แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ๊วย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ๊วย แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

“บ๊วย” หวานยังรัก “ตุ๊ก” เสมอไม่เปลี่ยน คืนดีกันเป็นเรื่องอนาคต แต่ฝ่ายหญิงให้ได้แค่เพื่อน

“บ๊วย - ตุ๊ก” อดีตสามีภรรยาควงคู่กันรับงานคู่ ด้านฝ่ายชายบอกยังรักตุ๊กเสมอไม่เปลี่ยนแปลง ตุ๊กคือผู้หญิงที่ดีเข้มแข็งให้กำลังใจตนกลับมายืนได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วตุ๊กต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องการกำลังใจ บอกการคืนดีเป็นเรื่องของอนาคต แต่ด้านตุ๊กกลับบอกเรื่องทุกอย่างจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นเพื่อนกันและเป็นผู้ร่วมงาน



อดีตคู่สามีภรรยากันรักอย่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชระคุณ” กับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ที่ร้างลากันไปได้พักใหญ่ ล่าสุดโดดมารีบงานคู่กันในงานเปิดตัวหนังสือ “ตุ๊บปองร้อยเรียงเรื่องแม่ของลูก” ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ อาคารจามจุรีแสคว ได้นำลูกทั้งสองมาร่วมงานด้วย หรือว่างานนี้จะมีลมพัดหวนซะแล้ว

ตุ๊ก: “ก็พี่เจ้าของหนังสือพี่ตุ๊บปอง จริงๆ แล้วเป็นพี่ชายของเราแล้วก็เป็นลุงของลูกๆ จริงๆ ตั้งแต่นิทานเรื่องแรกจนถึงนิทานทุกเรื่องที่ลูกอ่าน แล้วก็รวมถึงการดูแลครอบครัวของเรา ก็เหมือนญาติสนิทจริงๆ ถ้าพี่ตุ๊บปองเพียงร้องขอเราก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ พี่เขาก็อยากให้เรามีส่วนรวมค่ะ เราก็เลยโอเค ถือว่าเป็นเกียรติกับเราด้วยค่ะ”

บ๊วย: “เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปครับอดีตก็คืออดีต นี่คือปัจจุบัน ปัจจุบันเราทำงานด้วยกันได้ แล้วเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ แล้วต่อไปเราก็จะมีงานรายการทีวีด้วยกันด้วย ก็ต้องติดตามครับว่าเป็นรายการอะไร เป็นรายการทีวีเป็นพิธีกรคู่กันครับ”

ตุ๊ก: “ก็จริงๆ แล้วก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานเหมือนท่านอื่นๆ รายการก็เป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพค่ะ โปรดิวเซอร์เห็นว่าพิธีกรท่านใดที่น่าจะพอนำเสนอเรื่องราวได้”

บอกไม่มีใครเป็นคนตัดสินใจกับการรับงานคู่กัน เพราะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วทำงานด้วยกันได้
บ๊วย: “เอางี้สภาพเป็นแบบนี้ก็คือเป็นแบบนี้ครับ มันไม่มีคำจำกัดความว่าเป็นแบบนี้นะครับ คือถ้าเกิดว่าเห็นว่าดีก็ดี เห็นว่าเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละครับ เพราะฉะนั้นถ้าอธิบายมาก็จะเข้าไปในมุมมองของแต่ละคนว่าเป็นแบบนี้เป็นแบบนั้น เพราะว่าเราเป็นแบบนี้แหละครับ เป็นแบบนี้เป็นอย่างที่เห็นชัดเจนครับ ทำงานด้วยกันได้ครับ เลี้ยงลูกด้วยกันได้ ทำไมจะทำงานด้วยกันไม่ได้ครับ”

เป็นแบบนี้แบบไหนไม่รู้ แต่ผู้สื่อข่าวก็ถามตรงประเด็นว่า เป็นสัญญาณว่าจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ ?
บ๊วย: “ตอบยากมากเลยปัจจุบันเป็นแบบนี้แล้วกันเนอะ เคลียร์เลยว่าปัจจุบันเป็นแบบนี้ครับ (ตุ๊กขยับไปไกลบ๊วย) ไม่ต้องรังเกลียดขนาดนั้นครับ(หัวเราะ) ผมไม่อยากจะบอกว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเราเป็นพ่อและแม่ของลูกดีที่สุดครับ”

ตุ๊ก: “ก็เรื่องทุกอย่างมันจบลงไปแล้วนะคะ ตอนนี้เราก็อยู่กันในฐานะของถ้าเกิดเป็นเรื่องของงานก็คือเพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเป็นในฐานะของครอบครัวก็คือเป็นพ่อและแม่ (บ๊วยแทรก: “โหดูห่างเหินอ่ะ เพื่อนร่วมงาน”) ประเด็นเรื่องของลูกน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญและใหญ่ที่สุด อะไรที่เป็นเรื่องของลูกก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดมากกว่าเรื่องของความสัมพันธ์และเรื่องของการที่เราจะมาห่วงตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องของลูกจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

บ๊วย: “ถ้าบอกว่าเป็นภาพครอบครัวที่น่ารักก็ครับ ถ้าใครเห็นว่าดีก็ดีครับ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเห็นว่ายอดเยี่ยมมันก็ยอดเยี่ยมครับ ถ้าเห็นเราออกงานคู่กันอีกก็เป็นเรื่องปกติเลยครับ”
ตุ๊ก: “คือถ้าถามว่านอกจากเรื่องลูกมีคุยเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า ก็เหมือนเพื่อนทุกคนเลยค่ะ ถ้าเรามีเรื่องไหนที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเพื่อนคนนี้สามารถซัพพอร์ทเราได้เราก็สามารถคุยกันได้ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เราคิดว่าเขาไม่ค่อยถนัดเราก็จะไม่ได้คุยกัน”

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ต่างคนต่างมีแฟนใหม่กันแล้ว ได้ปรึกษากันหรือไม่ เล่นเอาทั้งคู่รีบโยนให้อีกฝ่ายตอบ
ตุ๊ก: “พี่บ๊วยไม่เห็นมาปรึกษาเลย(หัวเราะ)”
บ๊วย: “โห....โยนๆ โยนอ่ะ ไม่รู้เรื่องเลย มีคนบอกว่าตุ๊กมีคนอื่นจริงไหมครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ พอถามบอกไม่รู้เรื่องงงๆ เอาจริงๆ คืออย่างนี้นะ อะไรที่ตุ๊กมีความสุขทำไปเลยผมซัพพอร์ท คือถ้าไม่นับความเป็นพ่อเป็นแม่ ตุ๊กเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม”

“ผมบอกแล้วว่าผมจะร้องเพลงรักเมียที่สุดในโลกไม่ได้ ไม่กล้าพูดเลย ตุ๊กเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นคนที่ผมให้ความรักเสมอเพราะว่าเขาเป็นคนที่ให้ของมีค่าสำหรับผมมากๆ คือลูกสองคน ความรักของผมที่มีต่อตุ๊กมันก็จะเป็นแบบนั้นครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วสถานะจะเป็นยังไงก็เป็นแบบนี้ครับ อย่าไปจำกัดความว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้เลย คือตอนนี้เราทำแล้วเรามีพลังเลี้ยงลูกกันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเราครับ ถ้าเกิดจะมีถามโน่นนี่เอาเป็นว่าปัจจุบันแป็นแบบนี้ก่อน”

“ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของอนาคต แล้วถ้าเกิดจะมีอะไรยังไงผมซัพพอร์ทเสมอ ไม่ว่าข่าวจะเป็นยังไง ตุ๊กจะมีผู้ชายหรือไม่มี แต่คงไม่น่ามีเพราะถ้ามีก็คงปรึกษาผมแล้ว (ตุ๊กแทรก: ทำไมตุ๊กไม่น่ามีเลยเหรอ) ไม่ใช่คือหมายถึงว่าผมซัพพอร์ทแหละ เพราะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อะไรก็ได้ครับในโลกนี้อะไรก็ได้เลย เพราะว่าเรามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการเลี้ยงลูกให้ได้ดี ให้ความรักกับลูกอันนี้มันสำคัญมากกว่าชีวิตเราสองคนอีก อยากให้มองตรงนั้นมากกว่าครับ”

ตุ๊ก: “สำหรับตุ๊กชอบใช้ชีวิตตามความรู้สึก คือถ้าเกิดตุ๊กคิดว่าเขาน่าจะให้คำปรึกษาได้ดีก็อาจจะแชร์ แต่ว่าที่ผ่านมามันยังไม่มีความรู้สึกเรื่องนั้นมันก็เลยคุยกันเรื่องลูกก็หมดเวลาแล้ว แล้วเราเจอกันน้อยด้วย เพราะว่าเหมือนเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ เราก็จะปรึกษาเวียนเพื่อนไปเรื่อยๆ แล้วคิดว่าเรื่องนี้เรานึกถึงใคร (บ๊วยแทรก สายตาอ่ะ สายตา) เราก็จะปรึกษาคนนั้นคะ ก็ปล่อยไปตามความรู้สึก”

บ๊วย: “ผมบอกเลยครับยืนยันว่าผมมีความรู้สึกให้ตุ๊กแบบนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยพูดตรงนี้ แล้วผมก็ชื่นชมตุ๊กว่ายอดเยี่ยมที่ผมเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อตุ๊กเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก เป็นคนหนึ่งที่ซัพพอร์ทผม เป็นคนที่ให้กำลังใจผมด้วยซ้ำในขณะที่ตุ๊กต้องเป็นคนที่ถูกให้กำลังใจมากกว่า กลับให้กำลังใจผม และทำให้ผมสามารถผ่านเรื่องราวในอดีตไปได้ จนผมกลับมายืนได้ในปัจจุบัน แล้วก็ลืมอดีต”

“อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบันสองเราเป็นแบบนี้มันก็น่าจะเป็นภาพชัดเจนที่สุด และถ้าอะไรที่ตุ๊กมีความสุขพี่ก็จะคอยซัพพอร์ท แล้วอะไรที่ทำให้เราสองคนมีความสุขทำเลยครับ เพราะความสุขของเราสองคนจะเป็นความสุขที่นำไปหยอดกระปุกออมสินให้กับลูกเราทั้งสองคน คนแค่นั้นเองครับ แล้วลูกเราทั้งสองก็จะเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” คิดได้ขอโทษ “ตุ๊ก” พี่เลวมากจริงๆ ด่าซ้ำขยะแขยงตัวเอง

“บ๊วย” ขอโทษ “ตุ๊ก” รับผิดพี่เลวจริงๆ ลั่นกว่าจะยอมรับว่าตัวเองน่าขยะแขยงต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก บอกต่อไปจะเลิกโทษคนอื่น ขอบคุณตุ๊กที่กรุณา ซึ้งอีกฝ่ายไม่เคยพูดให้ลูกเกลียดพ่อ แจงตอนนี้ยังอยู่บ้านเดียวกันแต่นอนคนละห้อง เรื่องคืนดีเป็นเรื่องอนาคต ปัดสำนึกผิดเพราะ “โม” หันไปคั่ว “แพท” ไม่รู้โมแขวะดราม่า
       

       หลังจากหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ตัดสินใจหย่ากับอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือมีสาว“โม นภัสนันท์ พสวงศ์” เป็นมือที่สาม แม้ว่าสุดท้ายเจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธข่าวมือที่สาม ส่วนทางด้านของสาวโมก็หันไปควงไฮโซ “แพท ประกาศิต” ออกหน้าออกตา
       
       ทว่าล่าสุด อยู่ๆ หนุ่มบ๊วยก็ลุกขึ้นมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า “วันนี้ผมได้รู้แล้วว่า ผมเลวแค่ไหน รับไม่ได้ ขยะแขยง ขอโทษกับคนที่ ผมเป็นด้วยครับ” ทำให้ถูกตีความไปว่า เจ้าตัวต้องการสื่อถึงใคร หรือเป็นเพราะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้หรือเปล่า เจอตัวบ๊วยในงานแถลงข่าว “โครงการปั่นให้ไกล เพื่อปัญญาไทย สู่เมืองหนังสือโลก” ที่ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น1 หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามเกี่ยวกับข้อความที่โพสต์ บ๊วยก็ยอมรับว่าด่าตัวเอง หลังจากได้ไปเข้าคอร์สเรียนหลักการใช้ชีวิตจนค้นพบว่าตัวเองเลว
       
       “ผมโพสต์เพราะผมรู้สึกจริงๆ มันไม่แปลกอะไร ถ้าผมจะรู้แล้วว่าที่ผ่านมาในอดีต ผมเป็นคนยังไง ผมเองรู้สึกเสียใจกับอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ทำให้ชีวิตครอบครัวต้องมาหย่าร้าง แต่ผมเสียใจกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิตหมดเลย ผมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับอะไรสักอย่าง มันทำให้ผมสะเทือนมาก” 
       
       “ที่ผ่านมาผมไปเรียนหลักสูตรการใช้ชีวิตมา มันเลยทำให้เราสะเทือนว่าเฮ้ย ชีวิตเราไม่เคยเต็มที่กับอะไรเลย เรา99 เปอร์เซ็นต์กับทุกพื้นที่แล้ว พอมาหาจริงๆ ตอนนี้เราเต็มที่กับชีวิตแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เอง อาศัยบนความรู้สึกว่าอยากทำกับไม่อยากทำ ไปรับปากอะไรใครไว้ก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ผมคิดว่ามันไม่เวิร์คสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว”
       
       “เราพูดอะไรเราต้องเป็นนายคำพูดของตัวเอง เราเสียใจที่อะไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็ยังทำ อย่างเช่น เรียนดี เราคิดว่าเราอ่านแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง หรือรักแม่ดูแลแม่แค่นี้ก็พอแล้วนะ ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกสะเทือนใจ มันไม่พอสำหรับผมแล้วก็เลยโพสต์ไป ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัว แต่มันเป็นชีวิตของผมตลอด 37 ปีใช้ชีวิตและตัดสินใจบนความรู้สึก ผมว่ามันไม่พอ ผมเลยแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเอง”
       
