แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เสี่ยตา ปัญญา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เสี่ยตา ปัญญา แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

“เสี่ยตา” ไม่ขวาง “ตั๊ก มยุรา” ลาออก บอกอยากทำอะไรที่มีความสุขก็ทำ

“เสี่ยตา” เปิดใจไม่ขวาง “ตั๊ก มยุรา” ลาออก บอกอีกฝ่ายอยากทำอะไรที่มีความสุขก็ทำ เลี่ยงตอบถึงชนวนเหตุ รับตั้งแต่ลาออกไม่เจอกันเลย พร้อมเผยปีหน้าเวิร์คพอยท์มีรายการเพิ่ม ส่วนบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ที่โดนไฟไหม้ คาดซ่อมไม่เกิน 10 ล้าน ฟุ้งแค่นี้จิ๊บๆ เพราะปีนี้บริษัททำเงินได้มากกว่านี้มาก



นับตั้งแต่ “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” ประกาศลาออกจากพิธีกรรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” แบบฟ้าผ่า เพราะน้อยใจที่ไม่มีบทบาท กระทั่งเจ้าตัวผันตัวเองไปเป็นพิธีกรให้กับรายการ “พราว” ของบริษัท เจเอสแอล ทางด้านของ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ในฐานะเจ้านายเก่าและพิธีกรคู่บุญ ก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงานแถลงข่าว “We Love Siam Square : Siam Street Fest มหกรรมสุดยิ่งใหญ่ท้ายปี ชม โชว์ ช้อป เที่ยงวันยันเที่ยงคืนที่สยามสแควร์ 22-23 ธันวาคม 2555” ของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้สื่อข่าวจึงไม่พลาดสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว รวมถึงโปรเจกต์รายการของเวิร์คพอยท์ปีหน้า ซึ่งเสี่ยตาเผยว่ามีทั้งรายการใหม่แกะกล่อง ส่วนรายการเก่าก็มีการปรับปรุงเนื้อหาให้น่าสนใจขึ้นกว่าเดิม

“ปีหน้าเวิร์คพอยท์ก็มีการขยายทางด้านทีวี เพราะว่าทางช่อง9 เราก็จะมีรายการใหม่เกิดขึ้นมา ทางช่อง9 ก็ได้แถลงไปแล้ว แล้วก็มีรายการใหม่ที่ปัญญาลงไปเอง ปัญญาแลกได้ ทุกคนมีของอะไรแล้วอยากจะได้ของนั้นดีมากกว่าเดิมก็มาแลกกันได้ แต่ต้องผ่านกรรมวิธีปัญญาแลก แล้วก็มีซิทคอมเกิดขึ้นทางช่อง 9 ส่วนรายการยอดนิยมของเราก็จะปรับในตัวเนื้อรายการอย่าง เช่น รายการคนอวดผี ก็จะตะลุยเอเชียเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ได้พิสูจน์ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นพวกฝรั่ง ก็พวกแวมไพร์ แดรกคูลา ไม้กางเขน อะไรไม่รู้เยอะกว่าเราอีก เราจะไปพิสูจน์กับเขาเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร”

“ทางด้านหนังตอนนี้ก็คือเรื่องมนุษย์ยอดเงินเดือนเป็นที่น่าชื่นใจ ว่าตกลงเราทำไปเพื่ออะไรหวังโบนัสหรือว่าอะไร แล้วตอนนี้พนักงานกำลังทัวร์ออฟฟิศอยู่ ทำงานกันหัวกระบาลบวมอยู่เพื่อที่จะให้งานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อย จะมีการวางแผนงานต่างๆ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว งานที่จะเกิดขึ้นในปี 2013 ก็ขอบคุณทุกแรงใจที่เป็นกำลังใจให้ แล้วก็ทำให้เรามีเรื่องราวต่างๆ ดีๆ ให้ผู้ชมตลอดมา”

พร้อมเผยถึงบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ว่า… “คืองานมันเยอะ เรายังไม่ได้ได้ไปดูแลเลย แต่ตอนนี้เราได้ส่งคนไปดูแลเมื่อวานนี้เอง ก็คงคิดว่ามันเกิดเป็นเหตุขึ้นมาก็คงไปซ่อมนิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวค่อยว่ากันไป ก็เลยยังไม่ได้ไปใช้บริการเลย เดี๋ยวจะซ่อมให้เสร็จก่อน คือถ้าขายไปไม่รู้จะขายไปเพื่ออะไร”

“ก็ฝากบอกทุกๆ ท่านที่เป็นห่วงนะครับ ว่าตอนไฟลุกมันจะดูเยอะ สุดท้ายแล้วก็ถ้าเทียบกับการทำงานที่ได้มา มันให้เยอะกว่าที่เสียไป ก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็จะไปดูว่าต้องบูรณะอีกเท่าไหร่ อย่างมากไม่น่าจะเกิน 10 ล้าน แต่ที่เราทำไปเหน็ดเหนื่อยมา มันก็มีรายได้คุ้มทุน มันเยอะกว่าปีที่แล้วเยอะมาก มันก็เลยชดเชยไปได้อย่างสบายมาก”

ครั้นพอผู้สื่อข่าวเปิดประเด็นถามถึงเรื่องที่อดีตพิธีกรคู่บุญ “ตั๊ก มยุรา” ลาออกจากรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” เพราะน้อยใจไม่มีบทบาท รวมถึงประเด็นที่ตั๊กไปเป็นพิธีกรให้กับเจเอสแอล “เสี่ยตา” ตอบแบบเลี่ยงๆ ว่า…

“คือเรามีเรื่องเยอะแล้ว ใครที่จะทำอะไร รักอะไร ทำอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ ก็เป็นอย่างที่ทุกคนปรารถนาดี แฮปปี้มีความสุขก็ทำหน้าที่ไป ก็เชื่อว่าทุกคนก็มีความสุขในหน้าที่ที่ทุกคนเลือกก็ดีแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เป็น ก็ดีแล้ว มีความรักที่ดีกันอยู่ตลอด ก็ดีกับทุกๆ คนไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ดีหมด ใครอยากทำอะไรก็อย่าไปขวางเขาไว้ ทำไปตามหน้าที่ที่ทุกคนอยากทำ แล้วทุกคนก็มีความสุข คิดแต่สิ่งดีๆ”

“เราไม่เจออะไรกันเลย เพราะตัวเองไม่ได้ไปไหนเลย อย่าไปคิดอะไรมาก ไม่มีอะไรน่ะ ก็ขอบพระคุณวันที่ 22- 23 มาเที่ยวกัน (ตัดบทด้วยการชวนมาเที่ยวงาน We Love Siam Square : Siam Street Fest มหกรรมสุดยิ่งใหญ่ท้ายปี ชม โชว์ ช้อป เที่ยงวันยันเที่ยงคืน)”

หลังจากสัมภาษณ์ถึงตรงนี้เจ้าตัวก็ขอตัวกลับโดยไม่เปิดโอกาสให้ถามเรื่องใดๆ อีก

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“เสี่ยตา” ลั่นเหมาะสมแล้วคว้า “สื่อฯดีเด่น” บอกตนควรได้รางวัลกล้าหาญด้วยที่ยอมรับผิด

