แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นาธาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นาธาน แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“นาธาน” คัมแบ็คคุกเลย เพื่อนผู้ต้องขังกรี๊ดต้อนรับอบอุ่น

“นาธาน” กลับเรือนจำเลย บริจาคอุปกรณ์กีฬา เพื่อนผู้ต้องขังกรี๊ดต้อนรับสนั่น เจ้าตัวฝากให้ทุกคนกลับใจเป็นคนดีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก่อนคุยฟุ้งเตรียมเดินสายโปรโมตอัลบั้มใหม่ และจ่อเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊กเดือนหน้า



มาตามสัญญา สำหรับ “นาธาน โอร์มาน” หลังจากต้องติดคุกรับโทษคดีฉ้อโกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” ที่เรือนจำจังหวัดเลย และได้รับอิสรภาพไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(25 ก.ค.) เจ้าตัวได้เดินทางกลับไปยังเรือนจำที่คุ้นเคย เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง และได้นําอุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกวอลเลย์บอล ฟุตบอล ตระกร้อ และ อุปกรณ์กีฬาอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีซีดีภาพยนตร์ต่างๆ ไปมอบให้ โดยมี นายเกียรติศักดิ์ บัวมาศ (หัวหน้าฝ่ายควบคุมและรักษาการณ์) เป็นผู้รับมอบ

พร้อมกันนี้นายเกียรติศักดิ์ ได้กล่าวว่า ทางเรือนจําจังหวัดเลย ยินดีเป็นอย่างมาก ที่เห็นนาธานกลับมาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเรือนจํา ว่าจะมาเยี่ยมและมามอบความสุขแก่ผู้ต้องขังทุกท่าน นับเป็นสิ่งที่ดีมากแก่การคืนคนดีสู่สังคมอย่างนาธานอีกครั้ง

นอกจากไปเยี่ยมแล้ว นาธานยังได้สร้างความสนุกสนานให้กับญาติพี่น้องผู้ต้องขัง ที่มาเข้าเยี่ยมอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง และได้ร้องเพลงอัลบั้มใหม่ล่าสุดของตนเอง เพลง ใครสักคนหนึ่ง เพื่อมอบเป็นของขวัญและกําลังใจให้กับผู้คุมทุกๆ ท่าน และพูดสร้างกําลังใจให้แก่ผู้ต้องขัง

โดยเจ้าตัวบอกว่า การทําผิด ถ้าเรารู้สํานึกแล้วจะเป็นการดีต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเราในวันนี้ และขอให้เพื่อนพี่น้องๆ ทุกๆ คนตั้งใจกลับตัวใหม่ เป็นคนดีปฎิบัติตามกฎระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดที่สุด ขอให้ทุกคนนึกถึงพ่อหลวงของเราให้มากๆ นึกถึงแผ่นดินนี้ไว้ ไม่นานพระราชทานอภัยโทษก็จะได้มาถึงพวกเราทุกคน เหมือนที่ตนได้รับ

ทั้งนี้มีรายงานว่า นาธานได้ก้มลงกราบหัวหน้าผู้คุม และกล่าวขอบคุณกับการสอนต่างๆ ในเรือนจําอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าตัวได้แวะเยี่ยมผู้ต้องขังแดนหญิง ทำเอาสาวๆ กรี๊ดต้อนรับกันลั่นเรือนจำ พร้อมบอกกับผู้ต้องขังหญิงว่าตนจะเดินหน้าช่วยเหลือ และเป็นจิตอาสาให้กับเรือนจําทุกๆ เรือนจํา พร้อมทั้งทำกิจกรรมดีๆ อย่างนี้

ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า หลังจากนี้ตนจะเดินทางกลับกรุงเทพ และเดินสายไปสัมภาษณ์รายการวิทยุทั่วประเทศไทย เพื่อโปรโมตอัลบั้มใหม่ ส่วนเดือนหน้าก็แถลงข่าวเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊กของตนเองอีกด้วย

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

อึ้ง “นาธาน” เล่นสกปรกทำของใส่ โดนัท,เฮียฮ้อ,เอกชัย,แหม่ม พัชริดาฯลฯ



ผงะหลักฐานเด็ดโผล่ “นาธาน” เล่นสกปรกทำของใส่ โดนัท มนัสนันท์ , เฮียฮ้อ ,เอกชัย ,แหม่ม พัชริดา ,ต้น ลาวัณย์ - หน่อย จำนรรค์ ผู้บริหารเจเอสแอล และต่อพงษ์ เศวตามร์ บก.ข่าวบันเทิงASTV ผู้จัดการออนไลน์ เพื่อให้รักและเมตตาตนเอง ด้าน “ครูแหม่ม” เผยนักร้องจอมลวงโลกชอบและเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

ถึงจะเข้าคุกคดีฉ้อโกงเงิน “น้ามด” สิทธิพร โคตรอุดมพร สบายก้นไปแล้วเพราะไม่ต้องวิ่งหนีเจ้าหนี้ให้เมื่อย แต่เรื่องราวของ “นาธาน โอร์มาน” อดีตนักร้องลวงโลกก็ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อ “ต้อม” อุทัย โคตรอุดมพร ลูกชายของน้ามดได้เข้าไปรื้อค้นข้าวของนาธานที่เอามาทิ้งไว้ที่บ้าน เพื่อหาหลักฐานมาใช้ประกอบคดี ปรากฏว่านอกจากจะเจอเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเอาผิดนาธานได้แล้ว ก็ยังไปเจอกล่องปริศนาที่พอเปิดออกมาถึงกับผงะ เพราะในกล่องนั้นมีกระดาษที่ถูกม้วนด้วยด้ายขาวมัดรวมกันไว้ ในลักษณะเหมือนทำไสยศาสตร์

เมื่อแกะออกดูก็พบภาพของ โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล , เอกชัย ศรีวิชัย ,แหม่ม พัชริดา วัฒนา ดาราและนักร้องชื่อดัง ,เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารเอไทม์ , ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน สองผู้บริหารเจเอสแอล เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารค่ายอาร์เอสกับ สุจีรา เชษฐโชติศักดิ์ ภรรยา,แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ ช่างภาพและนักเขียนนิตยสารดิฉัน และต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิง

โดยด้านหลังภาพของ ต้น ลาวัณย์ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน ,เอกชัย ศรีวิชัย ,สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ,เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ กับภรรยาจะมีการวาดภาพที่เป็นรูปคน 2 คน โดยคนแรกเขียนว่าชื่อ “นาทาน” ส่วนคนที่สองไม่ได้เขียนชื่อ แต่ภาพของคนที่สองนั้นจะมีการวาดภาพหัวใจตรงกลาง และลากเส้นจากหัวใจไปยังภาพที่เขียนชื่อว่านาทาน และมีการเขียนอักขระ

แต่ภาพของโดนัท มนัสนันท์ , แหม่ม พัชริดา วัฒนา , แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ และต่อพงษ์ เศวตามร์ จะมีการวาดภาพข้างหลังที่แตกต่างจากภาพของคนอื่นๆ คือ จะไม่มีการวาดภาพคนแต่จะมีการเขียนอักขระและวาดเป็นภาพสี่เหลี่ยมลักษณะเหมือนยันต์ ซึ่งต้อมก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า.....

“ตอนที่นาธานทะเลาะกับพ่อครูแหม่ม ก่อนที่เขาจะออกไปจากบ้านเขาก็เอาของมาฝากไว้ที่บ้านผม แต่พอมีเรื่องคดีเขาก็ไม่กลับมาเอาของอีกเลย ผมก็เลยไปค้นหาหลักฐานเผื่อจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีของแม่บ้าง และก็ไปเจอกระเป๋าใบนี้ก็จะเจอเอกสารต่างๆ พวกบัตรเครดิตและก็บุคแบงค์ของน้าแอ๊ะ(นันทนาพร พรายแสง)และก็สำเนาบัตรประชาชนของเขาและก็ใบเปลี่ยนชื่อ แต่ที่เห็นแล้วตกใจก็คงจะเป็นกล่องๆ หนึ่งที่แกะออกมาแล้วเป็นกระดาษที่มีรูปภาพของโดนัท , ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย ,เอกชัย ศรีวิชัย ,สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ,เฮียฮ้อกับภรรยา,แหม่ม พัชริดา วัฒนา ,แพท พัชริกา ลิปตพัลลภ และต่อพงษ์ เศวตามร์ พันด้วยด้ายสีขาวมัดรวมกัน และด้านหลังของแต่ละภาพก็จะมีการเขียนอักขระ เราก็ตกใจว่าเขาเล่นของขนาดนี้เลยหรอ ก็หาชื่อแม่ว่ามีหรือเปล่าแต่ปรากฏว่าไม่มี แม่ก็ตกใจเหมือนกันกลัวจะมีชื่อตัวเอง”

ด้าน “ครูแหม่ม” พิสมัย ศรีกระบุตร ก็ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า เห็นแล้วรู้สึกขนลุกและเป็นห่วงคนที่อยู่ในรูปอยากจะให้ไปทำบุญ พร้อมทั้งเผยว่าคนที่อยู่ภาพล้วนเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนาธาน และตลอดระยะเวลาที่รู้จักนาธานมาเป็น 10 กว่าปี นาธานค่อนข้างมีความสนใจและเชื่อในศาสตร์ลี้ลับ
“คนที่อยู่ในภาพส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนาธาน อย่างเฮียฮ้อกับภรรยาก็เคยสนับสนุนเขา และเขาก็ค่อนข้างสนิทสนมกับภรรยาเฮียฮ้ออยู่ช่วงหนึ่ง ยังเคยจะไปออกแบบที่พักให้ภรรยาเฮียฮ้อ จนกระทั่งพี่ชิ(อนุชา ลังประเสริฐ) ที่เคยสนับสนุนเขาและก็คัดเลือกเขามาเป็นนักร้องมีเรื่องกับเขา และนาธานเขาก็แบบวาทศิลป์ดีและเขาก็สนิทสนมกับภรรยาเฮียฮ้อ ก็ยุให้คนนั้นทะเลาะกับคนนี้ตอนนั้นพี่ชิก็เลยมีผลกระทบเรื่องงาน”

“อย่างพี่แหม่ม พัชริดานี่ก็ให้ความรักความเมตตานาธานมาก เมตตาตั้งแต่เป็นนักร้องฝึกหัดเขาจะสงสารนาธาน เขาเหมือนครูแหม่มสงสารนาธาน นี่นาธานยังเคยเล่าให้ฟังเลยนะว่า แม่ของพี่แหม่มเขาเอ็นดูนาธานยังเคยเอาผ้าห่มมาให้ที่คอนโดเลย ส่วนมากนาธานเขาจะเจอแต่คนดีๆ คอยช่วยเหลือเขานะ อย่างเจเอสแอลก็เอาเขาไปออกรายการกับน้องอ้อมดักแด้ แต่ที่หนักก็คือไปหลอกเขาเรื่องถ่ายหนังต่างประเทศจนเขาเอาไปออกรายการ”

“กับโดนัทนี่ก็ได้ยินนาธานเล่าว่าเขาสนิทกันเคยไปเนปาลด้วยกัน เขายังเคยเอาชื่อของโดนัทมาสร้างเครดิตให้กับตัวเอง เขาเคยไปบอกเพื่อนน้องต้อม(ลูกน้ามด) ว่า จะไปนอนที่คอนโดของโดนัท ส่วนกับเอกชัยเขาก็เมตตาสงสารนาธานเหมือนผู้ใหญ่สงสารเด็กเพราะนาธานตัวคนเดียว ก็ให้ความช่วยเหลือ แต่พอมารู้เรื่องจริงก็ออกไปเลย”

“คนที่อยู่ในรูปส่วนใหญ่จะเป็นดาราหรือเป็นคนที่มีชื่อเสียง อย่างคุณต่อพงษ์เขาก็มีชื่อเสียงนะ แต่ตอนแรกที่เห็นรูปจำไม่ได้ แล้วก็มาคิดถึงตอนที่ไปงานซูเปอร์บันเทิงก็เลยจำได้ว่าเป็นคุณต่อพงษ์ ก็งงว่าเอามาทำไมเพราะแกไม่ใช่ดารา แต่พอคิดถึงข่าวของนาธานที่ผู้จัดการนำเสนอ ก็เลยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงโดน เพราะข่าวของผู้จัดการแน่และก็จริง แล้วถ้าเล่นใครมันเรื่องจริงไง”

“ที่ผู้จัดการไปแฉเขาเปิดเผยความจริงมันคมชัดลึกมากเลย ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือมันจริง ซึ่งตอนแรกเราไม่เชื่อเลยเพราะภาพลักษณ์นาธานเขาน่ารักช่วยเหลือคน แต่ข่าวของผู้จัดการจุดประกายเรื่องจริงขึ้นมา เป็นการเปิดโปงความจริงทั้งหมด ทำให้เขาคงจะแค้นก็เลยทำเรื่องพวกนี้ใส่”

“ครูแหม่มรู้จักเขามาเป็น 10 ปีรู้ว่าเขาจะชอบและเชื่อเรื่องพวกนี้มาก เขายังเคยบอกผู้มีพระคุณของเขาเลยแต่ขออนุญาติไม่เอ่ยชื่อนะว่าเป็นใคร เขาก็บอกว่าผู้มีพระคุณของเขาเป็นพญานาคอยู่ที่เชียงคาน เคยเป็นเจ้าหญิงอยู่ที่เชียงคานอะไรพวกนี้ แล้วก็เคยเห็นเขาพกพวกของขลังคล้ายๆ พระเป็นเม็ดกลมๆ ดำๆ คือวัยอย่างเขาไม่น่าจะเชื่อของพวกนี้ แต่เขาเชื่อ เวลาเขาจะทำอะไรก็จะดูฟ้าดูดินก่อน”