       “ก็เพราะไปเรียนหลักการใช้ชีวิตมานี่แหละครับ ตุ๊กเขาคงไม่กล้าถามเรื่องข้อความนั้น ผมก็เลยเคลียร์ในรายการคันปากไป คนคงไม่กล้าถามผมหรอกครับ ผมขยะแขยงตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมันอยู่ในน้ำเน่า มันต้องรู้สึกจริงๆ ตัวเองผ่านอะไรมาเยอะมาก พอรู้สึกก็เลยโพสต์ไป ผมอยากจะพูดเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับตัวเอง และทุกๆ อย่างที่ผมทำผิดไป ผมขอโทษทุกคนที่ผมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับทุกคนเลย”
       
       “ส่วนที่ผมโพสต์ว่า คนเรามักทำเรื่องไม่จริงให้เป็นเรื่องจริง ทำเรื่องจริงให้เป็นเรื่องไม่จริง ก็เพราะว่าเราชอบคิดว่าเรื่องจริงเป็นเรื่องไม่จริง อย่างเรื่องการทำงาน เราคิดว่าเดี๋ยวไปสายหน่อยก็ได้ ทั้งที่จริงๆ ทำไม่ได้ อย่างเรื่องไม่จริงทำเป็นเรื่องจริง คือความรู้สึกของเรา เรามองเขาว่า เขาเป็นคนไม่ดี ซึ่งจริงๆ เป็นแค่ความคิดทั้งนั้นครับ”
       
       “หลักสูตรนี้เปลี่ยนชีวิตมากเลยครับ บางทีเราทำอะไรเรามักโทษคนอื่น แต่เราไม่ได้รับผิดชอบตัวเอง เราเป็นคนอนุญาตให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง ผมเคยไม่สบายใจที่ยืนต่อหน้าสื่อ ไม่ชอบเป็นข่าว แต่ในเมื่อเราโทษคนอื่น โทษคนมาคอมเมนต์ ทั้งที่เราทำทุกอย่างเอง หน้าที่เราคือหันไปรับผิดชอบมัน สิ่งที่เคยกลัวก็หายไปเลย เป็นแค่ความคิดเรา ตุ๊กเขาก็ให้กำลังใจ”
       
       หลายคนเอาไปโยงกับเรื่อง “โม” ที่ตอนนี้ไปควงกับ “แพท” ทำให้เรารู้สึกอะไรขึ้นมา? ... “อันนี้เราคิดกันไปเองหรือเปล่า กับในอินสตาแกรม ผมมองว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว การที่ผมโพสต์ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มันเป็นความรู้สึกของผมเอง”
       
       ในขณะเดียวกันทางด้านของ “โม” ก็บังเอิญโพสต์ข้อความทำนองว่า “ดราม่าป่ะ” ในช่วงเวลาไล่ๆ กัน ทำให้ถูกมองว่ากระทบกระเทียบบ๊วยหรือเปล่า? … “ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ก็แล้วแต่คนคิด”
       
       พร้อมยอมรับว่าได้โทร.ไปขอโทษอดีตภรรยา “ตุ๊ก”
       
       “ผมโทร.ไปขอโทษตุ๊กตั้งแต่เรียนแล้ว เจอล่าสุดก็บอกว่าตุ๊กขอบคุณมากนะที่ทำให้รู้จัก แลนด์มาร์ค ฟอรั่ม(คอร์สหลักสูตรการใช้ชีวิตที่บ๊วยไปเรียนมา) พี่เลวมากจริงๆ เลย ตุ๊กเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่รู้สึกดีก็โอเคแล้ว ตุ๊กเขาเป็นคนแนะนำให้ผมไปเรียน มันเป็นจังหวะชีวิตมั้งครับ มันต้องเจอด้วยตัวเอง ประสบการณ์แบบนี้บอกใครไม่ได้”
       
       “ผมไม่รู้ว่าเขาทราบหรือเปล่าว่าผมโพสต์ แต่ผมเป็นคนบอกตุ๊กเองว่าพอผมเรียนแล้วรู้สึกว่าผมสะเทือนถึงตัวเอง ผมก็โทร.ไปหาตุ๊กขอบคุณเขา ตุ๊กบอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่บ๊วย ดีขึ้นก็ดีแล้ว เป็นการคุยแค่ 2-3 ประโยค แล้วครบท้วน”
       
       “ความสัมพันธ์ตอนนี้ดีขึ้นนะครับ พูดจริงๆ สำหรับผม ตุ๊กเขาดีมากอยู่แล้ว เจอเหตุการณ์แบบนี้เขาก็มีสิทธ์บอกลูกไม่ให้ชอบผมก็ได้ แต่เขาก็ไม่เคยพูด มีแต่มุมมองดีๆ ที่มีให้กัน เพราะเด็กไม่ได้เกี่ยวอะไร ผมว่าเขาทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้เพอร์เฟ็กต์มาก ผมขอบคุณเขาตลอด”
       
       พร้อมแจงกระแสในอินเตอร์เน็ตที่โจมตีว่า พอมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น “บ๊วย” ก็เลยชอบถ่ายรูปกับลูกเพื่อสร้างกระแส
       
       “ถ้าชีวิตผมอยู่บนความคิดบนความรู้สึกตลอดเวลา ผมก็ไปไหนไม่ได้หรอกครับ คุณคิดก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผม ตอนนี้ผมไม่ได้คิดแค่เรื่องของตัวเองแล้ว ผมมีเรื่องลูก เรื่องครอบครัวที่ต้องดูแล ถ้าย้อนไปดูให้ดี ผมก็โพสต์ตั้งนานแล้ว ผมตั้งใจว่าต่อไปนี้ผมจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ผมไปตรงนั้นมากกว่า ผมไม่ได้อยู่แค่ว่าตัวเองรู้สึกไม่ดีที่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ผมไปไกลกว่านั้นแล้วครับ 12 ตุลาฯนี้ ผมเปิด ซอย เตี๋ยว ติม นะครับ ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยว ไอติม เกษตรนวมินทร์ ตอม่อที่ 21 นีโอปาร์ค”
       
       “เราทุกคนมีความคิดนะครับ เพียงแต่ผมไม่ได้ฟังมันเท่านั้นเอง คือเราไม่ได้ปลงนะ แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอาศัยอยู่บนความคิด ความรู้สึก เราฟังแต่ตัวเองทั้งวัน โดยไม่เปิดโลกฟังข้างนอก พอเราเปิดโลกฟังข้างนอก ชีวิตมันมีความเป็นไปได้เยอะมาก เราพูดอะไรแล้วเรารับผิดชอบคำพูดเรา ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งหมดในชีวิต แล้วผมก็เห็นตามนั้น”
       
       เผยก่อนหน้านี้ไม่ค่อยอยากตอบคำถาม แต่ครั้งนี้อยากเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจน
       
       “ใช่ ผมโพสต์แล้วผมตั้งใจว่า ก็คงมีคนมาถาม ถามแล้วก็จะได้แสดงความรับผิดชอบจริงๆ ว่าเป็นยังไง ผมไม่ได้ดราม่าด้วย แต่ถ้าคิดว่าดราม่าก็เป็นความรับผิดชอบของคุณครับ ไม่ใช่ของผม ผมบอกแล้วไงว่าผมก้าวไปเกินกว่านั้นแล้ว ผมไม่คิดไม่รู้สึกแล้วครับ ผมรู้ว่าเป้าหมายผมคืออะไร เป้าหมายมีไว้พุ่งชนนะครับ แล้วถ้าเราตั้งใจอยู่ที่เป้าหมาย เราไม่สนใจหรอกครับว่าเราคิดอะไรอยู่ เราจะเดินทางไปหามันเท่านั้นเอง”
       
       “ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ งานพิธีกรก็ทำ เรารักและซื่อสัตย์กับหน้าที่การงานไป พอเรารู้ว่าเราร้อยเปอร์เซ็นต์กับสิ่งที่ทำ เราจะไม่กังวลกับมัน เราเต็มที่กับสิ่งที่ทำตอนนี้มากกว่า”
       
       ส่วนเรื่องกลับมาสร้างครอบครัวให้เป็นเหมือนเดิมไหม เจ้าตัวเลี่ยงตอบบอกเพียงว่าให้เป็นเรื่องอนาคต
       
       “เป็นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน แต่นอนกันคนละห้อง ผมก็รับผิดชอบในส่วนที่ผมรับผิดชอบของพ่อที่ดี พ่อที่สมบูรณ์แบบ เราก็ดูแลลูกร่วมกันมานานแล้ว ตอนนี้ความสัมพันธ์เราก็ดีขึ้นมากเลย เราอยู่บ้านเดียวกัน เพียงแค่แยกห้องกันอยู่ แต่ผมมี 2 บ้านนะครับ มีบางกรวย ที่เป็นบ้านพ่อบ้านแม่ด้วย”
       
       “ตุ๊กเขากรุณาผมมาก ไม่ได้โกรธผมเลย เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็ดีครับ ผมว่าตอนนี้ผมมีความสุข มันไม่มีที่เป็นรายลักษณ์อักษร แต่ข้อผูกมัดที่เรารู้คือเราทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่ ตุ๊กทำหน้าที่แม่ได้สมบูรณ์แบบ ผมก็ทำหน้าที่พ่อที่สมบูรณ์แบบ ทำสิ่งดีสำหรับลูกผมก็ทำ”
       
       แจงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสำนึกผิดและอยากกลับมาเหมือนเดิม
       
       “เป็นเรื่องของความคิด แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้จริงๆ เจอหน้าไม่ได้หนี ไม่ได้เกลียด ใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกัน แต่คนละห้อง ตุ๊กยังทักเลยว่าช่วงนี้อยู่บ้านนี้บ่อยนะ(ยิ้ม) ผมก็บอกว่าก็อยากอยู่กับลูก ลูกเป็นความสุข เรื่องจะกลับมาเหมือนเดิมไหมผมก็ไม่รู้ แต่ผมจะร้อยเปอร์เซ็นต์กับทุกเรื่องในชีวิต แนวโน้มดีขึ้นอยู่แล้วครับ มันดีขึ้นล้านเปอร์เซ็นต์ อย่าไปคาดเดาตอนจบเลย ก็เหมือนหนัง ให้มันจบที่ผมเอง ดีกว่าคนมานั่งคิดว่าผมเป็นยังไง”
       
       “เหมือนรีสตาร์ทตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัวแตกแยก แต่เป็นทุกเรื่องในชีวิต ให้มองว่าถ้าผมดำเนินชีวิตมาแบบนี้ไม่ต้องเป็นตุ๊กหรอกครับ ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องหย่าร้าง มันทำให้รู้ตัวเอง รู้ว่าอะไรที่ไม่เวิร์คกับชีวิต มันน้ำตาไหลเลยนะ ขยะแขยงตัวเอง มันต้องใช้ความกล้าหาญในตัวเองเลยล่ะ เลยมองว่าทำไมเราไม่รับผิดชอบกับชีวิตเรา”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

“บ๊วย” อุ้มลูกออกงานแทน “ตุ๊ก” ลั่นแฮปปี้ที่จะเป็นแบบนี้ถึงคนเกลียดก็ตาม

“บ๊วย” อุ้ม “น้องภูมิ” ออกงานแทน “ตุ๊ก” ลั่นถึงสถานะความเป็นสามี-ภรรยาจะเปลี่ยนไป แต่ตนก็ยังกลับบ้านไปช่วยเลี้ยงลูกทุกวัน บอกตอนนี้แฮปปี้ที่จะอยู่แบบนี้ ถึงจะโดนคนเกลียดก็ตาม



ตั้งแต่สาว “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” เปลี่ยนสถานะเป็นซิงเกิลมัม ก็ดูเหมือนงานในวงการบันเทิงจะชุกเอาการ จนอดีตสามีหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ต้องมาช่วยรับงานบ้างในกรณีที่มีงานชนกัน เช่นเดียวกับเมื่อวันก่อน หนุ่มบ๊วยก็ควงลูกชาย “น้องภูมิ” มาร่วมงานตลาดนัดความสุขฯ จัดโดย สนง.คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับ สสส.และเสถียรธรรมสถาน ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยเจ้าตัวเผยแม้สถานะจะเปลี่ยนไป แต่ตนก็ยังไปหาลูกที่บ้านและช่วยอดีตภรรยาเลี้ยงลูกอยู่ทุกวัน

“ช่วงนี้น้องภูมิเริ่มซนแล้ว พอดีเพิ่งหัดเดินได้ 2 วัน ขยันมากไปหน่อยเจอสเต็ปแล้วล้ม นี่ก็หัวโนอยู่ ก็เดินทั้งวันเลย อย่างที่บอกไม่ว่าจะก่อนหย่าหรือหลังหย่า พ่อแม่ก็ทำหน้าที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เด็กต้องการเลียนแบบพฤติกรรมพ่อแม่เท่านั้นเองครับ พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น”

“เราเลี้ยงลูกกันแบบ… อะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติ เราก็ตัดออกจากชีวิตลูก ผมกับตุ๊กหลังหย่าแล้วก็ยังเลี้ยงลูกเหมือนกัน ไม่มีเทคโนโลยี ไอแพด ไอพอด แต่อาจจะรู้จักโทรศัพท์ เพราะเห็นพ่อแม่คุยกัน ให้อยู่ใกล้ธรรมชาติครับ ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่าง เราก็ยังเป็นพ่อและแม่เหมือนเดิม อะไรที่เป็นเวลาครอบครัว เราก็ทำ ไม่ได้โกรธกัน อะไรที่ดีสำหรับลูกเราก็ทำ”

“ส่วนกับตุ๊กที่วันนี้มาทำงานแทนเขา ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ได้แย่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ใครจะมองยังไงก็ได้ แต่ผมบอกแล้วว่าจะไม่พูด แต่จะกระทำให้ดูเท่านั้นเอง ทำอย่างไรก็ได้รับผลอย่างนั้นเท่านั้นเอง ผมก็ยังไปที่บ้านทุกวัน อะไรที่ดีสำหรับลูกเราก็ควรทำใช่ไหมครับ ลูกยังเจอทุกวันครับ”

“ผมกับตุ๊กเป็นพ่อและแม่ของลูกไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ตลอดชีวิต ผมพูดอย่างนั้นคำพูดก็เป็นแบบนั้นครับ (มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิม?) ตอนนี้ผมก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้ครับ อะไรที่ดีกับลูก ผมทำอยู่แล้ว เราก็รับผิดชอบในส่วนของเรา ถึงจะโดนคนเกลียดก็โอเคครับ หน้าที่เราก็ทำต่อไป”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” โผล่โต้เตรียมแต่ง “โม” ที่เหลือถามคำตอบคำ จบข่าว!

