แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตุ๊ก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตุ๊ก แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

“บ๊วย” หวานยังรัก “ตุ๊ก” เสมอไม่เปลี่ยน คืนดีกันเป็นเรื่องอนาคต แต่ฝ่ายหญิงให้ได้แค่เพื่อน

“บ๊วย - ตุ๊ก” อดีตสามีภรรยาควงคู่กันรับงานคู่ ด้านฝ่ายชายบอกยังรักตุ๊กเสมอไม่เปลี่ยนแปลง ตุ๊กคือผู้หญิงที่ดีเข้มแข็งให้กำลังใจตนกลับมายืนได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วตุ๊กต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องการกำลังใจ บอกการคืนดีเป็นเรื่องของอนาคต แต่ด้านตุ๊กกลับบอกเรื่องทุกอย่างจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นเพื่อนกันและเป็นผู้ร่วมงาน



อดีตคู่สามีภรรยากันรักอย่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชระคุณ” กับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ที่ร้างลากันไปได้พักใหญ่ ล่าสุดโดดมารีบงานคู่กันในงานเปิดตัวหนังสือ “ตุ๊บปองร้อยเรียงเรื่องแม่ของลูก” ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ อาคารจามจุรีแสคว ได้นำลูกทั้งสองมาร่วมงานด้วย หรือว่างานนี้จะมีลมพัดหวนซะแล้ว

ตุ๊ก: “ก็พี่เจ้าของหนังสือพี่ตุ๊บปอง จริงๆ แล้วเป็นพี่ชายของเราแล้วก็เป็นลุงของลูกๆ จริงๆ ตั้งแต่นิทานเรื่องแรกจนถึงนิทานทุกเรื่องที่ลูกอ่าน แล้วก็รวมถึงการดูแลครอบครัวของเรา ก็เหมือนญาติสนิทจริงๆ ถ้าพี่ตุ๊บปองเพียงร้องขอเราก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ พี่เขาก็อยากให้เรามีส่วนรวมค่ะ เราก็เลยโอเค ถือว่าเป็นเกียรติกับเราด้วยค่ะ”

บ๊วย: “เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปครับอดีตก็คืออดีต นี่คือปัจจุบัน ปัจจุบันเราทำงานด้วยกันได้ แล้วเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ แล้วต่อไปเราก็จะมีงานรายการทีวีด้วยกันด้วย ก็ต้องติดตามครับว่าเป็นรายการอะไร เป็นรายการทีวีเป็นพิธีกรคู่กันครับ”

ตุ๊ก: “ก็จริงๆ แล้วก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานเหมือนท่านอื่นๆ รายการก็เป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพค่ะ โปรดิวเซอร์เห็นว่าพิธีกรท่านใดที่น่าจะพอนำเสนอเรื่องราวได้”

บอกไม่มีใครเป็นคนตัดสินใจกับการรับงานคู่กัน เพราะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วทำงานด้วยกันได้
บ๊วย: “เอางี้สภาพเป็นแบบนี้ก็คือเป็นแบบนี้ครับ มันไม่มีคำจำกัดความว่าเป็นแบบนี้นะครับ คือถ้าเกิดว่าเห็นว่าดีก็ดี เห็นว่าเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละครับ เพราะฉะนั้นถ้าอธิบายมาก็จะเข้าไปในมุมมองของแต่ละคนว่าเป็นแบบนี้เป็นแบบนั้น เพราะว่าเราเป็นแบบนี้แหละครับ เป็นแบบนี้เป็นอย่างที่เห็นชัดเจนครับ ทำงานด้วยกันได้ครับ เลี้ยงลูกด้วยกันได้ ทำไมจะทำงานด้วยกันไม่ได้ครับ”

เป็นแบบนี้แบบไหนไม่รู้ แต่ผู้สื่อข่าวก็ถามตรงประเด็นว่า เป็นสัญญาณว่าจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ ?
บ๊วย: “ตอบยากมากเลยปัจจุบันเป็นแบบนี้แล้วกันเนอะ เคลียร์เลยว่าปัจจุบันเป็นแบบนี้ครับ (ตุ๊กขยับไปไกลบ๊วย) ไม่ต้องรังเกลียดขนาดนั้นครับ(หัวเราะ) ผมไม่อยากจะบอกว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเราเป็นพ่อและแม่ของลูกดีที่สุดครับ”

ตุ๊ก: “ก็เรื่องทุกอย่างมันจบลงไปแล้วนะคะ ตอนนี้เราก็อยู่กันในฐานะของถ้าเกิดเป็นเรื่องของงานก็คือเพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเป็นในฐานะของครอบครัวก็คือเป็นพ่อและแม่ (บ๊วยแทรก: “โหดูห่างเหินอ่ะ เพื่อนร่วมงาน”) ประเด็นเรื่องของลูกน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญและใหญ่ที่สุด อะไรที่เป็นเรื่องของลูกก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดมากกว่าเรื่องของความสัมพันธ์และเรื่องของการที่เราจะมาห่วงตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องของลูกจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

บ๊วย: “ถ้าบอกว่าเป็นภาพครอบครัวที่น่ารักก็ครับ ถ้าใครเห็นว่าดีก็ดีครับ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเห็นว่ายอดเยี่ยมมันก็ยอดเยี่ยมครับ ถ้าเห็นเราออกงานคู่กันอีกก็เป็นเรื่องปกติเลยครับ”
ตุ๊ก: “คือถ้าถามว่านอกจากเรื่องลูกมีคุยเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า ก็เหมือนเพื่อนทุกคนเลยค่ะ ถ้าเรามีเรื่องไหนที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเพื่อนคนนี้สามารถซัพพอร์ทเราได้เราก็สามารถคุยกันได้ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เราคิดว่าเขาไม่ค่อยถนัดเราก็จะไม่ได้คุยกัน”

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ต่างคนต่างมีแฟนใหม่กันแล้ว ได้ปรึกษากันหรือไม่ เล่นเอาทั้งคู่รีบโยนให้อีกฝ่ายตอบ
ตุ๊ก: “พี่บ๊วยไม่เห็นมาปรึกษาเลย(หัวเราะ)”
บ๊วย: “โห....โยนๆ โยนอ่ะ ไม่รู้เรื่องเลย มีคนบอกว่าตุ๊กมีคนอื่นจริงไหมครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ พอถามบอกไม่รู้เรื่องงงๆ เอาจริงๆ คืออย่างนี้นะ อะไรที่ตุ๊กมีความสุขทำไปเลยผมซัพพอร์ท คือถ้าไม่นับความเป็นพ่อเป็นแม่ ตุ๊กเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม”

“ผมบอกแล้วว่าผมจะร้องเพลงรักเมียที่สุดในโลกไม่ได้ ไม่กล้าพูดเลย ตุ๊กเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นคนที่ผมให้ความรักเสมอเพราะว่าเขาเป็นคนที่ให้ของมีค่าสำหรับผมมากๆ คือลูกสองคน ความรักของผมที่มีต่อตุ๊กมันก็จะเป็นแบบนั้นครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วสถานะจะเป็นยังไงก็เป็นแบบนี้ครับ อย่าไปจำกัดความว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้เลย คือตอนนี้เราทำแล้วเรามีพลังเลี้ยงลูกกันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเราครับ ถ้าเกิดจะมีถามโน่นนี่เอาเป็นว่าปัจจุบันแป็นแบบนี้ก่อน”

“ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของอนาคต แล้วถ้าเกิดจะมีอะไรยังไงผมซัพพอร์ทเสมอ ไม่ว่าข่าวจะเป็นยังไง ตุ๊กจะมีผู้ชายหรือไม่มี แต่คงไม่น่ามีเพราะถ้ามีก็คงปรึกษาผมแล้ว (ตุ๊กแทรก: ทำไมตุ๊กไม่น่ามีเลยเหรอ) ไม่ใช่คือหมายถึงว่าผมซัพพอร์ทแหละ เพราะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อะไรก็ได้ครับในโลกนี้อะไรก็ได้เลย เพราะว่าเรามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการเลี้ยงลูกให้ได้ดี ให้ความรักกับลูกอันนี้มันสำคัญมากกว่าชีวิตเราสองคนอีก อยากให้มองตรงนั้นมากกว่าครับ”