“พอมาเห็นแล้วตกใจรีบถามน้องต้อมมีชื่อพี่แหม่มไหม ปรากฏว่าเป็นคนละแหม่ม คิดว่าที่ไม่มีคงเป็นเพราะว่าตอนนั้นยังอยู่ข้างเขาอยู่ ใครมาบอกอะไรเรื่องนาธานก็ไม่เชื่ออันนี้เดาเอานะ กับน้ามดก็เหมือนกันที่ไม่มีอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นยังดีกับเขาอยู่ พอมาเห็นของพวกนี้แล้วขนลุก รีบไปรื้อดูที่บ้านมันมีแบบนี้ซุกไว้ที่ไหนหรือเปล่าก็ไม่มี แล้วก็นึกไปถึงคนที่อยู่ในรูปจะเดือดร้อนไหม ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เลยบอกว่า ใครที่ทำของทำอะไรมาเราต้องเอาลอดขาก่อนเลย ครูแหม่มก็เอามาลอดขาเลย ถึงไม่มีเราก็ลอดไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้ใครมาเป็นอะไร”

“ก็อยากจะให้คนที่มีรูปอยู่ในนี้ไปทำบุญทำทานเยอะๆ สิ่งดีๆ จะได้มาช่วยนำพาเรา คนเราเวลาเดือดร้อนก็จะนึกถึงพระก่อน อย่างวันที่ขึ้นศาลน้ามดไปเจอหน้านาธานปรากฏว่านาธานก็ไม่มองหน้า น้ามดก็นั่งท่องพุทโธๆ ในใจ ครูแหม่มก็กดโทรศัพท์บริจาควัดพระบาทน้ำพุ ก็จะมีเสียงพระมาให้พรเรา จะช่วยดับความร้อนในจิตใจเรา ก็อยากจะให้ทุกคนทำบุญเยอะๆ ยิ่งใครที่มีรูปในนี้ก็อยากจะให้ไปทำบุญจะได้เป็นสิริมงคล ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”

“แต่นาธานนี่ไม่รู้ยังไง ใครเจอเขาก็รัก อย่างที่บ้านของครูแหม่มตอนที่ดูข่าวเรื่องพี่เต็ม(สมาน สุขเสริม)ก็ไม่ชอบนะ แต่พอเห็นตัวจริงนาธานก็อดสงสารไม่ได้ ทำไมเขาน่ารักอย่างนี้ เป็นคนที่เอนเตอร์เทนคร๊าบๆ จะเลี้ยงยายไปตลอดชีวิต น้ามดก็จะเลี้ยงจะสร้างบ้านให้ใหม่ มาอยู่ใหม่ๆ ก็จะกวาดบ้านเก็บขยะซึ่งจริงๆ นาธานเขาไม่ชอบสิ่งเหล่านี้หรอก แต่อันไหนที่เป็นผลประโยชน์เขาจะทำ วันนั้นก็ซื้อเหล้าไปให้แฟนน้ามด 3 ขวดบอกว่าไปเดินแบบมาได้ เพื่อที่จะให้แฟนน้ามดยอมเซ็นต์ให้เอาที่ไปจำนอง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เงินนาธานหรอกเป็นเงินน้ามดนี่แหละ”

“ใครที่เห็นนาธานแล้วจะรักทุกคน อย่างกับครูแหม่มเห็นครั้งแรกเขายกมือไหว้บอกตัวเองกำพร้าพ่อแม่เป็นลูกครึ่งเนปาลอยู่กับย่า เจอกันครั้งหน้าก็บอกย่าตายแล้วตอนนี้อยู่คนเดียวเราก็สงสาร เขาจะอ่อนน้อมถ่อมตนมากแต่ลับหลังปากร้ายมาก”

อย่างไรก็ตามเพื่อความกระจ่าง ทีมข่าวบันเทิง EXCLUSIVE ผู้จัดการออนไลน์ ได้นำเอาภาพที่มีการลงอักขระดังกล่าวไปสอบถาม “ครูสอนศาสนาอิสลาม” คนหนึ่งในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอำเภอที่นาธานเคยหนีตำรวจคดี “แม่บ้านเต็ม สมาน สุขเสริม” ไปอาศัยอยู่กับชาวอิสลามที่นั่น โดยในครั้งนั้นแหล่งข่าวที่อยู่ใกล้กับบ้านที่นาธานไปพักอยู่นั้น ได้เปิดเผยว่า นาธานมาทำพิธีอาบน้ำล้างซวยและทำพิธีกรรมบางอย่างที่บ้านหลังนั้นด้วย

ซึ่งทันทีที่ครูสอนศาสนาอิสลามเห็นภาพดังกล่าวก็บอกว่า เป็นการทำพิธีกรรมเพื่อให้ได้รับความเมตตาทำให้คนในภาพรักและหลง ซึ่งอักขระดังกล่าวนั้นก็คือ ภาษามลายู ที่มักจะใช้กันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
“อันนี้เป็นภาษามาเลย์หรือมลายู ที่มีภาพคนสอง คนหนึ่งเขียนภาษาไทยว่า นาทาน ส่วนอีกคนเขียนเป็นภาษามลายู บางภาพก็เขียนเป็นภาษามลายูว่าผู้หญิง บางภาพก็เขียนเป็นภาษามลายูว่าผู้ชาย และก็มีการเขียนโยงหัวใจไปยังภาพที่ชื่อว่านาทาน ก็คือทำให้รักทำให้เมตตา”

ส่วนภาพและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่อยู่ข้างหลังภาพของ โดนัท มนัสนันท์ , แหม่ม พัชริดา วัฒนา , แพท พัทริกา ลิปตพัลลภ และ ต่อพงษ์ เศวตามร์ ที่มีลักษณะเหมือนการลงยันต์นั้น ครูสอนศาสนาอิสลามได้อธิบายความหมายไว้ว่า เป็นการเขียนยันต์เพื่อความเมตตาของอิสลามเช่นกัน
“อันนี้ที่เป็นรูปกากบาทเป็นเหมือนผ้ายันต์อย่างหนึ่ง เหมือนทำยันต์เพื่อความเมตตาไม่ใช่การแช่ง เป็นยันต์อย่างหนึ่งของอิสลามเขียนเพื่อให้หลงรัก ส่วนตัวอักษรนี่อ่านไม่เป็นภาษาเพราะเขียนเป็นตัวอักษรพยัญชนะเหมือนเขียน ก ข ฃ ค ”

“ลักษณะการเขียนแบบนี้ไม่เคยเห็นในพิธีกรรมของอิสลาม แต่ว่าเคยเห็นในตำราบางเล่ม คือถ้าต้องการชอบหรือหลงรักใครซักคนก็ต้องทำแบบนี้และก็ต้องพยายามสวดวิงวอน แต่อันนี้ทำขึ้นเองไม่ได้ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญ”

“พอทำแล้วสำหรับบางคนก็จะมีการห้ามในเรื่องต่างๆ เช่น ห้ามลอดราว หรือแบบถ้าทำแบบนี้แล้วใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วแต่ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเอาออกไม่งั้นมันจะเสื่อม มันก็จะไม่เกิดประโยชน์ไม่ได้ผล สวดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล ส่วนคนที่ถูกทำก็จะมารักคนที่ทำหรือบางครั้งถึงขั้นหลงใหล ขึ้นอยู่กับการสวดด้วย”

“คนที่สวดก็คือคนที่ทำ คือนาธานอาจจะไม่ได้สวดเองแต่ให้คนที่ทำพิธีเป็นคนสวดให้และก็ให้ซองขาวไป ถึงของสิ่งนี้จะอยู่กับนาธานแต่คนที่ทำพิธีก็สามารถสวดให้ได้ อย่างสมมติผมเป็นหมอแล้วคุณเป็นนาธาน ก็บอกว่าเขาชอบคนนั้นคนนี้ให้หมอทำให้หน่อยสิ แล้วก็ให้หมอช่วยสวดให้หน่อยมันก็เป็นไปได้”

“การทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นการทำให้ผู้หญิงมาหลงรักผู้ชาย หรือผู้ชายหลงรักผู้หญิง แต่ทำให้ผู้ชายมาหลงรักผู้ชาย ผู้หญิงหลงรักผู้หญิงด้วยกันก็ได้ คนที่ถูกทำก็มีผลก็คือทำให้หลงรักคนที่ทำ แต่จะไม่เป็นแบบสรีระเปลี่ยนแปลงหรือหน้าตาหมองคล้ำ จริงๆ แล้วอันนี้ก็ถือว่าเป็นด้านดีเพราะทำให้คนรักไม่ได้ทำให้คนเกลียด แต่ถ้าเป็นพวกหมอเขมรทำให้คนเกลียดสรีระก็อาจจะเปลี่ยนแปลง แต่อิสลามไม่มีทำด้านนั้น”

“แต่ส่วนมากคนอิสลามเขาไม่ใช้กันหรอก คนที่ใช้ก็คือหมอดูหมอทำของอะไรต่างๆ อิสลามเขาไม่ทำกันหรอก แต่ก็มีอิสลามบางคนที่ศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ มันเป็นตำราที่มีไว้ศึกษาเท่านั้นว่ามันมีอยู่ แต่เขาจะไม่เอามาใช้กันเพราะทำลำบากทำยาก”

“ถามว่าเหมือนการทำเสน่ห์หรือเล่นของแบบของไทยหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ามีส่วน(เหมือนการทำไสยศาสตร์ของไทยหรือเปล่า) ก็มีส่วน คือตำรานี้มันมีแต่เขาไม่ทำกัน ศึกษาค้นคว้าแต่ไม่ทำกัน ตำราตัวนี้ไม่มีตัวอย่างให้ดูเพราะคนที่ศึกษาพวกนี้จะต้องเป็นพวกหมอดูหรือพวกเล่นของ”

ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าบุคคลที่อยู่ในภาพนั้นส่วนใหญ่จะเคยเกี่ยวข้องและออกมาปกป้อง “นาธาน” กรณีลวงโลกโกอินเตอร์และโกงเงิน “แม่บ้านเต็ม สมาน” ไม่ว่าจะเป็น โดนัท มนัสนันท์ , เอกชัย ศรีวิชัย , แหม่ม พัชริดา ส่วน ต้น ลาวัณย์ กันชาติ ,หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน ผู้บริหารเจเอสแอล , สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารเอไทม์ เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารอาร์เอสและภรรยาก็ล้วนเคยมีความสัมพันธ์อันดีและให้ความช่วยเหลือนาธาน จะมีก็แต่ ต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และผู้อำนวยการช่องซูเปอร์บันเทิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนาธาน ส่วน พัทริกา ลิปตพัลลภ ช่างภาพและนักเขียนนิตยสารดิฉันนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับนาธานอย่างไร

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

“นาธาน” ปลื้มเป็นดาวในคุก เผย นักโทษชื่นชอบเอ็นเตอร์เทนสุดยอด



“นาธาน” ปลื้มเป็นดาวในคุก นอกจากจะไม่ทุกข์ร้อนแล้วยังปรับตัวได้เร็วกว่านักโทษคนอื่นอย่างน่าประหลาด เผย เพื่อนนักโทษชื่นชอบเอ็นเตอร์เทนสุดยอด สุดเวทนาติดคุกมาครึ่งเดือนไม่มีใครโผล่เยี่ยมไม่มีใครกล้าประกันตัว ด้านทนายโจทก์ เผย หากไม่มีใครประกันตัวก็ต้องติดคุกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะที่ “น้ามด” ลำบากแสนสาหัสประหยัดจนต้องซื้อข้าววัดมากิน แถมลูกผัวต้องปากกัดตีนถีบช่วยกันทำมาหากิน ผุดไอเดียทำขนมไข่หงส์ขาย ตั้งชื่อ “ไข่หงส์น้ามด ไข่เหี้ยนาธาน” เป็นสิ่งเตือนใจอย่าให้หลงเชื่อนาธานอีก
ตั้งแต่ที่ศาลจังหวัดเลยสั่งฟ้อง “นาธาน โอร์มาน” ในคดีฉ้อโกง “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” เป็นจำนวนเงิน 740,000 บาท กระทั่งนาธานถูกส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะไม่ใครมาประกันตัว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า เจ้าของโรงแรมที่พัทยาชื่อ “ต๋อย” เจ้านายของนาธานที่เจ้าตัวเคยไปทำงานด้วยก่อนที่จะติดคุก ได้เดินทางมาทำบุญที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และเตรียมวิ่งเต้นช่วยเหลือนาธาน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงข่าวโคมลอย รวมถึงข่าวที่บอกว่าพ่อแท้ๆ ของนาธานที่อยู่จังหวัดพิษณุโลกกำลังจะหอบเงินมาช่วยลูกชาย หรือแม้แต่ล่าสุดที่ลือกันให้แซดว่า แก๊งกะเทยเชียงคานเพื่อนของนาธานกำลังลงขันกันเพื่อระดมเงิน 2.3 แสน มาช่วยประกันเพื่อนรักออกจากคุก แต่สุดท้ายจนถึงวันนี้นอกจากจะไม่มีใครโผล่มาประกันตัวแล้ว แม้แต่คนมาเยี่ยมก็ยังไม่มี

ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว ที่เจ้าตัวถูกจองจำอยู่ในเรือนจำในฐานะ “นักโทษ” คดีอาญา โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่นาธานถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย เจ้าตัวก็ถูกจับตัดผมเกรียน และใส่ชุดนักโทษตามระเบียบของทัณฑสถาน กระทรวงยุติธรรม และพักอยู่ห้องรวมกับผู้ต้องขังอื่น ๆ ที่เรือนขัง 1/1 ตึก 1 ซึ่งมีผู้ต้องขังรวมประมาณ 100 กว่าคน โดยไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด โดยในครั้งนี้ "นายเกียรติศักดิ์ บัวมาศ" นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพเรือนจำจังหวัดเลย ได้เปิดเผยกับทีมข่าว “บันเทิงASTVผู้จัดการออนไลน์” ถึงชีวิตของอดีตนักร้องจอมอื้อฉาว “นาธาน โอร์มาน” ในวันที่มีคำนำหน้าชื่อว่า “นช.” ว่า…….