“บ๊วย” โผล่โต้เตรียมแต่ง “โม” ส่วนที่มีภาพบ๊วยตาม “ตุ๊ก” กับลูกไปเที่ยวราชบุรี ในขณะที่โมก็หันไปคั่วไฮโซ “แพท” จนหลายคนแอบลุ้นว่าจะกลับมาคืนดีหรือเปล่า? เจ้าตัวปัดตอบ บอกเพียงขอบคุณที่ติดตามข่าว


มีภาพตาม “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี กับลูกๆ ในขณะที่ทางฝั่งของ “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยเป็นข่าวมือที่สาม ก็หันไปคั่วข่าวกับไฮโซหนุ่ม “แพท ประกาศิต” งานนี้หลายคนก็เลยแอบลุ้นปนสงสัยว่า ภาพดังกล่าว “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” จะส่งสัญญาณการคืนดีกับตุ๊กหรือเปล่า?

แม้ก่อนหน้านี้ตุ๊กจะออกตัวไปแล้วว่าหมดใจไม่คิดรีเทิร์น ล่าสุดได้มีโอกาสเจอบ๊วย ในงานแถลงภาพยนตร์เรื่อง The Expendables 2 (โคตรคนทีมมหากาฬ 2) ที่ เอสพลานาด รัชดา ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงคอนเซ็ปต์เก็บปากเหมือนเดิม โดยบอกเพียงว่าขอบคุณที่ติดตามข่าว ที่เหลือก็ถามคำตอบคำออกแนวเงียบสยบความเคลื่อนไหว

“ก็ขอบคุณที่ติดตามครับ ผมก็บอกแล้วว่า ถ้าผมจะทำอะไรผมมีเหตุผล ก็คอยดูแล้วกันครับ ผมขอไม่พูดแล้วกันครับ”

มีโอกาสเป็นไปได้มั้ย?
“ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ผมบอกไม่ได้จริงๆ อนาคตเป็นเรื่องของอนาคตครับ”

ได้เจอลูกเป็นไงบ้าง?
“ผมเจอลูกทุกวันอยู่แล้วครับ ลูกของผมครับ ขอบคุณครับ”

ตอนนี้มีกระแสเข้ามาถึงยังไงบ้าง?
“ขอไม่พูดถึงแล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ อยากให้เข้าใจจริงๆ”

จะแต่งงานใหม่จริงๆ หรือเปล่า?
“ไม่ว่าจะไปเกาหลี ไม่ว่าจะไปฮ่องกง ไม่ว่าจะแต่งงาน ไม่เป็นความจริงเลยครับ ขอบคุณครับ”

ยังไม่คิดมีงานแต่งใช่มั้ย?
“โอ๊ย ขอบคุณครับ”


ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” รับไปเที่ยวราชบุรีกับ “บ๊วย” พร้อมลูกๆ ปัดลมหวน

“ตุ๊ก” เผยเพิ่งพาลูกๆ ไปเที่ยวราชบุรี พร้อม “บ๊วย” บอกถ้าฝ่ายชายว่างก็จะมาหาลูกตลอด แต่ยันไม่ใช่ถ่านไฟเก่าคุ รับเห็นใจอดีตสามีโดนด่าสร้างภาพ ก่อนลั่นตอนนี้หมดใจแล้วไม่คิดรีเทิร์น



หย่าขาดกันไปแล้ว แต่ล่าสุดมีภาพ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี กับ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” พร้อมด้วยลูกๆ ทั้ง 2 คน บวกกับตอนนี้ทางฝ่ายของสาว “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยเป็นข่าวมือที่สาม ก็หันไปมีข่าวกับไฮโซหนุ่ม “แพท ประกาศิต” หลายคนเลยจับตามองว่า การไปเที่ยวด้วยกัน พ่อ-แม่-ลูก แบบนี้เป็นนินิตหมายอันดีของการคืนดีหรือเปล่า? สอบถามไปยังตุ๊ก เจ้าตัวก็แจงว่า...

“ไปราชบุรีก็คือจริงๆ แล้วก็เป็นโปรแกรมเอาไว้ ช่วงที่ลูกๆ เขาหยุดในวันปิดเทอม เราก็ไปเที่ยวกัน แล้วพอดีพี่บ๊วยเขาว่าง เขาเลยตามมาไปเล่นกับลูกๆ แต่ว่าพี่บ๊วยเขากลับก่อน เพราะว่าเขามีงาน เพราะว่าเขาก็อยากอยู่กับลูกเท่าที่เขาจะทำได้อยู่แล้ว”

“คือพี่บ๊วยก็มาหาลูกบ้างค่ะ มาเล่นกับลูกที่บ้านบ้าง ก็เพิ่งไปงานคอนเสิร์ตของโรงเรียนมาค่ะ ต้องไปอยู่แล้ว แล้วรู้สึกว่าพี่บ๊วยต้องทำหน้าที่บนเวที พี่บ๊วยก็จะมาเจอลูกตามที่พี่เขาสะดวกพี่เขาว่าง พี่เขาก็มาเจอลูกทุกวันค่ะ บางทีอาจจะสั้นๆ เขาก็จะพยายามหาเวลามาหาลูก ช่วงนี้เขาก็มาช่วยบ้างค่ะ (หลายคนบอกช่วงนี้บ๊วยทำคะแนน?) เรื่องตุ๊กกับเรื่องลูกคงเป็นคนละเรื่องกันค่ะ เขาทำกับลูกแบบนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วเพราะว่าเขารักลูก เขาเลยอยากทำ มันก็เลยเป็นคนละเรื่องกัน”

“แต่ถ้าบอกว่าบางคนมองว่าพี่บ๊วยสร้างภาพ น่าจะไม่ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องที่เขาอยากทำ เพราะว่าอย่างของตุ๊กเวลาพาน้องไปเที่ยวไหน ก็ลงในอินสตาแกรม แต่ถ้าจะโดนก็โดนไม่โดนก็ไม่โดน แต่ตุ๊กว่าเขาอยาจะทำของเขามากกว่า ก็เห็นใจเขาค่ะ ที่เขาโดนโจมตีถ้ามาบ่นตรงๆ กับตุ๊กไม่มีค่ะ จริงๆ ก็เห็นใจค่ะ แต่ตุ๊กว่าทุกคนคงรับรู้ได้ ว่า ถ้าเขาโดน คงไม่ใช่เรื่องแปลกมาก เขาก็น่าจะทำใจมากกว่า แค่เสียงที่ได้ยิน แค่ความหมาย ถ้าไม่ตีความเพิ่ม ไม่คิดต่อ ก็คงจบแค่คำวิจารณ์”

“สภาพจิตใจพี่บ๊วยก็คงปกติดีค่ะ แต่ถ้าลึกๆ อะไรก็คงไม่ทราบ ไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นอะไร (โมไปมีข่าวกับคนใหม่แล้ว หลายคนเชียร์ให้รีเทิร์นบ๊วย?) (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าเขากลับมาจริงๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ก็ยังไม่รู้เลย ยังไม่รู้จริงๆ ยังไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ปล่อยไปตามฟิวส์ค่ะ ซึ่งโอกาสไม่รู้จริงๆ นะ มันเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ ไม่ได้ตอบกั๊กอะไรนะ คือ มันไม่รู้จริงๆ ถามว่าปิดกั้นเขามั้ย ก็ถ้าถามตอนนี้จริงๆ ก็คือ มันจบไปแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วค่ะ”

เผยตอนนี้ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเทเวลาให้ลูกมากกว่า

“งานตอนนี้ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ถึงขนาดทุกวัน คิวก็ไม่แน่นนะคะ คือ จะจัดว่าถ้าวันไหนลูกว่างเราก็จะหยุดด้วย จะได้มีเวลาพานู่นนี่ งานก็เยอะแค่ประมาณหนึ่ง เพราะว่าเราก็รับเท่าที่จะรับได้ อาทิตย์หนึ่งก็ไม่เกิน 2-3 วัน ก็เอาเวลาไว้ให้ลูกด้วย ตุ๊กมองแค่ว่าประมาณนึงค่ะ ไม่ได้แน่นมากงานก็ปกติ เพื่อนๆ ก็ช่วยหางานให้ ก็ต้องขอบคุณมาก คนก็ยังนึกถึงเยอะ แต่เวลาของตุ๊กเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นของลูกอยู่ เราก็เลือกลูกก่อนมาเป็นอันดับหนึ่งค่ะ เด็กเล็กๆ ยังไงเขาก็ยังอยากอยู่กับพ่อ-แม่”

“ซึ่งงานเยอะก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร เพราะหน้าที่แม่เป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ยังเป็นหน้าที่เดิม และกับเรื่องละครที่กำลังจะมี 2 เรื่อง ก็มีเวลาให้ลูกค่ะ เพราะว่าก็ไม่ได้ถ่ายพร้อมกัน ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรเลย ยังไม่ได้เริ่ม ยังไม่ได้เปิดกล้องอะไรเลย เราก็ต้องดูอีกทีว่าต้องเริ่มถ่ายอะไรเมื่อไหร่ งานเดินแบบก็อ้วนค่ะตอนนี้ ถ้านับจริงๆ ตอนนี้อ้วนหลายกิโลฯเลยคะ แต่ตอนนี้ก็มีเดินๆ อยู่บ้างแต่ยังไม่ได้เต็มที่อะไร ก็อาจจะเดินบ้างสลับไปค่ะ แต่หน้าที่หลักก็ยังเป็นแม่ คือ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เมื่อก่อนจะรับงานเต็มที่ งานตอนนี้ก็เป็นหน้าที่เสริมเป็นหน้าที่รองไปค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แรงส์! “โม” โพสต์เพิ่งไปแดนซ์คอนเสิร์ต “เจ” ถ้าท้องกับ “บ๊วย” ลูกคงหลุดไปแล้ว

“โม นภัสนันท์” เดือด โพสต์ขึ้นกูประชดข่าวท้อง-เตรียมแต่ง “บ๊วย” ก่อนตอกแรง เพิ่งไปแดนซ์คอนเสิร์ต “เจ เจตริน” มา ถ้าท้อง ลูกคงหลุดไปแล้ว


หลังจาก “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองชื่อดัง ตกเป็นข่าวเป็นมือที่สาม ที่ทำให้ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ต้องขอหย่ากับอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์” กระทั่งมีข่าวตามมาว่า ตอนนี้บ๊วยเตรียมขอโมแต่งงานเพราะฝ่ายหญิงกำลังตั้งท้อง แต่นับตั้งแต่มีข่าวดังกล่าวหลุดออกมา ทั้งบ๊วยและโมก็ยังไม่มีใครออกมาเคลียร์ใดๆ โดยเมื่อวันก่อน ทางฝ่ายของบ๊วยได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หลังนักข่าวตามไปสัมภาษณ์เจ้าตัวในงานๆ หนึ่ง

ล่าสุด เป็นทางฝ่ายของสาวโมที่อดรนทนไม่ไหว ที่โดนกระแสโจมตีไม่จบไม่สิ้น ถึงกับออกมาโพสต์ประชดผ่านอินสตาแกรมอย่างมีอารมณ์ โดยมีข้อความดังนี้ “หรอ.. นี่กรูจะแต่งงานแล้วหรอ วันไหนช่วยบอกด้วยนะ เดี๋ยวเตรียมชุดไม่ทัน” และ “ไอ๊หย๊ะ!! ยังไม่ได้แต่งเลย ท้องไปสองเดือนแล้วหรอ อืมจะแต่งงานบ้าง ท้องบ้าง มือที่สามบ้าง สุดย๊วดดด วงการบันเทิงไทย”

ส่วนที่มีคนเห็นเจ้าตัวไปแดนซ์สะบัดที่คอนเสิร์ต “J20 Anniversary Concert” ของ “เจ เจตริน” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สาวโมก็ได้ทีตอบกลับอย่างถึงพริกถึงขิงว่า “แดนซ์ขนาดนี้ ลูกคงหลุดไปแล้วล่ะ”… เก็บกดมานานโผล่ออกมาที ทำเอาขาเม้าท์หน้าหงายกันเป็นแถว จบข่าวฉาว ณ บัดนาว ส่วนจะจริงหรือมั่ว ชัวร์อย่างที่เจ้าตัวพูดหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองจริงมะ?!