ตุ๊ก: “สำหรับตุ๊กชอบใช้ชีวิตตามความรู้สึก คือถ้าเกิดตุ๊กคิดว่าเขาน่าจะให้คำปรึกษาได้ดีก็อาจจะแชร์ แต่ว่าที่ผ่านมามันยังไม่มีความรู้สึกเรื่องนั้นมันก็เลยคุยกันเรื่องลูกก็หมดเวลาแล้ว แล้วเราเจอกันน้อยด้วย เพราะว่าเหมือนเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ เราก็จะปรึกษาเวียนเพื่อนไปเรื่อยๆ แล้วคิดว่าเรื่องนี้เรานึกถึงใคร (บ๊วยแทรก สายตาอ่ะ สายตา) เราก็จะปรึกษาคนนั้นคะ ก็ปล่อยไปตามความรู้สึก”

บ๊วย: “ผมบอกเลยครับยืนยันว่าผมมีความรู้สึกให้ตุ๊กแบบนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยพูดตรงนี้ แล้วผมก็ชื่นชมตุ๊กว่ายอดเยี่ยมที่ผมเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อตุ๊กเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก เป็นคนหนึ่งที่ซัพพอร์ทผม เป็นคนที่ให้กำลังใจผมด้วยซ้ำในขณะที่ตุ๊กต้องเป็นคนที่ถูกให้กำลังใจมากกว่า กลับให้กำลังใจผม และทำให้ผมสามารถผ่านเรื่องราวในอดีตไปได้ จนผมกลับมายืนได้ในปัจจุบัน แล้วก็ลืมอดีต”

“อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบันสองเราเป็นแบบนี้มันก็น่าจะเป็นภาพชัดเจนที่สุด และถ้าอะไรที่ตุ๊กมีความสุขพี่ก็จะคอยซัพพอร์ท แล้วอะไรที่ทำให้เราสองคนมีความสุขทำเลยครับ เพราะความสุขของเราสองคนจะเป็นความสุขที่นำไปหยอดกระปุกออมสินให้กับลูกเราทั้งสองคน คนแค่นั้นเองครับ แล้วลูกเราทั้งสองก็จะเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” คิดได้ขอโทษ “ตุ๊ก” พี่เลวมากจริงๆ ด่าซ้ำขยะแขยงตัวเอง

“บ๊วย” ขอโทษ “ตุ๊ก” รับผิดพี่เลวจริงๆ ลั่นกว่าจะยอมรับว่าตัวเองน่าขยะแขยงต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก บอกต่อไปจะเลิกโทษคนอื่น ขอบคุณตุ๊กที่กรุณา ซึ้งอีกฝ่ายไม่เคยพูดให้ลูกเกลียดพ่อ แจงตอนนี้ยังอยู่บ้านเดียวกันแต่นอนคนละห้อง เรื่องคืนดีเป็นเรื่องอนาคต ปัดสำนึกผิดเพราะ “โม” หันไปคั่ว “แพท” ไม่รู้โมแขวะดราม่า
       

       หลังจากหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ตัดสินใจหย่ากับอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือมีสาว“โม นภัสนันท์ พสวงศ์” เป็นมือที่สาม แม้ว่าสุดท้ายเจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธข่าวมือที่สาม ส่วนทางด้านของสาวโมก็หันไปควงไฮโซ “แพท ประกาศิต” ออกหน้าออกตา
       
       ทว่าล่าสุด อยู่ๆ หนุ่มบ๊วยก็ลุกขึ้นมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า “วันนี้ผมได้รู้แล้วว่า ผมเลวแค่ไหน รับไม่ได้ ขยะแขยง ขอโทษกับคนที่ ผมเป็นด้วยครับ” ทำให้ถูกตีความไปว่า เจ้าตัวต้องการสื่อถึงใคร หรือเป็นเพราะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้หรือเปล่า เจอตัวบ๊วยในงานแถลงข่าว “โครงการปั่นให้ไกล เพื่อปัญญาไทย สู่เมืองหนังสือโลก” ที่ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น1 หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามเกี่ยวกับข้อความที่โพสต์ บ๊วยก็ยอมรับว่าด่าตัวเอง หลังจากได้ไปเข้าคอร์สเรียนหลักการใช้ชีวิตจนค้นพบว่าตัวเองเลว
       
       “ผมโพสต์เพราะผมรู้สึกจริงๆ มันไม่แปลกอะไร ถ้าผมจะรู้แล้วว่าที่ผ่านมาในอดีต ผมเป็นคนยังไง ผมเองรู้สึกเสียใจกับอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ทำให้ชีวิตครอบครัวต้องมาหย่าร้าง แต่ผมเสียใจกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิตหมดเลย ผมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับอะไรสักอย่าง มันทำให้ผมสะเทือนมาก” 
       
       “ที่ผ่านมาผมไปเรียนหลักสูตรการใช้ชีวิตมา มันเลยทำให้เราสะเทือนว่าเฮ้ย ชีวิตเราไม่เคยเต็มที่กับอะไรเลย เรา99 เปอร์เซ็นต์กับทุกพื้นที่แล้ว พอมาหาจริงๆ ตอนนี้เราเต็มที่กับชีวิตแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เอง อาศัยบนความรู้สึกว่าอยากทำกับไม่อยากทำ ไปรับปากอะไรใครไว้ก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ผมคิดว่ามันไม่เวิร์คสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว”
       
       “เราพูดอะไรเราต้องเป็นนายคำพูดของตัวเอง เราเสียใจที่อะไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็ยังทำ อย่างเช่น เรียนดี เราคิดว่าเราอ่านแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง หรือรักแม่ดูแลแม่แค่นี้ก็พอแล้วนะ ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกสะเทือนใจ มันไม่พอสำหรับผมแล้วก็เลยโพสต์ไป ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัว แต่มันเป็นชีวิตของผมตลอด 37 ปีใช้ชีวิตและตัดสินใจบนความรู้สึก ผมว่ามันไม่พอ ผมเลยแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเอง”
       
       “ก็เพราะไปเรียนหลักการใช้ชีวิตมานี่แหละครับ ตุ๊กเขาคงไม่กล้าถามเรื่องข้อความนั้น ผมก็เลยเคลียร์ในรายการคันปากไป คนคงไม่กล้าถามผมหรอกครับ ผมขยะแขยงตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมันอยู่ในน้ำเน่า มันต้องรู้สึกจริงๆ ตัวเองผ่านอะไรมาเยอะมาก พอรู้สึกก็เลยโพสต์ไป ผมอยากจะพูดเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับตัวเอง และทุกๆ อย่างที่ผมทำผิดไป ผมขอโทษทุกคนที่ผมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับทุกคนเลย”
       
       “ส่วนที่ผมโพสต์ว่า คนเรามักทำเรื่องไม่จริงให้เป็นเรื่องจริง ทำเรื่องจริงให้เป็นเรื่องไม่จริง ก็เพราะว่าเราชอบคิดว่าเรื่องจริงเป็นเรื่องไม่จริง อย่างเรื่องการทำงาน เราคิดว่าเดี๋ยวไปสายหน่อยก็ได้ ทั้งที่จริงๆ ทำไม่ได้ อย่างเรื่องไม่จริงทำเป็นเรื่องจริง คือความรู้สึกของเรา เรามองเขาว่า เขาเป็นคนไม่ดี ซึ่งจริงๆ เป็นแค่ความคิดทั้งนั้นครับ”
       