“วันแรกที่เขามาก็ไม่เห็นเขาเครียดนะ เห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี เขาก็ตัดผมเกรียนและใส่ชุดนักโทษเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ไม่มีข้อละเว้น เขาก็ยอมทำตามกฎทุกอย่าง ไม่ได้อิดออดอะไร ก็ดูเขาไม่วิตกอะไรนะ หรืออาจจะไม่แสดงออกก็ไม่รู้ เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี เขาดูปรับตัวได้ง่ายกว่านักโทษคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ”

“ตอนนี้เขาต้องอยู่ให้ส่วนของผู้ต้องขังใหม่เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อปรับตัวให้ได้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญของการเข้ามาอยู่ในเรือนจำคือผู้ต้องขังต้องปรับตัวให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตื่น การรับประทานอาหารที่เป็นเวลา มีเวลาบังคับ การใช้ชีวิตที่ขาดอิสรภาพ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เกิดความเครียด หลังจากนั้นก็จะย้ายไปอยู่กับผู้ต้องขังทั่วไป ที่นี่จะแบ่งเป็นสองแดน คือแดนหญิงกับแดนชาย หญิง 700 กว่าคน ชาย 1,000 กว่าคน”

“สถานที่มันแออัดเพราะจำนวนผู้ต้องขังเกินจำนวนที่จำกัดไปเยอะ ห้องนอนก็เป็นห้องกว้างๆ โล่งๆ กว้างประมาณ 25 เมตร ห้องนึงก็นอนประมาณร้อยกว่าคน เรือนจำมีหมอน มีผ้าห่ม มีที่นอนให้ สบู่ แปรงสีฟัน ของใช้ในชีวิตประจำวันเรามีให้ทุกอย่าง เรือนจำมีทีวีให้ดู แต่ผู้ต้องขังเลือกช่องเองไม่ได้ เราจะให้ดูสารคดีแล้วก็บันเทิงบ้าง เนื้อหาต้องไม่ล่อแหลม ดูได้ไม่เกิน 2 ทุ่มเพราะต้องเข้านอน”

“ผู้ต้องขังทุกคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้วปล่อยให้เขาทำธุระส่วนตัว อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เป็นห้องน้ำรวม หลังจากนั้น 8 โมงก็ลงมารับประทานอาหาร ก็ต้องเข้าแถวเพื่อรับอาหารจากทางเรือนจำ ซึ่งก็จะเป็นถาดหลุม กับข้าวมือละ 3 อย่าง ข้างในมีอาหารขาย ก็แล้วแต่ถ้าผู้ต้องขังอยากซื้อทานเองก็ได้ แต่นาธานเขาก็ทานของเรือนจำนะ ยังไม่เห็นเขาซื้อทานเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะสะดวกสบายกว่า หรืออาจจะเพราะไม่มีเงินก็เป็นไปได้ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ เพราะของทั้งหมดของเขาเจ้าหน้าที่เรือนจำจะเป็นคนเก็บไว้ให้ ไม่ให้นำเข้ามาด้วยรวมทั้งเงินก็ไม่ให้เอาเข้ามา ถ้าจะใช้ต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 จะให้เป็นคูปอง”

“ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องมีกิจกรรมทำ นอกจากการสอนวิชาชีพระยะสั้นแล้ว ข้างในยังมีหนังสือให้เรียนมีวุฒิวิชาชีพให้เพื่อที่เวลาเขาออกไปจะได้สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ปวส. ปวช. ปริญญาตรีมีหมด ขึ้นอยู่กับผู้ต้องขังว่าเขาจะไขว่คว้าหรือเปล่า ส่วนการจำแนกการเรียนก็จะดูว่าผู้ต้องขังถนัดและมีความชอบในด้านใด แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เลือกว่าจะทำอะไรนะ คงอีกสักพัก”

“ตั้งแต่โดนส่งตัวมาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย ไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเขานะ ไม่มีใครมาเยี่ยมแล้วก็ไม่มีประกันตัว ผู้ต้องขังชายให้เยี่ยมได้สัปดาห์ละ 3 วัน จันทร์-พุธ-ศุกร์ วันละไม่เกิน 15 นาที คุยผ่านโทรศัพท์ มีกระจกกับลูกกรงกั้น ของเยี่ยมที่ห้ามนำเข้ามาก็เช่นเงินสด วัตถุระเบิด น้ำมันเชื้อเพลิง สิ่งเสพติด ศาสตร์ตราวุธ วัตถุสื่อสาร ภาพลามกอนาจารที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับเรือนจำ ของเน่าเสีย และสิ่งมีชีวิต ประมาณ 11 อย่าง ทางเรือนจำต้องตรวจค้นอย่างละเอียด แต่กรณีของเขายังไม่มีใครมาเยี่ยมก็เลยยังไม่มีปัญหาอะไร ”

“ผมไม่เคยคุยกับเขานะ แต่เท่าที่เห็นเขาก็ดูร่าเริงไม่ทุกข์ร้อนอะไร วันเสาร์กับวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ให้ผู้ต้องขังได้ผ่อนคลายเป็นวันพักผ่อน จะให้เล่นดนตรี เขาก็จะอาสาขึ้นไปร้องเพลง เขาร้องเพราะ เพื่อนๆ ก็จะสนุกสนาน เขาจะเอ็นเตอร์เทนเพื่อน ข้างในก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นดารานะ ก็เห็นว่าเขาร้องเพลงเพราะแค่นั้นแหละ เพื่อนๆ ก็ดูชอบเพราะเขาเข้ากับคนง่าย เขาปรับตัวได้เร็ว เขาจะคุยกับคนโน้นคนนี้ ตั้งแต่เขาเข้ามายังไม่เห็นเขาเครียดเลย (เคยมีดาราติดคุกที่นี่มั้ย?) ไม่มี เขาเป็นคนแรก ก็ถ้าไม่มีใครมาประกันตัว เขาก็จะต้องอยู่ในนี้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด”

ส่วนในกรณีถ้าหากนาธานไม่มีเงินว่าจ้างทนายส่วนตัว เจ้าตัวสามารถทำเรื่องร้องขอกับทางศาลเพื่อขอทนายอาสาได้ ซึ่ง “พิมพ์บุญ พันสวัสดิวง” หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเรือนจำจังหวัดเลย ได้แจกแจงเรื่องนี้ว่า…

“เขาสามารถขอได้ แต่คุณสมบัติต้องยากจน ไม่มีญาติ และไม่มีเงินที่จะต่อสู้คดี และเป็นคดีแรก ไม่เคยต้องโทษมาก่อน และคดีน่าจะชนะ ตรงนี้จะมีเงินจากกระทรวงยุติธรรมในการที่จะมาต่อสู้คดี เพราะเงินตรงนี้จะให้กับคนที่ไม่มีเงินต่อสู้คดีเท่านั้น แต่ของนาธานน่าจะยากเพราะเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงน่าจะมีช่องทางตรงนั้น แต่เขามีสิทธิ์ขอ แต่คณะกรรมการจะต้องพิจารณาก่อน ทนายจะมาจากกระทรวงยุติธรรมส่งมาให้ เพื่อช่วยเหลือโดยที่ผู้ต้องขังไม่ต้องตอบแทนใดๆ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บอกไป ถ้านาธานอยากปรึกษาทนายเรื่องคดีเขาสามารถทำเรื่องขอมาทางเรือนจำได้ แล้วเรือนจำจะประสานเรื่องให้ แต่ต้องเป็นความประสงค์จากเขา แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ร้องขอมา”

พร้อมกันนี้ยังได้รับการเปิดเผยจาก “นางประมัย เสริฐศรี” อายุ 65 ปี นายประกันอาชีพ หน้าศาลจังหวัดเลย นายประกันที่นาธานเคยร้องขอให้ช่วยประกันตัวให้ โดยนางประมัยได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ยอมประกันตัวให้นาธานว่า….

“ยายไม่ได้เป็นอะไรกับนาธาน แต่เป็นนายประกันอาชีพอยู่ที่ศาลจังหวัดเลย ทำมา 11 ปี ยายจะต้องมีหลักทรัพย์ไว้ใช้ในการประกันตัวแล้วก็หักเปอร์เซ็นต์กับคนที่ว่าจ้างแสนละหมื่น วันที่นาธานมาที่ศาล เขาก็เรียกหานายประกันเพราะไม่มีใครมาประกันเขา ศาลก็เลยเรียกให้ยายขึ้นไป พอเห็นว่าเป็นนาธานยายก็กลัว ก็เลยไม่ประกัน หลักทรัพย์ 2.3 แสน จริงๆ หลักทรัพย์ยายก็มีอยู่ แต่ยายกลัวเขาหนีไม่มารายงานตัว กลัวเขาจะหนีคดี ก็เลยไม่กล้าเสี่ยง”

“แต่แกบอกว่าประกันให้หนูหน่อย แกพูดดีคุยดี แต่ดูเครียด ยายก็โกหกว่าหลักทรัพย์ไม่มี(หัวเราะ) แกก็เลยบอกว่าหาคนอื่นให้ได้มั้ย ยายก็เลยเรียกเพื่อนที่รู้จักกันนี่แหละมา แต่เขาก็ไม่เอาเหมือนกัน เขาก็ไม่อยากคุยด้วยซ้ำ แต่ยายขอร้องให้ไปคุยกับนาธานหน่อย สุดท้ายก็ไม่กล้าเหมือนกัน ยายก็ดูข่าว แล้วเพื่อนที่เป็นตำรวจเขาก็เตือนว่าอย่าไปประกันนะ แต่ยายก็ไม่เอาอยู่แล้ว แต่ต้องไปเพราะเขาเรียก ก็สงสาร ขึ้นไปตั้งหลายครั้ง แกก็บอกว่ามีคนอื่นอีกมั้ย ยายลงมาข้างล่างแกก็โทรถามยายตลอดว่ามีคนอื่นอีกมั้ย แกก็ร้อนรน”

“แกบอกว่ามีเงินให้ 7 พัน แต่คดีแกต้องให้ 2.3 หมื่น แกก็ถามว่าจะต้องจ่ายเงินสดเหรอ แล้วก็ไม่รู้โกหกหรือเปล่า บอกว่าเพื่อนจะมาจากชลบุรีแล้วจะเอามาให้อีก แต่ยายไม่เชื่อ ตอนที่เขารู้ว่าไม่มีใครประกันก็ดูซึมๆ หน้าแดงๆ เขาก็อ้อนวอนอยู่นาน ทุกคนที่ไม่ประกันตัวให้เขาเพราะไม่กล้าเสี่ยง ดูแล้วแกหนีแน่นอนอยู่แล้ว แต่แกเป็นคนพูดดีนะ ขนาดแกจะต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำ แกยังบอกอีกว่าคุณยายมีใครอีกมั้ย แกบอกหนูไม่มีใครแล้ว”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“นาธาน” เลิกแหล! รับแล้วกุเป็นลูกครึ่งเนปาล-โกฮอลลีวูด อ้างคนชอบฟังเรื่องโกหก

“นาธาน” รับแล้วเป็นจอมลวงโลก กุเรื่องเป็นลูกครึ่งเนปาล โกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูด อ้างทำตามผู้มีพระคุณสั่ง ทั้งยังเชื่อคนชอบฟังเรื่องโกหก เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ลั่นต่อไปนี้ขอเป็นตัวเอง เลิกโกหกจะพูดแต่ความจริง
ในที่สุดก็ยอมคายความจริงออกจากปาก สำหรับ “นาธาน โอร์มาน” ที่ได้สร้างตำนานมหากาพย์แหลลวงโลก อ้างเป็นลูกครึ่งเนปาล และได้โกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูดของ “วูล์ฟ กัง” เรื่อง “The Prince Of Red Shoe” ประกบ “บรู๊ซ วิลลิส” และ “คริสติน่า ริชชี่” ฟันค่าตัว 100 ล้าน แถมยังแต่งเรื่องโกงเงินคนข้างกายสารพัด แม้จะมีคนงัดความจริงออกมาแฉ แต่เจ้าตัวก็ยังแถน้ำขุ่นๆ ไม่ยอมรับ กระทั่งล่าสุด “นาธาน” ได้ไปเปิดใจผ่านรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ที่ได้มีการบันทึกเทปไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่ร้านเอสแอนด์พี อาร์ซีเอ โดยยอมให้พิธีกร “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ล้วงควักเจาะลึกสัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งครั้งนี้ “นาธาน” ยอมสารภาพรับเต็มปากเองเป็นคนโกหกในทุกเรื่องที่ผ่านมา

“หลังจากมีข่าวคราวก็หายไป อยู่ตามป่าตามเขา อยู่บนดอย นอนในรถบ้าง ไปเจอคนใจดีให้ที่พักพิงกินข้าวปลาบ้าง ก็ค่อนข้างลำบาก ช่วงที่อยู่เชียงคานก็รู้สึกว่าชีวิตอยู่กับคนบ้า คนเสียสติ ทำให้เราแย่ แล้วมีกระแสข่าวขึ้นมาอีกครั้ง พอดีกับที่ธานได้ดูมิวสิกวิดีโอเพลง เทเลโฟน ของ เลดี้ กาก้า ซึ่งในมิวสิกวิดีโอ เลดี้ กาก้าจะถูกขังอยู่ในคุก ดูแล้วรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองมาก ทำให้คิดและสำนึกได้ว่า เราต้องออกมาต่อสู้และพูดความจริงเสียที”

นอกจากนี้ “นาธาน” ยังยอมรับอีกว่า ที่ผ่านมา เป็นคนโกหกลวงโลก ตั้งแต่เข้าวงการมาชีวิตได้ถูกผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นกุนซืออยู่ 5-6 คน คอยบอกให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ จัดวางไว้หมดแล้วว่า ต้องเป็นลูกครึ่ง พูดได้ 5 ภาษา ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง แต่ “นาธาน” เป็นคนที่ต้องการความรัก ต้องการความอบอุ่น กลัวว่าคนจะไม่รัก เลยต้องจำใจโกหกตามที่ผู้มีพระคุณได้วางหมากเอาไว้ เพื่อให้คนรัก และหันมาสนใจ นอกจากนี้ “นาธาน” ยังเข้าใจว่า คนทั่วไปชอบเรื่องโกหก เวลาที่พูดความจริงจะไม่เคยเชื่อ แต่พอโกหกทุกคนเชื่อกัน มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงทุกวันนี้

แต่ ณ วันนี้ “นาธาน” ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ไม่มีภาพลักษณ์ที่ต้องรักษาเพื่อผู้มีพระคุณหรือเพื่อใคร จึงอยากจะขอเป็นตัวของตัวเอง จะพูดความจริงทุกอย่าง และทำทุกอย่างในแบบฉบับตัวตนของ “นาธาน” จริงๆ ที่จะทั้งกินเหล้าและสูบบุหรี่ พร้อมยอมรับว่าพูด 5 ภาษาตามที่เคยกล่าวอ้างไม่ได้ ไม่เคยเล่นหนังฮอลลีวู้ด ต่อไปนี้ทุกคนจะได้เห็น “นาธาน” ตัวจริง จะดีหรือเลวอย่างไรก็ให้มันเป็นไป