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” ไม่รู้ “บ๊วย” เตรียมแต่ง “โม” บอกอีกฝ่ายมีสิทธิ์อยู่แล้ว

“ตุ๊ก” รับเสียใจหย่า “บ๊วย” ยันตนไม่ได้อยากหย่า แจงเตรียมขายเรือนหอ ปัดไม่รู้ข่าวบ๊วยเตรียมแต่ง “โม” บอกอีกฝ่ายมีสิทธ์อยู่แล้ว เผยไม่สบายใจบ๊วยโดนด่าเยอะ พร้อมป้องกรณีให้สัมภาษณ์รักลูกไม่เท่ากัน คงไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจเป็นเพราะอดีตสามีกังวลหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด



หลังจากที่ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ได้ออกมาเปิดแถลงข่าวเรื่องหย่ากับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำเอาคนทั้งประเทศอึ้งมาแล้วกับวลีกระทืบใจ “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” หลังบ๊วยถูกถามถึงข่าวลือที่ว่า จะเลือกดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กจะไม่ดูแลเพราะไม่สนิทจริงหรือไม่? จนเจ้าตัวโดนสังคมก่นด่าจนเสียศูนย์

อย่างไรก็ตาม ในส่วนสาเหตุที่ทำให้เตียงหัก บ๊วยได้ปัดที่จะตอบ โดยให้เหตุผลว่าเลยจุดนั้นมาแล้ว ส่วนข่าวขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอดลูกคนเล็กได้ 20 วัน เจ้าตัวไม่รับไม่ปฏิเสธ อ้างเป็นเรื่องของสองคน พร้อมยืนยันการหย่าตุ๊กเป็นการตัดสินใจเอง ทายาทร้านทอง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยตกเป็นข่าวมือที่สามไม่เกี่ยว ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไห้ออกมา เพราะรับไม่ได้ที่โดนคนด่าไม่รักลูก โดยยืนยันลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด และตนก็รักลูกมากและจะทำหน้าที่พ่อไปตลอดชีวิต

ซึ่งแม้บ๊วยจะออกมาเคลียร์ทุกอย่างเองแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสข่าวลือต่างๆ ก็ยังไม่จบซะที ล่าสุดถึงขั้นมีคนกระพือว่า ตอนนี้ “บ๊วย” กับ “โม” เตรียมแจกการ์ดแต่งงานกันแล้ว ส่วนสินสมรสที่ว่าตกลงกันได้ด้วยดีก็ไม่จริง ทั้งคู่ยังถกเถียงกันเรื่องนี้ไม่ลงตัวด้วยซ้ำ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ตุ๊กและบ๊วยหย่าขาดจากกัน ทางฝ่ายของตุ๊กเองยังคงเก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าเจ้าตัวยังเสียใจ และไม่พร้อมจะพูดถึงเรื่องนี้ และขอเวลาสักพักในการฟื้นฟูจิตใจ

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(13 ก.ค.) ตุ๊กได้ออกมารับงานได้ปกติแล้ว โดยเจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมงาน “หนึ่งผนัง รวมพลังรักษ์สะอาด กับสีเบเยอร์ชิลด์” ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง ซึ่งในครั้งนี้เอง ตุ๊กได้เปิดปากเรื่องหย่า รวมถึงข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นที่น่าสังเหตุว่าเจ้าตัวดูผองซูบลงผิดหูผิดตาไป

“ก็เท่าเดิมนะ จริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งมันก็ควรจะฟิตเฟิร์มเพราะเรากลับมาทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลา ต้องเลี้ยงลูกอีก2 คนก็ได้เท่านี้แหละ ยังเหลืออีกหลายกิโลฯเลย ไม่ได้ลดอะไรเท่าไหร่”

“ภาพจิตใจเป็นปกติค่ะ แต่โดยรวมเราก็ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เราอยู่ในช่วงอ่อนแอ ก็ยอมรับว่าอ่อนแอมาระยะนึง แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไป ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าลูกผู้หญิงคนนึงจะทำให้ถึงที่สุด ก็พยายามที่สุดแล้ว ตุ๊กก็คิดว่าตุ๊กทำดีที่สุดเท่าที่ตุ๊กจะทำได้แล้ว ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราปรารถนา ความอ่อนแอของเราก็ต้องพับเก็บไป วันนี้น่าจะเป็นเรื่องราวของการโล่งใจ สบายใจ ทุกสถานการณ์น่าจะมีทางออกของมันของแต่ละสถานการณ์”

“ต้องเข้มแข็งค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของวิธีคิดมากกว่า เราเองไม่ได้ตัวคนเดียวไง เรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราก็ไม่อยากแม้แต่เพียงเสี้ยวนึงที่จะให้ลูกรู้สึก ฉะนั้นเราต้องเข้มแข็ง เพราะเขาเองยังต้องพึ่งพาและน่าจะเชื่อมความรู้สึกกับเราอยู่ตลอดเวลา”

“บ๊วย” โดนโจมตีเยอะรู้สึกไงบ้าง?
“ก่อนหน้านี้ตุ๊กน่าจะเป็นคนที่สนิทที่สุด เราผูกพันกันมาก ฉะนั้นอะไรที่เขาไม่สบายใจตุ๊กก็.....น่าจะรู้สึกไม่สบายใจ จะให้บอกว่าเห็นใจรึเปล่า ตุ๊กก็ไม่สบายใจ อยากเห็นเขามีความสุข ทุกชีวิตมีเรื่องราว มันน่าจะเป็นช่วงที่แต่ละคนต้องเจอ”

สาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้าง?
“สาเหตุที่แท้จริง...สาเหตุ(หัวเราะ) ตัวตุ๊กไม่มีเพราะว่าตุ๊กไม่ได้มีความต้องการที่จะจบแบบนี้ ตุ๊กไม่มีสาเหตุ แต่ให้ถามคือ...ชีวิตคู่น่าจะเป็นการเห็นชอบด้วยคน 2 คน ถ้าแม้เพียงใครคนนึง คิดว่าจะยกเลิก อีกคนนึงก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้แน่ๆ”

“ถามว่ามีมือที่3 มั้ย คำถามนี้ไม่ถามแล้วมั้ง(หัวเราะ) ตุ๊กก็พยายามของตุ๊กแล้ว แต่หากว่าตุ๊กยังจะเห็นแก่ตัวที่จะพยายามเพื่อตัวเอง เพื่อความต้องการของตัวเองอยู่ แต่คือว่าเราไม่ได้มือเปล่าไงค่ะ ขวาก็ต้องจูงมือลูกซ้ายก็ต้องอุ้มอีกคนนึง ก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ซึ่งทำแบบนั้นก็อาจจะล้มกันหมด ทุกอย่างก็คงถึงจุดที่ต้องเคลียร์ให้จบ”

“ที่หลายคนคิดว่าก่อนจะหย่า ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีขึ้นนี่คือที่พี่บ๊วยพูดรึเปล่าคะ ถ้าจากภาพวันเกิดลูกๆ ตุ๊กเชื่อว่าวันเกิดปีต่อไป ก็จะมีภาพแบบนี้อีก หรือจะดีขึ้นมั้ยก็ไม่รู้ อย่างที่บอกว่า เป็นวันเกิดลูก เราเองก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่กิจกรรมนั้นมันยังต้องดำเนินอยู่ แล้วเราก็อยากจะทำด้วย”

แต่ก็ไม่ได้ยืนยันการยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมือที่3 ?
“ตุ๊กไม่พูดถึงเรื่องนี้”

กับข่าวว่า “บ๊วย” เป็นคนขอเลิกตั้งแต่น้องภูมิเกิดได้ 20 วัน?
“ลืมไปแล้ว(หัวเราะ) วันนี้มันก็เป็นอย่างนี้แล้วแหละ มันลืมไปแล้ว ใช่ค่ะ”

กับข่าวที่ออกมาว่าวันหย่าถึงขั้นเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ตุ๊กบอกว่า…

“วันนั้นไปอยู่โรงพยาบาลจริงๆ อย่างที่พี่บ๊วยบอกว่าไปตรวจสุขภาพตามตารางที่มีไว้แล้ว เรื่องเป็นลมมันมีบ้างอยู่แล้ว ที่ตุ๊กจะมีโรคไมเกรน สรุปว่าหย่าแล้วไม่ได้เป็นลม แต่มันมีการสื่อสารผิด เพราะมีคนอื่นรับโทรศัพท์แทน ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้เป็นลมวันนั้นค่ะ”

พร้อมป้อง “บ๊วย” กรณีให้สัมภาษณ์ว่าเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน หลังมีข่าวจะดูแลแค่คนโต ไม่ดูแลคนเล็ก เพราะไม่สนิท จนนำมาซึ่งคำตอบที่ทำเอาหลายคนหงายหลัง ว่า “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” กับประเด็นนี้ตุ๊กแจงว่า อดีตสามีน่าจะไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจจะเพราะกังวงหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด

“ตุ๊กไม่เชื่อว่าพ่อแม่จะเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน และตุ๊กก็เชื่อว่าลูกๆ ทั้ง 2 ซึมซับความรักจากพี่บ๊วยได้ ตุ๊กไม่เชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่การสัมภาษณ์ บางทีคนที่ถูกสัมภาษณ์ก็จะกังวลหลายอย่าง ทุกอย่างมันเร็ว มันมีความพะวักพะวง เครียดแล้วก็กดดันมากกว่า น่าจะไม่ได้คิดแบบนั้นชัดๆ”

“อย่างที่เขาบอกว่ารักคนละแบบ อาจจะไม่ได้พูดแบบนั้น ตุ๊กเองได้ดูบทสัมภาษณ์ ด้วยความเข้าใจนิสัยและวิธีการพูด เลยรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เป็นการการพูดเร็วๆ ไม่ได้คิดว่าคนจะคิดมาก เขาก็กดดันพะวักพะวงหลายอย่าง ก็ต้องเข้าใจเขา น่าจะเป็นการเรียงประโยคมากกว่า”

น้องๆ ถามถึงคุณพ่อรึเปล่า?
“เขาก็ยังมีคุณพ่ออยู่ เขาก็ยังเจอกันบ้าง เรื่องการดูแล ตุ๊กก็เป็นคนดูแลลูกเป็นหลัก เรื่องทรัพย์สินต่างๆ ก็แบ่งกันตามที่เราตกลงกันไว้ตามนั้น เรื่องบ้านอาจจะต้องใช้วิธีขาย แล้วก็มีการจัดการเรื่องสินสมรส ตัวตุ๊กยังอยู่ที่บ้านกับลูก ถ้าขายได้แล้วก็คงย้ายไปซื้อบ้านใหม่อยู่กัน”

มีข่าวว่า “ตุ๊ก” เองก็พยายามที่เก็บเอาไว้?
“ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนอะไร ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้บ้านพี่บ๊วยเป็นคนผ่อนแต่เพียงผู้เดียว ถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็มีความประสงค์จะเก็บไว้ให้ลูก”

ส่วนที่มีข่าวว่าจะพาลูกไปต่างประเทศนั้น “ตุ๊ก” บอกเป็นการไปเที่ยวปกติ ไม่ได้หนีข่าวไปพักใจ

“ไปเที่ยวตามปกติที่ไปอยู่เป็นประจำ น้องแพรวมีพาสปอร์ตอยู่แล้วตั้งแต่ขวบนึง ตุ๊กกับพี่บ๊วยก็พาน้องแพรวไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่ที่ไปทำคือน้องภูมิ ก็เป็นครั้งแรกที่จะพาเขาไปต่างประเทศ เดี๋ยวจะไปวันอาทิตย์กลางคืนนี้แล้ว ก็ไปเกาหลีค่ะ ไปกับครอบครัว ก็ไป 5-6 วัน”

“ข่าวไม่ใช่น้ำท่วมค่ะ หนีไม่ได้ ไม่มีที่ใดในโลกที่หนีได้ ทุกอย่างอยู่ข้างใน เราไปเที่ยวกันตามปกติ ไม่ได้พักผ่อนจิตใจอะไร ครอบครัวเราค่อนข้างไปเที่ยวกันบ่อย ยิ่งตอนที่น้องแพรวยังไม่เข้าโรงเรียน เราไปกันทุกเดือนโดยเฉพาะต่างจังหวัด จนแทบไม่รู้จะไปไหนกันแล้ว เรียกว่าไปกันเป็นปกติค่ะ”

น้องรู้เรื่องอะไรมากน้องแค่ไหน?
“ก็คงไม่รู้อะไรชัดเจน แต่อาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมันค่อยๆ เกิดขึ้นอยู่แล้ว เขาก็ค่อยๆ รู้ มันอาจจะมีบางทีเขาถาม อย่างทำไมแดดดี้ไม่นอนห้องนี้แล้ว เขามีถาม แต่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรทั้งหมด ตุ๊กเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะรู้เพิ่มมากน้อยแค่ไหน หรือรู้ไปโดยปริยาย”

“เรื่องข่าวก็ขอความกรุณา(ยกมือไหว้) เป็นแค่ครั้งเดียวก็จะขอบพระคุณมาก ตอนนี้เขาเองก็ต้องมีส่วน ไหนจะเรื่องเขาเอง แล้วก็เรื่องน้องอีก เขาต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง อาจจะรู้สึกเพลียและอ้วกบ้างโดยไม่มีสาเหตุ เขาก็คงแกว่งบ้าง ก็เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ที่จะทำให้เขารู้สึกดีที่สุดได้ ตุ๊กเองก็พยายามทำทุกอย่างให้ปกติ ไม่ลืมที่จะใส่ใจ ไม่ละเลยที่จะใส่ใจเขา”

นับจากนี้เรียกว่า “บ๊วย” สามารถแต่งงานมีครอบครัวใหม่ได้?
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ ก็ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของเราอยู่แล้ว ตุ๊กจะโอเคหรือไม่โอเคมันไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ของตุ๊ก”

มีข่าวว่าว่า “บ๊วย” กับผู้หญิงที่มีข่าวด้วยเตรียมแต่งงานกันแล้ว?
“ก็เรื่องนี้ไม่รู้เรื่องค่ะ”

ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?
“ไม่พูดถึงดีกว่าเนอะ”

ตัว “ตุ๊ก” เองมองอนาคตยังไงบ้าง ถ้าจะเปิดใจรับคนใหม่?
“ไม่ได้นึกเลยค่ะ น่าจะยังไม่มีอารมณ์คิดเรื่องแบบนี้ แค่กำลังสอนให้คนเล็กรู้จักนอนยาวๆ นี่ก็เป็นการบ้านที่หนักแล้ว ต่อจากนี้ก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ตื่นมากินข้าวอาบน้ำแปรงฟัน เราต้องทำอยู่แล้ว ใช้ชีวิตปกติ แค่พาร์ทเนอร์ของเราหายไป ก็อาจจะเหงาบ้างเพราะบางอย่างเคยทำ 2 คน ก็อาจจะเหนื่อยไปบ้าง แต่ทุกอย่างต้องทำอยู่แล้ว เราต้องมีความสุขกัน”

ตอนนี้เห็นว่าประหยัดสุดเพื่อเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตลูก?
“ยังไงก็ต้องประหยัดเหมือนเดิม จากตอนนั้นเป็นครอบครัว เราเองก็ประหยัดกันอยู่แล้ว เป็นนิสัยของแม่บ้านและคุณแม่ที่ดี เราก็ใช้กันแต่พอสมควร”

“ตุ๊กต้องขอโทษจริงๆ ที่เรื่องราวมันยืดเยื้อมานาน หลายๆ คนก็ลุ้น ก็ขอบคุณคนที่ลุ้นคอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ความรักของคน 2 คนไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ได้ความรักในมุมมองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย ทั้งเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ส่งกำลังใจมาให้ หรือคนที่เจอกันอยู่แล้ว เราก็รู้ว่าเขารักเราจริงๆ กับเพื่อนที่เราไม่รู้จักเลย รวมถึงโลกไอทีด้วย ต้องขอขอบพระคุณที่เป็นกำลังใจให้ เอ็นดูลูกของตุ๊กทั้ง 2 และเอาใจช่วยครอบครัวของเรา ขอบพระคุณจริงๆ ประทับใจและซึ้งใจสุดๆ จริงๆ”