“เสี่ยตา” เห็นค้าน บอกเหมาะสมแล้วเวิร์คพอยท์ได้รางวัล “ระฆังทอง” สาขาสื่อมวลชนดีเด่น ฟุ้งที่ผ่านมาทำดีมาทั้งชีวิต ส่วนกรณี “ไทยแลนด์ฯ” ตนน่าจะได้รางวัลกล้าหาญด้วย เพราะหาไม่ได้ง่ายๆ ที่ผู้นำจะออกมารับผิด อวยคนให้ได้เป็นฮีโร่แน่นอน ด้านคณะกรรมการชี้ มีการตัดสินก่อนเกิดเรื่อง พร้อมแจงรางวัลนี้ไม่ได้ให้แต่คนดี คนไม่ดีก็ได้เช่นเดียวกัน ก่อนพูดแปลกเราพยายามไม่ซื้อขายรางวัล



เป็นข้อกังขากับการประกาศผลรางวัล ระฆังทอง(บุคคลแห่งปี) ประจำปี 2555 ถึงความเหมาะสมของแต่ละคนที่ได้รับรางวัล ว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรตัดสิน ล่าสุดปีนี้ก็ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีก กับการมอบรางวัลให้บริษัท “เวิร์คพอยท์” ที่คว้ารางวัลสาขาสื่อมวลชนดีเด่น ประเภทองค์กรดีเด่น ไปครอง ทั้งๆ ที่ปีนี้เวิร์คพอยท์ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอย่างหนัก ในกรณีปล่อยสาวเปลือยอกวาดภาพออกรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” จนโดนคนทั้งประเทศรุมจวกเละ กลายเป็นกระแสสังคมมาพักใหญ่ งานนี้บอสใหญ่ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ได้ให้ความเห็นว่า ถือเป็นรางวัลที่เหมาะสมสำหรับองค์กรตนแล้วเพราะที่ผ่านมาทำดีมาตลอด และเมื่อผิดพลาดก็ยังลุกขึ้นมายอมรับผิด

“ตลอดระยะเวลาที่ตั้งเวิร์คพอยท์มา ทุกคนก็จะรู้จักเวิร์คพอยท์ดี ว่าจะเป็นงานที่ยึดถือศิลปวัฒนธรรมในเรื่องราวของสังคมไทย ความดีงามต่างๆ เรายึดมั่นมาตลอด เราไม่ใช่คนหน้าใหม่ ไม่ใช่คนแปลกหน้า เราคุ้นเคยกันดี ยิ่งมาได้รับรางวัลนี้ ครั้งนึงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็เป็นกำลังใจให้เราครับ ที่เราได้รางวัลก็เพราะความตั้งใจในการทำงานของเราในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมนี่แหละ รองลงมาก็คงเป็นเรื่องของครีเอทีฟที่เราทำอย่างดีตลอดมา”

“กับรางวัลนี้ก็คิดว่าเราเหมาะสมแล้ว เราต้องดูภาพ อย่าไปมองในแง่เดียว ผมว่าการได้รางวัลนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก มันไม่เหมาะสมยังไงล่ะ เช่นมาสิ ลองยกตัวอย่างมา ทุกอย่างมันจบไปหมดแล้ว สิ่งต่างๆ พวกนั้นมันคืออุบัติเหตุ รางวัลนี้มันไม่ใช่เรื่องไม่เหมาะสมด้านศีลธรรม อะไรที่เป็นความรุนแรง เราก็จะเซ็นเซอร์ทั้งหมดเลย”

“ไม่เอาแล้ว ความผิดพลาดนี้เป็นความผิดพลาดที่เราเผยแพร่ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็เผยแพร่ไปเพียงครั้งเดียว แต่คนอื่นเอาไปเผยแพร่เป็น 100 ครั้ง ถ้าจะใช้จุดของเรานี้เอามาเป็นจุดดีกับทุกหน่วยงานก็จะดีมากๆ เลย ถือเป็นสิ่งที่ดี ถือกรณีของเราเป็นอุบัติเหตุ ตั้งแต่ปีหน้าไป เราจะไม่เอาความรุนแรงอะไรที่ไม่เหมาะสมมาอีกแล้ว มันไม่คุ้มค่ากัน ถ้าพูดถึงการเสียโอกาสก็ต้องเสียโอกาส”

“เราก็คงต้องคัดกรองเรื่องของวัฒนธรรมเป็นหลักแล้วแหละ ก็ต้องเอาตามกระแสที่เป็นความต้องการ ก็อยากให้ดูที่เจตนาของเรามากกว่า จริงๆ เราก็ประพฤติดีแบบนี้มาทั้งชีวิตของเราอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เรามากเลย แต่เราก็มองมันในแง่บวก มองว่าเป็นเรื่องดี เป็นกำลังใจให้เราไม่ประมาท”

“ตอนนี้เราก็เริ่มได้รางวัลแล้ว และก็คิดว่าจะมีรางวัลอื่นๆ อีกต่อๆ ไป จริงๆ แล้วน่าจะมีรางวัลกล้าหาญ ที่กล้าออกมายอมรับผิดของเราด้วยนะ ก็รอว่าหน่วยงานใดจะให้เรา หน่วยงานนั้นก็จะเป็นฮีโร่ทันที ก็รออยู่นะ หายากนะครับ ที่ผู้นำที่ทำผิดแล้วออกมายอมรับผิดแบบนี้ เรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสม ผมว่าต้องไปถามกรรมการนะ ไม่ใช่ธุระของผม เราเองได้รับรางวัลมาตลอดแล้วครับ ก็ยังมีอีกหลายรางวัลรออยู่”

ด้านกรรมการตัดสิน “อำนาจ หมัดสดาย” ประธานสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ถึงเหตุผลที่ให้รางวัลดังกล่าวกับทาง “เวิร์คพอยท์” ว่า คณะกรรมการมองภาพรวมในการทำประโยชน์ให้กับสังคม ไม่ได้ชี้ชัดไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่ผิดพลาดไป

“ในกรณีของเวิร์คพอยท์จะต้องเรียนว่า การพิจารณาของเราใช้เวลา 1 ปี ในส่วนของการพิจารณาเราพิจารณากันหลายองค์กร จะมีในส่วนของสมาคม มูลนิธิ เขาก็จะส่งบุคคลมาพิจารณา แล้วเวิร์คพอยท์เขาไม่ได้มีแค่ส่วนรายการหนึ่งรายการใด เขามีรายการเยอะ เหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดหลังจากที่เราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้วประมาณ 4 เดือน พอเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่ได้มีใครออกมาโต้แย้ง หรืออยากจะปรับเปลี่ยนผลคะแนน”

“ต้องเข้าใจว่าคนเราทำหลายอย่าง ทำดี 10 อย่าง แต่มาเสียอย่างนึง เราก็จะไม่ไปซ้ำเติมเขา เราจะเอา 10 อย่างที่เขาทำดีมาคุย เราอยากจะให้โอกาสคนมากกว่า ยกตัวอย่างกรณีเราให้รางวัล คุณเก่ง เมธัส สวนศรี อันนี้เราเป็นตัวนำร่อง เราเอานาย ก. นาย ข. มารับรางวัล คนก็จะมองไม่ออก แต่เราให้รางวัลกับเขา เพื่อที่จะให้สังคมได้รู้ว่า คนที่ไม่ดี เราสามารถให้โอกาสเขา ให้หนทางเขาที่จะคิดทำดี เราไม่ได้เลือกเอาส่วนไม่ดีมาพิจาณา แต่ในบางครั้ง เราดูว่าถ้าบุคคลหนึ่งบุคคลใดอาจทำไม่ดีมาก่อน พอได้รางวัลเขาก็อาจจะเกิดอยากทำดีก็ได้ เราอยากได้ความหลากหลาย เพราะเราให้โอกาสคน”