ส่วนกับคำถามเรื่องโกงเงินคนไปทั่ว และที่ผ่านมาไม่เคยคิดโทษตัวเองเลยใช่หรือไม่ “นาธาน” ตอบโดยไม่มีท่าทีสะทกสะท้านโบ้ยว่า

“อย่างที่ธานบอกว่า ที่ผ่านมา เหมือนอยู่กับคนบ้า ธานต้องโกหกเพื่อความสบายใจ ถามว่า เคยคิดโทษตัวเองไหม ก็มีบ้าง แต่คนรอบข้างทำให้เราต้องโกหก แต่ต่อไปจะไม่โกหกอีกแล้ว”

และยังมีอีกมากมายหลายคำถามที่จี้แทงใจดำและตรงประเด็น ทำให้ “นาธาน” แสดงอาการร้อนรนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนจะเป็นเช่นไรติดตามชมกันได้เต็มๆ ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” คืนวันอาทิตย์ที่ 12 และ 19 ธันวาคมนี้

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“นาธาน” ซัด “ครูแหม่ม” จอมวางแผนป้ายผิดโกงเงิน อุบเป็นกะเทย ไม่รับไม่ปฏิเสธเป็นผัวอีกฝ่าย

“นาธาน” ซัดกลับ “ครูแหม่ม” แต่งเรื่องทัวร์แล้วโบ้ยความผิดให้ตน แฉอีกฝ่ายเป็นจอมวางแผนสร้างละครมีตนเป็นหุ่นเชิด วอนจบถึงเวลากรรมคืนสนอง อุบเป็นกะเทยอ้างเป็นเรื่องส่วนตัว โบ้ยถามอดีตแม่บุญธรรมอยู่กันฐานะอะไร ไม่รับไม่ปฏิเสธเป็นสามีอีกฝ่าย ด้าน “ครูแหม่ม” โต้ไม่เคยอยู่กินกันฉันท์ผัวเมียกับจอมลวงโลก ทั้งโต้รวมหัว “น้ามด” แต่งเรื่องทำลาย “นาธาน”

ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง สำหรับการยอมโผล่หน้าออกรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ของจอมลวงโลก “นาธาน โอร์มาน” ที่วานนี้ (1 ธ.ค.) หอบหลักฐานเป็นบิลต่างๆ มาโชว์ ยันไม่ได้โกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” และครอบครัวของ “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” บอกตนกับผู้มีพระคุณอย่าง “น้าแอ๊ะ” หรือ “พ.อ.(พิเศษ) นันทนาพร พรายแสง” น้าสาวของอดีตนักร้อง “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง” ต่างหาก ที่เป็นฝ่ายถูกอดีตแม่บุญธรรมหลอกให้ไปลงทุนทำรีสอร์ตจนหมดตัว พร้อมฉะ “พ่อครูแหม่ม” เป็นคนบ้า ใจร้ายเอามีดไล่แทงตน

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางรายการได้นำเทปการเปิดใจของ “นาธาน” มาออกอากาศต่อ โดย “หนุ่ม กรรชัย” ซึ่งทำหน้าที่พิธีกร ยังคงซักถึงความเป็นอยู่ของ “นาธาน” โดยถามว่าในเมื่อขณะนี้ “น้าแอ๊ะ” ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยังให้การดูแลเขาอยู่กรุงเทพฯ ทำไมถึงไม่ไปนอนบ้านเขา ทำไมยังนอนในรถ “นาธาน” ก็ตอบสวนกลับทันที

“นอนในรถกี่วันครับ ธานนอนในรถแค่ 2 วัน ที่เหลือก็นอนตามบ้านเพื่อนคนโน้นคนนี้ ทำไมธานต้องไปนอนบ้านน้าแอ๊ะด้วย ธานอาจจะไปนอนบ้านน้าแอ๊ะก็ได้ แต่ธานไม่จำเป็นต้องบอกพี่หรือรายการก็ได้ ธานจะนอนที่ไหน ตอนนี้ธานไม่ได้ถ่ายเรียลิตี้อยู่ไง ดังนั้น บางส่วนบางอย่างธานจะไปนั่งขี้อยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ไม่จำเป็นต้องบอก บางอย่างมันมีส่วนที่สำคัญมาก แต่บางอย่างมันไม่จำเป็นต้องลงลึกขนาดนั้น ถ้าลงลึกปุ๊บประเด็นก็จะเปลี่ยนทันที ก็กลายเป็นธานผิดเหมือนเดิม”

มาถึงประเด็นของ “น้ามด” ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า พยายามหาเงินช่วย “นาธาน” ถึงขนาดยอมเอาสร้อยทองไปขาย และให้บัตรเอทีเอ็มกับ “นาธาน” เอาไปกดดูว่า เงินทำทัวร์เข้าบัญชีไหม แต่กลับถูกจอมลวงโลกขโมยเงินที่มีอยู่ติดในบัญชีไป

“อ้าวก็เขาเป็นคนสั่งให้ธานไปกด เอาประเด็นเฉพาะบัตรเอทีเอ็มละกันนะ บัตรเอทีเอ็มธานเอาไปกดตังค์ให้เขา 2 ครั้ง เขาบอกนาธานไปกดตังค์นะลูก เพราะแม่แหม่มไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เขาไม่กล้าคุยกับน้ามด เพราะแม่ไปยืมเงินน้ามดหลายรอบมาก แม่ก็เลยให้ธานคุยกับน้ามด ให้เอาหน้าธานเนี่ยคุยกับน้ามด ไปอ้อนน้ามดให้เอาตังค์มาให้ได้ ธานเลยคุยกับน้ามดว่า ช่วยเขาหน่อยเถอะ สงสารเขา น้ามดไม่ยอม พอธานไปบอกแม่ว่าน้ามดไม่ให้ แม่ยังบอกว่าแม่เป็นคนไปซื้อน้ามดมาเอง เพื่อจะเอามาเป็นสะใภ้ของบ้านนี้”

“ฉะนั้น ประเด็นเงิน 7 แสน ธานไม่รู้เรื่องด้วยอะไรทั้งสิ้น รู้แต่ว่าเงินทั้งหลายแหล่เขาอีนุงตุงนังกันเอง เรื่องสร้อยทองอะไรก็ไม่เกี่ยวกับธานทั้งสิ้น ส่วนที่น้ามดให้เงินธาน 1-2 พันเอาไปใช้ มันเป็นเรื่องปกติ เพราะธานอยู่ที่นั่น ธานไม่มีเงินใช้เลย รู้ๆ อยู่ว่าธานใช้จ่ายในบ้านนี้หมดสารพัด พี่จะให้ธานเอาเงิน 1 พันบาทตามที่ถามกี่ครั้งล่ะ มันก็มีบางครั้งที่เขาให้ธานพันนึง หรือให้ธาน 200 แค่นั้นเอง แต่ไม่ใช่ว่าให้ธาน 1 พันแล้วให้ธานไปเป็นหนี้ 7 แสนนะ”

ยันไม่เคยบอก “น้ามด” จะทำทัวร์ และพาลูกทัวร์ไปเที่ยวอินเดียชมป่าหิมพานต์ โบ้ยเป็นคำโกหกสร้างเรื่องของ “ครูแหม่ม” รวมทั้งเรื่องเอาชื่อของพิธีกรชื่อดัง “ดู๋ สัญญา คุณากร” มาอ้างด้วย

“ธานไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นเลย มันก็สำคัญมากเพราะแม่แหม่มรู้เรื่องธานทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว เขาสามารถเอาเรื่องปีที่แล้วมาโยงปีนี้ได้ มันหมดยุคหมดเรื่องนั้นไปแล้วครับ มันไม่เกี่ยวอะไรกับธานเลย เอาเป็นว่าครูแหม่มอย่าดึงประเด็นอื่นมา หรือใครก็แล้วแต่อย่าดึงประเด็นอื่นมา คือ เขามีปัญหากับธาน พอมีปัญหาสรุปจบเรื่องงวดสุดท้าย 3 แสน 6 เขาจะไม่จ่าย ร้านวัสดุก่อสร้างอีก 4 หมื่น เขาจะไม่จ่ายค่าคนงานอีก 2 หมื่น 2 เจ้า ซึ่งเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องที่บอก เพราะเขาต้องใช้วิธีนี้หาเรื่องธาน ให้ธานเป็นข่าวทุกอย่าง โดยโยนความผิดทั้งหมดมาให้ธาน”

“ธานกำลังจะบอกว่าเขาหลอกธานให้ไปอยู่ที่นั่น 1 ปี ครูแหม่ม พิสมัย หลอกให้ธานไปอยู่เชียงคาน เพื่อหาประโยชน์ให้ธานสร้างบ้านให้เขา 1 หลังสำเร็จ แล้วก็สร้างรีสอร์ทกระท่อม 10 หลังข้างใน แล้วก็ข้างนอกอีก 2 หลัง โดยที่ธานบอกว่าทุกคนจะได้มีอาชีพ มีรายได้ น้ามดก็จะได้มีเงิน ทุกคนก็จะได้มีเงิน เรื่องทำทัวร์ก็เป็นเรื่องที่แม่ไปโกหกน้ามดเอง มันเป็นเรื่องที่ยายไม แม่ของเขาไปคุยกันเอง ธานไม่มีหลักฐานทำทัวร์อะไรทั้งนั้น เพราะธานไม่ได้ทำทัวร์ไง ธานไม่เคยบอกเขาด้วย”

“แต่เขาเข้าใจหรือเปล่า ธานบอกว่ารีสอร์ตที่จะทำ มันจะมีทัวร์เข้ามาเท่านั้นเอง แต่ธานไม่ได้เป็นตัวแทนเอาทัวร์มาลงเอง ธานจะทำเพื่อให้เชียงคานเป็นเมืองท่องเที่ยว ถ้าทำสำเร็จปุ๊บนักท่องเที่ยวก็จะมาพักที่นั่น เอ๊ย...บ้านนาธานอยู่ที่นั่น ซึ่งก็จะมีรายได้ จุดไคลแมกซ์ของเรื่องคือรีสอร์ทที่ทำ ที่บ้านนั้นอย่าเอามาโยงเรื่อง และก็อย่าเอามาปะติดปะต่อเรื่องให้ธานรู้สึกผิด เพราะธานแย่มากแล้ว ฉะนั้นรีสอร์ทที่ทำอยู่ 2 หลังกับข้างในอีก 10 หลังกับบ้านพอรู้ว่าไม่มีปัญญาผ่อน เขาก็ต้องหาเรื่อง และธานก็ไม่เคยพูดกับน้ามดเลยว่า จะพาเขาไปเที่ยวต่างประเทศ เขาต้องหัดถือกระเป๋าดีๆ ต้องใส่ส้นสูง อย่าใส่รองเท้าแตะ มันไม่เกี่ยวข้องกับธานใดๆ ทั้งสิ้น”

“แล้วเรื่องพี่ดู๋ สัญญา อีก อันนี้ยิ่งไม่เกี่ยวใหญ่เลย ธานไม่เคยอ้างชื่อพี่ดู๋เลย ให้ตายเลย.....ธานไม่เคยอ้างใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนคุณตุ๊กตาเป็นใครธานไม่รู้จัก คุณก้อยที่บอกว่าทำทัวร์โทร.หาน้ามดก็ไม่รู้จัก คือ อย่าเอามาโยงกับธานเลย มันไม่เกี่ยวอะไรกับธานทั้งสิ้น อะไรก็แล้วแต่เขาสามารถยัดเรื่องทุกอย่างให้ธานผิดได้ ฉะนั้นธานไม่ยอมรับใดๆ ทั้งสิ้น ธานรู้สึกว่าธานไม่ผิด แล้วธานรู้สึกว่าความบริสุทธิ์ใจมันอยู่ที่ตัวทุกคน ธานก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนดูว่ามันคืออะไร”

“แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้เกี่ยวตรงนั้น ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่บ้าน มันไม่ได้อยู่ที่ทัวร์ มันอยู่ที่ว่าเงินทั้งหมดไปบวกลบคูณหารใบที่ธานบอกอีกครั้งว่า บ้านราคา 2 ล้านกว่าบาทเนี่ย เงินช่างก็ 5 แสนกว่าบาทแล้ว ไม่รวมกระจุกกระจิกทั้งหลาย (แล้วเงินที่น้ามดให้หายไปไหนหมด?) มาถามธานได้ไง ก็ธานไม่รู้เรื่องไง ทุกอย่างมันอยู่ที่บ้าน อย่ามาบอกว่าธานเอาไป ถามครูแหม่ม พิสมัยดีกว่าว่ามันอยู่ตรงไหน ว่าเขาทำอะไรกัน เขาคุยกัน เขาไม่ได้คุยกับธาน”

คุณกำลังจะบอกว่าพวกนี้สร้างบ้านขึ้นมา พอถึงเวลาประโยชน์ไม่เอื้อกับเขา เลยโยนความผิดทุกอย่างให้คุณ โดยสร้างตัวละครมา? “ถูก มีเรื่องทัวร์ มีน้ามด มีหลายอย่างที่เขาสร้างขึ้นมา ยืนยันผมไม่ได้เอาเงินเขามาครับ เป็นเรื่องที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้ธานเสียหาย ปัญหามันมาจากเรื่องบ้าน เพราะเงินขาดไม่พอ เขาก็หยิบยืมกันเอง เขาเคยหยิบยืมเงินกันเองครับ ดังนั้นส่วนไหนที่รู้สึกว่าเสียหายปุ๊บ หรืออะไรที่แย่ เขามีลางสังหรณ์ว่าแย่ ตอนนี้เขาก็ยิงประเด็นมาที่ธานเต็มๆ ฉะนั้นขอให้ครูพิสมัยหยุดสักที ให้เอาตัวจริงออกมาสักที เพราะมันหมดละครที่ต้องเล่นแล้ว ธานเล่นให้กับครูแหม่มปีที่แล้ว 1 ปีเต็ม ฉะนั้นธานขอจบละครที่ครูแหม่มสร้างทั้งหมด”