"โม" ทายาทร้านทองชื่อดังที่ตกเป็นข่าวเป็นมือที่สาม และล่าสุดมีข่าวลือเตรียมแต่งงานกับบ๊วย

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” แถลงเองไม่เปิดให้สื่อซัก ก่อนร้องไห้ รับไม่ได้คนด่าไม่รักลูก

“บ๊วย” แถลงเองไม่เปิดให้สื่อซัก เจ้าตัวไม่รับไม่ปฏิเสธขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอดลูก 20 วัน อ้างเป็นเรื่องของสองคน ไม่ตอบสาเหตุที่ทำให้เตียงหัก บอกเลยจุดนั้นมาแล้ว พร้อมเผยลูกยังไม่รู้เรื่อง รอให้โตมีวุฒิภาวะค่อยบอก ก่อนร้องไห้รับไม่ได้คนด่าไม่รักลูก แต่รับรักลูกไม่เท่ากัน ยันส่งเสียลูกทั้ง 2 คน ตัดพ้อผมไม่ได้ฆ่าคน

เป็นข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงมาตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับข่าวคราวเตียงหักของพิธีกรอารมณ์ดี “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์” หลังมีการเปิดเผยออกมาว่า ทั้งคู่ได้ไปเซ็นใบหย่ากันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่เขตสะพานสูง โดยได้รับการยืนยันจากคนใกล้ตัวอย่างผู้จัดการส่วนตัวของตุ๊ก ว่า ทั้งคู่ตกลงกันได้ด้วยดี ลูกอยู่กับตุ๊ก สินสมรสแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนบ๊วยจะช่วยเรื่องค่าเลี้ยงดูและค่าเรียนของลูกๆ ทั้ง 2 คน คือ “น้องเแพรว” และ “น้องภูมิ” เป็นการปิดฉากชีวิตคู่ 7 ปีอย่างขมขื่น และได้ทำให้หลายคนช็อกไม่น้อย เนื่องจากเป็นที่ทราบดี ว่า บ๊วยและตุ๊กนับเป็นคู่รักที่รักกันมากอีกคู่หนึ่ง หลายคนอิจฉา

กระทั่งหลายเดือนที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่า ทั้งคู่มีปัญหากันถึงขั้นตัดสินใจจะจดทะเบียนหย่า โดยมีข่าวว่า บ๊วยไปแอบสานสัมพันธ์กับทายาทร้านทองชื่อดัง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางฝั่งของบ๊วยได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยอมรับว่า มีปัญหากับตุ๊กจริง แต่เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่เกี่ยวมือที่สาม นับตั้งแต่มีข่าวออกมาทั้งบ๊วยและตุ๊กก็พยายามประคับประคองชีวิตคู่มาตลอด แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด ต้องหย่าขาดจากกันอย่างที่มีรายงานข่าวออกไปแล้วก่อนหน้านี้

แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้ ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปหย่ากัน สอบถามไปยังคุณแม่ของบ๊วย เจ้าตัวกลับปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง ว่า ชีวิตครอบครัวของลูกชายและลูกสะใภ้ ถึงจุดอวสานแล้ว ทั้งยังอ้างว่า 2 วัน ก่อนมีข่าวหย่าออกมา ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกันอยู่เลย

นอกจากนี้ ยังมีข่าวออกมาด้วยว่า ความจริงแล้ว หนุ่มบ๊วยได้ขอหย่าตั้งแต่ตุ๊กคลอด “น้องภูมิ” ลูกชายคนเล็กได้เพียง 20 วัน แต่เป็นเพราะทั้งคู่ยังตกลงกันไม่ได้ ทำให้เรื่องราวลากยาวยื้ดเยื้อมาเป็นปี ซึ่งสอดคล้องกับที่ “เก๋ ชลลดา” หลุดให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตุ๊กเข้มแข็งได้ในระดับนึง เพราะได้เตรียมใจมาตั้งแต่น้องภูมิเกิดได้ 20 วันแล้ว!!

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ทั้งคู่หย่ากัน ทั้งตุ๊กและบ๊วยก็เก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าทั้งคู่ยังไม่พร้อมพูดถึงเรื่องนี้ ล่าสุด เป็นทางฝ่ายของบ๊วยที่ออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเปิดใจสดๆ ผ่านรายการคันปาก ทางช่อง 7 มี “อ้น ศรีพรรณ” และ “ไก่ สมพล” พิธีกรร่วมรายการเป็นคนสัมภาษณ์ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ให้สัมภาษณ์ บ๊วยก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งในวันนี้บ๊วยได้เปิดฉากแถลงเคลียร์ข่าวด้วยตัวเอง โดยมี อ้น และ ไก่ เป็นคนถามคำถาม แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อสัมภาษณ์แต่อย่างใด ต่างจากวันที่เจ้าตัวเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ที่ยินดีให้สัมภาษณ์อย่างเต็มที่ ก่อนปล่อยโฮออกมาในช่วงท้าย เพราะรับไม่ได้ที่คนด่าไม่รักลูก

“อย่างที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็จะบอกกัน เพราะว่าผมไม่ได้ไปไหน ยังทำงานอยู่ บางคนอาจจะบอกว่าผมหนีหน้านักข่าวหรือเปล่า เปล่าครับ ผมก็ยังทำงานตามปกติ แล้วก็ไม่มีการแคนเซิลแต่อย่างใด และที่ยังไม่อยากออกมาพูด เพราะหนึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้ปุ๊บ มันก็ไม่สบายใจ”

“แล้วเรื่องแบบนี้ คือ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต ที่มีผลกระทบต่อผมเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะมองยังไง มันมีผลกระทบต่อผมมาก กับตุ๊กก็มีผลกระทบ มันเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะพูด และยังไม่พร้อมที่จะพูด แต่ถ้าเกิดปล่อยให้ช้าเนิ่นนาน ก็จะโดนหาว่าหนีหน้าหรือเปล่า ตอนนี้มันก็ไม่ได้เหมือนว่าทำใจได้แล้ว มันอยู่ที่ว่าต้องทำอะไรมากกว่า หน้าที่ของเราตอนนี้คือทำอะไรมากกว่า และเรื่องแบบนี้มันมีผลกระทบต่อลูกอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด”

โต้ไม่จริง “ตุ๊ก” เสียใจถึงขั้นเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาล

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ตุ๊กไม่ได้รับโทรศัพท์ ตุ๊กเข้าโรงพยาบาลไปตรวจร่างกายพอดีครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นลมแต่อย่างใดครับ”

จริงๆ เหมือนเรื่องกำลังดีแล้ว ทำไมอยู่ๆ จึงตัดสินใจหย่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร?

“เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้พูดอะไรไปอีก มันก็เหมือนการที่ย้อนกลับไปพูดเรื่องเดิมๆ อีก มันก็เกิดผลกระทบ มันข้ามตรงนั้นมาแล้ว แล้วตอนนี้สัมพันธ์ผมกับตุ๊กดีมาก เราไม่ได้โกรธกัน และสัมพันธ์ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์กันแบบพ่อแม่ของลูก และเราจะเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ครับ”

“ทุกอย่างมันดีขึ้นและดีขึ้นจริงๆ ครับ ถึงตอนนี้ผมคุยกับตุ๊กได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องลูก เราเลี้ยงลูกไปในทิศทางเดียวกัน ตกลงปรึกษากัน จังหวะชีวิตของลูกในทุกๆ วัน ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นจริงๆ (ปัญหาอะไรที่ทำให้เราไม่สามารถประคองความรักกันไปได้?) เราก้าวข้ามตรงนี้มาแล้ว ก็เลยไม่อยากจะพูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน”

“ตอนนี้ผมอยู่บ้านแม่ครับ ตอนนี้ตุ๊กอยู่บ้านที่รามอินทรา เวลาที่ผมจะกลับเข้าบ้าน ผมจะบอกตุ๊กว่าผมกำลังจะเข้าไปนะ เพื่อให้เขารู้ เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กันในฐานะสามีภรรยากันแล้ว เพื่อให้เขารู้ว่ากำลังจะมีใครมา”

ส่วนที่มีข่าวว่าแบ่งทรัพย์สินไม่ลงตัวนั้น “บ๊วย” ปัดเรื่องนี้เป็นเรื่องภายนอก

“เรื่องทรัพย์สินเป็นเรื่องของภายนอกมากเลย ผมกับตุ๊กรักลูกมาก เราคุยกันว่าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไร แบ่งเวลากันยังไงมากกว่า ตรงนี้คือประเด็นสำคัญหลักมากกว่า แล้วลูกผมให้ตุ๊กเป็นหลักในการดูแลได้เลย เพราะผมคิดว่าแม่น่าจะดูลูกได้ดีกว่า ส่วนผมก็รับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อ ส่งเสียเลี้ยงดูไปครับ”

“แล้วในเรื่องของการเจอลูก ตุ๊กก็อนุญาตให้ผมเจอลูกได้ตลอดเวลา ตรงนี้ผมก็ต้องขอบคุณตุ๊กด้วย ที่เข้าใจว่าผมก็รักลูก อยากเจอลูกตลอดเวลาเหมือนกัน ตั้งแต่หย่ามา ผมก็ยังทำอะไรได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ลูกไม่ทราบหรอกครับ เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพื่อให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุดครับ ให้ลูกได้รู้ตอนวุฒิภาวะที่จะรู้ดีกว่า เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งพูดมันก็ยิ่งมีกระแสเข้ามาอีก”

ไม่รับไม่ปฏิเสธ กรณีขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอด “น้องภูมิ” ลูกคนเล็กได้ 20 วัน อ้างเป็นเรื่องของคนสองคน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มีเพียงผมกับตุ๊กเท่านั้นที่รู้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน และผมก็ไม่รู้ว่าข่าวแบบนี้มันออกมายังไง มันออกมาจากปากใคร ใครจะบอกว่าผมรับลูกคนนี้ไม่เท่าคนนี้ ใครจะรู้ความรู้สึกผมครับ”

กระแสข่าวว่าจะดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กไม่ดูแลเพราะไม่สนิท?

“คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ ลูกคนนึงฉอเลาะ รักนะ รักเท่ากันแหละครับ แต่รักคนละแบบ อย่างภูมิตอนนี้ก็เล่นจุ๊บเหม่ง มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ใครจะคิดยังไงก็ได้ แต่ผมรู้ว่าผมรักลูกอย่างไร และผมรู้สึกยังไง ผมทำอะไรอยู่ ย้ำเลยนะครับว่าผมไม่ได้โกรธกัน ความสัมพันธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันตลอด อย่างวันนี้ผมก็บอกว่า วันนี้พี่ให้สัมภาษณ์นะ”

โอกาสคืนดีเป็นเรื่องของอนาคต

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ ความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกตลอดชีวิต เพราะเรามีเป้าหมายเดียกันคือลูก เรื่องวางแผนอนาคต ผมก็อยู่กับปัจจุบันครับ ตุ๊กกับผมก็บอบช้ำ ตุ๊กบอบช้ำอย่างหนึ่ง ผมก็บอบช้ำอย่างหนึ่ง บางทีชีวิตมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ ตอนนี้ที่ผมเจอคือ ถ้าไม่ดีก็เลวไปเลย จริงๆ มันมีเส้นสีเทาๆ”

ส่วนที่มีหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งลงข่าว “บ๊วย” มีสาวคนใหม่ไปนั่งเฝ้าที่ร้านไก่ทอดเดชา ธุรกิจของเจ้าตัว บ๊วยชี้แจงว่า...

“ทุกวันนี้ผมทำอะไรก็เป็นข่าว อย่างเช่น ข่าวในหนังสือพิมพ์ น้องผู้หญิงคนนี้ชื่อแก้ว รู้จักจริง แล้วเป็นแฟนเก่าของน้องผม แล้วเขาไปช่วยงานที่ร้าน แล้วก็มีการพูดคุยธรรมดา คือ อย่าไปคิดว่าผมมีเรื่องแบบนี้ต้องเศร้าอยู่ตลอดเวลา การที่เศร้าหรือไม่เศร้า เราไม่ต้องไปบอกใครตลอดเวลา ผมถึงบอกว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ มันมีเส้นเทาๆ และความรู้สึกของผมไม่จำเป็นที่จะต้องไปบอกใคร ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด ทำหน้าอดีตสามีที่จะคอยดูแลอดีตภรรยาให้ดีที่สุด”

ยันไม่มีมือที่สาม

“เรื่องมือทีสาม ไม่มีแน่นอนครับ ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการตัดสินใจของผมกับตุ๊กครับ ใครจะมองว่าผมไม่ดีก็ได้ แต่อย่ามองว่าผมไม่รักลูก ขออย่างเดียว อย่าคิดว่าผมไม่รักลูกเท่านั้นเอง (ร้องไห้) ผมไม่ได้ฆ่าคนนะครับ คือ ผมรับไม่ได้ไง ที่คนมองว่าผมไม่รักลูก กับตุ๊กผมก็รัก และต้องแคร์ความรู้สึกในฐานะที่เป็นแม่ของลูก และยังรับผิดชอบเหมือนเดิม”

“ลูกต้องอยู่ในโรงเรียน เป็นเรื่องของสังคม ก็อยากให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุด ขอสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจว่าเป็นการทำข่าว แต่นั่นแหละ พูดไปแล้วนะครับ ผมไม่อยากพูดถึงแล้ว ไม่ได้เอามาอ้างจะให้ตัวเองรอดหรืออะไรนะครับ ขอให้เข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง บอกแล้วว่า เรื่องเป็นอย่างไร ก็น่าจะจบ ขอบคุณครับ”

ทั้งนี้ หลังจากให้สัมภาษณ์ในรายการเสร็จ เจ้าตัวก็เดินออกจากสตูดิโอไปเลยโดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อ พร้อมหันมาพูดย้ำว่า ขอร้องอย่าบอกว่าผมไม่รักลูก