       “หลักสูตรนี้เปลี่ยนชีวิตมากเลยครับ บางทีเราทำอะไรเรามักโทษคนอื่น แต่เราไม่ได้รับผิดชอบตัวเอง เราเป็นคนอนุญาตให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง ผมเคยไม่สบายใจที่ยืนต่อหน้าสื่อ ไม่ชอบเป็นข่าว แต่ในเมื่อเราโทษคนอื่น โทษคนมาคอมเมนต์ ทั้งที่เราทำทุกอย่างเอง หน้าที่เราคือหันไปรับผิดชอบมัน สิ่งที่เคยกลัวก็หายไปเลย เป็นแค่ความคิดเรา ตุ๊กเขาก็ให้กำลังใจ”
       
       หลายคนเอาไปโยงกับเรื่อง “โม” ที่ตอนนี้ไปควงกับ “แพท” ทำให้เรารู้สึกอะไรขึ้นมา? ... “อันนี้เราคิดกันไปเองหรือเปล่า กับในอินสตาแกรม ผมมองว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว การที่ผมโพสต์ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มันเป็นความรู้สึกของผมเอง”
       
       ในขณะเดียวกันทางด้านของ “โม” ก็บังเอิญโพสต์ข้อความทำนองว่า “ดราม่าป่ะ” ในช่วงเวลาไล่ๆ กัน ทำให้ถูกมองว่ากระทบกระเทียบบ๊วยหรือเปล่า? … “ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ก็แล้วแต่คนคิด”
       
       พร้อมยอมรับว่าได้โทร.ไปขอโทษอดีตภรรยา “ตุ๊ก”
       
       “ผมโทร.ไปขอโทษตุ๊กตั้งแต่เรียนแล้ว เจอล่าสุดก็บอกว่าตุ๊กขอบคุณมากนะที่ทำให้รู้จัก แลนด์มาร์ค ฟอรั่ม(คอร์สหลักสูตรการใช้ชีวิตที่บ๊วยไปเรียนมา) พี่เลวมากจริงๆ เลย ตุ๊กเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่รู้สึกดีก็โอเคแล้ว ตุ๊กเขาเป็นคนแนะนำให้ผมไปเรียน มันเป็นจังหวะชีวิตมั้งครับ มันต้องเจอด้วยตัวเอง ประสบการณ์แบบนี้บอกใครไม่ได้”
       
       “ผมไม่รู้ว่าเขาทราบหรือเปล่าว่าผมโพสต์ แต่ผมเป็นคนบอกตุ๊กเองว่าพอผมเรียนแล้วรู้สึกว่าผมสะเทือนถึงตัวเอง ผมก็โทร.ไปหาตุ๊กขอบคุณเขา ตุ๊กบอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่บ๊วย ดีขึ้นก็ดีแล้ว เป็นการคุยแค่ 2-3 ประโยค แล้วครบท้วน”
       
       “ความสัมพันธ์ตอนนี้ดีขึ้นนะครับ พูดจริงๆ สำหรับผม ตุ๊กเขาดีมากอยู่แล้ว เจอเหตุการณ์แบบนี้เขาก็มีสิทธ์บอกลูกไม่ให้ชอบผมก็ได้ แต่เขาก็ไม่เคยพูด มีแต่มุมมองดีๆ ที่มีให้กัน เพราะเด็กไม่ได้เกี่ยวอะไร ผมว่าเขาทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้เพอร์เฟ็กต์มาก ผมขอบคุณเขาตลอด”
       
       พร้อมแจงกระแสในอินเตอร์เน็ตที่โจมตีว่า พอมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น “บ๊วย” ก็เลยชอบถ่ายรูปกับลูกเพื่อสร้างกระแส
       
       “ถ้าชีวิตผมอยู่บนความคิดบนความรู้สึกตลอดเวลา ผมก็ไปไหนไม่ได้หรอกครับ คุณคิดก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผม ตอนนี้ผมไม่ได้คิดแค่เรื่องของตัวเองแล้ว ผมมีเรื่องลูก เรื่องครอบครัวที่ต้องดูแล ถ้าย้อนไปดูให้ดี ผมก็โพสต์ตั้งนานแล้ว ผมตั้งใจว่าต่อไปนี้ผมจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ผมไปตรงนั้นมากกว่า ผมไม่ได้อยู่แค่ว่าตัวเองรู้สึกไม่ดีที่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ผมไปไกลกว่านั้นแล้วครับ 12 ตุลาฯนี้ ผมเปิด ซอย เตี๋ยว ติม นะครับ ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยว ไอติม เกษตรนวมินทร์ ตอม่อที่ 21 นีโอปาร์ค”
       
       “เราทุกคนมีความคิดนะครับ เพียงแต่ผมไม่ได้ฟังมันเท่านั้นเอง คือเราไม่ได้ปลงนะ แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอาศัยอยู่บนความคิด ความรู้สึก เราฟังแต่ตัวเองทั้งวัน โดยไม่เปิดโลกฟังข้างนอก พอเราเปิดโลกฟังข้างนอก ชีวิตมันมีความเป็นไปได้เยอะมาก เราพูดอะไรแล้วเรารับผิดชอบคำพูดเรา ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งหมดในชีวิต แล้วผมก็เห็นตามนั้น”
       
       เผยก่อนหน้านี้ไม่ค่อยอยากตอบคำถาม แต่ครั้งนี้อยากเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจน
       
       “ใช่ ผมโพสต์แล้วผมตั้งใจว่า ก็คงมีคนมาถาม ถามแล้วก็จะได้แสดงความรับผิดชอบจริงๆ ว่าเป็นยังไง ผมไม่ได้ดราม่าด้วย แต่ถ้าคิดว่าดราม่าก็เป็นความรับผิดชอบของคุณครับ ไม่ใช่ของผม ผมบอกแล้วไงว่าผมก้าวไปเกินกว่านั้นแล้ว ผมไม่คิดไม่รู้สึกแล้วครับ ผมรู้ว่าเป้าหมายผมคืออะไร เป้าหมายมีไว้พุ่งชนนะครับ แล้วถ้าเราตั้งใจอยู่ที่เป้าหมาย เราไม่สนใจหรอกครับว่าเราคิดอะไรอยู่ เราจะเดินทางไปหามันเท่านั้นเอง”
       
       “ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ งานพิธีกรก็ทำ เรารักและซื่อสัตย์กับหน้าที่การงานไป พอเรารู้ว่าเราร้อยเปอร์เซ็นต์กับสิ่งที่ทำ เราจะไม่กังวลกับมัน เราเต็มที่กับสิ่งที่ทำตอนนี้มากกว่า”
       
       ส่วนเรื่องกลับมาสร้างครอบครัวให้เป็นเหมือนเดิมไหม เจ้าตัวเลี่ยงตอบบอกเพียงว่าให้เป็นเรื่องอนาคต
       
       “เป็นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน แต่นอนกันคนละห้อง ผมก็รับผิดชอบในส่วนที่ผมรับผิดชอบของพ่อที่ดี พ่อที่สมบูรณ์แบบ เราก็ดูแลลูกร่วมกันมานานแล้ว ตอนนี้ความสัมพันธ์เราก็ดีขึ้นมากเลย เราอยู่บ้านเดียวกัน เพียงแค่แยกห้องกันอยู่ แต่ผมมี 2 บ้านนะครับ มีบางกรวย ที่เป็นบ้านพ่อบ้านแม่ด้วย”
       
       “ตุ๊กเขากรุณาผมมาก ไม่ได้โกรธผมเลย เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็ดีครับ ผมว่าตอนนี้ผมมีความสุข มันไม่มีที่เป็นรายลักษณ์อักษร แต่ข้อผูกมัดที่เรารู้คือเราทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่ ตุ๊กทำหน้าที่แม่ได้สมบูรณ์แบบ ผมก็ทำหน้าที่พ่อที่สมบูรณ์แบบ ทำสิ่งดีสำหรับลูกผมก็ทำ”
       
       แจงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสำนึกผิดและอยากกลับมาเหมือนเดิม
       
