“วิลลี่” ยันไม่คิดหาหุ้นส่วนใหม่เสียบแทน “เปิ้ล” เพราะกลัวแบ่งไม่ลงตัว บอกตอนนี้ภาระหนักตกอยู่ที่ “หอย” แต่ก็คงต้องช่วยๆ กัน เผยเข้าใจเหตุผลของเปิ้ลเพราะตนก็มีลูกเช่นกัน แต่ตนเลือกที่จะทำงานหนักต่อไปเพราะมีลูกยิ่งมีแรงทำงาน อีกทั้งอนาคตลูกจะได้ไม่ลำบาก
ร่วมหุ้นกันมาเปิดบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ในนาม บริษัท ลักษ์ 666 จนเติบโตและเป็นที่รู้จักมา 15 ปี แต่สุดท้ายก็มีเรื่องให้เซอร์ไพร์ส หลัง “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ได้ขอถอนหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อออกไปดูแลครอบครัวและขออยู่ในสถานะลูกจ้างคนนึงเท่านั้น ทำเอางานเข้าหุ้นส่วนอีก 2 คนอย่าง “วิลลี่ แมคอินทอช” และ “หอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค” ซึ่งวิลลี่ได้เปิดใจว่าแม้ว่าเพื่อนรักจะถอนหุ้น แต่ก็ยังรักกันดีเหมือนเดิม และไม่คิดจะหาหุ้นส่วนคนใหม่มาเสียบแทน
“เรื่องพี่เปิ้ลถอนหุ้นมีผลกระทบอะไรกับบริษัทไหม ก็ไม่นะครับ เขาไม่ได้ถือหุ้นก็ไม่มีผล 15 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีผลอะไรเหมือนกัน เหมือนเดิม เรายังทำงานด้วยกันอยู่ วันก่อนก็เพิ่งถ่ายโฆษณาด้วยกันอยู่ เราไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก เราอยู่กันมานานแล้ว ผมก็เข้าใจนะว่าคนมีลูก มีครอบครัวแล้วอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง เขาก็คงตัดสินใจ เราเองก็ต้องให้เกียรติในการตัดสินใจคน”
“ที่เขาบอกว่าต้องลางานบ่อยเกรงใจเพื่อน อันนี้ก็ควรจะเกรงใจนะ (หัวเราะ) แต่มันไม่ได้มีอะไรหรอก บางทีมันก็ต้องมีการเกรงใจกันบ้างทำงานน้อย แล้วถ้าเขาหนีไปไม่มาทำงานแล้วจะให้ผมหนีไปอีกคน จะให้ทำได้ยังไง เดี๋ยวเหลือหอยคนเดียวไม่รอด”
“คือเหตุผลหลักๆ ของเขาคือจะไปดูแลครอบครัวเลย พูดง่ายๆ เลยพอเขาเห็นว่าเวลาที่เสียไปกับการทำงานของพวกเราที่ทำงานกันเยอะ กลัวว่ากลับมาลูกจะจำหน้าไม่ได้ เราก็ระแวงเหมือนกันเพราะเราทำงานเยอะมาก พอเราทำไปเยอะๆ ก็ต้องหันมามองครอบครัวบ้าง เลยต้องทำงานลดลง แต่ทางเลือกใครก็เลือกเอา ไม่มีโกรธกันยังมีความรู้สึกเหมือนเดิม ก็ยังรักกัน มันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ เพราะเราไมได้ซีเรียสอยู่แล้ว”
“ถามว่าจะแบ่งงานยังไงเพราะงานคงเยอะขึ้น คิดว่าภาระหนักอาจจะอยู่ที่หอย แต่ผมก็ต้องช่วยเขาอยู่แล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างเหมือนเดิมทุกอย่าง รายการทุกรายการยังอยู่เหมือนเดิม หรือถ้าทำหนังแล้วมีบทให้พี่เปิ้ลเล่นก็ยังส่งให้เขาเล่นอยู่ ถามว่าจะหาใครมาร่วมหุ้นเพิ่มแทนไหม ก็คงไม่ขอเก็บหุ้นไว้เอง เพราะเดี๋ยวแบ่งไม่ลงตัว”
ส่วนที่หลายคนจับตามองว่าเจ้าตัวก็มีลูกเหมือนกันแล้วจะมีปัญหาเหมือนเพื่อนซี้หรือไม่? กับเรื่องนี้ “วิลลี่” บอกว่า…
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกเพราะจะบอกว่าช่วงที่มีแรงก็จะพยายามทำงาน พูดตรงๆ นะ ผมตั้งแต่มีลูกมามีแรงเยอะขึ้น เพราะสมัยก่อนทำงานแล้วก็มาคิดว่าจะทำไปเพื่อใคร ก็เลยขี้เกียจ แต่พอมีลูกแล้วกลับไปบ้าน พอเห็นเขายิ้มแล้วเราก็ลุยได้เลย คือมันมีแรงขึ้น มันไม่รู้สึกเหนื่อยหรอก แต่ถ้าเหนื่อยมันก็ยิ้มได้แค่นั้นเอง ลูกโตขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องขยันมากขึ้นอยากทำหลายๆ อย่างให้ลูก ลูกจะได้สบายไม่ต้องลำบากเหมือนเรา มีความมั่นคงในชีวิต แต่เราจะไม่ตามใจนะ อยากให้เขาโตขึ้นมาเป็นคนสู้ชีวิต”
เจ้าตัวแย้มลูกคนที่ 2 ต้องถามภรรยาก่อนว่าไหวไหม เพราะรู้ว่าคงเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก
“ถามว่าจะมีคนที่2 ต่อไหม ตัวผมเองยังมีแรงดีอยู่ครับ (หัวเราะ) แต่ตัวภรรยาเป็นคนที่ต้องเหนื่อย ก็คงต้องปรึกษาเขาด้วยว่าเขาจะยังไง แค่คนเดียวก็เหนื่อยหนักแล้ว ถ้ามีโอกาสมีได้อีกจริงๆ ก็อยากมี แต่ถ้ามีไม่ได้ก็มีคนเดียวแหละครับ”
“ส่วนพัฒนาการตอนนี้เขาเริ่มคลานและนั่งเอง เมื่อวันก่อนผมก็เพิ่งพาไปว่ายน้ำ คุณครูก็พาดำน้ำ ที่อยากให้เขาว่ายน้ำเพราะอย่างแรกคือมันถึงเวลาที่เขาจะสามารถว่ายน้ำได้ โตขึ้นมาจะได้ไม่กลัวน้ำ อีกอย่างบ้านเรามีบ่อปลาไง จะได้ไม่ห่วง เดี๋ยวถ้าว่ายน้ำไม่เป็นเยลหลีจะให้ถมบ่อ (หัวเราะ) เราต้องมองการณ์ไกล”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น