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไม่รอด! “ตุ๊ก-บ๊วย” หย่ากันแล้ว แบ่งสินสมรสลงตัว ลูกอยู่กับแม่

เตียงหัก! “ตุ๊ก-บ๊วย” หย่ากันแล้ว แบ่งสินสมรสลงตัว ลูกอยู่กับแม่ ส่วนบ๊วยจะเป็นคนส่งเสียค่าเลี้ยงดู และค่าเรียนอย่างดีที่สุด หลังหย่าเสร็จเตรียมแยกกันอยู่ถาวร เผยตุ๊กเสียใจ แต่ยืนยันจบด้วยดี ด้านแม่ฝ่ายชายปัดไม่รู้เรื่อง

หลังจากประคับประคองกันมาพักใหญ่ สุดท้ายชีวิตคู่ของ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” และ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ก็เป็นอันสะบั้นทางใครทางมัน ซึ่งมีการคอนเฟิร์มแล้วว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (4 ก.ค.) ทั้งคู่ได้ไปจดทะเบียนหย่ากันเป็นที่เรียบร้อย ที่เขตสะพานสูง ท่ามกลางมรสุมข่าวที่มีออกมาก่อนหน้านี้สารพัด นอกจากปัญหาของทั้งคู่ที่สะสมมานานแล้ว ยังมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกกลาง โดยเฉพาะทางฝ่ายของบ๊วยที่ตกเป็นข่าวว่า แอบไปสานสัมพันธ์กับทายาทร้านทองชื่อดัง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” แม้ว่าบ๊วยจะปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แต่ก็ว่ากันว่า อย่างหลังเป็นชนวนสำคัญอีกข้อ ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของทั้งคู่พังลงแบบนี้

ทั้งนี้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้จัดการส่วนตัวของตุ๊ก โดยเจ้าตัวเผยว่า ตุ๊ก-บ๊วยได้หย่าขาดกันแล้วจริง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนเรื่องสินสมรสก็เป็นไปตามกฎหมาย โดยตุ๊กจะเป็นคนดูแลลูกทั้ง 2 คน “น้องภูมิ” และ “น้องเแพรว” และพร้อมรับงานเต็มที่ เพื่อวางรากฐานไว้ให้ลูกๆ

“การหย่าเป็นเรื่องจริง ทั้งคู่เพิ่งไปหย่าเมื่อช่วง 11 โมงที่ผ่านมานี้เอง ที่เขตสะพานสูง เป็นการตกลงกันด้วยดี ที่เลือกไปวันนี้ น่าจะเป็นในเรื่องของความพร้อม และคงตกลงกันได้แล้ว เรื่องการแบ่งสินสมรส ก็ตามกฎหมายกำหนด ได้คนละครึ่งอยู่แล้ว โดยตุ๊กเป็นคนดูแลลูกทั้ง 2 คน ที่ผ่านมา บ๊วยเองก็ดูแลลูกเป็นอย่างดี ทั้งสองคนดูแลลูกอย่างดีมาตลอด เพราะสิ่งสำคัญของทั้งตุ๊ก และบ๊วย คือ ลูก เขาสองคนจบกันอย่างสมานฉันท์ เรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรบ๊วยจะช่วย และส่งเสียเรื่องการเรียน”

“ตุ๊กก็เสียใจเป็นธรรมดา แต่เมื่อเช้าเขาก็ไม่ได้ร้องไห้ การตัดสินใจครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถึงมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ ครอบครัว แต่ว่ามันก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น รวมถึงตุ๊กด้วย หลังจากนี้ ตุ๊กก็ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง เขามาจากวงการบันเทิง ฉะนั้น ก็อยากจะทำงานในวงการต่อไป ก็รอพี่ๆ สนับสนุน ตอนนี้ตุ๊กก็พร้อมรับงานเต็มที่ เพราะต้องวางแผนไว้ดูแลลูก ถึงจะต้องแยกกัน แต่ทั้งคู่ก็ทำหน้าที่พ่อ-แม่ ได้สมบูรณ์แบบ และเต็มที่มาตลอด”

“หย่าแล้วบ้านก็คงต้องแยกกันอยู่ แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของทั้งคู่อยู่ ยังผ่อนกับธนาคารอยู่ ตอนนี้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นของใครหรือยังไง แต่ตอนนี้ตุ๊กยังอยู่กับลูกไปก่อน ส่วนบ๊วยคงแยกไปอยู่ที่อื่นก่อน ช่วงรอให้เคลียร์อะไรให้เรียบร้อยคงจะสรุปอีกที”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยัง “นางพิมพ์ วัชรคุณ” ซึ่งเป็นคุณแม่ของหนุ่มบ๊วย แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า เรื่องใหญ่และเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้ แต่ทางคุณแม่ของบ๊วยกลับปฏิเสธไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ขอให้ความคิดเห็นใดๆ โดยเผยเพียงว่าเมื่อ 2 วันที่แล้ว ลูกชายและลูกสะใภ้ยังอยู่ด้วยกันที่บ้านดีๆ อยู่เลย ยังกินข้าวหม้อเดียวกัน พร้อมกับชี้แจงว่า ส่วนตัวแล้วเลี้ยงลูกแบบอิสระ จึงปล่อยให้ตัดสินใจเอง ตนไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย และเรื่องสุดท้ายที่คุยกับบ๊วยก็ไม่ใช่เรื่องการหย่าร้างของลูกชาย เป็นการพูดคุยกันเรื่องอื่นตามประสาแม่ลูกมากกว่า

ส่วนความคืบหน้าต่างๆ จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่จะออกมาแถลงข่าวพร้อมกันอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้หรือไม่นั้น ทีมข่าวบันเทิง “ASTVผู้จัดการออนไลน์” จะติดตามมานำเสนอต่อไป

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สวนกระแสรอหย่า! “บ๊วย” ยันตอนนี้ชีวิตครอบครัวแฮปปี้มาก

“บ๊วย” ยันตอนนี้ชีวิตครอบครัว กับ “ตุ๊ก” แฮปปี้มาก เผยวันเกิดลูกทั้ง 2 คนที่ผ่านมา ตั้งใจทำเค้กให้ด้วยตัวเอง ถือเป็นวันดีๆ ของครอบครัวอีกหนึ่งวัน ลั่นถ้าจะหย่าบอกแน่นอน

มีข่าวออกมาเป็นระลอกว่าเตรียมหย่าขาดจากกัน ถึงขั้นระบุวันว่าเป็นวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่จนถึงวันนี้ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” และ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งบ๊วยและตุ๊กยังอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนคำตอบเรื่องหย่าก็ยังคาราคาซัง ล่าสุด ทางฝ่ายของบ๊วยได้โชว์รูปในอินสตาแกรม ซึ่งเป็นรูปตนและภรรยาตุ๊กช่วยกันทำเค้กวันเกิดให้กับลูกสาวและลูกชาย “น้องภูมิ” และ “น้องเแพรว” ดูปรองดองเป็นบรรยากาศที่หลายคนเห็นแล้วรู้สึกดีไปด้วย กับสถานการณ์ครอบครัวล่าสุดหนุ่มบ๊วยได้ออกมาเผยว่า...

“ผมพูดจริงๆ ว่า ผมไม่พูดดีกว่า เพราะว่าผมรู้ว่าผมทำอะไร ผมรู้ว่าหน้าที่ผมทำอะไรนะ เพราะฉะนั้นแล้วผมขออนุญาตไม่พูด ไม่ใช่ว่าผมจัดเป็นบุคคลสาธารณะหรือว่ามีคนสนใจ ไม่ใช่ไม่บอก ถ้ามีอะไรจะพูดก็จะพูด แต่ว่าตอนนี้ไม่มีไรจะพูด เพราะฉะนั้นไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ผมกับตุ๊กก็ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูก และตั้งใจกันมากทั้ง 2 คน มีความปรารถนาดีต่อลูกอย่างยิ่งอยู่แล้ว"

“วันเกิดลูกวันนั้นก็ดี เป่าเค้กนู่นนี่มีความสุข ถ้าเกิดเขาจับกินเค้กครั้งแรกในชีวิตเขาก็จับกิน 2มือเลย แล้วเวลากินมือเดียวเราไปเอื้อมจับทั้งของน้องภูมิทั้งของน้องแพรวพี่สาวด้วย ก็สนุกดีครับ เค้กนี่เราตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว วันนั้นน้องแพรวเขาไปทำให้น้องภูมิด้วย ก็ถือเป็นวันดีๆ ของครอบครัวอีกวันนึง ที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งตุ๊กและลูก ก็แฮปปี้ครับ ทุกอย่างคือตอนนี้เรามีความสุขดี ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้แฮปปี้ครับ”

“เรามีอะไรเพิ่มเติมเราบอกอยู่แล้วครับ ไม่มีปิดบัง (เหมือนตอนแต่งก็บอก ถ้าตอนเลิกก็บอก?) ถูกครับ เอาง่ายๆ ว่าตอนนี้ก็แฮปปี้มากครับ ไม่มีใครทราบว่าตอนนี้มากหรือไม่มาก ไม่มีใครรู้ดีกว่าผมกับตุ๊กและก็ลูก”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ตุ๊ก” ยังไม่หย่า “บ๊วย" บอกเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้คงสถานะ สามีภรรยา เช่นเดิม

“ตุ๊ก” ออกมายืนยัน ยังไม่ได้หย่า “บ๊วย” บอกเป็นเรื่องใหญ่ แล้วไม่ใช่ปัญหาเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ที่ทำให้หย่าไม่ได้ ตอนนี้ยังคงเป็นสามีภรรยา แล้วทำหน้าที่พ่อแม่ ให้กับลูกให้ดีที่สุด

ปัญหาความรักระหว่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” ยังเลือกที่จะทำเพื่อลูก คือ “น้องแพรว” และ “น้องภูมิ” หลังมีข่าวว่าทั้งคู่เลือกที่จะ “หย่า” ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่ล่าสุด “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ยังยืนยันว่ายังไปไม่ถึงจุดที่ต้องหย่าขาดกัน วันนี้ยังทำหน้าที่พ่อแม่กันอยู่

“ตุ๊ก ชนกวนันท์” ได้บอกถึงความคืบหน้าหลังมีข่าวว่า ในวันที่ 1 มิถุนายน จะไปจดทะเบียนหย่ากัน

“ยัง ค่ะๆ ยังไม่มีเรื่องราวตรงนั้น เรื่องหย่ามันเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัว มันละเอียดอ่อน เราต้องปรึกษาพูดคุยและคิดดีๆ แต่ถ้าเกิดขึ้น ตุ๊กจะเรียนให้ทราบแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร ยังเรียบร้อยดี เอาจริงๆแล้ว เรื่องทั้งหมดยังเหมือนเดิม เหมือนที่เคยได้บอกไปหลายเดือนก่อน จริงๆแล้วทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้น ว่าเราจะตกลงกันยังไง ทุกอย่างมันละเอียดอ่อนมาก”

“คือตอนนี้ยังใช้คำว่า สามีภรรยา เหมือนเดิม ยังมีทะเบียนสมรสอยู่ คิดว่าเราน่าจะคุยกันรู้เรื่อง พื้นฐานก็คือ คนเคยรักกัน เรื่องแบบนี้คงตกลงกันลำบาก ที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องแบ่งทรัพย์สิน มันคงไม่ใช่ปัญหา เรื่องอื่นสำคัญกว่านั้น เราคงต้องค่อยๆคุยกันไป ตอนนี้ยังเหมือนเดิม เราต้องปรึกษากัน เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน”

“ที่ผ่านมา เราก็ยังเป็นพ่อและแม่เหมือนเดิม เมื่อวันเกิดน้องแพรว วันเกิดก็อยากทำเค้กให้น้องเอง ลูกจะได้ประทับใจว่า แม่ทำให้ เราก็ไปทำที่บ้านของ พี่ส้ม ชนากานต์ พอดีพี่บ๊วยเสร็จงาน เลยตามมาช่วยแต่งหน้าเค้ก อิ่มอร่อยมาก”

การที่ตัดสินใจที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปทางไหน เป็นเพราะมีมือที่ 3
“บุคคลที่สาม ของใครคะ ถ้าของพี่บ๊วย ต้องไปถามพี่เขา เราขอไม่พูด”

หลายเดือนที่ผ่านมา ตกเป็นข่าวแบบนี้ คงทำเอาเครียด แต่ “คุ๊ก” ยืนยันว่าไม่ได้เครียด แล้วต้องทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อดูแลลูกต่อไป

“ถ้าเครียดคงเครียดเรื่องในความเป็นจริงมากกว่าเรื่องข่าว ถ้าข่าวไม่มีปัญหา เพราะรู้ว่าข่าวเกิดจากความเป็นห่วง เพื่อนๆพี่ๆเป็นห่วง ส่งกำลังใจให้ หรือทุกคนที่ไม่รู้จักกันเลยก็ส่งกำลังใจมาให้ ต้องขอบคุณมาก น้องเอง ก็ไม่ได้รู้เรื่องข่าว แต่ถ้าวันใดวันนึงเขารู้ ก็คงรู้ แต่ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ให้เขาอย่างดีเต็มที่ เขาคงแข็งแรงกว่า”

“เรื่อง ลดความอ้วน ตอนนี้ยังเหลืออีกเยอะเลย น้ำหนัก ต้องเข้าคอร์สลดบ้าง ยังไม่ผอม ไม่ใช่ตรอมใจ ทานได้หมด เราแค่อยากสวยอยากดูแลตัวเอง ทานอาหารที่เหมาะสม เราก็ อยู่กับปัจจุบันเราต้องเข้มแข็ง เรามีคนที่ยังต้องอุ้ม มนุษย์ก็ต้องมีบ้างที่ร้องไห้เสียใจ ดีใจ เราก็มีทุกโหมด ตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดเป็นซิงเกิ้ลมัม ยังไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“แม่บ๊วย” แนะลูกชายอย่าตอบโต้ข่าวเตียงหัก “ตุ๊ก” ชี้ใครจะรู้เหรียญมี 2 ด้าน

