แม้ว่ามันอาจจะยังมีเสียงครวญครางของความไม่เข้าใจอยู่บ้างก็ตาม



มันเป็นเพราะว่าเครื่องพรางในระบบทวิภาวะของพวกคุณ และความเข้าใจอันจำกัดของพวกคุณ

เพราะความที่อยู่ในมายาการของการเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ จึงทำให้เรื่องนี้มันดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นไปได้



ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าจุดเวคเตอร์แห่งพลังเหล่านี้ โดยแก่นแท้แล้ว มันคือแหล่งกำเนิดพลังงานชีวิตนั่นเอง



มันมีจุดประสานมิติแบบนี้อยู่ 12 จุด ที่ทำหน้าที่เชื่อมประสานกระบวนทัศน์ทั้งหมด (all paradigms)

โลกแห่งความน่าจะเป็นทั้งหมด (all probable realities) และโลกคู่ขนานทั้งหมด (all parallel realities) เข้าด้วยกัน









..................................................................................................................



ตอนที่ 12:เกลียวคลื่นพลังงาน (The Vortex)





ปิระมิดกษัตริย์แห่งเมืองกิซา ไม่เพียงแต่จะอยู่บนโลกของพวกคุณ ในมิติทั้ง 12 มิติเท่านั้น

แต่มันยังอยู่ในโลกคู่ขนานอื่นๆของพวกคุณอีกด้วย



และบนโลกของพวกคุณนี้ มันยังมีสิ่งที่ถูกเนรมิตขึ้นมา ที่สอดแทรกอยู่ระหว่างมิติแบบนี้อยู่อีกมากมาย

แต่ก็ไม่มีชิ้นไหนที่ค่อนข้างจะเด่นชัดมากเท่ากับมหาปิระมิดนี้เลย





มันมีปิระมิดอยู่บนดาวเคราะห์ทุกๆดวงของระบบสุริยะของพวกคุณ

และปิระมิดทุกๆอัน ก็ถูกจัดวางตำแหน่ง

ให้อยู่ในแนวเดียวกันกับดาวนายพราน (Orion



ปิระมิดที่เมืองกีซ่า


ดาว Orion


เมื่อนำ 2 ภาพบนมาซ้อนทับกัน





และแม้ว่าพวกมันทั้งหมด จะมีคุณสมบัติมากมายและอยู่ในมิติที่แตกต่างกันก็ตาม

แต่คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของพวกมันก็คือ การเป็นอุปกรณ์การติดต่อสื่อสารที่ดีเยี่ยม

นั่นก็เพราะว่า บนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆจะมีลักษณะและจำนวนของสนามพลังงานแห่งมิติ แตกต่างจากโลกของพวกคุณ





ณ.จุดที่เป็นห้องโถงแห่งกษัตริย์นั้น มันไม่ใช่จุดศูนย์กลางมวล (center of mass) ของมหาปิระมิดแต่อย่างใด

แต่มันเป็นจุดศูนย์กลางของวอร์เท็กซ์ของพลังงานชั้นปฐมภูมิซะมากกว่า



วอร์เท็กซ์ของพลังงานนี้ อยู่ในทิศทางเดียวกันอย่างถูกต้อง จุดตัดของพวกมัน (ยอดปิระมิด....ผู้แปล)

ถูกวางตำแหน่งบนโลกให้ตรงกับตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพราน และเพื่อที่จะทำให้มันเป็นเช่นนั้นได้

พวกมันจึงถูกวางเรียงกันในแนวทะแยงมุม และกรวยของพลังงานวอร์เท็กซ์ก็ไม่ได้อยู่ตรงกัน

แต่ค่อนข้างที่จะทำมุมกันซะมากกว่า



ถ้าพวกคุณต้องการที่จะไปอยู่ในวอร์เท็กซของพลังงานนี้ พวกคุณก็จะต้องไปยืนอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่ง พวกคุณเข้าใจไหม

พวกคุณต้องรู้ว่าพลังงานมันมีการเคลื่อนไหว และดังนั้น มันจึงมีทิศทางการเคลื่อนไหวของมันเอง



ตอนนี้ เมื่อพวกมันอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งแล้ว มันก็จะดูเหมือนว่า พวกมันถูกจัดการโดยแกนใดแกนหนึ่ง