       “เป็นเรื่องของความคิด แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้จริงๆ เจอหน้าไม่ได้หนี ไม่ได้เกลียด ใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกัน แต่คนละห้อง ตุ๊กยังทักเลยว่าช่วงนี้อยู่บ้านนี้บ่อยนะ(ยิ้ม) ผมก็บอกว่าก็อยากอยู่กับลูก ลูกเป็นความสุข เรื่องจะกลับมาเหมือนเดิมไหมผมก็ไม่รู้ แต่ผมจะร้อยเปอร์เซ็นต์กับทุกเรื่องในชีวิต แนวโน้มดีขึ้นอยู่แล้วครับ มันดีขึ้นล้านเปอร์เซ็นต์ อย่าไปคาดเดาตอนจบเลย ก็เหมือนหนัง ให้มันจบที่ผมเอง ดีกว่าคนมานั่งคิดว่าผมเป็นยังไง”
       
       “เหมือนรีสตาร์ทตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัวแตกแยก แต่เป็นทุกเรื่องในชีวิต ให้มองว่าถ้าผมดำเนินชีวิตมาแบบนี้ไม่ต้องเป็นตุ๊กหรอกครับ ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องหย่าร้าง มันทำให้รู้ตัวเอง รู้ว่าอะไรที่ไม่เวิร์คกับชีวิต มันน้ำตาไหลเลยนะ ขยะแขยงตัวเอง มันต้องใช้ความกล้าหาญในตัวเองเลยล่ะ เลยมองว่าทำไมเราไม่รับผิดชอบกับชีวิตเรา”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

“บ๊วย” อุ้มลูกออกงานแทน “ตุ๊ก” ลั่นแฮปปี้ที่จะเป็นแบบนี้ถึงคนเกลียดก็ตาม

“บ๊วย” อุ้ม “น้องภูมิ” ออกงานแทน “ตุ๊ก” ลั่นถึงสถานะความเป็นสามี-ภรรยาจะเปลี่ยนไป แต่ตนก็ยังกลับบ้านไปช่วยเลี้ยงลูกทุกวัน บอกตอนนี้แฮปปี้ที่จะอยู่แบบนี้ ถึงจะโดนคนเกลียดก็ตาม



ตั้งแต่สาว “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” เปลี่ยนสถานะเป็นซิงเกิลมัม ก็ดูเหมือนงานในวงการบันเทิงจะชุกเอาการ จนอดีตสามีหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ต้องมาช่วยรับงานบ้างในกรณีที่มีงานชนกัน เช่นเดียวกับเมื่อวันก่อน หนุ่มบ๊วยก็ควงลูกชาย “น้องภูมิ” มาร่วมงานตลาดนัดความสุขฯ จัดโดย สนง.คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับ สสส.และเสถียรธรรมสถาน ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยเจ้าตัวเผยแม้สถานะจะเปลี่ยนไป แต่ตนก็ยังไปหาลูกที่บ้านและช่วยอดีตภรรยาเลี้ยงลูกอยู่ทุกวัน

“ช่วงนี้น้องภูมิเริ่มซนแล้ว พอดีเพิ่งหัดเดินได้ 2 วัน ขยันมากไปหน่อยเจอสเต็ปแล้วล้ม นี่ก็หัวโนอยู่ ก็เดินทั้งวันเลย อย่างที่บอกไม่ว่าจะก่อนหย่าหรือหลังหย่า พ่อแม่ก็ทำหน้าที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เด็กต้องการเลียนแบบพฤติกรรมพ่อแม่เท่านั้นเองครับ พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น”

“เราเลี้ยงลูกกันแบบ… อะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติ เราก็ตัดออกจากชีวิตลูก ผมกับตุ๊กหลังหย่าแล้วก็ยังเลี้ยงลูกเหมือนกัน ไม่มีเทคโนโลยี ไอแพด ไอพอด แต่อาจจะรู้จักโทรศัพท์ เพราะเห็นพ่อแม่คุยกัน ให้อยู่ใกล้ธรรมชาติครับ ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่าง เราก็ยังเป็นพ่อและแม่เหมือนเดิม อะไรที่เป็นเวลาครอบครัว เราก็ทำ ไม่ได้โกรธกัน อะไรที่ดีสำหรับลูกเราก็ทำ”

“ส่วนกับตุ๊กที่วันนี้มาทำงานแทนเขา ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ได้แย่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ใครจะมองยังไงก็ได้ แต่ผมบอกแล้วว่าจะไม่พูด แต่จะกระทำให้ดูเท่านั้นเอง ทำอย่างไรก็ได้รับผลอย่างนั้นเท่านั้นเอง ผมก็ยังไปที่บ้านทุกวัน อะไรที่ดีสำหรับลูกเราก็ควรทำใช่ไหมครับ ลูกยังเจอทุกวันครับ”

“ผมกับตุ๊กเป็นพ่อและแม่ของลูกไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ตลอดชีวิต ผมพูดอย่างนั้นคำพูดก็เป็นแบบนั้นครับ (มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิม?) ตอนนี้ผมก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้ครับ อะไรที่ดีกับลูก ผมทำอยู่แล้ว เราก็รับผิดชอบในส่วนของเรา ถึงจะโดนคนเกลียดก็โอเคครับ หน้าที่เราก็ทำต่อไป”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” โผล่โต้เตรียมแต่ง “โม” ที่เหลือถามคำตอบคำ จบข่าว!

“บ๊วย” โผล่โต้เตรียมแต่ง “โม” ส่วนที่มีภาพบ๊วยตาม “ตุ๊ก” กับลูกไปเที่ยวราชบุรี ในขณะที่โมก็หันไปคั่วไฮโซ “แพท” จนหลายคนแอบลุ้นว่าจะกลับมาคืนดีหรือเปล่า? เจ้าตัวปัดตอบ บอกเพียงขอบคุณที่ติดตามข่าว


มีภาพตาม “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี กับลูกๆ ในขณะที่ทางฝั่งของ “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยเป็นข่าวมือที่สาม ก็หันไปคั่วข่าวกับไฮโซหนุ่ม “แพท ประกาศิต” งานนี้หลายคนก็เลยแอบลุ้นปนสงสัยว่า ภาพดังกล่าว “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” จะส่งสัญญาณการคืนดีกับตุ๊กหรือเปล่า?

แม้ก่อนหน้านี้ตุ๊กจะออกตัวไปแล้วว่าหมดใจไม่คิดรีเทิร์น ล่าสุดได้มีโอกาสเจอบ๊วย ในงานแถลงภาพยนตร์เรื่อง The Expendables 2 (โคตรคนทีมมหากาฬ 2) ที่ เอสพลานาด รัชดา ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงคอนเซ็ปต์เก็บปากเหมือนเดิม โดยบอกเพียงว่าขอบคุณที่ติดตามข่าว ที่เหลือก็ถามคำตอบคำออกแนวเงียบสยบความเคลื่อนไหว

“ก็ขอบคุณที่ติดตามครับ ผมก็บอกแล้วว่า ถ้าผมจะทำอะไรผมมีเหตุผล ก็คอยดูแล้วกันครับ ผมขอไม่พูดแล้วกันครับ”

มีโอกาสเป็นไปได้มั้ย?
“ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ผมบอกไม่ได้จริงๆ อนาคตเป็นเรื่องของอนาคตครับ”

ได้เจอลูกเป็นไงบ้าง?
“ผมเจอลูกทุกวันอยู่แล้วครับ ลูกของผมครับ ขอบคุณครับ”

ตอนนี้มีกระแสเข้ามาถึงยังไงบ้าง?
“ขอไม่พูดถึงแล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ อยากให้เข้าใจจริงๆ”

จะแต่งงานใหม่จริงๆ หรือเปล่า?
“ไม่ว่าจะไปเกาหลี ไม่ว่าจะไปฮ่องกง ไม่ว่าจะแต่งงาน ไม่เป็นความจริงเลยครับ ขอบคุณครับ”

ยังไม่คิดมีงานแต่งใช่มั้ย?
“โอ๊ย ขอบคุณครับ”


ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” รับไปเที่ยวราชบุรีกับ “บ๊วย” พร้อมลูกๆ ปัดลมหวน

“ตุ๊ก” เผยเพิ่งพาลูกๆ ไปเที่ยวราชบุรี พร้อม “บ๊วย” บอกถ้าฝ่ายชายว่างก็จะมาหาลูกตลอด แต่ยันไม่ใช่ถ่านไฟเก่าคุ รับเห็นใจอดีตสามีโดนด่าสร้างภาพ ก่อนลั่นตอนนี้หมดใจแล้วไม่คิดรีเทิร์น



หย่าขาดกันไปแล้ว แต่ล่าสุดมีภาพ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี กับ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” พร้อมด้วยลูกๆ ทั้ง 2 คน บวกกับตอนนี้ทางฝ่ายของสาว “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยเป็นข่าวมือที่สาม ก็หันไปมีข่าวกับไฮโซหนุ่ม “แพท ประกาศิต” หลายคนเลยจับตามองว่า การไปเที่ยวด้วยกัน พ่อ-แม่-ลูก แบบนี้เป็นนินิตหมายอันดีของการคืนดีหรือเปล่า? สอบถามไปยังตุ๊ก เจ้าตัวก็แจงว่า...