คิดว่าที่ “ครูแหม่ม” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกับชีวิตตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นแผนของครูแหม่มทั้งหมด? “ก็คือทั้งหมด มันแล้วแต่คนจะคิด ธานขอไม่ตอบดีกว่า ธานรู้จักกับครูแหม่มมาประมาณ 4 ปีกว่าๆ แต่ธานรู้จักพี่เต็ม (สมาน สุขเสริม) มามากกว่าเขา ฉะนั้นเขาทำให้ธานกับพี่เต็มแตกแยกกันอย่างไม่เหลือเยื่อใยเนี่ย ถามพี่เต็มได้เลยว่ามันเป็นยังไง ธานคิดว่าเขาทำให้ธานมีปัญหากับพี่เต็ม เพราะรู้สึกว่าทุกคนที่มาช่วยธานตอนนี้ แม้กระทั่งคนใกล้ตัวธานที่รู้สึกดีและปลอดภัย มันกลายเป็นพิษ เป็นดาบทิ่มข้างหลังธานตลอดเวลา ธานถูกครูแหม่มหักหลัง โดยมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาคือน้ามด ที่โยนความผิดมาให้ธาน”

“ธานเคลียร์ปัญหานี้แน่นอน เขาไปแจ้งความแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถามว่าจะไปมอบตัวไหม ธานต้องไปสาธยายไปเล่าความจริงให้เขาฟังอยู่แล้ว ธานต้องไป เพราะธานอยู่กับกฎหมายมา 1 ปีธานรู้ ธานเดินไปหาความจริง ธานไม่ได้เดินไปหาเรื่องโกหก ความจริงอยู่ที่ธาน แค่มีข่าวกับอีก 1 คน หรือมีเรื่องกับอีก 1 คน ธานไม่แคร์หรอก เพราะชีวิตธานไม่ได้เหลืออะไรมากมาย ธานอยู่เพื่อคนอื่นมาตลอด ทีนี้ธานขออยู่เพื่อตัวเองบ้าง”

ต่อข้อซักถามที่ว่า รู้สึกอย่างไรกับคำพูดของ “ครูแหม่ม” ที่ว่าเลี้ยงหมาดีกว่าเลี้ยง “นาธาน” เจ้าตัวบอกไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ

“ธานไม่รู้สึกอะไร เพราะคนเราเวลาเดือดร้อนหรือเข้าตาจน แล้วถูกคนที่เราคิดว่ารู้สึกปลอดภัย ที่จะไปขอที่หลบใต้ต้นไม้ หรือขอที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยที่สุด แล้วก็ได้รับการโอบอ้อมอารีอย่างดี ที่เรารู้สึกว่าเขาดีกับเรามาก แต่ในขณะเดียวกันความเป็นมนุษย์ของคนไม่ได้เหมือนกันทุกคน ดังนั้นธานรู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่างจากคนที่หวังผลประโยชน์จากความเอื้ออารีนั้น ทุกอย่างมันมีแฝง ดังนั้นที่ธานไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ธานไม่รู้สึกอะไรเลยที่เขาพูดอย่างนี้ ธานรู้สึกว่าความจริงก็อยู่ที่ตัวเขา ฉะนั้นเขาพูดอะไรก็เข้าตัว”

“หนุ่ม กรรชัย” รุกถามต่อถึงคำบอกเล่าของ “ครูแหม่ม” ที่บอกว่า “นาธาน” จะทำทัวร์ และมีการขนซื้อ “เควายเจล” มาเพื่อที่จะใช้ จอมลวงโลกบอกปัด ส่วนเรื่องถูกอีกฝ่ายแฉเป็นกะเทย “นาธาน” ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ แต่พูดเป็นนัยให้กลับไปคิดกันเองว่า เขาอยู่ในฐานะอะไรกับ “ครูแหม่ม”

“เรื่องซื้อเควายเจลไม่เกี่ยวข้องกับธานใดๆ ทั้งสิ้น มันไม่มี ผมไม่เคยสั่งซื้อเลย ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าผมเป็นสาว เป็นกะเทย อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเกิดเขาว่าธานเป็นอย่างนั้น (พูดตะกุกตะกัก) แล้วธานอยู่กับเขาในฐานะอะไร ไปคิดเอาเองละกันว่าอยู่ในฐานะลูกอะไร ฐานะแรกคืออะไร ฐานะที่สองคืออะไร ให้คนทางบ้านคิดเอง”

หนุ่ม กรรชัย พูดแทรกทันทีว่า ตนเองตีความจากคำพูดของ “นาธาน” เข้าใจว่า เขาเป็นสามีของ “ครูแหม่ม”?!?

“ธานไม่ได้ว่าอย่างนั้น ไปคิดเอาเองเลยครับ มันกำลังสนุก ธานไม่ได้ปฏิเสธ แล้วธานก็ไม่ได้รับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ธานไม่ได้ว่านะ พี่เป็นคนพูดเอง ไม่เกี่ยวนะ ธานมีเรื่องแต่กับผู้หญิง แล้วมีเรื่องกับผู้ชายไหมล่ะ แล้วพอเขารู้อะไรบางอย่างปุ๊บ มันก็กลับกลายเป็นอย่างอื่น (คบกันในฐานะคู่รักหรือเปล่า?) อันนี้ขอให้เป็นคำถามตลอดไป ธานไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่คำถาม มันเป็นเรื่องส่วนตัว”

“ธานก็อยากฝากบอกครูแหม่มว่า ให้ครูแหม่มเลิกพูดโอเวอร์ และเลิกพูดอะไรที่ไม่จริงสักที ธานไม่อยากให้ความเป็นครูของเขาเสื่อมเสีย อะไรหลายอย่างก็แล้วแต่ธานไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีต และธานรู้สึกว่าความจริงอยู่ที่ตัวเขา และขอบคุณมากที่ให้ธานไปอยู่กับเขา 1 ปีที่นั่น กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างให้ธาน โดยให้ธานเป็นภาระ ให้ธานรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้นกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็คืนสนอง ถึงเวลาที่กรรมจะคืนสนองกับคนที่สร้างธานบ้าง”

ส่วนเรื่องที่ “น้ามด” และอดีตผู้จัดการส่วนตัว “ชิ อนุชา ลังประเสริฐ” ออกมาแฉว่า เขาชอบดัดเสียงเป็นคนโน้นคนนี้โกหกคนอื่น เจ้าตัวไม่ขอพูดถึงอ้างนอกประเด็น

“ถ้าธานดัดเสียงก็คงต้องเป็นนักพากย์แล้วล่ะ (ชิบอกเคยดัดเสียงเป็นรจนา?) อ้าว..ไม่เกี่ยวกับธาน ธานไม่เคยพูดเลย ไม่เคย (เน้นเสียง) ไม่จริง ถ้าเปลี่ยนประเด็นนอกประเด็นธานไม่สัมภาษณ์ดีกว่า เพราะมันไม่จริง นั่นคือเรื่องปีที่แล้ว เรื่องปีนี้คือเรื่องตรงนี้ แต่ธานไม่เคยพูด มันเป็นเรื่องตลกที่สามารถคุยเล่นกันได้ แต่ตัวธานไม่เคยทำอย่างนั้น”

“ธานไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่ชิ ก็ปกติ แต่ธานไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นกับหนังสือที่เขาออก การที่เขาออกมาพูดเรื่องธานชอบดัดเสียง ถามว่าเขาต้องการอะไร คือทุกคนมีผลประโยชน์ทั้งนั้น จริงๆ ตัวละครปีที่แล้วมันจบไปแล้ว ปีที่แล้วธานถูกสร้าง ปีนี้คือชีวิตจริงของธาน ขอให้คุณหยุดที่จะสร้างให้ธานเป็นหุ่นเชิด หรือว่าสร้างให้ธานเป็นคนโน้นคนนี้ ธานขอจบแค่นี้ อย่ามายุ่งกับธานอีก”

รู้สึกอย่างไรคนมองว่าคุณป่วยทางจิต? “ถ้าธานป่วยทางจิตก็ไปหาหมอได้ ทุกคนทั้งหลายจะรุมว่าธานบ้าก็ได้ ธานไม่ว่าอะไรเลย จะว่าธานเป็นจอมขมังเวทย์ เป็นเวทมนต์มายาอะไรก็แล้วแต่ แต่ธานไม่เคยไปนั่งหน้าลูกแก้ว หรือพูดกับกระจกคนเดียวเพื่อขอพลัง ธานเป็นอิสลาม ธานละหมาด ไม่มีเรื่องไร้สาระแบบนั้น”

ฟาก “ครูแหม่ม พิสมัย” ที่นั่งชมเทปการออกรายการของ “นาธาน” ในครั้งนี้ อยู่ที่สตูดิโอโมเดิร์นไนน์ เลยถูก 2 พิธีกร “หนุ่ม กรรชัย” และ “มดดำ คชาภา” รุมถาม เปิดประเด็นแรกด้วยเรื่องอยู่กินฉันท์สามี-ภรรยากับ “นาธาน”

“ไม่ค่ะ คือเรามีความเมตตาสงสารเขาแบบเด็กคนหนึ่ง เหมือนลูกศิษย์ ครูแหม่มไม่ได้อุปการะนาธานคนเดียว ลูกศิษย์คนไหนหรือผู้หญิงผู้ชายเดือดร้อน ครูแหม่มช่วยเหลือหมด คนใกล้ชิดครูแหม่ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท คุณพ่อคุณแม่ ทุกคนจะรู้ดีว่าไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด ครูแหม่มไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

พร้อมปฏิเสธเป็นฝ่ายหลอก “นาธาน” มาลงทุนทำรีสอร์ท และรวมหัวกับ “น้ามด” แต่งเรื่องเพื่อทำลาย “นาธาน”

“ครูแหม่มขอปฏิเสธทุกอย่าง เราไม่ได้โกงและไม่ได้หลอกเขา เพราะที่สร้างบ้านก็ด้วยเงินของครูแหม่มเอง ที่กู้ธนาคารมาเป็นชื่อของครูแหม่ม ได้รับความเมตตาจากธนาคารออมสิน เชียงคาน กู้มาด้วยยอดเงินสร้างบ้าน 9 แสน แล้วก็มีเงินสะสมของตัวเองอีก 2 แสนกว่า ไม่พอก็เอาที่ดินของคุณแม่เป็นชื่อของคุณแม่ ไปจำนองนอกระบบได้อีก 4 แสน แต่เอกสารนาธานเก็บไว้หมด เอกสารสร้างบ้านถ้าเขาว่างก็จะมาคุมดูแลให้ เขาก็จะเก็บไว้หมด ค่าน้ำค่าไฟเขาบอกกับยายว่า ยายเก็บบิลอะไรต่างๆ ไว้ที่นาธานนะ เพราะจะได้ให้แม่รู้ว่ายอดแต่ละยอดเป็นเท่าไหร่”

“อุ๊ย..ครูแหม่มไม่ทำลายเขาแน่นอน เพราะสร้างเขามา ให้ความรักเมตตาแบบลูก อยากให้เขาอยู่แบบทำตัวใหม่ให้ดี อยู่ในสังคมที่ดีได้ ไม่มีแม้แต่น้อยที่คิดแบบนั้น”

นอกจากนี้ทางฝั่ง “น้ามด” ก็นั่งชมการออกรายการครั้งนี้ของ “นาธาน” อยู่กับลูกๆ ที่บ้านในอ.เชียงคานเช่นกัน โดยตลอดเวลา “น้ามด” มีอาการหัวเสียไม่พอใจกับคำตอบของจอมลวงโลก พร้อมบ่นอีกฝ่ายแหลไม่เลิกจริงๆ

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

"นาธาน 2010" กับพัฒนาการที่ก้าวไปอีกขั้น/ไก่ อำนาจ

ก่อนจะเขียนเรื่องวัดที่เหลืออีกหนึ่งวัดอย่างที่เรียนไว้เมื่องานเขียนชิ้นที่แล้ว วันนี้ขอคั่นด้วยเรื่องราวสั้นๆ ของเจ้าชายเกือกแดงที่หายหน้าหายตาไปนานเสียหน่อย

กลับมาเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งครับสำหรับเขาคนนี้ "นาธาน โอมาน" เมื่อถูกแม่บุญธรรม "แหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร" พร้อมด้วยญาติๆ แห่พาเหรดพากันไปเข้าแจ้งความที่สภ.เชียงคาน จังหวัดเลย หลังถูกว่าที่ดาราใหญ่ของฮอลลีวูดหลอกจนต้องสูญเสีย วัว-ควาย และเงินอีกหลายแสนบาท

(อ่านรายละเอียดได้ที่ "แม่บุญธรรม" พาญาติแจ้งความแล้ว เผยโดน "นาธาน" หลอกทั้งโคตร ทิ้งแต่กกน. ไว้ให้ดูต่างหน้า)

เท่าที่ฟังจากการที่นางพิสมัยในฐานะแม่บุญธรรมเล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังแล้วดูเหมือนว่าเจ้าชายเกือกแดงจะยังคงใช้มุกเดิมๆ ในการหาเงิน นั่นคือการเขียนวิมานในอากาศวาดหวังด้วยวาทศิลป์ให้เหยื่อเกิดมีความฝันว่าตนเองจะรวย โดยครั้งนี้มีผู้เสียหายหลายรายด้วยกันไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา, น้าสาว, หลานๆ ของนางพิสมัย รวมไปถึงชาวบ้านอีกหลายคนใน อ.เชียงคานที่ไม่อยากเปิดตัวให้เป็นข่าว

ซึ่งเมื่อพิจารณาคุณสมบัติของเหยื่อแล้วต้องถือว่าหนุ่มนาธานพัฒนาความอำมหิตขึ้นไปอีกขั้นครับ เพราะมีทั้งคนแก่ คนไม่รู้หนังสือ และเด็กๆ

แว้บแรกที่ผมรับทราบข่าวชิ้นนี้ เรียนกันแบบไม่มีโกหกปิดบังว่า "สมน้ำหน้า" คือความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึก...ก่อนจะตามด้วยความเห็นใจ

การให้สัมภาษณ์ของนางพิสมัยที่บอกออกมาหลังจากทั้งตนและญาติโกโหติกาได้รับความเดือดร้อนจากเจ้าชายเกือกแดงในทำนองที่ว่าเหตุเบื้องต้นที่ตนรับบุตรบุญธรรมคนนี้เข้ามาอุปการะเลี้ยงดูและหยิบยื่นโอกาสให้ก็เพราะเชื่อว่าจะทำให้อีกฝ่ายสำนึกกลับตัวกลับใจและเปลี่ยนพฤติกรรมได้ แต่ตอนนี้กลับต้องมาถูกอีกฝ่ายเล่นงานเข้าเสียเองเหมือนกับนิทานชาวนากับหูเง่า พร้อมวอนให้นาธานอย่าได้ไปหลอกคนอื่นๆ อีกเลยนั้น ผมว่ามันเป็นคำพูดเพื่อให้สังคมเห็นใจ รวมทั้งลดความเป็นเสี่ยงๆ จากอาการหน้าแตกของตนเองซะมากกว่า

เพราะอะไร...ก็เพราะนับตั้งแต่ที่มีข่าวอดีตนักร้องคนนี้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครต่อใครหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะในกรณีของอดีตแม่บ้านที่ชื่อเต็มนั้น ก็เป็นคุณแม่บุญธรรมคนนี้มิใช่หรือที่ทำตัวยิ่งกว่าเป็นแม่บังเกิดเกล้ายืนยันเสียงแข็งในความใส ซื่อ บริสุทธิ์ของลูกบุญธรรมชนิดที่ไม่ฟังเหตุผล ไม่สนข้อมูลหลักฐานของคนที่ได้รับความเสียหายจากตัวอดีตนักร้องคนนี้เลย

ซ้ำร้ายกลับมองว่าคนอื่นไร้การศึกษา มากลั่นแกล้งใส่ร้ายลูกบุญธรรมของตนอีกต่างหาก

คืองานนี้ถ้าไม่โดนเข้ากับตัวเอง ไม่เห็นกางเกงในที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณก็คงจะไม่รู้สึกถึงอาการตาสว่างเลยใช่มั้ย?