และแกนที่ว่านั้นก็จะหมุนไปทางนี้ทีและทางโน้นที



ในตอนนี้ ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม หรือภายใต้เงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงมากๆ

ห้องโถงทั้งห้องก็จะดูเหมือนว่ากำลังหมุนอยู่ จนดูราวกับว่าท้องฟ้ากำลังหมุนอยู่

และก่อให้เกิดท้องฟ้าจำลองในร่มขึ้นภายในปิระมิดแห่งนั้น

ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นได้เพราะองค์ประกอบอันซับซ้อนของคลื่นความถี่ที่สอดประสานกัน จึงทำให้มันเป็นเช่นนั้น





ทีนี้ ถ้าฉันตอบคำถามที่คุณได้ถามเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้น โดยการระบุวันที่เจาะจงลงไปให้เลยนี่

สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ก็จะมลายหายไปจากพวกคุณจนหมดสิ้น พวกคุณเข้าใจไหม?



เพราะว่าในกาลเวลา และวันที่ที่เรียงลำดับกันเป็นเส้นตรงนั้น กระแสวอร์เท็กซ์ของพลังงานเหล่านี้

อาจจะไม่ได้ดำรงอยู่ในเวคเตอร์เดียวกันก็ได้ หรืออาจจะไม่ได้อยู่ในสนามความโน้มถ่วงทางดาราศาสตร์เดียวกันก็ได้

แล้วพวกคุณก็จะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย



มันเป็นความหลากมิติ มันไร้กาลเวลา ที่เป็นธรรมชาติแท้ๆของประตูมิติ-วอร์เท็กซ์ของ พลังงานเพื่อเข้าสู่มิติที่สูงกว่า



พวกมันจะเปลี่ยนไปเป็นแสงคริสโต และมีการดึงดูดทางแม่เหล็กไฟฟ้า

พวกมันไม่สามารถที่จะถูกตรึงไว้ในกาลเวลาที่เป็นเส้นตรงได้

เพราะว่าจริงๆแล้ว กาลเวลาที่เป็นเส้นตรงนั้น มีอยู่แต่ในความเป็นทวิภาวะ

และในสนามพลังงานของมิติต่ำๆเท่านั้น



และเพราะว่าเมทริกซ์ของประตูมิติ-วอร์เท็กซ์ของพลังงานแบบนั้น จะดำรงอยู่สูงกว่าระดับนั้นขึ้นไปอีก

ด้วยการผสานกันอย่างสลับซับซ้อนของมิติและโครงข่ายต่างๆมากมายก่ายกอง





ผู้รับสื่อสารจำได้ถึงการไหลวนของพลังงานเป็นรูปอินฟินิตี้ (รูปทรงเลข 8 ตามขวาง) ตอนที่เขาอยู่ในโลงหิน

พวกเราจะบอกว่านั่นคือฟังก์ชั่นการทำงานที่ถูกต้อง นี่เป็นการควบคุมทิศทางที่อยู่ในแนวเดียวกัน

ทิศเหนือ-ทิศใต้ ทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก



บางครั้งมันก็เกิดมีการบิดเบี้ยวของกระแสพลังงาน ที่ไหลมาบรรจบกันในแนวขวางเหนือโลงหิน

แต่ก็อาจไม่ใช่ในตำแหน่งนั่นเสมอไป สิ่งนี้จะแปรผันไปตามวันอิควินอกซ์ต่างๆ

และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงด้วย



โลงหินจะมีพลังอำนาจที่พิเศษอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลอื่นๆได้อีกด้วย

แต่ว่าตำแหน่งนี้ของมัน ก็เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องมากที่สุดแล้ว



จงจำไว้ว่า เวคเตอร์ในทิศทางที่สำคัญๆได้เปลี่ยนแปลงไปนานแสนนานแล้วเช่นกัน

พลังงานต่างๆที่หลั่งไหลเข้าไปในปิระมิดจะถูกกรั่นกรองและถูกแปลงความถี่โดยประตู Sun Disc ทั้งหลาย

และนั้นก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมจึงมี disc ปฐมภูมิอันหนึ่ง อยู่ใต้ปีระมิด

และทั้งหมดนี้ ก็กำลังจะถูกปรับระดับให้สูงขึ้น ในปี 2011 และปี 2012





..................................................................................................................