“เราพิจารณาในส่วนที่ดี ส่วนที่เขาเจตนา ถ้าเขาทำไม่ดีอยู่แล้ว แล้ววันนึงเราเกิดทำไม่ดี เรายิ่งไปว่าเขาซ้ำต่อไป ใครจะอยากทำดีล่ะครับ เช่นเดียวกัน ทั้ง 2 กรณี เราให้โอกาสคนมากกว่า มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะมองว่า มันค้านกับสังคม เกณฑ์ในการตัดสิน”

“ผมย้อนถามว่า ถ้ามีสถาบันนึงบอกเกณฑ์ในการตัดสินให้รางวัล ถ้าพวกคุณรู้ คุณก็จะส่งประวัติเพื่อให้ตัวเองได้รางวัล กลับกัน ถ้าเขาเอาชื่อคุณไปพิจารณา แล้วคุณก็ได้รับเลือกจากการเสนอชื่อ ถามว่าคุณจะภูมิใจอันไหน มันมีกระบวนการ ชมรม สมาคมต่างๆ เขาก็จะไปเลือกเฟ้นของเขา แล้วส่งมาให้เราพิจารณา เลยทำให้บางคนไม่รู้ตัว ว่าตัวเองได้ได้อย่างไร แล้วเราเองพยายามจะไม่ซื้อขายรางวัล เราอยากบอกว่ารางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลที่จะให้กับคนดีเท่านั้น คนไม่ดีก็ได้รับรางวัลของเราได้ แต่ที่สำคัญคนนั้นต้องทำดี”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“เวิร์คพอยท์” เริ่ดมาก จรรโลงสังคมได้รับรางวัล “ระฆังทอง”

เวียนมาอีกรอบแล้ว สำหรับงานประกาศรางวัล “ระฆังทอง” (บุคคลแห่งปี) จัดโดย สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สว.นท.) ซึ่งมอบให้แก่ศิลปิน ดารา นักแสดง และคนมีชื่อเสียงทั่วประเทศ

โดยในปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 แล้ว และจะมีการมอบรางวัลขึ้นในวันพุธที่ 25 ก.ค.55 นี้ เวลา 15.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ กรมประชาสัมพันธ์ โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธาน และมี ฯพณฯ พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี มาเป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัล

ทั้งนี้ ในส่วนของวัตถุประสงค์การมอบรางวัล “ระฆังทอง” (บุคคลแห่งปี) มีระบุไว้ดังนี้

1. เพื่อส่งเสริม สร้างสรรค์ เกียรติยศชื่อเสียง และความภาคภูมิใจของนักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
2. เพื่อส่งเสริม การผลิตการจัดรายการและประกอบวิชาชีพ หนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับนานาประเทศ
3. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประกอบอาชีพของนักจัดรายการข่าววิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์เป็นไปโดยถูกต้องตามหลักวิชาการ มีจรรยาบรรณโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและการใช้ภาษาอันดีงามของไทย และตระหนักถึงความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
4. เพื่อส่งเสริมสร้างความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
5. เพื่อแสดงความขอบคุณผู้อุปถัมภ์รายการวิทยุกระจายเสียง-วิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ และยกย่องชมเชยบุคคลที่ทำประโยชน์แก่สังคม เสริมสร้างขวัญกำลังใจ บุคคลตัวอย่างที่จรรโลงให้สังคมน่าอยู่ สงบสุข
6. เพื่อรวมพลังกันก่อกิจกรรมอันเป็นสาธารณะประโยชน์ทั่วไป

อย่างไรก็ดี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เวทีนี้เคยสร้างความฮือฮา ด้วยการมอบรางวัลบุคคลดีเด่น ให้กับนักแสดงมากคดี “เก่ง เมธัส สวนศรี” จนโดนโจมตียับถึงไม่ความเหมาะสม รวมถึงหลักเกณฑ์ในการพิจารณารางวัล ที่ดูจะขัดกับวัตถุประสงค์ของการมอบรางวัล ที่ระบุชัดเจนว่า รางวัลนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อมอบให้กับ สื่อ องค์กร และ บุคคล ที่ทำประโยชน์แก่สังคม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำสิ่งดีๆ ต่อไป

ซึ่งในปีนี้ยังคงมีศิลปิน ดารา คนเบื้องหน้าเบื้องหลัง จากทุกวงการ ทั้ง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ ตบเท้าเข้ารับรางวัลคับคั่งเช่นทุกปี โดยมีรางวัลที่น่าสนใจ ดังนี้

รางวัล สาขาสร้างสรรค์สนับสนุนมวลชนและสังคมดีเด่น ประเภทศิลปิน ดารานักแสดง นักร้อง ได้แก่ พันโท วันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด), นายเปรม บุษราคัมวงศ์, นายวรินทร ปัญหกาญจน์ (เกรท),นางสาวศิรพันธ์ วัฒนจินดา (นุ่น), นางสาวกาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า (เกรซ),นางสาวสิริรัตน์ เรืองศรี(หนูสิ) มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010, นางสาวชมเพลิน เอื้อวิวัฒน์สกุล,นางสาวพิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์ (แก้มบุ๋ม),นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา(น้าโย่ง เชิญยิ้ม),นายพวง แก้วประเสริฐ (น้าพวง เชิญยิ้ม),นายนงค์ ปิยะโชติ (น้านงค์ เชิญยิ้ม),นายชุติเดช ทองอยู่ (ครูเทียม),นางสาวมณีนุช เสมรสุต (ครูอ้วน),เด็กหญิง ซาร่า หฤษฎีชวลิต,นายพรภิรมย์ พินทะปะกัง (ไมค์ ภิรมย์พร),คุณโจนัส แอนเดอร์สัน,คุณคริสตี้ กิ๊บสัน,นางสาววรัทยา นิลคูหา (จุ๋ย)

รางวัล สาขาสื่อสารมวลชน ประเภทบุคคลดีเด่น ด้านโทรทํศน์ ได้แก่ นายกฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์, นายวราวุธ เลาหพงศ์ชนะ,นายพลวรรธก์ บุญลออ, นางสาวปนัดดา วงศ์ผู้ดี (บุ๋ม),นายชัยอนันต์ ปันชู (ต้นกล้า),นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล, นายพิเชษฐ์ไชย ผลดี (ตั้น), นายธนพล กอโชคชัย,นายณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ (บ๊อบ)

แต่ที่ถูกพูดถึงไม้น้อยคงเป็นกรณีที่ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) คว้า รางวัล สาขามวลชนดีเด่น ประเภทองค์กรดีเด่น ไปครอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เวิร์คพอยท์ เพิ่งตกเป็นประเด็นอื้อฉาว กรณีปล่อยสาวเปลือยอกวาดภาพออกรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” จนโดนคนทั้งประเทศรุมจวกเละมาแล้ว

รวมไปถึง กรณีที่มี ผู้อำนวยการ และ นักเรียน โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่ร่วมส่งวงดนตรีเข้าประกวดในรายการ “ชิงช้าสวรรค์” ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อว่ารายการตัดสินไม่เป็นธรรม และหนึ่งในคณะกรรมการมีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้มีการชี้แจงใดๆ การที่เวิร์คพอยท์คว้ารางวัล สาขามวลชนดีเด่น ประเภทองค์กรดีเด่น ในครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสงสัยถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาต่างๆ ของฝ่ายผู้จัดงาน ว่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำรอย “เก่ง เมธัส” โดนเมื่อ 2 ปีที่แล้วอีกหรือไม่?!