แน่นอนครับว่าการให้อภัย การให้โอกาสกับคนที่ทำผิดพลาดเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ควรกระทำ เพียงแต่เราจะไม่พิจารณากันสักหน่อยเลยหรือว่า คนๆ นั้นสมควรที่จะได้รับการให้อภัยหรือว่าโอกาสที่ว่ามากน้อยเพียงใด

และหากคนๆ นั้นผิดจริง ก่อนที่จะได้รับการให้อภัยหรือได้โอกาสไป คนๆ นั้นก็สมควรที่จะชดใช้ในความผิดของตนเองเสียก่อนถึงเหมาะถึงจะควรใช่หรือไม่?

คงต้องจับตาดูกันต่อไปล่ะครับว่าเจ้าชายเกือกแดงของเราจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป? รวมถึงจะมีใครอีกหรือไม่ที่จะยื่นมือออกมาให้ความช่วยเหลืออดีตนักร้องหนุ่มคนนี้

และถ้ายังมีอีก ก็ต้องขอบอกกันตรงๆ ละครับว่า ธาน...นายแน่มาก! พร้อมๆ ไปกับความรู้สึกเศร้าสลดเหลือเกินกับระบบการศึกษาไทย

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“น้ามด” เผย “นาธาน” โดนผู้ชายขู่เอาเงินปิดปาก ไม่งั้นจะเอาเรื่องไปบอกนักข่าว ด้าน “แม่ครูแหม่ม” สวน คนที่บ้าคือนาธาน

“น้ามด” ซัด “นาธาน” โกหกออกทีวี พูดได้ไงว่าไม่เคยแตะเงินน้ามด บอก จากที่เคยรักเหมือนลูกหลานแต่ตอนนี้เกลียดมาก เชื่อ “ครูแหม่ม” ไม่ใช่เมียนาธาน พร้อมเผย นาธานชอบพาผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน แถมยังเคยโดนหนุ่มก่อสร้างขู่เอาเงินปิดปาก ถ้าไม่ให้จะเอาเรื่องไปบอกนักข่าว ด้าน “แม่ครูแหม่ม” สุดเสียใจ ทำดีด้วยทุกอย่างแต่ถูกหาว่าเป็นคนบ้า สวนกลับ คนที่บ้าคือนาธานมากกว่า

หลังจากทนนั่งดู “นาธาน โอร์มาน” ออกมาโยนความผิด และปฏิเสธผ่านรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ว่าไม่ได้โกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” และครอบครัวของ “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แต่เป็นตนมากกว่า ที่โดนครูแหม่มหลอกให้เอาเงินไปทำรีสอร์ทจนหมดตัวแล้วก็ถีบหัวส่ง แล้วลามปามไปด่า “ตาทองใบ” พ่อของครูแหม่ม ว่าเป็นคนบ้า เคยจับนกหักคอเพียงเพราะโกรธที่ตนไม่เรียกกินข้าว ตบท้ายด้วยการเอาตัวเข้าแลกลุกขึ้นมาแฉตัวเองในทำนองว่า มีความสัมพันธ์กับครูแหม่มมากกว่าแม่-ลูกบุญธรรมทั่วไป

เจอนาธานเล่นซะเละตุ้มเปะ ทำเอาน้ามดถึงกับของขึ้น ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เคยช่วยเหลือให้ที่อยู่ที่กินจะกลับมาแว้งกัด จากที่ยังอาลัยอาวรณ์ ให้สัมภาษณ์ครั้งก่อนยังข่มใจ แต่งานนี้น้ามดใส่เต็มแม็ก แถมควงแขน “ยายไมตรี” แม่ของครูแหม่มออกมาดับเครื่องชน ซัด นาธานโกหกปลิ้นปล้อน เมื่อก่อนรักเหมือนลูกหลานแต่ตอนนี้เกลียดมาก น้ามดยัน เป็นไปไม่ได้ที่นาธานกับครูแหม่มจะมีความสัมพันธ์กัน บอก นาธานชอบพาผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน แถมยังเคยโดนหนุ่มคนงานก่อสร้างโทร.มาขู่เอาเงิน ไม่อย่างนั้นจะเอาความลับไปบอกนักข่าว ด้านยายไมตรีเสียใจ นาธานเลี้ยงไม่เชื่อง สวน ตากับยายไม่ได้เป็นบ้า คนที่บ้าคือนาธานมากกว่า

น้ามด : “ดูรายการแล้วเจ็บใจมันมากเลย มันบอกว่าไม่ได้เอาเงินน้ามดไปทำทัวร์ จากความรักก็กลายเป็นความเกลียดชังความหมั่นไส้ ไม่ได้แตะเงินน้ามดได้ยังไง น้ามดเอาเงินสดๆ ใส่มือให้นาธานเองเลย แต่น้ามดไม่มีหลักฐานอะไร หลักฐานที่เขาหอบมาออกรายการไม่เกี่ยวกับน้ามดเลย เพราะมันเป็นหลักฐานเกี่ยวกับทำรีสอร์ท แต่มันเอาเงินน้ามดไปทำทัวร์ไม่เกี่ยวกับรีสอร์ท”

“ที่มีหลักฐานก็ 4 หมื่น เพราะน้ามดโอนไปใส่บัญชีเขา น้ามดโอนเอง 5 พัน แล้วก็หาคนอื่นโอนให้อีก 3.5 หมื่น เพราะน้ามดโอนไม่เป็นก็เลยจ้างคนในธนาคารโอนให้ เพราะน้ามดไม่มีบัตรเอทีเอ็ม ถ้าโอนต่างสาขาเขาบอกว่าเสียตังค์ค่าโอนเยอะ นาธานขอให้ช่วยก็เลยช่วย น้ามดโอนวันที่ 19 มีนาคม 53 เป็นวันที่พี่เต็มขึ้นศาลวันสุดท้าย เข้าบัญชี นธัญ โอมานันท์ อะไรนี่แหละ ธนาคารกสิกร สาขารามอินทรา แต่น้ามดเขียนไม่ออกก็เลยให้มัน(นาธาน)บอกทีละตัว แล้วน้ามดก็เขียนตาม ยอมรับว่าน้ามดอ่านออกเป็นบางตัว แต่เวลาเขียนเขียนไม่ค่อยออก”

“นอกนั้นก็ให้เป็นเงินสดหมดเลย เวลาไปยืมเงินมาให้เขานาธานไม่ได้ไปด้วย น้ามดไปคนเดียว เขาจะรออยู่บ้าน มีแค่ครั้งเดียวที่ไปด้วยก็ตอนไปขายที่ที่อุทัยธานี แล้วก็มีลูกชายคนเล็กของน้ามดไปด้วย คนที่ซื้อที่ดินเขาก็รู้เพราะน้ามดบอกจะเอาเงินไปทำทัวร์กับนาธาน ที่จริงที่ตรงนั้นขายได้หลายแสนนะ แต่วันนั้นเท่าไหร่ก็ขาย แต่ก่อนเขาให้น้ามดแพงกว่านี้แต่ไม่ขาย แต่วันนั้นไปขายเงินร้อน ไปวันนั้นขายวันนั้นและกลับวันนั้นเลย มีพยานว่าเขาไปด้วย แต่มันจะไม่ลงรถแต่คนก็รู้ว่าเป็นรถนาธานพาไป คนที่นั่นเขาก็รู้ว่านาธานไปอุทัยธานีวันนั้น”

“มีแต่คนคัดค้านไม่ให้ทำแต่น้ามดตาบอดอยู่คนเดียว พอมันบอกว่าไม่ได้เอาเงินเราไปน้ามดเสียใจมากเลย ไม่คิดว่านาธานจะหักหลังน้ามดแบบนี้ มันบอกว่าจะพาน้ามดรวยกับมันแน่นๆ กับมันสองคน ทำ 20 ประเทศคิดดูซิ มันชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ เชื่อมันทุกอย่างไม่รู้เป็นอะไร”

“รักมันมากทำให้ทุกอย่าง จะกินอะไร ขออะไรก็ให้หมด (แต่เขาพูดในรายการว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้รับความสะดวกสบายอะไรเลย?) มันก็ตาประสาบ้านนอก จะให้สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่กรุงเทพมันก็คงไม่ใช่ บางทีก็ทำให้กิน อันไหนทำไม่ได้ก็ซื้อข้าวกล่องมาให้กิน ปลาน้ำโขงตัวละร้อยสองร้อยยังซื้อมาให้กินคิดดู เพราะเห็นว่าเขาเคยอยู่ดีกินดีก็สงสาร ก็เลยดูแลเป็นพิเศษหน่อยนึง ผัวกับลูกกินป่นกับลวกผัก กับข้าวมื้อละอย่าง แต่กับนาธานนี่ จะกินอะไรลูก เขาอยากกินปลาทูแต่ปลาทูแต่เขาบอกปลาทูเชียงคานไม่อร่อย เขาชอบกินปลาทูที่ตลาดนาอ้อ(เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งของจังหวัดเลย)มากกว่า น้ามดยังดั้นด้นไปซื้อมาให้เลย ทั้งที่ตลาดอยู่ไกลจากเชียงคานมากคิดดูสิ”

“แต่พอมันมาพูดแบบนี้น้ามดเสียใจเลย ตอนนี้แค้นนาธานมาก ให้เพราะรักมันมาก แต่ตอนนี้เกลียดมันเลยล่ะ ไม่มีความรักให้นาธานเลย อยากจะฆ่าให้ตายเลยแต่กลัวติดคุก ให้กฎหมายจัดการเขาซะ สวรรค์คงมีตาอยู่หรอก แค้นเขามากเลยตอนนี้(ตอนที่ดูข่าวนาธานอยากจะเตะทีวีทิ้งเลยหรือเปล่า?) ไม่อยากเตะหรอกกลัวทีวีพัง กลัวทีวีแตกแล้วไม่มีตังค์ซื้อ ให้มันพูดไปยังไงความจริงก็ไม่มีหรอก มันบอกไม่ได้จับเงินน้ามด จะทำยังไงได้ล่ะ ตอนให้ก็อยู่กับเขาสองคนไม่มีพยาน”

ยัน เป็นไปไม่ได้ที่นาธานจะมีความสัมพันธ์กับครูแหม่ม บอกนาธานชอบพาผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน หนำซ้ำยังเคยโดนหนุ่มคนงานก่อสร้างโทรศัพท์มาขู่เอาเงินปิดปาก ถ้าไม่ให้จะบอกความลับกับนักข่าว
“น้ามดคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะรักกันเหมือนแม่เหมือนลูก แล้วก็ไม่มีกิริยาอะไรที่ทำเหมือนชู้สาว เรื่องนี้น้ามดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก (อยู่ที่นี่เขาเคยพาผู้หญิงมามั้ย?)ไม่เคยมีผู้หญิงซักกะตัว มีแต่นาธานพาเด็กผู้ชายมากินเหล้ากินเมายา (ผู้ชายเขามายังไง?) เป็นเพื่อนหลานชาย เขาบอกมากินเหล้านะ แล้วก็พากันไปกินในสวนที่เขาปลูกกระต๊อบนั่นแหละ ผู้ชายที่มาส่วนมากไม่เกิน 20 ปีหรอก มัธยม 3-4 นี่แหละ มากินเหล้าทีก็อยู่กันดึกดื่นเที่ยงคืน นาธานก็นั่งอยู่ด้วยแต่ไม่กินเหล้า”

“นอกจากคนนี้ก็มีเด็กบ้านผาแบ่น อีกคนที่สนิทกับนาธาน เขาก็ไปมาหาสู่กันเรื่อยๆ คนนี้โตแล้วแหละ อายุก็ 20 กว่าแล้ว หน้าตาก็ธรรมดาบ้านๆ นี่แหละ เคยเห็นเขาขี่มอเตอร์ไซด์มาที่บ้าน ก็เลยถามว่าไปไหนลูก มาหาต้อมเหรอ ต้อมไม่อยู่นะไปทหาร เขาก็บอกไม่ครับ มาหาพี่ธาน แล้วก็ขี่เข้าไปในสวนเลย แต่คนนี้ไม่ค้างคืนมาหา 2-3 ชั่วโมงก็กลับ แต่มารู้จักนาธานได้ไง น้ามดไม่รู้”

