“เสี่ยตา” เห็นค้าน บอกเหมาะสมแล้วเวิร์คพอยท์ได้รางวัล “ระฆังทอง” สาขาสื่อมวลชนดีเด่น ฟุ้งที่ผ่านมาทำดีมาทั้งชีวิต ส่วนกรณี “ไทยแลนด์ฯ” ตนน่าจะได้รางวัลกล้าหาญด้วย เพราะหาไม่ได้ง่ายๆ ที่ผู้นำจะออกมารับผิด อวยคนให้ได้เป็นฮีโร่แน่นอน ด้านคณะกรรมการชี้ มีการตัดสินก่อนเกิดเรื่อง พร้อมแจงรางวัลนี้ไม่ได้ให้แต่คนดี คนไม่ดีก็ได้เช่นเดียวกัน ก่อนพูดแปลกเราพยายามไม่ซื้อขายรางวัล
เป็นข้อกังขากับการประกาศผลรางวัล ระฆังทอง(บุคคลแห่งปี) ประจำปี 2555 ถึงความเหมาะสมของแต่ละคนที่ได้รับรางวัล ว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรตัดสิน ล่าสุดปีนี้ก็ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีก กับการมอบรางวัลให้บริษัท “เวิร์คพอยท์” ที่คว้ารางวัลสาขาสื่อมวลชนดีเด่น ประเภทองค์กรดีเด่น ไปครอง ทั้งๆ ที่ปีนี้เวิร์คพอยท์ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอย่างหนัก ในกรณีปล่อยสาวเปลือยอกวาดภาพออกรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” จนโดนคนทั้งประเทศรุมจวกเละ กลายเป็นกระแสสังคมมาพักใหญ่ งานนี้บอสใหญ่ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ได้ให้ความเห็นว่า ถือเป็นรางวัลที่เหมาะสมสำหรับองค์กรตนแล้วเพราะที่ผ่านมาทำดีมาตลอด และเมื่อผิดพลาดก็ยังลุกขึ้นมายอมรับผิด
“ตลอดระยะเวลาที่ตั้งเวิร์คพอยท์มา ทุกคนก็จะรู้จักเวิร์คพอยท์ดี ว่าจะเป็นงานที่ยึดถือศิลปวัฒนธรรมในเรื่องราวของสังคมไทย ความดีงามต่างๆ เรายึดมั่นมาตลอด เราไม่ใช่คนหน้าใหม่ ไม่ใช่คนแปลกหน้า เราคุ้นเคยกันดี ยิ่งมาได้รับรางวัลนี้ ครั้งนึงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็เป็นกำลังใจให้เราครับ ที่เราได้รางวัลก็เพราะความตั้งใจในการทำงานของเราในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมนี่แหละ รองลงมาก็คงเป็นเรื่องของครีเอทีฟที่เราทำอย่างดีตลอดมา”
“กับรางวัลนี้ก็คิดว่าเราเหมาะสมแล้ว เราต้องดูภาพ อย่าไปมองในแง่เดียว ผมว่าการได้รางวัลนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก มันไม่เหมาะสมยังไงล่ะ เช่นมาสิ ลองยกตัวอย่างมา ทุกอย่างมันจบไปหมดแล้ว สิ่งต่างๆ พวกนั้นมันคืออุบัติเหตุ รางวัลนี้มันไม่ใช่เรื่องไม่เหมาะสมด้านศีลธรรม อะไรที่เป็นความรุนแรง เราก็จะเซ็นเซอร์ทั้งหมดเลย”
“ไม่เอาแล้ว ความผิดพลาดนี้เป็นความผิดพลาดที่เราเผยแพร่ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็เผยแพร่ไปเพียงครั้งเดียว แต่คนอื่นเอาไปเผยแพร่เป็น 100 ครั้ง ถ้าจะใช้จุดของเรานี้เอามาเป็นจุดดีกับทุกหน่วยงานก็จะดีมากๆ เลย ถือเป็นสิ่งที่ดี ถือกรณีของเราเป็นอุบัติเหตุ ตั้งแต่ปีหน้าไป เราจะไม่เอาความรุนแรงอะไรที่ไม่เหมาะสมมาอีกแล้ว มันไม่คุ้มค่ากัน ถ้าพูดถึงการเสียโอกาสก็ต้องเสียโอกาส”
“เราก็คงต้องคัดกรองเรื่องของวัฒนธรรมเป็นหลักแล้วแหละ ก็ต้องเอาตามกระแสที่เป็นความต้องการ ก็อยากให้ดูที่เจตนาของเรามากกว่า จริงๆ เราก็ประพฤติดีแบบนี้มาทั้งชีวิตของเราอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เรามากเลย แต่เราก็มองมันในแง่บวก มองว่าเป็นเรื่องดี เป็นกำลังใจให้เราไม่ประมาท”