“ไปราชบุรีก็คือจริงๆ แล้วก็เป็นโปรแกรมเอาไว้ ช่วงที่ลูกๆ เขาหยุดในวันปิดเทอม เราก็ไปเที่ยวกัน แล้วพอดีพี่บ๊วยเขาว่าง เขาเลยตามมาไปเล่นกับลูกๆ แต่ว่าพี่บ๊วยเขากลับก่อน เพราะว่าเขามีงาน เพราะว่าเขาก็อยากอยู่กับลูกเท่าที่เขาจะทำได้อยู่แล้ว”

“คือพี่บ๊วยก็มาหาลูกบ้างค่ะ มาเล่นกับลูกที่บ้านบ้าง ก็เพิ่งไปงานคอนเสิร์ตของโรงเรียนมาค่ะ ต้องไปอยู่แล้ว แล้วรู้สึกว่าพี่บ๊วยต้องทำหน้าที่บนเวที พี่บ๊วยก็จะมาเจอลูกตามที่พี่เขาสะดวกพี่เขาว่าง พี่เขาก็มาเจอลูกทุกวันค่ะ บางทีอาจจะสั้นๆ เขาก็จะพยายามหาเวลามาหาลูก ช่วงนี้เขาก็มาช่วยบ้างค่ะ (หลายคนบอกช่วงนี้บ๊วยทำคะแนน?) เรื่องตุ๊กกับเรื่องลูกคงเป็นคนละเรื่องกันค่ะ เขาทำกับลูกแบบนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วเพราะว่าเขารักลูก เขาเลยอยากทำ มันก็เลยเป็นคนละเรื่องกัน”

“แต่ถ้าบอกว่าบางคนมองว่าพี่บ๊วยสร้างภาพ น่าจะไม่ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องที่เขาอยากทำ เพราะว่าอย่างของตุ๊กเวลาพาน้องไปเที่ยวไหน ก็ลงในอินสตาแกรม แต่ถ้าจะโดนก็โดนไม่โดนก็ไม่โดน แต่ตุ๊กว่าเขาอยาจะทำของเขามากกว่า ก็เห็นใจเขาค่ะ ที่เขาโดนโจมตีถ้ามาบ่นตรงๆ กับตุ๊กไม่มีค่ะ จริงๆ ก็เห็นใจค่ะ แต่ตุ๊กว่าทุกคนคงรับรู้ได้ ว่า ถ้าเขาโดน คงไม่ใช่เรื่องแปลกมาก เขาก็น่าจะทำใจมากกว่า แค่เสียงที่ได้ยิน แค่ความหมาย ถ้าไม่ตีความเพิ่ม ไม่คิดต่อ ก็คงจบแค่คำวิจารณ์”

“สภาพจิตใจพี่บ๊วยก็คงปกติดีค่ะ แต่ถ้าลึกๆ อะไรก็คงไม่ทราบ ไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นอะไร (โมไปมีข่าวกับคนใหม่แล้ว หลายคนเชียร์ให้รีเทิร์นบ๊วย?) (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าเขากลับมาจริงๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ก็ยังไม่รู้เลย ยังไม่รู้จริงๆ ยังไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ปล่อยไปตามฟิวส์ค่ะ ซึ่งโอกาสไม่รู้จริงๆ นะ มันเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ ไม่ได้ตอบกั๊กอะไรนะ คือ มันไม่รู้จริงๆ ถามว่าปิดกั้นเขามั้ย ก็ถ้าถามตอนนี้จริงๆ ก็คือ มันจบไปแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วค่ะ”

เผยตอนนี้ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเทเวลาให้ลูกมากกว่า

“งานตอนนี้ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ถึงขนาดทุกวัน คิวก็ไม่แน่นนะคะ คือ จะจัดว่าถ้าวันไหนลูกว่างเราก็จะหยุดด้วย จะได้มีเวลาพานู่นนี่ งานก็เยอะแค่ประมาณหนึ่ง เพราะว่าเราก็รับเท่าที่จะรับได้ อาทิตย์หนึ่งก็ไม่เกิน 2-3 วัน ก็เอาเวลาไว้ให้ลูกด้วย ตุ๊กมองแค่ว่าประมาณนึงค่ะ ไม่ได้แน่นมากงานก็ปกติ เพื่อนๆ ก็ช่วยหางานให้ ก็ต้องขอบคุณมาก คนก็ยังนึกถึงเยอะ แต่เวลาของตุ๊กเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นของลูกอยู่ เราก็เลือกลูกก่อนมาเป็นอันดับหนึ่งค่ะ เด็กเล็กๆ ยังไงเขาก็ยังอยากอยู่กับพ่อ-แม่”

“ซึ่งงานเยอะก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร เพราะหน้าที่แม่เป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ยังเป็นหน้าที่เดิม และกับเรื่องละครที่กำลังจะมี 2 เรื่อง ก็มีเวลาให้ลูกค่ะ เพราะว่าก็ไม่ได้ถ่ายพร้อมกัน ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรเลย ยังไม่ได้เริ่ม ยังไม่ได้เปิดกล้องอะไรเลย เราก็ต้องดูอีกทีว่าต้องเริ่มถ่ายอะไรเมื่อไหร่ งานเดินแบบก็อ้วนค่ะตอนนี้ ถ้านับจริงๆ ตอนนี้อ้วนหลายกิโลฯเลยคะ แต่ตอนนี้ก็มีเดินๆ อยู่บ้างแต่ยังไม่ได้เต็มที่อะไร ก็อาจจะเดินบ้างสลับไปค่ะ แต่หน้าที่หลักก็ยังเป็นแม่ คือ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เมื่อก่อนจะรับงานเต็มที่ งานตอนนี้ก็เป็นหน้าที่เสริมเป็นหน้าที่รองไปค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” ไม่รู้ “บ๊วย” เตรียมแต่ง “โม” บอกอีกฝ่ายมีสิทธิ์อยู่แล้ว

“ตุ๊ก” รับเสียใจหย่า “บ๊วย” ยันตนไม่ได้อยากหย่า แจงเตรียมขายเรือนหอ ปัดไม่รู้ข่าวบ๊วยเตรียมแต่ง “โม” บอกอีกฝ่ายมีสิทธ์อยู่แล้ว เผยไม่สบายใจบ๊วยโดนด่าเยอะ พร้อมป้องกรณีให้สัมภาษณ์รักลูกไม่เท่ากัน คงไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจเป็นเพราะอดีตสามีกังวลหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด



หลังจากที่ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ได้ออกมาเปิดแถลงข่าวเรื่องหย่ากับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำเอาคนทั้งประเทศอึ้งมาแล้วกับวลีกระทืบใจ “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” หลังบ๊วยถูกถามถึงข่าวลือที่ว่า จะเลือกดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กจะไม่ดูแลเพราะไม่สนิทจริงหรือไม่? จนเจ้าตัวโดนสังคมก่นด่าจนเสียศูนย์