“คนที่มาบ่อยก็เพื่อนของหลานชายน้ามดนาธานชอบเลี้ยงเหล้าเขา กินจนเมา ส่วนมากซื้อเหล้าขาวบางทีก็เบียร์ (เอาเงินที่ไหนมาซื้อเหล้าเลี้ยงผู้ชาย?) ไม่รู้เหมือนกัน แต่เวลามาขอน้ามดบางก็จะให้ไปทีละ 500 ก็ไม่รู้จะเอาไปซื้อเหล้าหรือเปล่าน้ามดก็ไม่รู้ บางทีให้เพราะความสงสาร มีตังค์มั้ยลูก ไม่มีครับ เราก็จะให้ทีละพัน ทีละ 500 ตามมีตามเกิดเพราะทั้งใช้หนี้ทั้งใช้จ่าย บางทีเขาก็มาขอเอาดื้อ น้ามดก็ให้ไป”

“นาธานเคยเล่าให้น้ามดฟังว่า เด็กก่อสร้างที่เคยมาทำบ้านส่งแมสเสจมาขู่เอาเงินนาธานพันนึง ถ้าไม่ให้มันจะบอกนักข่าว เพราะมันรู้เรื่องทุกอย่าง ไม่รู้มันไปมีอะไรกันน้ามดก็ไม่รู้ วันนั้นมันก็ร้อนรนให้แม่(ครูแหม่ม)มันช่วยเคลียร์ไม่ให้คนนั้นพูด มันบอกว่านาธานรักมัน นาธานก็เลยบอกว่า จะไปรักมันได้ยังไงนาธานเป็นผู้ชาย มันก็บอกว่า ไม่รู้แหละถ้าไม่จ่ายตังค์ให้กูพันนึงก็จะไปบอกนักข่าว แต่จำชื่อเขาไม่ได้เพราะมาทำงานแค่วันเดียว รู้จักกันวันเดียวก็เลี้ยงเหล้าเขาแล้ว พอวันรุ่งขึ้นคนนั้นมันก็ส่งแมสเสจมาหานาธานเลย น้ามดก็ไม่รู้ว่านาธานไปรู้จักเด็กพวกนี้ได้ยังไง”

“เวลาเจอกะเทยเขา(นาธาน)ก็จะทำวี้ดว้ายใส่ ไม่รู้ว่าทำไม เวลาขับรถผ่านกะเทยมันจะบีบแตรใส่เลย แล้วก็เปิดกระจกลงทักทาย มันชอบกะเทย ทั้งที่ไม่รู้จักมันก็ไปบีบแตรใส่เขา กะเทยเขาหันมาเห็นเขาก็หัวเราะ (เวลาเจอผู้ชายนาธานมีปฏิกิริยายังไง?) มันเก็บความรู้สึกไม่กล้าแสดงออกต่อหน้าน้ามดหรอก แต่จะมีผู้ชายมาหาที่สวนบ่อยๆ (แล้วเวลาเจอผู้หญิงล่ะ?) ไม่เคยมีผู้หญิงมาหาเขาเลย เท่าที่เห็นมันไม่ค่อยสนใจเพศตรงข้าม มันสนใจเพศเดียวกันมากกว่า แต่เขาเป็นยังไงก็ไม่สามารถรู้กับเขาหรอก อันนี้น้ามดก็ไม่รู้ (เคยเล่าเรื่องแฟนให้ฟังมั้ย?) ไม่เคย เขาไม่มีแฟน เห็นแต่มันกรี๊ดกร้าดเวลาเห็นผู้ชาย”


       

       
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“พ่อครูแหม่ม” ยัน “นาธาน” แต่งเรื่องเอามีดไล่ฟัน ด้านแม่แฉซ้ำเคยใช้ “น้ามด” ซื้อถุงยางกับสารหล่อลื่น

“พ่อครูแหม่ม” ไม่สะท้าน “นาธาน” ขู่ฟ้อง บอกเป็นเรื่องโกหกพกลม ไม่เคยหลอกเอาเงินอีกฝ่าย ถ้าอยากฟ้องก็เชิญ ไม่เชื่อลูกสาวโกงเงิน “น้ามด” เอง พร้อมยันเรื่องเอามีดไล่ฟันเป็นเรื่องที่นาธานแต่งขึ้นเอง บอกปากกะเทยก็งี้ ด้าน “แม่ครูแหม่ม” แฉซ้ำ “นาธาน” ชอบหิ้วเด็กผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน และเคยใช้ “น้ามด” ไปซื้อถุงยางกับสารหล่อลื่น
ถูก “นาธาน โอร์มาน” ระบุเป็นต้นเหตุทำให้ต้องระเห็จออกจากบ้านที่เชียงคาน เพราะมีเรื่องทะเลาะกับ “ตาทองใบ ศรีกระบุตร” พ่อของ “ครูแหม่ม พิสมัย” แถมยังเคยถูกอีกฝ่ายเอามีดไล่ฟัน นอกจากนี้จอมลวงโลกยังพยายามพูดให้สถานการณ์พลิกเพื่อให้คนเห็นใจ โดยแฉกลับว่าตนต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกครอบครัว “ครูแหม่ม” หลอกให้เอาเงินไปลงทุนสร้างรีสอร์ทจนหมดเนื้อหมดตัว จากนั้นก็มาถีบหัวส่ง และครูแหม่มนั่นแหละที่เอาเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” ไป ตนเลยคิดจะฟ้องร้องเอาคืนบ้าง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ “ตาทองใบ” และ “ยายไมตรี” พ่อแม่ของครูแหม่ม เลยออกมาปกป้องลูกสาว ไม่เชื่อว่าจะเอาเงินน้าสะใภ้ไปเอง พร้อมเมินที่กำลังจะถูก “นาธาน” ฟ้องเรื่องหลอกให้เอาเงินไปลงทุนทำรีสอร์ท บอกเป็นเรื่องโกหกพกลมของอีกฝ่าย

ตา : “ตาจะเอาเงินเขาไปทำอะไร ที่ผ่านมามีแต่สอนเขาบอกให้ติดดิน จะทำอะไรอย่าหวือหวา ทุนเราไม่มีอย่าให้เกินตัว ปลูกบ้านให้พออยู่ ปลูกอู่ให้พอนอน แล้วจะเอาเงินนาธานไปได้ยังไง นาธานมีเงินที่ไหน มันโกหกพกลมทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะฟ้องก็ฟ้องไป ก็เป็นสิทธิ์ของเขา มันก็มีขั้นตอนตามกฎหมาย อยากฟ้องก็ฟ้องเขามีอะไรติดสันหลังเยอะแยะ”

“แล้วที่เขาบอกว่าแหม่มโกงเงินน้ามดเอง อันนี้ตาไม่เชื่อหรอกว่าแหม่มจะทำเป็นเด็ดขาด เพราะมันรักญาติ ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีทางเกิดขึ้นได้”

ยาย : “แหม่มยังว่านาธานเลยว่า มาทำแบบนี้ทำไม ทำไมมาหลอกให้น้ามดทำทัวร์ น้ามดก็จนมาทำแบบนี้ทำไม แม่ก็ห้ามแล้วไม่ให้ไปทำ”

ตา : “ส่วนที่เขาหลอกให้ขายวัวไปทำทัวร์ ถามว่าจะแจ้งความไหม ก็คงจะแล้วแต่ลูก ถ้าลูกว่ายังไงก็อย่างนั้น แต่ถ้าเขาจะมาแจ้งความอะไรเรา ก็แล้วแต่เขา เราธรรมะธรรมโมไม่เอาด้วยหรอก เราหวังดีกับมันมาตลอดพยายามตักเตือน มันทำผิดก็ตักเตือน แต่มันก็ไม่เชื่อฟัง”

ยันเรื่องทะเลาะแล้ว “ตาทองใบ” เอามีดไล่ฟัน เป็นเรื่องที่ “นาธาน” โกหกสร้างขึ้นมาเอง
ตา : “เรื่องทะเลาะกันเราไปทำร้ายร่างกายเขา ไม่เป็นเรื่องจริง มีแต่บอกมีแต่สอน เราอยู่กันอย่างพอเพียง มันอยากสร้างรีสอร์ทไปทำลายต้นมะม่วง เราก็ไม่มาอะไร เอาเลย....ถ้าจะทำมาหากิน แต่ก็ยังมาทำให้เดือดร้อนอีก แต่อย่างว่าแหละปากกะเทยมันก็เป็นแบบนี้ อยู่กับเราก็มาพูดคำหวานๆ แต่ความจริงมันไม่มีสักอย่าง มีแต่หลอกล่อเอาเงินมาลงทุนทำรีสอร์ท ถ้าเป็นผมมันก็ดีสิ ที่ดินก็ไม่ได้สร้าง ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ ถ้าทำให้มันดีก็ดีจะได้มีคนมาเช่า ตาเองก็สนับสนุนให้เขาทำ ตาก็เอารถไปบรรทุกไม้มาช่วยมัน ไม้อยู่ตามป่าตามเขา ตาก็ไปเอามาให้ ก็ไม่ได้คิดอะไร ถ้ามันได้ดีมาจะให้เราใช้ก็ใช้ ถ้ามันไม่ให้ใช้ก็แล้วแต่มัน”

ยาย : “มันมีแต่เรื่องที่เขาเอาผ้าพัน แล้วไปฟ้องแหม่มว่าโดนตาเอามีดฟัน แต่พอขอดูแผลก็ไม่มี พอตารู้ก็บ่นว่าทำไมนาธานเป็นคนแบบนี้ เรื่องไม่เป็นความจริงก็เอามาพูด นิสัยของตาก็ไม่ใช่คนแบบนั้น ตาเป็นคนที่ชอบคนพูดจาดี ถ้านาธานทำอะไรแล้วมาปรึกษา อยากทำอะไรทำเลย แต่ถ้าพูดไม่ดีแกไม่ชอบ แกจะพูดเลย ตอนที่นาธานจะทำรีสอร์ท ก็มาขอที่ว่าจะทำรีสอร์ท ผมอยากจะทำแบบนั้นแบบนี้ ตาก็จะบอกลูกมีเงินไหม นาธานก็บอกว่ามี ตาก็ให้ทำเลย”

“ยายไมตรี” แฉซ้ำ “นาธาน” ชอบหิ้วเด็กผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน และเคยใช้ให้ “น้ามด” ไปซื้อถุงยางอนามัยกับสารหล่อลื่น อ้างจะเอาไปทำทัวร์
“เขาชอบพาเด็กผู้ชายมาเลี้ยงเหล้าที่บ้าน แต่ตัวเขาไม่กินหรอกนะ ก็เป็นเพื่อนของหลานนี่แหละ ก็มากินเหล้ามาร้องเพลงกัน ยายก็เข้าใจว่าคนไม่ทำอะไรก็คงจะเหงา คงอยากจะมีเพื่อน ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ก็จะบอกให้ระวังอย่าพากันกินเยอะ เดี๋ยวเป็นไรไปมันอันตราย”

“แล้วน้ามดมาพูดกับยายว่า นาธานเคยบอกให้น้ามดไปซื้อถุงยางอนามัยและก็น้ำลื่นๆ อะไรก็ไม่รู้ บอกว่าจะซื้อไปทำทัวร์ ซื้อไปให้ลูกทัวร์ และก็ไปซื้อน้ำมันลื่นๆ เก็บไว้ในรถ ซื้อไว้เต็มเลย”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

จากใจ “ยายไมตรี” มือซักกกน. ถึง “นาธาน” หลานนอกไส้ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ

“ยายไม่ตรี” แม่ของ “ครูแหม่ม” ร่ำไห้เปิดใจถึง “นาธาน” หลานนอกไส้ บอกรักมากทุ่มเททำให้ทุกอย่างทั้งหาข้าวให้กิน เก็บที่นอนให้ ซักแม้กระทั่งกางเกงในแต่ก็ยังถูกหลอกให้ขายวัวไปทำทัวร์ และก็ยังบอกให้ไปยืมเงินมาให้จนกลายเป็นหนี้นับแสน ประกาศขายที่เพื่อหาเงินมาล้างหนี้
หลังจากที่ “ครูแหม่ม” พิสมัย ศรีกระบุตร หอบหิ้ว “น้ามด” สิทธิพร โคตรอุดมพร กับ “ต้อม” ลูกชายเข้ากรุงเทพไปแฉ “นาธาน โอร์มาน” ออกทีวี เพื่อเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของนาธานที่หลอกเงินคนในครอบครัว แต่ล่าสุดนาธานก็สวมหัวใจเสือออกมาปฏิเสธแถมยังโยนโคมว่า ตนเองต่างหากที่ถูกหลอก พอสร้างบ้านเสร็จครูแหม่มก็ถีบหัวส่ง แถมยังบอกว่าขณะที่อยู่เชียงคานนั้นไม่ได้รับความสะดวกสบายอย่างที่น้ามดให้สัมภาษณ์เพราะ “ตาทองใบ ศรีกระบุตร” พ่อของครูแหม่มไม่ชอบ ถึงขั้นเคยเอามีดไล่ฟัน

วันนี้ “ยายไมตรี ศรีกระบุตร” แม่ของครูแหม่มผู้ที่เคยซักกางเกงในให้นาธานมากับมือเพราะความรักความสงสารก็เลยขอออกโรงพูดบ้าง และนี่ความจริงจากปากยายไมตรีถึงนาธานหลานนอกไส้คนนี้

“นาธานเขามาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะว่าแหม่มเป็นคนพามา บอกให้ช่วยดูแลหน่อย แหม่มบอกว่านาธานไม่มีพ่อไม่มีแม่ให้ยายช่วยดูให้หน่อย สงสารเขา ยายก็ได้ยินข่าวมาว่าเขาไปฉ้อไปโกงคนอื่นก็เลยถามนาธานว่ามันเป็นจริงหรือเปล่าลูก นาธานก็บอกว่าไม่ได้เป็นความจริงเขาโดนใส่ร้าย ยายก็บอกให้เขาตั้งเนื้อตั้งตัว อย่าไปฉ้อไปโกงใคร มันก็บอกครับ ยายฟังแล้วก็เชื่อ แล้วแหม่มก็บอกว่า ถ้ารักแหม่มก็ขอให้รักนาธานด้วยสงสารนาธาน ยายก็เลยรักนาธาน”