“ตอนนี้เราก็เริ่มได้รางวัลแล้ว และก็คิดว่าจะมีรางวัลอื่นๆ อีกต่อๆ ไป จริงๆ แล้วน่าจะมีรางวัลกล้าหาญ ที่กล้าออกมายอมรับผิดของเราด้วยนะ ก็รอว่าหน่วยงานใดจะให้เรา หน่วยงานนั้นก็จะเป็นฮีโร่ทันที ก็รออยู่นะ หายากนะครับ ที่ผู้นำที่ทำผิดแล้วออกมายอมรับผิดแบบนี้ เรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสม ผมว่าต้องไปถามกรรมการนะ ไม่ใช่ธุระของผม เราเองได้รับรางวัลมาตลอดแล้วครับ ก็ยังมีอีกหลายรางวัลรออยู่”
ด้านกรรมการตัดสิน “อำนาจ หมัดสดาย” ประธานสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ถึงเหตุผลที่ให้รางวัลดังกล่าวกับทาง “เวิร์คพอยท์” ว่า คณะกรรมการมองภาพรวมในการทำประโยชน์ให้กับสังคม ไม่ได้ชี้ชัดไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่ผิดพลาดไป
“ในกรณีของเวิร์คพอยท์จะต้องเรียนว่า การพิจารณาของเราใช้เวลา 1 ปี ในส่วนของการพิจารณาเราพิจารณากันหลายองค์กร จะมีในส่วนของสมาคม มูลนิธิ เขาก็จะส่งบุคคลมาพิจารณา แล้วเวิร์คพอยท์เขาไม่ได้มีแค่ส่วนรายการหนึ่งรายการใด เขามีรายการเยอะ เหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดหลังจากที่เราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้วประมาณ 4 เดือน พอเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่ได้มีใครออกมาโต้แย้ง หรืออยากจะปรับเปลี่ยนผลคะแนน”
“ต้องเข้าใจว่าคนเราทำหลายอย่าง ทำดี 10 อย่าง แต่มาเสียอย่างนึง เราก็จะไม่ไปซ้ำเติมเขา เราจะเอา 10 อย่างที่เขาทำดีมาคุย เราอยากจะให้โอกาสคนมากกว่า ยกตัวอย่างกรณีเราให้รางวัล คุณเก่ง เมธัส สวนศรี อันนี้เราเป็นตัวนำร่อง เราเอานาย ก. นาย ข. มารับรางวัล คนก็จะมองไม่ออก แต่เราให้รางวัลกับเขา เพื่อที่จะให้สังคมได้รู้ว่า คนที่ไม่ดี เราสามารถให้โอกาสเขา ให้หนทางเขาที่จะคิดทำดี เราไม่ได้เลือกเอาส่วนไม่ดีมาพิจาณา แต่ในบางครั้ง เราดูว่าถ้าบุคคลหนึ่งบุคคลใดอาจทำไม่ดีมาก่อน พอได้รางวัลเขาก็อาจจะเกิดอยากทำดีก็ได้ เราอยากได้ความหลากหลาย เพราะเราให้โอกาสคน”
“เราพิจารณาในส่วนที่ดี ส่วนที่เขาเจตนา ถ้าเขาทำไม่ดีอยู่แล้ว แล้ววันนึงเราเกิดทำไม่ดี เรายิ่งไปว่าเขาซ้ำต่อไป ใครจะอยากทำดีล่ะครับ เช่นเดียวกัน ทั้ง 2 กรณี เราให้โอกาสคนมากกว่า มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะมองว่า มันค้านกับสังคม เกณฑ์ในการตัดสิน”
“ผมย้อนถามว่า ถ้ามีสถาบันนึงบอกเกณฑ์ในการตัดสินให้รางวัล ถ้าพวกคุณรู้ คุณก็จะส่งประวัติเพื่อให้ตัวเองได้รางวัล กลับกัน ถ้าเขาเอาชื่อคุณไปพิจารณา แล้วคุณก็ได้รับเลือกจากการเสนอชื่อ ถามว่าคุณจะภูมิใจอันไหน มันมีกระบวนการ ชมรม สมาคมต่างๆ เขาก็จะไปเลือกเฟ้นของเขา แล้วส่งมาให้เราพิจารณา เลยทำให้บางคนไม่รู้ตัว ว่าตัวเองได้ได้อย่างไร แล้วเราเองพยายามจะไม่ซื้อขายรางวัล เราอยากบอกว่ารางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลที่จะให้กับคนดีเท่านั้น คนไม่ดีก็ได้รับรางวัลของเราได้ แต่ที่สำคัญคนนั้นต้องทำดี”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น