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้าและรายละเอียดของเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวจะนำมารายงานต่อไป

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“เสี่ยตา” โยนบาป TGT แพร่ภาพ “ปอนด์” แค่ครั้งเดียว แต่สื่ออื่นเอาไปออกเป็นร้อยๆ ครั้ง ก็ผิดเหมือนกัน

“เสี่ยตา” โยนบาป โวย TGT ออกอากาศภาพ “ปอนด์” เปลือยอกแค่ครั้งเดียว แต่สื่ออื่นเอาไปออกเป็นร้อยๆ ครั้ง ย้อนคนอื่นเผยแพร่ได้ แต่รายการห้ามออกอากาศอย่างนั้นหรือ? สับก็ผิดเหมือนกัน บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุทั้งหมด ยันไม่จำเป็นต้องจัดฉาก เพราะเรตติ้งสูงอยู่แล้ว ส่วนข่าวปีหน้ารายการโดนยุบ ให้ไปถาม “ยูนิลีเวอร์” เจ้าของลิขสิทธิ์


แม้จะผ่านมาพักใหญ่ แต่กรณีอื้อฉาวของ “น้องปอนด์” หนึ่งในผู้แข่งขันรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” ออกมาเผยว่า ถูกนายหน้าชื่อ “บอย” จ้างให้ไปเปลือยอกในรายการด้วยเงิน 1 หมื่นบาท จนโดนด่าจมไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะทางด้านของ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” บอสเวิร์คพอยท์ ในฐานะผู้ผลิต ส่วนช่อง3 ก็อ่วมเช่นเดียวกัน โดนกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สั่งปรับไปครึ่งล้าน ฐานแพร่ภาพ

แม้ว่า ปอนด์ จะยืนยันว่า คนที่จ้างไม่ใช่ทีมงานของรายการ แต่รายการก็ยังโดนโจมตีอยู่ดี เนื่องจากทุกคนมองว่า ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม รู้อยู่แล้วว่าไม่เหมาะสม แต่ก็ยังปล่อยให้มีการออกอากาศ งานนี้ก็ทำเอาเสี่ยตาออกโรงโวยเลยทีเดียว

“หลายคนก็พูดกันว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันเกิดขึ้นจากการเผยแพร่ออกไป รู้ทั้งรู้อยู่แล้วก็ยังเผยแพร่ออกไป ทำไมไม่เซ็นเซอร์ ความผิด ก็คือ การเผยแพร่ภาพ มีภาพนี้ออกไป แต่เราเซ็นเซอร์ภาพแล้ว ซึ่งทุกคนก็ไม่เห็น เห็นแต่ด้านหลัง ไม่มีใครเห็นอะไรเลย แล้วก็จินตนาการว่ามันไม่ดี เพราะด้านหน้าเราก็เซ็นเซอร์ไว้แล้วไง แต่เพราะว่ามันไม่เห็น นั่นคือสิ่งที่เราดีที่สุด แต่เราก็พลาดไป ฉะนั้นสิ่งที่พลาดไป คือเราปล่อยให้ภาพนี้ออกอากาศ แต่เราออกไปเพียงครั้งเดียวนะ”

“จากวันนั้น วันรุ่งขึ้นเราก็ขอโทษ ก็เตือนเรา เราก็ขอโทษ เพราะเราคิดว่าการแสดงของแต่ละคน เขาก็มีความมั่นใจของเขา มีคุณค่าในส่วนของเขา เขาก็คิดว่าการแสดงของเขาดี เราก็ให้โอกาส ส่วนการตัดสิน เราก็อยู่ที่กรรมการ แต่เราก็เอาออกไปแค่ครั้งเดียว แต่ภาพนี้ที่อื่นๆ ออกไปเป็นร้อยครั้งแล้วนะ คนอื่นๆ เอาภาพนี้ไปออกเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วนะ ถามว่าผิดรึเปล่า มันอยู่ที่ว่าคนเผยแพร่ หรือว่าไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ห้ามออก แต่คนอื่นออกได้ คนอื่นออกเป็นร้อยครั้งแล้ว เอาไปพูดนั่นพูดนี่ มันก็ถือว่าผิดการเผยแพร่เหมือนกัน ฉะนั้น อย่าไปไอ้นั่นเลย”

“ส่วนการจ้างรึเปล่านั้น ล่าสุด เราก็ไปเจอน้องเบนซ์ (พรชิตา ณ สงขลา) น้องโจ (โจ นูโว) น้องโย (ภิญโญ รู้ธรรม) เฮ้ยไปช่วยพี่หน่อยสิ ว่า พี่เตี๊ยมกับน้องรึเปล่า ต้องไปสัมภาษณ์คนพวกนี้ด้วย อย่ามาสัมภาษณ์เราคนเดียว แล้วมาตั้งคำตอบแบบนี้มันไม่ดี เกียรติยศชื่อเสียงวันนี้ เรามีอยู่แล้ว ใครจะไปจ้างเขามาได้ หลายคนบอกว่าทำไมมีภาพกล้องไปนั่นไปนี่”

“ก่อนนั้นที่ โจ เขาไม่สนใจบางโชว์ของน้องเพศที่ 3 เขาก็เดินออกไปก่อน แล้วกล้องก็ตามไป กล้องเรามีเต็มไปหมดเลย เราถึงมีรายการที่ดี แล้วรายการนี้ก็เป็นรายการรับจ้างผลิต ไม่ใช่รายการของบริษัทเรา ศิลปินก็เป็นของโซนี่ การตรวจสอบโหวต ก็เป็นของช่อง 3 เราแค่ทำเท่านั้นเอง เราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ฉะนั้น การรับจ้างนั้นไม่มี น้องเขามาออกรายการเราปฎิเสธไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นรายการที่ต้องพูดแต่ความจริง ถ้าเกิดว่าเขามีอะไรต่างๆ เขาต้องเอ่ยชื่อบริษัทแล้ว แต่นี่เขาไม่มี”

“แล้วน้องก็พูดมาหมดแล้วว่าเขาเซ็นใบสมัคร พูดถึงชื่อพี่คนที่พามา พี่เขาก็มาบอกว่า รอบ 2 จะได้ 10 ล้าน แล้วถ้าเราไปเตี๊ยม ต้องให้เขาเข้ารอบไปเลย ทำไมต้องให้กรรมการมาทะเลาะกันด้วย มันตอบโจทย์กันหมดอยู่แล้ว คนก็อาจจะต้องการคำตอบหรือได้คำตอบว่า ไปทำนั่นทำนี่ก็เลยไม่ค่อยอยากจะฟังผมเขาอธิบายเท่าไหร่ คนอธิบายก็ช่วยผมหน่อยแล้วกัน แต่จะไปบอกให้เขาเลิกเผยแพร่ ก็คงไม่ใช่ มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เราก็ไม่เอาแล้ว แต่ก็คงไม่มีใครเผยแพร่แล้วแหละ ยุติไปดีกว่า อย่าไปโทษอะไรเลย ถือเป็นอุบัติเหตุทั้งหมด เอาตรงนี้เป็นข้อที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น”

“ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้คำแนะนำ คงไม่โทษอะไร เราน้อมรับทุกคำด้วยความยินดี เพราะเรายังมีโชว์ดีๆ ให้ประโยชน์อีกเยอะมาก แต่อะไรที่ต้องเซ็นเซอร์ หรือมีความรุนแรงต่อจากนี้จะหายหมดเลย พวกนี้จะไม่มีโอกาสแล้ว เมื่อก่อนเราใจดีเราจะอนุโลม แต่ต่อจากนี้ไปไม่ได้แล้วแหละ เราคงไม่ให้ ปีหน้าเราก็จะเน้นในเรื่องของวัฒนธรรมเยอะๆ ก็อยากให้ทุกคนเชียร์ด้วย ถ้าไม่ดูกัน เราก็จะเสียโอกาส แล้วไม่ต้องห่วง เรื่องที่ว่าจะมาเรียกเรตติ้งอะไร เราเรตติ้งสูงมาก ไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว แค่นี้ไม่จำเป็นอะไรทั้งสิ้น”