อย่างไรก็ตาม ในส่วนสาเหตุที่ทำให้เตียงหัก บ๊วยได้ปัดที่จะตอบ โดยให้เหตุผลว่าเลยจุดนั้นมาแล้ว ส่วนข่าวขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอดลูกคนเล็กได้ 20 วัน เจ้าตัวไม่รับไม่ปฏิเสธ อ้างเป็นเรื่องของสองคน พร้อมยืนยันการหย่าตุ๊กเป็นการตัดสินใจเอง ทายาทร้านทอง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยตกเป็นข่าวมือที่สามไม่เกี่ยว ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไห้ออกมา เพราะรับไม่ได้ที่โดนคนด่าไม่รักลูก โดยยืนยันลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด และตนก็รักลูกมากและจะทำหน้าที่พ่อไปตลอดชีวิต

ซึ่งแม้บ๊วยจะออกมาเคลียร์ทุกอย่างเองแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสข่าวลือต่างๆ ก็ยังไม่จบซะที ล่าสุดถึงขั้นมีคนกระพือว่า ตอนนี้ “บ๊วย” กับ “โม” เตรียมแจกการ์ดแต่งงานกันแล้ว ส่วนสินสมรสที่ว่าตกลงกันได้ด้วยดีก็ไม่จริง ทั้งคู่ยังถกเถียงกันเรื่องนี้ไม่ลงตัวด้วยซ้ำ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ตุ๊กและบ๊วยหย่าขาดจากกัน ทางฝ่ายของตุ๊กเองยังคงเก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าเจ้าตัวยังเสียใจ และไม่พร้อมจะพูดถึงเรื่องนี้ และขอเวลาสักพักในการฟื้นฟูจิตใจ

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(13 ก.ค.) ตุ๊กได้ออกมารับงานได้ปกติแล้ว โดยเจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมงาน “หนึ่งผนัง รวมพลังรักษ์สะอาด กับสีเบเยอร์ชิลด์” ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง ซึ่งในครั้งนี้เอง ตุ๊กได้เปิดปากเรื่องหย่า รวมถึงข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นที่น่าสังเหตุว่าเจ้าตัวดูผองซูบลงผิดหูผิดตาไป

“ก็เท่าเดิมนะ จริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งมันก็ควรจะฟิตเฟิร์มเพราะเรากลับมาทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลา ต้องเลี้ยงลูกอีก2 คนก็ได้เท่านี้แหละ ยังเหลืออีกหลายกิโลฯเลย ไม่ได้ลดอะไรเท่าไหร่”

“ภาพจิตใจเป็นปกติค่ะ แต่โดยรวมเราก็ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เราอยู่ในช่วงอ่อนแอ ก็ยอมรับว่าอ่อนแอมาระยะนึง แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไป ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าลูกผู้หญิงคนนึงจะทำให้ถึงที่สุด ก็พยายามที่สุดแล้ว ตุ๊กก็คิดว่าตุ๊กทำดีที่สุดเท่าที่ตุ๊กจะทำได้แล้ว ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราปรารถนา ความอ่อนแอของเราก็ต้องพับเก็บไป วันนี้น่าจะเป็นเรื่องราวของการโล่งใจ สบายใจ ทุกสถานการณ์น่าจะมีทางออกของมันของแต่ละสถานการณ์”

“ต้องเข้มแข็งค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของวิธีคิดมากกว่า เราเองไม่ได้ตัวคนเดียวไง เรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราก็ไม่อยากแม้แต่เพียงเสี้ยวนึงที่จะให้ลูกรู้สึก ฉะนั้นเราต้องเข้มแข็ง เพราะเขาเองยังต้องพึ่งพาและน่าจะเชื่อมความรู้สึกกับเราอยู่ตลอดเวลา”

“บ๊วย” โดนโจมตีเยอะรู้สึกไงบ้าง?
“ก่อนหน้านี้ตุ๊กน่าจะเป็นคนที่สนิทที่สุด เราผูกพันกันมาก ฉะนั้นอะไรที่เขาไม่สบายใจตุ๊กก็.....น่าจะรู้สึกไม่สบายใจ จะให้บอกว่าเห็นใจรึเปล่า ตุ๊กก็ไม่สบายใจ อยากเห็นเขามีความสุข ทุกชีวิตมีเรื่องราว มันน่าจะเป็นช่วงที่แต่ละคนต้องเจอ”

สาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้าง?
“สาเหตุที่แท้จริง...สาเหตุ(หัวเราะ) ตัวตุ๊กไม่มีเพราะว่าตุ๊กไม่ได้มีความต้องการที่จะจบแบบนี้ ตุ๊กไม่มีสาเหตุ แต่ให้ถามคือ...ชีวิตคู่น่าจะเป็นการเห็นชอบด้วยคน 2 คน ถ้าแม้เพียงใครคนนึง คิดว่าจะยกเลิก อีกคนนึงก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้แน่ๆ”

“ถามว่ามีมือที่3 มั้ย คำถามนี้ไม่ถามแล้วมั้ง(หัวเราะ) ตุ๊กก็พยายามของตุ๊กแล้ว แต่หากว่าตุ๊กยังจะเห็นแก่ตัวที่จะพยายามเพื่อตัวเอง เพื่อความต้องการของตัวเองอยู่ แต่คือว่าเราไม่ได้มือเปล่าไงค่ะ ขวาก็ต้องจูงมือลูกซ้ายก็ต้องอุ้มอีกคนนึง ก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ซึ่งทำแบบนั้นก็อาจจะล้มกันหมด ทุกอย่างก็คงถึงจุดที่ต้องเคลียร์ให้จบ”

“ที่หลายคนคิดว่าก่อนจะหย่า ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีขึ้นนี่คือที่พี่บ๊วยพูดรึเปล่าคะ ถ้าจากภาพวันเกิดลูกๆ ตุ๊กเชื่อว่าวันเกิดปีต่อไป ก็จะมีภาพแบบนี้อีก หรือจะดีขึ้นมั้ยก็ไม่รู้ อย่างที่บอกว่า เป็นวันเกิดลูก เราเองก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่กิจกรรมนั้นมันยังต้องดำเนินอยู่ แล้วเราก็อยากจะทำด้วย”

แต่ก็ไม่ได้ยืนยันการยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมือที่3 ?
“ตุ๊กไม่พูดถึงเรื่องนี้”

กับข่าวว่า “บ๊วย” เป็นคนขอเลิกตั้งแต่น้องภูมิเกิดได้ 20 วัน?
“ลืมไปแล้ว(หัวเราะ) วันนี้มันก็เป็นอย่างนี้แล้วแหละ มันลืมไปแล้ว ใช่ค่ะ”

กับข่าวที่ออกมาว่าวันหย่าถึงขั้นเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ตุ๊กบอกว่า…

“วันนั้นไปอยู่โรงพยาบาลจริงๆ อย่างที่พี่บ๊วยบอกว่าไปตรวจสุขภาพตามตารางที่มีไว้แล้ว เรื่องเป็นลมมันมีบ้างอยู่แล้ว ที่ตุ๊กจะมีโรคไมเกรน สรุปว่าหย่าแล้วไม่ได้เป็นลม แต่มันมีการสื่อสารผิด เพราะมีคนอื่นรับโทรศัพท์แทน ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้เป็นลมวันนั้นค่ะ”

พร้อมป้อง “บ๊วย” กรณีให้สัมภาษณ์ว่าเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน หลังมีข่าวจะดูแลแค่คนโต ไม่ดูแลคนเล็ก เพราะไม่สนิท จนนำมาซึ่งคำตอบที่ทำเอาหลายคนหงายหลัง ว่า “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” กับประเด็นนี้ตุ๊กแจงว่า อดีตสามีน่าจะไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจจะเพราะกังวงหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด

“ตุ๊กไม่เชื่อว่าพ่อแม่จะเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน และตุ๊กก็เชื่อว่าลูกๆ ทั้ง 2 ซึมซับความรักจากพี่บ๊วยได้ ตุ๊กไม่เชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่การสัมภาษณ์ บางทีคนที่ถูกสัมภาษณ์ก็จะกังวลหลายอย่าง ทุกอย่างมันเร็ว มันมีความพะวักพะวง เครียดแล้วก็กดดันมากกว่า น่าจะไม่ได้คิดแบบนั้นชัดๆ”