“แม่บ๊วย” เผย ลูกชายมาปรับทุกข์ทุกเรื่อง บอกตอนนี้ย้ายมาอยู่กับบ๊วย เพราะอีกฝ่ายต้องการกำลังใจ พูดให้คิดใครไม่รู้ลึกๆ เหรียญมี 2 ด้าน แนะให้นิ่งไม่ต้องตอบโต้ข่าว สักวันคนก็จะรู้เองว่าอะไรเป็นอะไร ปัดตอบลูกชายมีสาวใหม่หรือยัง

ยังเป็นข่าวที่อึมครึมไม่ชัดเจน สำหรับการตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ฉันท์สามี-ภรรยา ระหว่างสาว “ตุ๊ก ชนกวนันท์” และหนุ่ม “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” หลังจากมีข่าวลือว่า ทั้งคู่เตรียมไปเซ็นสัญญาหย่าขาดกันในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะออกมาชี้แจงแล้วว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ และไม่อยากพูดถึง เพราะเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับนาง “พิมพ์ วัชรคุณ” แม่ของหนุ่มบ๊วยในวันเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ธุรกิจแรกของลูกชาย โดยเจ้าตัวเผยพร้อมสนับสนุนลูกชายทุกทาง ทั้งเรื่องธุรกิจและปัญหาครอบครัว

“ร้านนี้เป็นธุรกิจแรกของเขา ลงทุนไปประมาณ 2 ล้านบาท เขาก็เพิ่งเริ่มคิดอยากจะมีกิจการของตัวเอง แม่ก็บอกเขาว่า ไม่สายหรอกลูก เดินไป มันต้องเดินผ่านไปได้แหละคนเรา ข้างหน้าเดี๋ยวแม่จะช่วยเป็นกำลังใจเอง แม่ก็ช่วยสนับสนุนเขา เพราะลูกเขาก็ยังเล็ก อนาคตอะไรก็เอาไว้ให้หลาน แม่ก็ช่วยดูแล เวลาบ๊วยเขามีปัญหาอะไร เขาก็มาปรึกษาแม่ตลอด เขาบอกแม่หมด แต่แม่ไม่ตอบนะว่ามีอะไรบ้าง”

“กับข่าวต่างๆ นานาของเขา แม่มองว่า มันเป็นเรื่องปกตินะ ใครไม่รู้ลึกๆ เหรียญมี 2 ด้านเท่านั้นเอง แม่ไม่รู้สึกอะไรหรอก แม่เองเห็นหลานก็สงสารเขานะ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น เราอยู่ห่างๆ ดีกว่า เราเป็นผู้ใหญ่ เราพูดอะไรไม่ได้ กับหลานๆ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าตุ๊กเขาไม่มาหอบไป หลานน่ารัก หลานจะเรียกว่ายาย่า อยู่ด้วยกันยาย่าก็ทำกับข่าวให้กิน ทำให้ทุกอย่าง ตอนนี้หลานทั้ง 2 คน ก็ติดยาย่าคือแม่เองไม่ได้เป็นคนเลี้ยงค่ะ คือ เจอก็เลี้ยง เขาเอามาฝากไว้ก็เลี้ยง”

“หลานๆ เองเขาก็ไม่รู้อะไรหรอกค่ะ เพราะเราไม่เคยพูดอะไรให้เด็กเขารับรู้ เรื่องสื่อทางอินเทอร์เน็ต หรืออะไรต่างๆ แม่ก็ไม่กลัวว่าเด็กจะมารู้นะ แม่คิดว่าเด็กนี่อยู่ที่เราใส่พลัง และให้ความอบอุ่น ให้เขามีกำลังใจที่เข้มแข็งแค่นี้พอแล้ว เด็กเขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก เด็กๆ เขาก็ติดพ่อ 2 คนต้องให้อุ้มพร้อมกัน เห็นพ่อไม่ได้เขาไม่เอาคนอื่นเลยค่ะ บ๊วยเขาเป็นคนเลี้ยงไงค่ะ เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แม่เองก็บอกบ๊วยให้เขามีกำลังใจที่เข้มแข็งเรื่องลูกไม่เป็นอะไรหรอก”

อุบมีการเตรียมการหย่ากันไว้ ยันลูกชายตนส่งเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คนตลอดมา แนะให้นิ่งเพราะเหรียญมี 2 ด้านเสมอ

“เรื่องนี้ไปถามบ๊วยเขาเอาเอง แม่ไม่มีหน้าที่ตอบ กระแสข่าวต่างๆ จะยังไงก็เอาเถอะ วันนึงคนก็ต้องรู้เนอะว่าอะไรเป็นอะไรอย่าให้แม่พูดเลย แม่ไม่ควรพูดและไม่ควรพูดให้เด็กรู้ด้วย ส่วนเรื่องลูกยังไงลูกเขาก็อยู่กับบ๊วยอยู่แล้ว บ๊วยเขาดูแลทั้งค่าใช้จ่ายทั้งอะไรต่างๆ แม่รู้อยู่แก่ใจ ฉะนั้นแม่จะไม่พูดเลย บ๊วยเองก็ไม่ต้องพูด แม่เองบอกบ๊วยเสมอว่าไม่ต้องพูด เพราะเหรียญมี 2 ด้าน วันนึงคิดถึงลูกหรืออะไรเขียนจดหมายหาลูก วันนึงลูกต้องอ่านหนังสือได้ ที่เหลือก็แล้วแต่คน 2 คน จะตกลงกัน แม่ไม่ยุ่งอยู่แล้ว”

“บ๊วยเขามีอะไรเขามาบอก เขามาปรึกษาแม่ทุกเรื่อง แต่เรื่องครอบครัวแม่ไม่ตัดสินใจ อยู่ที่เขาตัดสินใจ เขาไปรับแม่มาอยู่ แม่ก็มาอยู่เป็นเพื่อนเขา ก็ให้กำลังใจเขา เพราะวันนึงถ้าเขาไม่มีกำลังใจทำงาน ลูกจะอยู่ยังไง ลูกยังเล็กอยู่ (แล้วแฟนใหม่ของบ๊วยล่ะ?) อันนี้ไม่รับทราบ (หัวเราะ) เพราะธรรมดาบ๊วยเขาจะอยู่...แม่ไม่รับทราบ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“บ๊วย” ไม่ตอบหย่า “ตุ๊ก” 1 มิ.ย.นี้ อ้างเหตุการณ์ยังไม่เกิด รับยังติดต่อ “โม”

"บ๊วย" เปิดใจเคลียร์เรื่องเตียงหักในงานเปิดร้าน "ไก่ทอดเดชา" ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับนักแสดงหนุ่ม “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์

“บ๊วย” รูดซิปปากเตรียมหย่า “ตุ๊ก” 1 มิ.ย.นี้ อ้างเหตุการณ์ยังไม่เกิด ไม่อยากพูดมาก เจ้าตัวไม่เคลียร์สถานะยังเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ไหม ก่อนลั่นจะเป็นพ่อที่ดีไปตลอดชีวิต ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องเรียกตนเป็นคน พร้อมโต้ย้ายอยู่คอนโดกับ “โม” รับไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่สัมพันธ์ยังไม่ล้ำเส้นเพื่อน

ทำเอามึนตึ้บ! กับกรณีข่าวคราวเตียงหักรักคุดของ พิธีกรชื่อดัง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” หลังจากเมื่อสองวันก่อน ทางฝ่ายของบ๊วยได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการหนึ่ง ว่า ตอนนี้ได้ตัดสินใจแยกทางกับตุ๊กเป็นที่แน่ชัดแล้ว เพียงแต่รอตกลงกันเรื่องจดทะเบียนหย่า เนื่องจากอยากให้มีผลกระทบกับลูกน้อยที่สุด พร้อมกับบอกว่า เร็วๆ นี้ จะควงตุ๊กออกมาแถลงพร้อมกัน

อีกทั้งแหล่งข่าวใกล้ชิดของทั้งสองคน ยังได้เปิดเผยว่า ทั้งบ๊วยและตุ๊กได้ตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้วจริงๆ โดยทั้งสองจะเดินทางไปเซ็นใบหย่ากันในวันที่ 1 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ก่อนจะแถลงอย่างเป็นทางการให้สื่อมวลชนรับทราบอย่างเป็นทางการ กลายเป็นข่าวครึกโครมกระฉ่อนวงการ

แต่ทว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางฟากของ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” กลับให้สัมภาษณ์สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยเจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี ตนกับสามียังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกันเหมือนกับช่วงเวลาที่ผ่านมา และยังทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีอยู่ ส่วนที่สามีบอกว่าจะมีการหย่ากันนั้น ตอนนี้ตนยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะทุกอย่างยังไม่ชัวร์ จึงไม่อยากพูดอะไรมาก

ซึ่งในวันนี้ (23 พ.ค.) ทางฝ่ายของหนุ่มบ๊วยนั้น ได้จัดงานเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับพระเอก “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามไปทำข่าว ซึ่งก็ทำเอางงไปตามๆ กัน เพราะมาวันนี้ทางฟากของหนุ่มบ๊วยเอง ก็กลับเปลี่ยนท่าที โดยยืนยันว่า ยังไม่มีบทสรุปใดๆ ทั้งยังตีมึนไม่รู้ข่าวมาได้อย่างไร ส่วนข่าวลือซื้อคอนโดและย้ายไปอยู่กับ “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองฮั่วเซ่งเฮง ผู้ตกเป็นข่าวมือที่ 3 เลื่อยขาเตียงตุ๊ก ก็ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่า ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในฐานะเพื่อน

“ข่าวที่ออกมาผมไม่ทราบว่าได้ข่าวมาได้อย่างไรครับ แต่เรื่องตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลย ผมไม่รู้จะพูดอะไร และถ้าเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่ผมก็ตุ๊กก็ต้องออกมาพูด เพราะผมกับตุ๊กคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้วครับ (มีข่าวว่ากำหนดวันหย่าคือ 1 มิ.ย.นี้?) ก็เป็นแค่ข่าวเนอะ ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น ก็ยังไม่อยากพูดไป มันก็กระทบกับหลายฝ่าย ก็ขออนุญาตไม่พูดดีกว่าครับ แล้วที่บอกว่าจะออกมาแถลงข่าวหย่าพร้อมกัน ก็ไม่มีหรอกครับ บ้าใครจะมาแถลง ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงเป็นการมานั่งคุยกัน ไม่แถลงครับ ”

“สถานะตอนนี้ตั้งแต่วินาทีนี้จนตลอดชีวิต ผมกับตุ๊กเป็นพ่อและแม่ตลอดชีวิตอยู่แล้วครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องสามีภรรยา มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ไม่พูดดีกว่า (หลายคนมองว่าเรื่องบานปลายจนถึงขั้นหย่าแล้ว กลัวกระทบกับลูกๆ ไหม?) การที่เราเป็นพ่อและแม่ เราดูแลลูกให้ดีที่สุด ผมคิดว่า ความเป็นพ่อแม่ของเราก็ยังรักลูกอยู่แล้วครับ กับตุ๊กก็ยังคุยกันอยู่ครับ ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านเดียวกันครับ (ยังมีแผนว่าจะไม่หย่าไหม?) ก็ตอนนี้ยังคุยกันอยู่ครับ ตอนนี้เราก็คุยกันอยู่ ก็อยากให้มันดีที่สุดกับลูกอยู่แล้วครับ ผมกับตุ๊กเราก้าวพ้นมาแล้ว เราไม่ได้โกรธกัน คุยกันค่อนข้างดีมากๆ อยู่แล้วครับ”

โดยนัยแล้วเราพูดเหมือนมีแนวโน้มว่าจะแยกทางกัน?

“โอ้โห...พูดจริงๆ ผมไม่สบายใจที่สื่อมวลชนเยอะขนาดนี้ คือ มันยังไม่เกิดขึ้น ขออนุญาตไม่พูดแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือสถานะเป็นอย่างไรก็คงได้บอกกล่าวอยู่แล้ว ส่วนจะพูดได้ชัดเจนเมื่อไหร่ ไม่ทราบเหมือนกันครับ ให้มันเกิดขึ้นก่อนดีกว่าเนอะ (เราพูดว่ามันยังไม่เกิดขึ้น คนก็อาจตีความว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน?) ผมก็บอกว่ายังคุยกันอยู่ มันยังไม่เกิดขึ้น ผมไม่อยากพูดอะไรมากครับ”

“ส่วนจะคุยกันเรื่องอะไรบ้างขอให้เป็นธุระของผมกับตุ๊กได้มั้ยครับ ส่วนใหญ่วันๆ เราคุยกันว่าไปรับลูก ลูกเป็นยังไงอย่างนี้มากกว่า เราพุ่งประเด็นไปที่ลูก คุยอะไรต่างๆ เรื่องต่างๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นขออนุญาตไม่พูดละกัน (พูดแบบนี้เหมือนสถานะความเป็นสามี-ภรรยาไม่มีแล้ว?) โอ๊ย ยังไม่ได้หย่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ให้เกิดขึ้นก่อนครับ ตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่พ่อครับ ว่างก็ไปรับไปส่ง ไปกินข้าวกันพ่อแม่ลูกครับ”

พร้อมโต้พาสาวคนใหม่มารู้จักกับลูก วอนอย่าเอามาเกี่ยวกัน

“ไม่เกี่ยวกับใครเลยครับ อย่าเอามาเกี่ยวกันเลยครับ เรื่องเราไปไหนมาไหนด้วยกัน คือเราเป็นเพื่อนฝูงกัน เจอกันก็ธรรมดาเนอะ ถึงเราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมไม่กลัวคนเข้าใจผิด ไม่ครับ ผมก็ไปไหนมาไหนกับคนอื่นด้วย ผมเองก็มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ”

“แล้วเรื่องซื้อคอนโดด้วยกัน ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ข่าวก็เป็นข่าวจริงๆ ไปดูเรือนหอโน่นนี่ผมคงทำหรอก ผมไม่ได้คุยกับเขาเรื่องข่าวเลยครับ ไม่เกี่ยวกับเขา คนที่ผมควรจะคุยมากที่สุดไม่ใช่ใครเลย ควรจะเป็นตุ๊กครับ ผมควรจะแคร์ความรู้สึกแม่ของลูกครับ”