“ถามว่า วันนี้อยากจะบอกอะไรกับสังคม ก็น้องเขาพูดไปหมดแล้ว เราก็ไม่อยากพูดอีก เดี๋ยวน้องเขาจะเสียหาย มันจบหมดแล้ว อยากจะให้ยุติ เพราะน้องเขาก็บอกแล้วว่าเมื่อผ่านรอบ 2 จะได้ 10 ล้าน ก็พลาดไป แต่เราไปกระหน่ำซะมากมาย สุดท้ายแล้วเราออกทีเดียว แต่คนอื่นออกเต็มไปหมดอะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ จะได้ช่วยกันดูในเรื่องของแบบนี้ในหน่วยงานอื่นๆ ด้วยก็จะยิ่งดี เอาจุดนี้เป็นจุดที่ช่วยจุดประกาย สังคมก็จะได้ช่วยกัน ไม่ใช่จุดใดจุดหนึ่ง แล้วเวิร์คพอยท์เรายินดีช่วยทุกคน ไม่ได้คิดอะไรใดๆ เป็นภาพที่เรายินดีรับฟังทุกเรื่อง”

ล่าสุด มีข่าวเล็ดลอดออกมา ว่า ปีหน้ารายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์จะโดนยุบ ปิดฉากลงแค่ซีซั่น2 กับเรื่องดังกล่าวได้สอบถามไปยัง “เสี่ยตา” เจ้าตัวก็แจงว่าให้ไปถามบริษัท “ยูนิลีเวอร์” เจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะตนแค่รับจ้างผลิต

“ไม่มีมั้ง รายการนี้เป็นรายการรับจ้าง ก็แล้วแต่เขา ว่าเขาจะจ้างหรือไม่จ้างต่อ รายการนี้ก็เป็นรายการที่ดี ที่คนไทยได้มีโอกาส ทำให้คนตื่นเต้นไง พอเกิดเหตุคนก็อินกัน รับไม่ได้ แต่คนก็ชื่นชม แล้วเราจะเห็นศิลปวัฒนธรรมไทยเราเยอะแยะมากมาย ผมว่าเวทีแบบนี้คนไทยควรจะสนับสนุน”

“การปิดไม่น่าจะเกิดขึ้น ยกเว้นเขาอาจจะขายไปอะไรแบบนี้มั้ง ไม่น่าจะมี น่าจะพูดกันไปเอง อันนี้ต้องไปถามยูนิลีเวอร์ แต่ถ้าปิดจริงๆ จะเสียดายกันมั้ยล่ะ เสียดายแทนคนที่จะไม่มีโอกาสมากกว่า เราอยากให้มองในแง่ดี ในแง่ของความตั้งใจ เราทำแต่สิ่งที่ดีมาตลอด”

“เราไม่ใช่เพิ่งเจอกันแล้วเป็นคนแปลกหน้า แล้วมาพูดนั่นพูดนี่ เราก็ปฏิบัติดีๆ เหมือนที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเวิร์คพอยท์ หรือว่าเป็นตัวปัญญาเอง เรามีความปรารถนาดีในการทำรายการ ไม่ว่าจะเป็นรายการคุณพระช่วย ชิงช้าสวรรค์ เราคงคุณสมบัติความเป็นไทยมาโดยตลอด แต่ขั้นตอนที่เราจะก้าวไปสู่อินเตอร์ บางทีมันอาจจะเร็วเกินไป คนก็จะรับไม่ได้ เราก็ต้องฟังสังคมด้วย อันไหนที่ไม่ดีต้องตัด ต้องงด ต้องเซ็นเซอร์ ซึ่งก็ยินดีกับคำแนะนำทุกอย่าง แล้วเราก็รับไปปรับปรุงไม่ให้เกิดขึ้น”

“ก็ถือว่ากรณีดังกล่าวทำให้เราชัดเจนขึ้นในการที่จะทำงาน ทุกคนจะรู้ว่าตัวตนของเวิร์คพอยท์เรามีเจตนาดีต่อวัฒนธรรมไทยอย่างแรงกล้ามาก เป็นบริษัทที่ชัดเจนมากในเรื่องของวัฒนธรรมไทย ล่าสุดก็จะมีรายการพฤหัสฯอัศจรรย์ที่ก็จะสนับสนุนเรื่องของศิลปวัฒนธรรมไทยที่ดี อะไรที่มันพลาดพลั้งไป เราก็รับคำเตือน และระมัดระวังต่อไป”

โต้ได้ลูกคนใหม่ “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” พร้อมดันขึ้นทำหน้าที่พิธีกรแทนตน บอกรักทุกคนเท่ากันหมด

“ลูกรักทุกคนครับ ทุกคนจะมีความเหมาะสมไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรักมากรักน้อย ไม่มีใครลูกรักที่สุด ไม่มีใครที่ไม่ใช่ลูกรักเพราะเรารักทุกคน ผมเองบางจังหวะก็เริ่มไม่ได้แล้ว แล้วความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน เราเองใช้คนไม่เยอะอยู่แล้วในบริษัท แล้วทุกคนก็จะอยู่กันนานมาก เพราะเราอินกันมาก ก็แล้วแต่จังหวะที่ทำได้ทำไม่ได้มากกว่า ลูกกฤษณ์ ลูกจุ๋ย ลูกส้ม ทุกคนน่ารักหมดเลย ก็มีกันอยู่แค่นี้แหละ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

ไฟไหม้บ้านวอดหลายสิบล้าน “เสี่ยตา” เผยโชคดีที่ทุกคนปลอดภัย เชื่อไฟฟ้าลัดวงจร

ไฟไหม้บ้านพักตากอากาศของ “เสี่ยตา” ที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นไม้สักวอดเกือบทั้งหลัง มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้าน เบื้องต้นตำรวจคาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ด้านประชาสัมพันธ์เวิร์คพอยท์ เผย ตอนนี้เสี่ยตาไปจีน แต่ทราบเรื่องแล้ว แจงเจ้าตัวฝากขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วง พร้อมบอกโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยเสี่ยตามีกำหนดกลับไทย 20 เม.ย.นี้

หลังจากเมื่อเวลา 01.30 น.ของวันนี้ (18 เม.ย.) เกิดเหตุไฟไหม้บ้านพักตากอากาศของ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” พิธีกรชื่อดังและประธานผู้บริหารบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นไม้สักเกือบทั้งหลัง โดยเพลิงเกิดขึ้นจากบริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชม.กว่าเพลิงจะสงบลง พบว่า บ้านได้รับเสียหายเกือบทั้งหลัง กว่า 80% มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้าน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

ซึ่ง นายอาคม สมโชค อายุ 39 ปี คนเฝ้าบ้าน เล่าว่า ตนได้นอนพักอยู่ชั้นล่างของบ้าน กับ น.ส.สาลินี พาหา อายุ 38 ปี ภรรยา พร้อมบุตรชายอีก 2 คน คือ นายณัฐพงษ์ อายุ 16 ปี และ ด.ช.อนุวัฒน์ อายุ 3 ขวบ มารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าร้อน เพราะพัดลมที่เปิดทิ้งไว้ดับเอง พร้อมได้ยินเสียงคล้ายระเบิด และเสียงสุนัขเห่า ก่อนเกิดเพลิงไหม้ จึงรีบพากันวิ่งหนีตายออกมานอกบ้าน เมื่อหันไปมองบนบ้านชั้น 2 พบเปลวไฟกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงตะโกนร้องเรียกให้ภรรยาและลูกรีบออกมาอยู่ด้านนอก พร้อมโทรศัพท์แจ้งตำรวจ และโทรศัพท์แจ้งกับเสี่ยตาผู้เป็นนายจ้าง