“อย่างที่เขาบอกว่ารักคนละแบบ อาจจะไม่ได้พูดแบบนั้น ตุ๊กเองได้ดูบทสัมภาษณ์ ด้วยความเข้าใจนิสัยและวิธีการพูด เลยรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เป็นการการพูดเร็วๆ ไม่ได้คิดว่าคนจะคิดมาก เขาก็กดดันพะวักพะวงหลายอย่าง ก็ต้องเข้าใจเขา น่าจะเป็นการเรียงประโยคมากกว่า”

น้องๆ ถามถึงคุณพ่อรึเปล่า?
“เขาก็ยังมีคุณพ่ออยู่ เขาก็ยังเจอกันบ้าง เรื่องการดูแล ตุ๊กก็เป็นคนดูแลลูกเป็นหลัก เรื่องทรัพย์สินต่างๆ ก็แบ่งกันตามที่เราตกลงกันไว้ตามนั้น เรื่องบ้านอาจจะต้องใช้วิธีขาย แล้วก็มีการจัดการเรื่องสินสมรส ตัวตุ๊กยังอยู่ที่บ้านกับลูก ถ้าขายได้แล้วก็คงย้ายไปซื้อบ้านใหม่อยู่กัน”

มีข่าวว่า “ตุ๊ก” เองก็พยายามที่เก็บเอาไว้?
“ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนอะไร ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้บ้านพี่บ๊วยเป็นคนผ่อนแต่เพียงผู้เดียว ถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็มีความประสงค์จะเก็บไว้ให้ลูก”

ส่วนที่มีข่าวว่าจะพาลูกไปต่างประเทศนั้น “ตุ๊ก” บอกเป็นการไปเที่ยวปกติ ไม่ได้หนีข่าวไปพักใจ

“ไปเที่ยวตามปกติที่ไปอยู่เป็นประจำ น้องแพรวมีพาสปอร์ตอยู่แล้วตั้งแต่ขวบนึง ตุ๊กกับพี่บ๊วยก็พาน้องแพรวไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่ที่ไปทำคือน้องภูมิ ก็เป็นครั้งแรกที่จะพาเขาไปต่างประเทศ เดี๋ยวจะไปวันอาทิตย์กลางคืนนี้แล้ว ก็ไปเกาหลีค่ะ ไปกับครอบครัว ก็ไป 5-6 วัน”

“ข่าวไม่ใช่น้ำท่วมค่ะ หนีไม่ได้ ไม่มีที่ใดในโลกที่หนีได้ ทุกอย่างอยู่ข้างใน เราไปเที่ยวกันตามปกติ ไม่ได้พักผ่อนจิตใจอะไร ครอบครัวเราค่อนข้างไปเที่ยวกันบ่อย ยิ่งตอนที่น้องแพรวยังไม่เข้าโรงเรียน เราไปกันทุกเดือนโดยเฉพาะต่างจังหวัด จนแทบไม่รู้จะไปไหนกันแล้ว เรียกว่าไปกันเป็นปกติค่ะ”

น้องรู้เรื่องอะไรมากน้องแค่ไหน?
“ก็คงไม่รู้อะไรชัดเจน แต่อาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมันค่อยๆ เกิดขึ้นอยู่แล้ว เขาก็ค่อยๆ รู้ มันอาจจะมีบางทีเขาถาม อย่างทำไมแดดดี้ไม่นอนห้องนี้แล้ว เขามีถาม แต่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรทั้งหมด ตุ๊กเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะรู้เพิ่มมากน้อยแค่ไหน หรือรู้ไปโดยปริยาย”

“เรื่องข่าวก็ขอความกรุณา(ยกมือไหว้) เป็นแค่ครั้งเดียวก็จะขอบพระคุณมาก ตอนนี้เขาเองก็ต้องมีส่วน ไหนจะเรื่องเขาเอง แล้วก็เรื่องน้องอีก เขาต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง อาจจะรู้สึกเพลียและอ้วกบ้างโดยไม่มีสาเหตุ เขาก็คงแกว่งบ้าง ก็เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ที่จะทำให้เขารู้สึกดีที่สุดได้ ตุ๊กเองก็พยายามทำทุกอย่างให้ปกติ ไม่ลืมที่จะใส่ใจ ไม่ละเลยที่จะใส่ใจเขา”

นับจากนี้เรียกว่า “บ๊วย” สามารถแต่งงานมีครอบครัวใหม่ได้?
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ ก็ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของเราอยู่แล้ว ตุ๊กจะโอเคหรือไม่โอเคมันไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ของตุ๊ก”

มีข่าวว่าว่า “บ๊วย” กับผู้หญิงที่มีข่าวด้วยเตรียมแต่งงานกันแล้ว?
“ก็เรื่องนี้ไม่รู้เรื่องค่ะ”

ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?
“ไม่พูดถึงดีกว่าเนอะ”

ตัว “ตุ๊ก” เองมองอนาคตยังไงบ้าง ถ้าจะเปิดใจรับคนใหม่?
“ไม่ได้นึกเลยค่ะ น่าจะยังไม่มีอารมณ์คิดเรื่องแบบนี้ แค่กำลังสอนให้คนเล็กรู้จักนอนยาวๆ นี่ก็เป็นการบ้านที่หนักแล้ว ต่อจากนี้ก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ตื่นมากินข้าวอาบน้ำแปรงฟัน เราต้องทำอยู่แล้ว ใช้ชีวิตปกติ แค่พาร์ทเนอร์ของเราหายไป ก็อาจจะเหงาบ้างเพราะบางอย่างเคยทำ 2 คน ก็อาจจะเหนื่อยไปบ้าง แต่ทุกอย่างต้องทำอยู่แล้ว เราต้องมีความสุขกัน”

ตอนนี้เห็นว่าประหยัดสุดเพื่อเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตลูก?
“ยังไงก็ต้องประหยัดเหมือนเดิม จากตอนนั้นเป็นครอบครัว เราเองก็ประหยัดกันอยู่แล้ว เป็นนิสัยของแม่บ้านและคุณแม่ที่ดี เราก็ใช้กันแต่พอสมควร”

“ตุ๊กต้องขอโทษจริงๆ ที่เรื่องราวมันยืดเยื้อมานาน หลายๆ คนก็ลุ้น ก็ขอบคุณคนที่ลุ้นคอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ความรักของคน 2 คนไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ได้ความรักในมุมมองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย ทั้งเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ส่งกำลังใจมาให้ หรือคนที่เจอกันอยู่แล้ว เราก็รู้ว่าเขารักเราจริงๆ กับเพื่อนที่เราไม่รู้จักเลย รวมถึงโลกไอทีด้วย ต้องขอขอบพระคุณที่เป็นกำลังใจให้ เอ็นดูลูกของตุ๊กทั้ง 2 และเอาใจช่วยครอบครัวของเรา ขอบพระคุณจริงๆ ประทับใจและซึ้งใจสุดๆ จริงๆ”


"โม" ทายาทร้านทองชื่อดังที่ตกเป็นข่าวเป็นมือที่สาม และล่าสุดมีข่าวลือเตรียมแต่งงานกับบ๊วย

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” ยังไม่หย่า “บ๊วย" บอกเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้คงสถานะ สามีภรรยา เช่นเดิม

“ตุ๊ก” ออกมายืนยัน ยังไม่ได้หย่า “บ๊วย” บอกเป็นเรื่องใหญ่ แล้วไม่ใช่ปัญหาเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ที่ทำให้หย่าไม่ได้ ตอนนี้ยังคงเป็นสามีภรรยา แล้วทำหน้าที่พ่อแม่ ให้กับลูกให้ดีที่สุด

ปัญหาความรักระหว่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” ยังเลือกที่จะทำเพื่อลูก คือ “น้องแพรว” และ “น้องภูมิ” หลังมีข่าวว่าทั้งคู่เลือกที่จะ “หย่า” ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่ล่าสุด “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ยังยืนยันว่ายังไปไม่ถึงจุดที่ต้องหย่าขาดกัน วันนี้ยังทำหน้าที่พ่อแม่กันอยู่