ตอนที่ 13:ประสบการณ์ครั้งแรกในห้องโถงแห่งกษัตริย์ของผู้รับสาสน์





ตอนนี้ ในการเข้าไปยังปิระมิดเป็นครั้งแรกของผู้รับสาส์น เขาได้ถูกสอนให้มีประสบการณ์กับความกลัว

ซึ่งเป็นหนึ่งในประสบการณ์ในอดีตชาติของเขาในโรงเรียนรสายนเวทแห่งอียิปต์ (Egyptian School of Alchemy)



มันเป็นการบรรลุถึงความสำเร็จที่สำคัญ มันเป็นการระลึกชาติในพิธีจำศีลของเขาที่เคยเกิดขึ้นในห้องโถงแห่งนี้



อันที่จริง มันก็คือตัวอย่างหนึ่งของความไร้กาลเวลา อันเป็นคุณสมบัติของปิระมิด เพราะว่าในประสบการณ์นั้น

ผู้รับสาส์นได้เข้าไปอยู่ในทั้งอดีตและปัจจุบันพร้อมๆกัน โดยอาศัยพลังงานของปิระมิดนั้น



ขั้นตอนสุดท้ายของการบวชเพื่อศึกษาอิทธิฤทธิ์ในสมัยโบราณ (Ancient Alchemy Initiation)

จะมีการนำผู้เข้าพิธีลงไปไว้ในโลงหิน แล้วปิดฝาโลงไว้เป็นเวลา 3 วันครึ่ง ในนั้นมันไม่มีทั้งแสงสว่าง, ไม่มีน้ำดื่ม,

และไม่มีการใช้ยานอนหลับด้วย จะมีก็แต่เฉพาะอากาศที่เพียงพอสำหรับใช้หายใจเพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้

ถ้าหากว่าผู้เข้าพิธีสามารถลดคลื่นความถี่ของร่างกายตนเอง ให้ต่ำลงเพื่อเข้าสู่สภาวะจำศีลแบบโยคีได้เท่านั้น



ผู้ที่ขันอาสาเข้าพิธีในขั้นตอนสุดท้ายนี้มีค่อนข้างน้อย และผู้ที่รอดชีวิตมาได้ก็ยิ่งมีน้อยลงไปอีก



ผู้รับสาส์นได้เลือกที่จะมีประสบการณ์กับการเข้าพิธีดังกล่าวนี้อยู่ 3 ชาติภพติดต่อกันที่อียิปต์

และมี 2 ใน 3 ชาติที่เขาได้สิ้นชีวิตลงในโลงหินนี้ ครั้งแรกเพราะเขายังเด็กเกินไป ครั้งที่สองเพราะเขายังไม่มีการเตรียมตัว

และครั้งที่สามเขาก็รอดชีวิตมาได้ แต่ทั้งสามครั้งจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญ และต้องกำจัดความกลัวออกไป

ในการเลือกของเขาทั้งสามครั้งนี้ เขาประสบความสำเร็จเพียงแค่ครั้งเดียว





..................................................................................................................





ตอนที่ 14: (จบครับ)

การเปลี่ยนแปลงแบบปาฏิหาริย์ (Alchemy Transition)





ถ้าสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะไม่ทำให้คุณตาย สิ่งอื่นก็จะทำให้คุณตายแทน ถ้าอากาศจะไม่เปิดทางรอดให้คุณ

ดังนั้นพลังอำนาจแห่งความตั้งใจที่จะรอด จะรับประกันเส้นทางที่มีอยู่มากกว่าหนึ่งเส้นทางให้กับคุณแทน

ผลลัพธ์ของเส้นทางเหล่านั้น มันอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันก็ได้ แต่พวกมันต่างก็เป็นทางเลือกที่สำคัญด้วยกันทั้งสิ้น



ในขั้นตอนสุดท้ายของการสำเร็จการศึกษานั้น ผู้เข้าพิธีจะต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว

ที่ก่อตัวทับทวีขึ้นเรื่อยๆของตัวเองเสมอ

และจะต้องเผชิญหน้ากับความมืดของตัวเองเสมอ แล้วเปลี่ยนพวกมันให้ไปเป็นแสงสว่าง

ผ่านทางความตั้งใจของพวกเขาเอง มันคือ Alchemy Initiation



และดังนั้นพวกเราจะบอกกับพวกคุณว่า ทุกๆคนที่เพียรพยายามจะบรรลุไปให้ถึงสภาวะ

ของการเป็นผู้รู้ผู้ตื่นขั้นสุดท้ายให้ได้นั้น จะต้องเอาชนะความกลัวไปให้ได้



และนั่นแหละคือสิ่งที่คุณได้เผชิญมาแล้วในประสบการณ์นี้ และในช่วงขณะที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับความกลัวขั้นสูงสุด

และกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจลึกๆของคุณอยู่นั้น แม้ว่าคุณจะไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดก็ตาม

แต่คุณก็ได้เปลี่ยนแปลงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคุณไปเรียบร้อยแล้ว



ดังนั้น ความทรงจำของสองชาติแรก จึงได้ถูกระลึกรู้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในตอนที่ผู้รับสาส์นเข้าไปในอุโมงค์นั้นเป็นครั้งแรก



ในทำนองเดียวกัน ประสบการณ์ในการเข้าพิธีครั้งที่สาม ซึ่งเป็นประสบการณ์แห่งความสำเร็จและเสร็จสิ้นสมบูรณ์

เพราะความสามารถในการเอาชนะความกลัวได้นั้น ก็ได้ถูกนำกลับมาให้ได้ระลึกรู้ใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน

ในฐานะที่มันก็เป็น “สถานการณ์” อย่างหนึ่ง และได้ถูกมีประสบการณ์ไปแล้วในห้องโถงแห่งนั้นเหมือนกัน



ประสบการณ์นี้ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อที่จะใช้เปลี่ยนแปลงอดีต และเพื่อที่จะเข้าใจถึงความไร้กาลเวลาของทุกๆภพชาติ

ผู้รับสาส์นได้มองเห็นเวอร์ชั่นอื่นๆของตนเองทั้งสามเวอร์ชั่น และเวอร์ชั่นอื่นๆเหล่านี้ ก็มองเห็นว่า

เวอร์ชั่นปัจจุบันในมิติทางกายภาพนี้ของเขา คือสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง



ทั้งหมดนี้สนับสนุนให้เกิดความสำเร็จที่ทรงประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดบทเรียนรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต

และรวมถึงก่อให้เกิดความเข้าใจที่ว่า



“มันมีแต่เพียงปัจจุบันขณะที่ผันแปรอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น”

(there is only the dynamic NOW)





นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จที่ได้เกิดขึ้นในห้องโถงแห่งนั้น เพราะว่าในนั้นมันไร้ซึ่งกาลเวลา

สิ่งที่จะถูกรับรู้ได้ใน vortex นั้น ก็คือการขจัดสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ทั้งหมดให้ออกไป

และคือการสอดประสานกลมกลืนกันของความรักในทุกๆภพชาติใน Mer-Ka-Na



สิ่งที่ได้รับจากความมานะอุตสาหะนั้น มันมีมากมายเกินกว่าที่เขาจะตระหนักรู้ได้เสียอีก

เขาได้หลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ และก็รู้สึกเป็นสุขอยู่ด้านนอกของกำแพง

หลังจากที่ได้รับรู้ถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของตัวเองแล้ว



พวกเราจะขอบอกเพิ่มเติมว่า ผู้รับสาส์นคนนี้จะถูกดึงดูดให้กลับไปยังปิระมิดต่างๆอีกครั้งหนึ่ง

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 แต่ด้วยจุดประสงค์และประสบการณ์ที่จะได้รับที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง

มันจะเป็นการแสดงสลับฉากอันน่ามหัศจรรย์และเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานสนุกสนานของแสงสว่างและแนวทางอันยิ่งใหญ่



มันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง ในช่วงเวลาที่วิเศษสุด...

และมันจะเป็นการยกระดับขึ้นครั้งมโหฬาร ของข้อมูลที่บรรจุอยู่ภายใน

มันไม่มีอะไรที่จะต้องไปกลัว และมันก็ไม่มีอะไรที่มากเกินกว่าจะรับได้

มันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ









ที่มา : http://spiritlibrary.com/earth-keeper/the-pyramid-12th-wave-of-ascension



____________________

เครดิต : Chayutt

http://board.palungjit.com/f2/ข้อความจากต่างมิติ-–-ปิระมิด-and-12th-wave-of-ascension-โลกคู่ขนาน-จุดประสานมิติ-308874.html

________________________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น