ทั้งนี้ นายอาคม ได้เผยเพิ่มเติมว่า “ที่ผ่านมา เสี่ยตาไม่ได้มาที่บ้านพักหลังนี้นานหลายเดือนแล้ว มีเพียง 2 เดือนก่อน ที่บุตรสาวของนายปัญญา พร้อมกลุ่มเพื่อน เดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ โดยทรัพย์สินส่วนตัวที่นำออกมาได้ทัน มีเพียงถุงข้าวสาร เตาแก๊ส พัดลม ตู้เย็น เสื้อผ้าบางส่วน ขนมากองไว้บริเวณสนามหญ้าข้างบ้าน ส่วนทรัพย์สินของนายปัญญา ไม่สามารถขนอะไรออกมาได้เลย”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวบันเทิง “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้โทร.สอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)” เพื่อขอสัมภาษณ์เสี่ยตาถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทางประชาสัมพันธ์ เผยว่า ตอนนี้เสี่ยตาเดินทางไปประเทศจีน ยังไม่กลับมา แต่ก็ได้ทราบเรื่องแล้ว และฝากทางประชาสัมพันธ์ บอกว่า ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ก็ยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย โดยสาเหตุเชื่อว่า มาจากไฟฟ้าลัดวงจรตามที่มีการเสนอข่าวออกไป ส่วนค่าเสียหายนั้นยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน อีกทั้งฝ่ายประสัมพันธ์ ยังได้แจ้งว่า ทางเสี่ยตามีกำหนดเดินทางกลับจากประเทศจีน ในวันศุกร์ที่ 20 เม.ย.นี้ หากมีความคืบหน้าอะไรจะแจ้งให้ทราบอีกที

บ้านพักตากอากาศหลังดังกล่าว เป็นบ้าน 2 ชั้น หลังใหญ่ ชั้นล่างเป็นคอนกรีต ชั้นบนรวมถึงหลังคาเป็นไม้สักทั้งหมด รวมทั้งฝาเพดาน และ ปูพื้นด้วยไม้ปาเก้ มีห้องพักหลายห้อง ปลูกอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่ มูลค่าประมาณ 40-50 ล้านบาท มีสนามหญ้ารอบบ้าน ไม่มีรั้ว บริเวณหลังบ้านมีสระว่ายน้ำ ลักษณะเป็นวงกลม ตั้งอยู่ติดทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้านหลังบริเวณบ้านติดภูเขา มีทะเลสาบขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 5 ไร่ พร้อมมีบ้านพักตากอากาศหรูของผู้มีฐานะร่ำรวยอยู่บริเวณใกล้เคียงอีกหลายหลัง และเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาสีทาบ้านยี่ห้อดัง โดยมี นายปัญญา นิรันดร์กุล เจ้าของบ้านเป็นพรีเซ็นเตอร์ มาแล้ว

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนลไน์

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

“กฤษณ์” ฝีมือเข้าตา “เสี่ยตา” ดันเป็นพิธีกรเวิร์คพ้อยท์ 4 รายการ

“กฤษณ์” รูดซิปปากเรื่อง “อั้ม” ขอตอบแต่เรื่องงาน เจ้าตัวปัดถูกวางตัวเป็นตัวตายตัวแทน “เสี่ยตา” รับไม่กล้าเทียบ ยกเป็นพิธีกรในตำนานของเมืองไทย บอกเป็นการให้โอกาสมากกว่า พร้อมเผยตอนนี้เป็นพิธีกรเวิร์คพ้อยท์ 4 รายการ

เล่นกวาดงานพิธีกรเวิร์คพ้อยท์ของบิ๊กบอสคนดังอย่าง “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” เกือบแทบทุกรายการ จนหนุ่ม “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” ถูกจับตามองว่าเจ้าตัวจะมาเป็นพิธีกรคนต่อไปที่ถูกดันเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนเสี่ยตาทุกรายการในอนาคต ล่าสุดเจอหนุ่มกฤษณ์ในงานแถลงข่าวรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2” เจ้าตัวก็ขอแจงว่าไม่คิดว่าตนจะมาแทนที่พิธีกรในตำนานของเมืองไทยอย่างเสี่ยตาได้ เพราะคนละสไตล์ อยากให้มองว่าเป็นการให้โอกาสมากกว่า ส่วนเรื่องหัวใจที่ระยะหลังมีข่าวออกมาอีกว่าแอบควง “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ไปทำบุญและยังย่องดินเนอร์กันอยู่บ่อยๆ นั้น หนุ่มกฤษณ์ใส่เกียร์ชิ่งออกตัวว่าไม่คุยเรื่องส่วนตัว ขอตอบแต่เรื่องงานอย่างเดียว

“เป็นพิธีกรทุกรายการเลยเหรอ ยังครับ ยังไม่ถึงขนาดนั้น ปัจจุบันมี 4 รายการเท่านั้น ที่ผมทำอยู่ก็จะมีรายการแฟนพันธุ์แท้นะครับ คนอวดผี ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ แล้วก็รายการล้วงลับตับแตกโชว์ ผมคิดว่าคงไม่ได้มาแทนพี่ตาหรอกครับ ผมว่าถ้าเป็นการให้โอกาสคงจะใช่ ก็คงจะชัดเจน”

“แต่ว่าถ้าเกิดมาแทนพี่ตา โอ้โห ผมคงไม่คิดไปถึงขนาดนั้นครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันคงไม่มีใครแทนกันได้ แล้วพี่ตาเองก็ถือว่าเป็นเบอร์1 เป็นพิธีกรในตำนานของเมืองไทย ในทางของผมก็จะทำในส่วนของผมมากกว่าภาพของผมมากกว่า ถ้าเกิดใครได้ดูรายการแฟนพันธุ์แท้ ก็จะสังเกตเห็นว่าเป็นเวอร์ชั่นของผม มันคงจะมีรูปแบบที่จะต้องทำ แต่ว่าในลักษณะอื่นๆ ก็คงไม่อยากจะเห็นผมกับพี่ตาเป็นคนละแบบกัน เรียกว่าพี่ตากับพี่จิก (ประภาส) ให้โอกาสมากกว่าครับ คงจะได้เห็นในความสามารถ หรือว่าเห็นในความเหมาะสมที่จะให้ทำรายการต่างๆ ของเวิร์คพ้อยท์”

รับหนักใจและกดดันกับการเป็นพิธีกร รายการแฟนพันธุ์แท้ เพราะเป็นรายการในตำนาน

“ตอนแรกก็เครียดกับแฟนพันธุ์แท้เหมือนกันนะครับ เพราะว่ามันเป็นรายการที่เป็นตำนาน แล้วพี่ตาก็ทำไว้ดีมาก มันดังมากมีมาเป็น 10 ปี แล้ว ผมก็กดดันเหมือนกันทำต่อจากพี่ตาว่าจะดีหรือเปล่า คนจะชอบไหม เรตติ้งจะมาไหม แต่ว่าพอถึงตอนนี้ก็หายห่วงละครับ ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว”