ยันกรณีถูกเมาท์ทะเลาะกันที่บ้านแล้วลูกเห็น ลูกรู้เรื่องแล้วและร้องไห้เลยเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจกำหนดวันหย่ากันขึ้น เป็นแค่ข่าวไม่ใช่เรื่องจริง

“มันเป็นเรื่องของข่าว ข่าวก็คือข่าว เสพข่าวก็มีวิจารณญาณแล้วกัน ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ให้กำลังใจตุ๊ก หลายๆ คนให้กำลังใจก็รู้สึกดีครับ ลูกไม่รู้เรื่องหรอกครับ น้องเพิ่ง 4 ขวบเอง ปกติลูกไปโรงเรียนก็จะไปด้วยกัน ก็จะส่งลูกไปโรงเรียน วันแรกของลูกสำคัญเสมอ อะไรสำหรับลูกมันสำคัญครับ ตลอดชีวิตของผมกับตุ๊กจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดตลอดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ผมจะทำหน้าที่ของพ่อและจะทำหน้าที่ของพ่ออย่างดีที่สุด ถ้าผมทำไม่ดีจงเรียกผมว่าไม่ใช่มนุษย์เถอะครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“บ๊วย”ไม่ตอบหย่า “ตุ๊ก” 1 มิ.ย. นี้ อ้างเหตุการณ์ยังไม่เกิด รับยังติดต่อ “โม”

"บ๊วย" เปิดใจเคลียร์เรื่องเตียงหักในงานเปิดร้าน "ไก่ทอดเดชา" ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับนักแสดงหนุ่ม “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์

“บ๊วย” รูดซิปปากเตรียมหย่า “ตุ๊ก” 1 มิ.ย.นี้ อ้างเหตุการณ์ยังไม่เกิดไม่อยากพูดมาก เจ้าตัวไม่เคลียร์สถานะยังเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ไหม ก่อนลั่นจะเป็นพ่อที่ดีไปตลอดชีวิต ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องเรียกตนเป็นคน พร้อมโต้ย้ายอยู่คอนโดกับ “โม” รับไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่สัมพันธ์ยังไม่ล้ำเส้นเพื่อน

ทำเอามึนตึ๊บ! กับกรณีข่าวคราวเตียงหักรักคุดของ พิธีกรชื่อดัง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” หลังจากเมื่อสองวันก่อน ทางฝ่ายของบ๊วยได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการหนึ่งว่า ตอนนี้ได้ตัดสินใจแยกทางกับตุ๊กเป็นที่แน่ชัดแล้ว เพียงแต่รอตกลงกันเรื่องจดทะเบียนหย่า เนื่องจากอยากให้มีผลกระทบกับลูกน้อยที่สุด พร้อมกับบอกว่าเร็วๆ นี้จะควงตุ๊กออกมาแถลงพร้อมกัน

อีกทั้งแหล่งข่าวใกล้ชิดของทั้งสองคนยังได้ปิดเผยว่า ทั้งบ๊วยและตุ๊กได้ตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้วจริงๆ โดยทั้งสองจะเดินทางไปเซ็นใบหย่ากันในวันที่ 1 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ก่อนจะแถลงอย่างเป็นทางการให้สื่อมวลชนรับทราบอย่างเป็นทางการ กลายเป็นข่าวคึกโครมกระฉ่อนวงการ

แต่ทว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางฟากของ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” กลับให้สัมภาษณ์สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยเจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี ตนกับสามียังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกันเหมือนกับช่วงเวลาที่ผ่านมา และยังทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีอยู่ ส่วนที่สามีบอกว่าจะมีการหย่ากันนั้น ตอนนี้ตนยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะทุกอย่างยังไม่ชัวร์ จึงไม่อยากพูดอะไรมาก

ซึ่งในวันนี้(23 พ.ค.) ทางฝ่ายของหนุ่มบ๊วยนั้นได้จัดงานเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับพระเอก “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามไปทำข่าว ซึ่งก็ทำเอางงไปตามๆ กัน เพราะมาวันนี้ทางฟากของหนุ่มบ๊วยเองก็กลับเปลี่ยนท่าที โดยยืนยันว่ายังไม่มีบทสรุปใดๆ ทั้งยังตีมึนไม่รู้ข่าวมาได้อย่างไร ส่วนข่าวลือซื้อคอนโดและย้ายไปอยู่กับ “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองฮั่วเซ่งเฮง ผู้ตกเป็นข่าวมือที่3 เลื่อยขาเตียงตุ๊ก ก็ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในฐานะเพื่อน

“ข่าวที่ออกมาผมไม่ทราบว่าได้ข่าวมาได้อย่างไรครับ แต่เรื่องตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลย ผมไม่รู้จะพูดอะไร และถ้าเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่ผมก็ตุ๊กก็ต้องออกมาพูด เพราะผมกับตุ๊กคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้วครับ (มีข่าวว่ากำหนดวันหย่าคือ 1 มิ.ย.นี้?) ก็เป็นแค่ข่าวเนอะ ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น ก็ยังไม่อยากพูดไป มันก็กระทบกับหลายฝ่าย ก็ขออนุญาตไม่พูดดีกว่าครับ แล้วที่บอกว่าจะออกมาแถลงข่าวหย่าพร้อมกัน ก็ไม่มีหรอกครับ บ้าใครจะมาแถลง ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงเป็นการมานั่งคุยกัน ไม่แถลงครับ ”

“สถานะตอนนี้ตั้งแต่วินาทีนี้จนตลอดชีวิต ผมกับตุ๊กเป็นพ่อและแม่ตลอดชีวิตอยู่แล้วครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องสามีภรรยา มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ไม่พูดดีกว่า (หลายคนมองว่าเรื่องบานปลายจนถึงขั้นหย่าแล้ว กลัวกระทบกับลูกๆ ไหม?) การที่เราเป็นพ่อและแม่ เราดูแลลูกให้ดีที่สุด ผมคิดว่าความเป็นพ่อแม่ของเราก็ยังรักลูกอยู่แล้วครับ กับตุ๊กก็ยังคุยกันอยู่ครับ ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านเดียวกันครับ (ยังมีแผนว่าจะไม่หย่าไหม?) ก็ตอนนี้ยังคุยกันอยู่ครับ ตอนนี้เราก็คุยกันอยู่ ก็อยากให้มันดีที่สุดกับลูกอยู่แล้วครับ ผมกับตุ๊กเราก้าวพ้นมาแล้ว เราไม่ได้โกรธกัน คุยกันค่อนข้างดีมากๆ อยู่แล้วครับ”

โดยนัยแล้วเราพูดเหมือนมีแนวโน้มว่าจะแยกทางกัน?

“โอ้โห...พูดจริงๆ ผมไม่สบายใจที่สื่อมวลชนเยอะขนาดนี้ คือมันยังไม่เกิดขึ้น ขออนุญาตไม่พูดแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือสถานะเป็นอย่างไรก็คงได้บอกกล่าวอยู่แล้ว ส่วนจะพูดได้ชัดเจนเมื่อไหร่ ไม่ทราบเหมือนกันครับ ให้มันเกิดขึ้นก่อนดีกว่าเนอะ (เราพูดว่ามันยังไม่เกิดขึ้น คนก็อาจตีความว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน?) ผมก็บอกว่ายังคุยกันอยู่ มันยังไม่เกิดขึ้น ผมไม่อยากพูดอะไรมากครับ”

“ส่วนจะคุยกันเรื่องอะไรบ้างขอให้เป็นธุระของผมกับตุ๊กได้มั้ยครับ ส่วนใหญ่วันๆ เราคุยกันว่าไปรับลูก ลูกเป็นยังไงอย่างนี้มากกว่า เราพุ่งประเด็นไปที่ลูก คุยอะไรต่างๆ เรื่องต่างๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นขออนุญาตไม่พูดละกัน (พูดแบบนี้เหมือนสถานะความเป็นสามี-ภรรยาไม่มีแล้ว?) โอ๊ย ยังไม่ได้หย่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ให้เกิดขึ้นก่อนครับ ตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่พ่อครับ ว่างก็ไปรับไปส่ง ไปกินข้าวกันพ่อแม่ลูกครับ”

พร้อมโต้พาสาวคนใหม่มารู้จักกับลูก วอนอย่าเอามาเกี่ยวกัน

“ไม่เกี่ยวกับใครเลยครับ อย่าเอามาเกี่ยวกันเลยครับ เรื่องเราไปไหนมาไหนด้วยกัน คือเราเป็นเพื่อนฝูงกัน เจอกันก็ธรรมดาเนอะ ถึงเราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมไม่กลัวคนเข้าใจผิด ไม่ครับ ผมก็ไปไหนมาไหนกับคนอื่นด้วย ผมเองก็มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ”

“แล้วเรื่องซื้อคอนโดด้วยกัน ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ข่าวก็เป็นข่าวจริงๆ ไปดูเรือนหอโน่นนี่ผมคงทำหรอก ผมไม่ได้คุยกับเขาเรื่องข่าวเลยครับ ไม่เกี่ยวกับเขา คนที่ผมควรจะคุยมากที่สุดไม่ใช่ใครเลย ควรจะเป็นตุ๊กครับ ผมควรจะแคร์ความรู้สึกแม่ของลูกครับ”

ยันกรณีถูกเม้าท์ทะเลาะกันที่บ้านแล้วลูกเห็น ลูกรู้เรื่องแล้วและร้องไห้เลยเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจกำหนดวันหย่ากันขึ้น เป็นแค่ข่าวไม่ใช่เรื่องจริง

“มันเป็นเรื่องของข่าว ข่าวก็คือข่าว เสพข่าวก็มีวิจารณญาณแล้วกัน ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ให้กำลังใจตุ๊ก หลายๆ คนให้กำลังใจก็รู้สึกดีครับ ลูกไม่รู้เรื่องหรอกครับ น้องเพิ่ง 4 ขวบเอง ปกติลูกไปโรงเรียนก็จะไปด้วยกัน ก็จะส่งลูกไปโรงเรียน วันแรกของลูกสำคัญเสมอ อะไรสำหรับลูกมันสำคัญครับ ตลอดชีวิตของผมกับตุ๊กจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดตลอดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ผมจะทำหน้าที่ของพ่อและจะทำหน้าที่ของพ่ออย่างดีที่สุด ถ้าผมทำไม่ดีจงเรียกผมว่าไม่ใช่มนุษย์เถอะครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

"บ๊วย" จุก บอกไม่รู้จะพูดยังไงถูกจับผิดถ่ายรูปกับลูกแต่ไม่มี "ตุ๊ก"

"บ๊วย" พ้อเสียความรู้สึกถ่ายรูปกับลูกก็หาว่าสร้างภาพ แจงตนก็เป็นเหมือนพ่อทั่วไปที่อยากแสดงออกว่ารักลูก ส่วนที่ถูกจับผิดว่าในรูปไม่มี "ตุ๊ก" เจ้าตัวตอบเสียงเพลียไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน เผยท่องไว้เสมอว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น

แม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์ครอบครัวของ "บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ" กับภรรยา "ตุ๊ก ชนกวนันท์" จะยังอยู่ในภาวะอึมครึม เรียกว่ายังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งที่ทั้งคู่พยายามประคับคองให้ขาเตียงกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็ตามที ล่าสุดหนุ่มบ๊วยได้โพสต์รูปกับลูกๆ ทั้ง 2 คน ลงในอินสตาแกรม แต่ไร้เงาภรรยาตุ๊ก งานนี้หนุ่มบ๊วยก็เลยโดนเม้าท์อีกดอกว่าสร้างภาพ แถมยังโดนจับผิดว่าทำไมไม่มีตุ๊กอยู่ในเฟรม

"กับตุ๊กเราก็ยังคุยกัน เรายังช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างที่เขาบอกไม่มีอะไรเพิ่มเติม ตอนนี้ตุ๊กก็ยังดูแลลูกเป็นหลักครับ ผมมารับละครเขาก็เลี้ยงลูก ตุ๊กรับงานผมก็หาคิวว่างเลี้ยงลูกเราอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน สถานการณ์ครอบครัวตอนนี้ก็ตามสภาพ ผมพูดเหมือนตุ๊กแหละครับ คนเป็นพ่อเป็นแม่มันเปลี่ยนสถานะไม่ได้หรอกครับ จนกว่าจะตายไปแล้วไปเกิดใหม่ มันตอบยากครับเพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่างเลย"

"ส่วนรูปที่ถ่ายกับลูกๆ ลงอินสตาแกรมหลายคนหาว่าผมสร้างภาพ ก็ไม่เป็นไรครับ ความรักลูกมีทุกคน ผมก็อยากแสดงออก ใครชอบชื่นชมหรือจะด่าก็ไม่เป็นไรครับ นั่นก็คือตัวผม ใครมีลูกหรือเป็นพ่อเป็นแม่ก็เป็นกันทั้งนั้น บังเอิญลูกเราพูดเก่งน่ารัก ก็ยิ่งรักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า"

อดถามไม่ได้ว่าน้อยใจหรือไม่ที่ถูกคนมองว่าสร้างภาพ? เจ้าตัวก็ตอบเสียงเรียบว่า...

"ผมเป็นมนุษย์คนนึงแหละครับ เจอแบบนี้ก็เสียเซลฟ์บ้าง แต่เราก็รู้ว่าหน้าที่เราคืออะไร (รูปที่ลงทำไมไม่มีรูปตุ๊ก?) ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ ผมรับมีเรื่องต้องผิดชอบเยอะ แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ ใครไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ก็ดีขึ้น มีคนให้กำลังใจเยอะไม่ใช่ว่าด่าอย่างเดียว คนรักเราเป็นพันๆ คนก็รักษาเขาไว้ให้ดี หรือคนเกลียดผมเป็นล้านก็ไม่เป็นไร"

การที่ตุ๊กออกมาทำงานบ๊วยโอเคไหม?

"ก็โอเคนะ เขาจะได้เจอเพื่อนๆ บ้าง ทุกอาชีพทุกชีวิตก็คงต้องรอเวลา ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนอีกหน่อยให้มันลงตัว"

คิดว่าสถานการณ์ครอบครัวต้องดีขึ้นกว่านี้ไหม?

"มันก็ต้องดีขึ้นอยู่แล้วครับ ผมท่องอยู่เสมอ"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์