“ตุ๊ก ชนกวนันท์” ได้บอกถึงความคืบหน้าหลังมีข่าวว่า ในวันที่ 1 มิถุนายน จะไปจดทะเบียนหย่ากัน

“ยัง ค่ะๆ ยังไม่มีเรื่องราวตรงนั้น เรื่องหย่ามันเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัว มันละเอียดอ่อน เราต้องปรึกษาพูดคุยและคิดดีๆ แต่ถ้าเกิดขึ้น ตุ๊กจะเรียนให้ทราบแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร ยังเรียบร้อยดี เอาจริงๆแล้ว เรื่องทั้งหมดยังเหมือนเดิม เหมือนที่เคยได้บอกไปหลายเดือนก่อน จริงๆแล้วทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้น ว่าเราจะตกลงกันยังไง ทุกอย่างมันละเอียดอ่อนมาก”

“คือตอนนี้ยังใช้คำว่า สามีภรรยา เหมือนเดิม ยังมีทะเบียนสมรสอยู่ คิดว่าเราน่าจะคุยกันรู้เรื่อง พื้นฐานก็คือ คนเคยรักกัน เรื่องแบบนี้คงตกลงกันลำบาก ที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องแบ่งทรัพย์สิน มันคงไม่ใช่ปัญหา เรื่องอื่นสำคัญกว่านั้น เราคงต้องค่อยๆคุยกันไป ตอนนี้ยังเหมือนเดิม เราต้องปรึกษากัน เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน”

“ที่ผ่านมา เราก็ยังเป็นพ่อและแม่เหมือนเดิม เมื่อวันเกิดน้องแพรว วันเกิดก็อยากทำเค้กให้น้องเอง ลูกจะได้ประทับใจว่า แม่ทำให้ เราก็ไปทำที่บ้านของ พี่ส้ม ชนากานต์ พอดีพี่บ๊วยเสร็จงาน เลยตามมาช่วยแต่งหน้าเค้ก อิ่มอร่อยมาก”

การที่ตัดสินใจที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปทางไหน เป็นเพราะมีมือที่ 3
“บุคคลที่สาม ของใครคะ ถ้าของพี่บ๊วย ต้องไปถามพี่เขา เราขอไม่พูด”

หลายเดือนที่ผ่านมา ตกเป็นข่าวแบบนี้ คงทำเอาเครียด แต่ “คุ๊ก” ยืนยันว่าไม่ได้เครียด แล้วต้องทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อดูแลลูกต่อไป

“ถ้าเครียดคงเครียดเรื่องในความเป็นจริงมากกว่าเรื่องข่าว ถ้าข่าวไม่มีปัญหา เพราะรู้ว่าข่าวเกิดจากความเป็นห่วง เพื่อนๆพี่ๆเป็นห่วง ส่งกำลังใจให้ หรือทุกคนที่ไม่รู้จักกันเลยก็ส่งกำลังใจมาให้ ต้องขอบคุณมาก น้องเอง ก็ไม่ได้รู้เรื่องข่าว แต่ถ้าวันใดวันนึงเขารู้ ก็คงรู้ แต่ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ให้เขาอย่างดีเต็มที่ เขาคงแข็งแรงกว่า”

“เรื่อง ลดความอ้วน ตอนนี้ยังเหลืออีกเยอะเลย น้ำหนัก ต้องเข้าคอร์สลดบ้าง ยังไม่ผอม ไม่ใช่ตรอมใจ ทานได้หมด เราแค่อยากสวยอยากดูแลตัวเอง ทานอาหารที่เหมาะสม เราก็ อยู่กับปัจจุบันเราต้องเข้มแข็ง เรามีคนที่ยังต้องอุ้ม มนุษย์ก็ต้องมีบ้างที่ร้องไห้เสียใจ ดีใจ เราก็มีทุกโหมด ตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดเป็นซิงเกิ้ลมัม ยังไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

"บ๊วย" จุก บอกไม่รู้จะพูดยังไงถูกจับผิดถ่ายรูปกับลูกแต่ไม่มี "ตุ๊ก"

"บ๊วย" พ้อเสียความรู้สึกถ่ายรูปกับลูกก็หาว่าสร้างภาพ แจงตนก็เป็นเหมือนพ่อทั่วไปที่อยากแสดงออกว่ารักลูก ส่วนที่ถูกจับผิดว่าในรูปไม่มี "ตุ๊ก" เจ้าตัวตอบเสียงเพลียไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน เผยท่องไว้เสมอว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น

แม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์ครอบครัวของ "บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ" กับภรรยา "ตุ๊ก ชนกวนันท์" จะยังอยู่ในภาวะอึมครึม เรียกว่ายังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งที่ทั้งคู่พยายามประคับคองให้ขาเตียงกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็ตามที ล่าสุดหนุ่มบ๊วยได้โพสต์รูปกับลูกๆ ทั้ง 2 คน ลงในอินสตาแกรม แต่ไร้เงาภรรยาตุ๊ก งานนี้หนุ่มบ๊วยก็เลยโดนเม้าท์อีกดอกว่าสร้างภาพ แถมยังโดนจับผิดว่าทำไมไม่มีตุ๊กอยู่ในเฟรม

"กับตุ๊กเราก็ยังคุยกัน เรายังช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างที่เขาบอกไม่มีอะไรเพิ่มเติม ตอนนี้ตุ๊กก็ยังดูแลลูกเป็นหลักครับ ผมมารับละครเขาก็เลี้ยงลูก ตุ๊กรับงานผมก็หาคิวว่างเลี้ยงลูกเราอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน สถานการณ์ครอบครัวตอนนี้ก็ตามสภาพ ผมพูดเหมือนตุ๊กแหละครับ คนเป็นพ่อเป็นแม่มันเปลี่ยนสถานะไม่ได้หรอกครับ จนกว่าจะตายไปแล้วไปเกิดใหม่ มันตอบยากครับเพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่างเลย"

"ส่วนรูปที่ถ่ายกับลูกๆ ลงอินสตาแกรมหลายคนหาว่าผมสร้างภาพ ก็ไม่เป็นไรครับ ความรักลูกมีทุกคน ผมก็อยากแสดงออก ใครชอบชื่นชมหรือจะด่าก็ไม่เป็นไรครับ นั่นก็คือตัวผม ใครมีลูกหรือเป็นพ่อเป็นแม่ก็เป็นกันทั้งนั้น บังเอิญลูกเราพูดเก่งน่ารัก ก็ยิ่งรักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า"

อดถามไม่ได้ว่าน้อยใจหรือไม่ที่ถูกคนมองว่าสร้างภาพ? เจ้าตัวก็ตอบเสียงเรียบว่า...

"ผมเป็นมนุษย์คนนึงแหละครับ เจอแบบนี้ก็เสียเซลฟ์บ้าง แต่เราก็รู้ว่าหน้าที่เราคืออะไร (รูปที่ลงทำไมไม่มีรูปตุ๊ก?) ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ ผมรับมีเรื่องต้องผิดชอบเยอะ แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ ใครไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ก็ดีขึ้น มีคนให้กำลังใจเยอะไม่ใช่ว่าด่าอย่างเดียว คนรักเราเป็นพันๆ คนก็รักษาเขาไว้ให้ดี หรือคนเกลียดผมเป็นล้านก็ไม่เป็นไร"

การที่ตุ๊กออกมาทำงานบ๊วยโอเคไหม?

"ก็โอเคนะ เขาจะได้เจอเพื่อนๆ บ้าง ทุกอาชีพทุกชีวิตก็คงต้องรอเวลา ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนอีกหน่อยให้มันลงตัว"

คิดว่าสถานการณ์ครอบครัวต้องดีขึ้นกว่านี้ไหม?

"มันก็ต้องดีขึ้นอยู่แล้วครับ ผมท่องอยู่เสมอ"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์