“ส่วนกระแสตอบรับ อันดับแรกที่เราจับต้องได้ก็คือเรตติ้ง เรตติ้งก็ดีมากครับ สูงมาก สำหรับเวลานั้นถ้าเทียบกับรายการอื่นนะครับ พอแฟนพันธุ์แท้ในการยืนของผม เรตติ้งก็ขึ้นมา เราก็รู้สึกดี เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่แล้วมีคนติดตามชมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่ค่อยห่วงแล้ว”

“กระแสจากพี่ตาดีครับ ตอนแรกพี่ตาเขามาดูเองเลยครับ เราก็เกร็งๆ พี่ตากับพี่จิกก็จะมาดูในเทปแรก ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ยืนทำพิธีกรไปมองมาเห็นพี่ตาอยู่ ช่วงหลังๆ พอผ่านก็ดูการตัดเทป พี่ตาพี่จิกก็จะยืนคุมเทป ก็จะดูตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง ทำเป็นยังไงจังหวะเป็นยังไง แต่พอหลังๆ พี่ตาก็บอกว่าผ่านแล้วนะ เราโอเคแล้วผ่านเร็วกว่าที่พี่คิดด้วย พี่ตาก็ให้กำลังใจ”

“พี่ตาจะการสอนเรื่องเทคนิคนะครับ ซึ่งเป็นเทคนิคที่บางทีมันเป็นเทคนิคที่พี่ตาศึกษาและอยู่กับมันมาเป็นสิบปี เพราะฉะนั้นพี่ตาก็จะเห็นว่าจังหวะตรงนี้ควรจะเพิ่มอะไรลดอะไร หรือว่ากฤษณ์ควรจะทำอะไร พี่ตาก็จะมาบอกตลอด”

เรียกว่าหันมาเอาดีทางด้านพิธีกรอย่างเต็มตัวเลย

“ก็คงเป็นอย่างเดียวที่ทำแล้วในตอนนี้ อย่างอื่นผมว่าไม่น่าจะมีเวลาแล้ว เฉพาะแค่ 4 รายการก็เต็มที่แล้วครับ กับงานบริษัทของผมเองก็ยังรันอยู่ครับ เพราะงานบริษัทก็มีคนที่เขาดูแลอยู่แล้วผมจะดูแลภาพรวมเฉยๆ นะครับ แต่ก็ยังทำอยู่ปกติ ส่วนงานอีเว้นท์ ถ้าเกิดไม่ติดอะไร แล้วผมว่างผมก็จะไปนะครับ แต่ว่าหลักๆ คิวพิธีกร 7 วันก็แทบจะแน่นหมดแล้ว”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผุ้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555

“เสี่ยตา” ทุ่ม 100 ล. เปิดเวิร์คพ้อยท์ทีวี ปิดปาก “มยุรา” เด้งชิงร้อยฯ อ้างกลัวเรื่องไม่จบ

“เสี่ยตา” ทุ่ม 100 ล้าน เปิดเวิร์คพ้อยท์ทีวี เผยนอกจากรายการแล้วตนยังซื้อลิขสิทธิ์หนังและการ์ตูนมาลง มั่นใจคนดูต้องชอบ เจ้าตัวฟุ้งอนาคตจะทำละครเองด้วย ส่วนรายการก็ยังทำป้อนช่องฟรีทีวีเหมือนเดิม ก่อนบ่ายเบี่ยงตอบประเด็นผู้ใหญ่วิก 3 สั่งเปลี่ยนพิธีกรชิงร้อยฯ “ตั๊ก มยุรา” อ้างกลัวเรื่องไม่จบ

หลังจากมีกระแสข่าวลือว่า ผู้ใหญ่วิก 3 มีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงตัวพิธีกรรายการชิงร้อยชิงล้าน นั่นก็คือ “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” เพื่อจะดันนักแสดงในช่องมาเสียบแทน รวมถึงพิธีกรรุ่นเก๋ายังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้เป็นประเด็นที่หลายคนสนใจอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดได้เจอ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” อีกครั้งในงานเปิดตัว “เวิร์คพ้อทย์ ทีวี วาไรตี้เต็มจอ” ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เลี่ยงที่จะตอบเรื่องดังกล่าวมาแล้ว มาคราวนี้ผู้สื่อข่าวจึงถือโอกาสสอบถามถึงทั้งเรื่องธุรกิจตัวใหม่ และประเด็น ตั๊ก มยุรา ซึ่งเสี่ยตาก็ยินดีให้สัมภาษณ์เรื่องธุรกิจยกเว้นประเด็นหลัง

“บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าแซทเทลไลท์ทีวีคือเคเบิ้ลทีวี เคเบิ้ลมันเป็นสายลากไป แต่ของเราเป็นดาวเทียมเคเบิ้ล ในอนาคตทีวีต่อไปจะรับผ่านดาวเทียมแล้ว เวิร์คพ้อทย์ทีวีก็จะเป็นฟรีเคเบิ้ลไปเลย คือเรามีโอกาสได้ทำแล้วก็ขยับขยายไป เวิร์คพ้อทย์เองก็อยากจะขยับขยาย คิดทำอะไรต่อยอดไปตลอดเวลา องค์กรเราขยายงานมาแล้วสำเร็จแล้วไปได้ดี เลยเติบโตเยอะแยะ ปีที่แล้วเรามียอด 1,800 ล้านบาท เลามองภาพเราตอนนี้เป็นองค์กรใหญ่ เรามี 15 รายการ 1 วีค เราก็ทำ 15 รายการ 2 วีค เราก็ 30 มันเยอะแยะมาก องค์กรเราก็เลยเป็นองค์กรใหญ่และมันก็ไม่พอเพราะคนเยอะขึ้น รายการเยอะขึ้น”

“เราอาจจะติดเรื่องจังหวะเวลาทางช่องใหญ่ๆ บ้าง รายการดีๆ เราก็หลุดสต็อกเก็บไว้มากมาย เรามืออาชีพแล้วก็มีโอกาส ก็เลยอยากจะทำตรงนี้ เราก็ได้โอกาส 2 ทาง เราได้ช่องดีด้วย เลขตัวเดียวในช่องเคเบิ้ล เราอยู่หมายเลข 7ยังไงคนดูก็ต้องเปิดโดนเราอยู่แล้ว เรามีรายการดีๆ ที่ทำสต็อกไว้ แต่ไม่มีช่องลงเยอะแยะ แล้วเราก็ไปซื้อลิขสิทธิ์มาอีก ทั้งการ์ตูน หนัง แล้วก็มีพาตเนอร์มาอีก ที่อยากมาร่วมงานกับเรา เพราะฉะนั้นช่องเราก็จะเหมือนทีวีช่องใหญ่เลย เราจะมีวาไรตี้เต็มจอเลย ก็จะมีละครด้วย แต่ตอนนี้เราทำแบบที่เราถนัดก่อน ซึ่งเราเองก็ยังทำรายการส่งให้ช่องอื่นๆ ด้วย เราก็ลงทุนไปประมาณ 100 ล้านบาท”

เปิดใจเรื่องธุรกิจร้อยล้านแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงแย็บมาถามถึงประเด็นที่หลายคนยังให้ความสนใจ กรณีมีข่าวจะเปลี่ยนตัวพิธีกรคู่หู “ตั๊ก มยุรา” ออกจากรายการชิงร้อยชิงล้าน หลังมีกระแสผู้ใหญ่วิก3 สั่ง รวมถึงพิธีกรรุ่นเก๋ายังมีปัญหาเรื่องสุขภาพนั้น แต่ทันทีที่ได้ยินคำถาม “เสี่ยตา” ก็ออกอาการบ่ายเบี่ยงตอบไม่เคลียร์เหมือนทุกครั้ง

“ส่วนเรื่องรายการชิงร้อยชิงล้าน ที่จะมีการเปลี่ยนพิธีกรนั้น คือแบบนี้มันไม่มีอะไรคลุมเครือเลย เราอย่าไปต่อประโยคที่ไม่ได้สัมภาษณ์พูดไปพูดมามันจะต่อไปเยอะ อะไรเป็นผลดีหรือผลเสีย หรือไปกระทบต่อคนอื่นที่ทำให้เสียหายมันจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น จบ ไม่มี”

“ข่าวมันมาจากไหนก็ไม่รู้ มันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น หรืออะไรที่มันจะต้องเปลี่ยนแล้วมันดีขึ้น หรือส่งผลดีให้บริษัทก็เปลี่ยนไป เราอย่าไปตกใจ เรื่องของเรามีมากมายอย่าไปเพ่งเล็ง ถามเรื่องอื่นเถอะ (ได้คุยกับตั๊ก มยุราไหม?) อย่าไปต่อความยาว ผมไม่อยากตอบ เดี๋ยวผมตอบไปก็ไปถามเขาอีก ไปถามคุณประวิทย์ ถามต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบ มันไม่มีอะไร เดี๋ยวเขาจะเสียหาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

“เสี่ยตา” ไม่ตอบ “ตั๊ก มยุรา” เตรียมถอนตัวพิธีกร ชิ่งเคลียร์กรณี “ผอ.-นักเรียน” ร.ร.บัวใหญ่ ร้อง “ชิงช้าสวรรค์” ตัดสินไม่โปร่งใส

“เวิร์คพ้อยท์” คว้ารางวัลผลประหยัดพลังงานและสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์พลังงานสู่มวลชน ในงาน BEAT Awards จัดโดยกระทรวงพลังงาน ด้าน “เสี่ยตา” ปัดตอบ “ตั๊ก มยุรา” เตรียมถอนตัวพิธีกร “ชิงร้อยฯ” หลังมีปัญหาสุขภาพ อีกทั้งช่อง 3 อยากได้นักแสดงในสังกัดไปเป็นพิธีกรเสียบแทน รวมไปถึงกรณี “ผอ.-นักเรียน” ร.ร.บัวใหญ่ ออกมาร้องเรียน “ชิงช้าสวรรค์” ตัดสินไม่โปร่งใส เจ้าตัววอนให้จบอย่าไปต่อเรื่องให้มันยืดยาว


ตั้งแต่เริ่มต้นปีมาก็ตกเป็นประเด็นให้ได้พูดถึงไม่ได้หยุด สำหรับเวิร์คพ้อยท์ ที่ก่อนหน้านี้ก็กรณีถูกช่อง7 เขี่ยรายการออกยกแผงจนต้องหาช่องใหม่เสียบ ล่าสุดก็มีข่าวว่า พิธีกรคู่บุญ “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” เตรียมถอนตัวจากการเป็นพิธีกรรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” เพราะปัญหาสุขภาพอีกทั้งทางช่อง 3 ก็อยากได้นักแสดงในสังกัดไปเป็นพิธีกรเสียบแทน แล้วไหนจะกรณีที่ ผู้อำนวยการ และ นักเรียน โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่ร่วมส่งวงดนตรีเข้าประกวดในรายการ “ชิงช้าสวรรค์” ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อว่ารายการตัดสินไม่เป็นธรรม และหนึ่งในคณะกรรมการมีพฤติกรรมน่าสงสัย จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้างอยู่ในขณะนี้

ล่าสุดเวิร์คพ้อยท์ ได้รางวัลผลประหยัดพลังงานและสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์พลังงานสู่มวลชน ในงาน BEAT Awards Building Energy Awards of Thailand 2012 ซึ่งจัดโดยกระทรวงพลังงาน งานนี้บิ๊กบอสอย่าง “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” จึงเดินทางมารับรางวัลด้วยตนเอง ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์ ซอย1 สบโอกาสเจอตัวบิ๊กบอสคนดังทั้งทีผู้สื่อข่าวจึงเปิดประเด็นถึงข่าวดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวยอมตอบแต่เรื่องได้รับรางวัล แต่ชิ่งไม่ยอมให้สัมภาษณ์ประเด็นอื่น

“เรื่องราวของการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องของการปลูกจิตสำนึกของสิ่งที่ดี นี่ถือเป็นสิ่งที่เราสามารถทำมันได้เป็นรูปธรรม ถือเป็นการเริ่มต้นในการดูแล ตระหนักหรือคำนึงถึงในเรื่องราวของพลังงานที่บางคนอาจคิดว่าในโลกนี้อาจจะมีเหลือเฟือ เพียงแค่เรื่องราวเหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องปลายเหตุอยู่”

“เวิร์คพอยท์เองเรามีหน้าที่ในฐานะเป็นองค์กรสตูดิโอที่ทำงานในเรื่องของการรณรงค์ประหยัดพลังงานไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารเอง ผู้บริหาร พนักงาน ผู้คนต่างๆ ก็จะได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ รางวัลของเราก็อาจจะเป็นในรูปของผลของการอนุรักษ์พลังงาน ปลูกจิตสำนึก ฉะนั้นตัวอาคารของเราจะใช้แรงลม ออกมาหมุนตัวกังหันลม โซล่าเซลล์ เอามาเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าเอามาใช้บริเวณที่จอดรถ”

“แล้วก็เรื่องราวของการเป่าอากาศ เมื่อก่อนนั้นเราใช้กันเต็มที่ เวลาจะเปิดแอร์ที่ในสตูดิโอ 5 ห้องใหญ่ก็ต้องเปิดรอไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้จะใช้เท่าไหร่เราต้องมีระบบควบคุมวีเอสดี ว่าจะใช้พลังงานเท่าไหร่ก็จะใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น ทำให้ประหยัดพลังงาน มันได้ทั้งตัวเราเอง อนาคต เราก็คงจะทำแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ แรกๆ เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พอทำไปเรื่อยๆ ผลที่เราได้มันก็ชัดเจนมาก เราก็จะกลายเป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกจิตสำนักให้ทุกๆ คนได้รับผิดชอบต่อๆ ไป”

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เปิดประเด็นสอบถามถึงข่าวที่ว่า พิธีกรคู่บุญ “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” เตรียมถอนตัวจากการเป็นพิธีกรรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” เพราะปัญหาสุขภาพอีกทั้งทางช่อง 3 ก็อยากได้นักแสดงในสังกัดไปเป็นพิธีกรเสียบแทน ซึ่งทันทีที่ได้ยินคำถามเจ้าตัวก็เดินชิ่งออกจากวงสัมภาษณ์ทันที พร้อมกล่าวว่า “อย่าไปต่อเรื่องให้มันยาวได้มั้ย จบเลย ไม่มีอะไร”

งานนี้นอกจากจะไม่ได้คำตอบในประเด็นดังกล่าวแล้ว ประเด็นที่ผู้สื่อข่าวเตรียมมาถามเสี่ยตาเรื่องที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ กรณีที่ ผู้อำนวยการ และ นักเรียน โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่ร่วมส่งวงดนตรีเข้าประกวดในรายการ “ชิงช้าสวรรค์” ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อว่ารายการตัดสินไม่เป็นธรรม และหนึ่งในคณะกรรมการมีพฤติกรรมน่าสงสัย จนเป็นที่พูดถึงในสังคมอยู่ในขณะนี้ ก็ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์