“ที่ผ่านมาที่หลับที่นอนก็มีแต่ยายนี่แหละทำความสะอาดให้ ตื่นเช้ามานาธานก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน ยายก็จะเป็นคนเก็บที่นอนทำความสะอาดและก็ทำกับข้าวให้กิน เวลาที่เข้าถอดเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ยายก็จะซักให้ กางเกงนอกกางเกงในก็ซักให้ นาธานเขาไม่ได้บอกให้ซักให้หรอก แต่ยายทำให้เพราะความสงสารทำเพราะความรัก และเขาก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่พอเขาเห็นเราซักเขาก็มาห้ามนะ ยายก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวยายทำให้เขาก็ครับแล้วก็ไป”

“ยายรักเขาเหมือนลูกมีหลาน เพราะมีลูกอยู่คนเดียว นาธานมาอยู่ก็เหมือนเป็นลูกชาย ถ้าเกิดว่าแหม่มเป็นอะไรมาก็ยังจะมีนาธานคอยอยู่ดูแล ก็ไม่รู้แหละว่ารักหรือไม่รัก ยายยังเคยพูดเลยว่าถ้ายายตายไปกลัวนาธานไม่มีที่อยู่อยากจะยกที่ 21 ไร่ให้ แหม่มก็บอกอย่าพึ่งยกให้ ต้องดูไปก่อนว่าเขาจะดีหรือไม่ดี แต่มาทำแบบนี้ก็ไม่ยกให้แล้ว ยายเสียใจมากเราอุตส่าห์ทำดีกับเขาทุกอย่าง สอนก็สอนเขาตลอดว่าให้ดีให้ทำตัวดีๆ ยายจะยกที่ให้เขาก็รู้เขาก็บอกว่าครับ ยายไม่ชอบคนโกหกมีอะไรอย่าโกหกยายนะเขาก็ครับ ต่อหน้าเป็นอีกอย่างแต่ลับหลังก็โกหกเราแล้ว”

“แต่นาธานเองตอนที่อยู่ที่นี่เขาก็ดีกับยาย เอาใจยาย ถ้าเจ็บป่วยเขาก็พาไปหาหมอ น้ามดเป็นคนออกเงิน นาธานจะเป็นคนพาไป พออยู่ไปหลายๆ เดือนเขาก็บอกว่า เขาจะเลี้ยงยายเองครูแหม่มไม่มีความสามารถเลี้ยงหรอก พอมาเจอแบบนี้แล้วมันเสียใจนอนร้องไห้ นึกเสียใจที่หลงรักเขามากเกินไปและก็หมดไปกับเขาเยอะ”

“ขนาดวัวที่ยายเลี้ยงมายายรักมาก เขาก็หลอกว่า ยายขายเถอะ ยายก็บอกว่าไม่ขายหรอกวัวราคาถูก วัวมันมีทั้งหมด 6 ตัวและมันก็ท้อง 4 ตัว นาธานก็บอกว่าเอาไปทำทัวร์ดีกว่ายาย เขาก็พูดอยู่เป็นเดือนยายก็เลยรำคาญเดี๋ยวก็มา ยายอย่างนั้นยายอย่างนี้ มาตื๊อให้ขายวัวทุกวัน ยายก็เลยตัดสินใจขายวัวได้เงินมา 5 หมื่น”

“วันที่เขามาเอาวัวสงสารมันมากเพราะยายเลี้ยงมันมา มันชื่อไอ้หนึ่ง ไอ้สอง ไอ้ค้ำ ไอ้คูณ ถ้าเกิดเราเรียกชื่อมันจะวิ่งมาเลย พอเขามาเอาขึ้นรถมันก็ไม่ยอมขึ้นมันวิ่งรอบรถทำไงก็ไม่ขึ้น คนที่เขาจะซื้อก็เลยบอกให้ยายมาเรียกให้ พอยายมาเรียกชื่อมันถึงจะเดินขึ้นรถ เห็นแล้วยายก็ร้องไห้นั่งร้องไห้เลยกลัวเขาจะเอามันไปฆ่า(ร้องไห้) แต่ก็ต้องให้เขาไปเพราะรักนาธาน”

“คนที่เขาซื้อเห็นยายร้องไห้ก็เลยบอกว่า ถ้ายายไม่อยากขายก็เอาไปคืนซะ ยายก็ขอร้องเขาว่าอย่าเอาไปฆ่านะ เขาก็บอกว่าผมไม่ได้เอาไปฆ่าผมเอาไปเลี้ยงแล้วเขาก็ขับรถออกไปวัวมันก็ร้องไห้(ร้องไห้) ตานี่ไม่กล้าดูไม่มองเลย ตาเดินหนีทนดูไม่ได้ ส่วนนาธานตอนนั้นลงไปซ.17 พอขึ้นมาเห็นเขาก็บอกว่า ไม่เป็นไรถ้ายายอยากเลี้ยงวัวได้เงินทัวร์มาเดี๋ยวเขาจะซื้อมาคืนให้ ยายก็เอาเงินให้เขา 5 หมื่นแล้วเขาก็เข้าเมืองเลย เขาบอกว่าไปทำทัวร์”

“ตอนนั้นยายก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาหลอก ก็คิดว่าถ้าได้กำไรจากการทำทัวร์มาก็จะได้เอามาช่วยลูกสร้างบ้าน พอเขากลับมาก็บอกว่าทำทัวร์เสร็จแล้วรอแต่รับเงิน ตั้งแต่นั้นมายายก็ไม่เคยถามซักทีว่าเป็นไงจนกระทั่งมาเกิดเรื่องกับน้ามด”

“นาธานเขาเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้ เขาเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง อย่างเรื่องสร้างบ้านเขาก็บอกว่าเขาอยากจะทำแบบนี้ๆ ตากับยายไม่ชอบก็จะไม่เอา ยายจะเอาแบบธรรมดา แต่เขาจะไปเอาเหมือนวัดเหมือนถ้ำอะไรก็ไม่รู้ เขาก็ไปบอกกับช่างว่าจะเอาเงินกับใคร ถ้าเอาเงินกับธานต้องทำให้ธาน ยายก็เลยถามกลับไปว่า ใครเป็นคนเอาเงินสร้างบ้านให้ เขาก็บอกว่าก็แม่แหม่มกับยาย นาธานเขาไม่มีเงิน มีแต่แหม่มกับยายเอาเงินให้เขาไปจ่าย”

“พอไปซื้อของสร้างบ้านนาธานจะขอเก็บบิลไว้หมด เขาบอกว่านาธานจะรวบรวมให้แม่แหม่มดู ยายมีบิลอะไรก็เลยให้เขาเก็บไว้หมด แต่พอมีบิลนาธานก็มาบอกว่าเป็นเงินของตัวเองซื้อของ ทั้งที่ก็เป็นเงินของยายนี่แหละ ส่วนเงิน 2 แสนที่เขาบอกว่าเอามาจากผู้มีพระคุณสร้างรีสอร์ทก็ไม่เคยเห็น เพราะเห็นจะไปซื้ออะไรก็เอาเงินแหม่ม และเวลาที่ได้เงินมาเขาก็จะเข้าเมืองเลยทันทีบอกว่าจะไปซื้อของ แต่พอกลับมาก็ไม่เห็นมีของกลับมา”

“ตอนที่ไปเอาที่ไปจำนองกู้เงินมา 4 แสนก็เอาไปใช้หนี้ตรงโน้นตรงนี้ 3 แสนเหลือเงินแสนกว่าบาท นาธานก็นั่งตรงนี้แหม่มก็นั่งตรงนี้แต่ยายก็เอาเงินแสนให้นาธานไม่ให้ลูกตัวเอง เพราะอยากให้นาธานมีหน้ามีตามีเกียรติ แต่พอได้เงินปั๊บก็บอกว่าจะไปสั่งของซื้อประตูราคาถูกและก็ไปเมืองเลย กลับมาถึงตอนดึกๆ พอเช้าตาจะเอาเงินไปซ่อมรถก็เลยขอเงินเขา 3 พันนาธานบอกหมดแล้ว เงินแสนกว่าบาทเขาใช้หมดวันเดียว ยายก็เดินไม่ได้เลย มันจุก พูดไม่ออก”

“พอตาเดินออกมาดูบ้านที่สร้างนาธานก็มาว่าตากับน้ามดว่า ออกมาเดินดูเดี๋ยวก็เป็นลมตายหรอก น้ามดมาเล่าให้ฟังแล้วก็เสียใจทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ ยายเป็นคนหาที่หลับที่นอนให้มาอยู่กับยายแท้ๆ ทำไมมาพูดแบบนี้ ยายก็สอนเขาว่า ทำไมพูดแบบนี้ เขาก็บอกไม่เป็นไร ยายก็เลยไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่านิสัยเขาเป็นแบบผู้หญิงก็เลยเงียบพูดไปก็ทะเลาะกันเปล่า”

“ก็เลยโทรหาแหม่มว่า แม่คงจะอยู่กับนาธานที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ พากันอยู่กับนาธานซะแม่คงอยู่ด้วยไม่ได้ แหม่มก็บอกว่า แม่ต้องอยู่เพื่อลูก แหม่มสร้างให้พ่อกับแม่อยู่ไม่ได้สร้างให้นาธานเขาแค่ให้เขาอาศัยเฉยๆ เวลาเป็นอะไรมาเขาจะได้ดูแลพ่อกับแม่บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านนาธาน”

“พอบ้านสร้างเสร็จเขาก็เอาผ้าดำผ้าแดงผ้าอะไรไม่รู้มาติดเต็มบ้าน เอาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ นุ่งกระโปรงมาใส่เต็มไปหมด ตาก็เลยบอกว่า อย่าพึ่งเอามาใส่เลยให้พระทำบุญก่อนค่อยเอามาไว้ เพราะพระรอดเข้ามาไม่ได้ตุ๊กตามันนุ่งกระปอกกระโปรง นาธานก็บอกไม่เป็นไรทำไปเลย และมันก็มีผ้าสีดำเอามาทำเป็นธง ตาก็ถามว่าเอามาติดทำไม รอให้ทำบุญเสร็จก่อนได้ไหม ตาก็ดึงออกนาธานก็โกรธด่าว่า ไอ้เ - ี้ ยทำสัตว์ๆ ไอ้คว... แหม่มรู้เรื่องก็มาสอนว่า ตาเขาแก่แล้วทำไมพูดแบบนั้น ต้องพูดดีๆ นาธานก็บอกไม่พูดไอ้เ - ี้ ยไอ้สัตว์”

“ยายให้เขาทุกอย่างเขาไม่น่าทำแบบนี้เลย ขนาดตอนกลางคืนมาบอกให้ไปยืมเงินให้หน่อยจะเอาไปจ่ายค่ากระเบื้อง รถกระเบื้องมาส่ง ยายก็ยังไปให้ ทั้งๆ ที่คนลาวเขาไม่ให้ยืมเงินตอนกลางคืนเขาไม่ให้เงินออก ก็บอกนาธานว่าไปก็ไม่ได้หรอก เขาก็บอกไม่เป็นไรหรอก ยายก็เลยไปหาน้ามดบอกให้พาไปยืมเงิน ไปถึงเขาก็ดูทีวีกันอยู่ก็บอกว่า ให้ยืมเงินหน่อยได้ไหม เงินไม่พอจะไปจ่ายค่ากระเบื้อง เจ้าของเงินก็เลยบอกว่า เอาไว้ 8 โมงเช้าค่อยมาเอา ก็เลยบอกนาธานเขาก็ดีใจ”

“และก็ถามว่ายายมีเงินไหม ยายก็บอกว่าไม่มี นาธานก็เลยบอกให้ไปยืมเงินตา ตาก็มีเงินอยู่ 1 พันแหม่มเป็นคนเอาให้ นาธานก็บอกว่าเอามาให้ธานก่อนเดี๋ยวธานจะคืนให้หรอก ตาก็เอาให้ และก็ยังไปยืมน้าต่ายอีก 2 พัน เขาเอาเงินไปให้คนขับรถขนกระเบื้องคือให้เงินพิเศษ ก็ไม่รู้ว่าให้ทำไมแต่คนขับรถเขาหน้าตาดีนะ เขาคงอยากหน้าใหญ่เหมือนกับว่าตัวเองรวย ให้พิเศษคนขับรถไป 3 พัน ยายก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเพราะเขาบอกยืมจะเอามาคืนแต่ก็ไม่เคยเอามาคืน”

“และก็ให้ยายไปยืมเงินคนโน้นคนนี้ที่ละ 3 หมื่น , 4 หมื่น บางที่ก็ 1 พัน บางที่ก็ 5 พัน บางที่ 3 พัน บางที่ 2 พัน 500 ก็ยังมีรวมแล้วยายเป็นหนี้นอกระบบแสนกว่าบาท ตอนนี้หนี้เยอะมาก ไหนจะหนี้ของแหม่มอีก ก็เลยคิดว่าตอนนี้จะตัดที่ขายเพื่อให้ลูกเอาเงินไปใช้หนี้ สงสารลูก เห็นลูกร้องไห้(ร้องไห้) แหม่มก็มาขอโทษที่ทำให้ครอบครัวเป็นแบบนี้ ยายก็ยกโทษให้(สะอึกสะอื้น)ก็บอกว่าไม่เป็นไร อะไรที่มันเสียไปแล้วก็เสียไปแม่จะขายที่มาใช้หนี้ให้”

“แหม่มเขาก็ไม่อยากให้ขายเขาบอกไม่เป็นไรเพราะมันเป็นที่มรดกของพ่อของแม่ ยายก็บอกไม่เป็นไรยายมีลูกคนเดียวอยากให้ปลดหนี้ปลดสินให้หมด และก็บอกลูกอีกว่าอย่าเอาใครมาอยู่นี่อีกแม่เข็ดแล้ว หวังจะได้เงินคืนจากนาธานก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะนาธานไม่มีเงิน ขนาดจะซื้อกินก็ยังไม่มี"

"ซื้อบุหรี่สูบก็ยังไม่มี ขอให้ไอ้ต้า(หลานอายุ9ขวบ)ก็ยังขอ แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาคืน งานก็ไม่ได้ทำแล้วจะเอาเงินมาจากไหน มีแต่โกหกกับคนโน้นคนนี้เอาเงินเขามา แต่ที่ออกมาบอกให้เป็นข่าวเพราะอยากให้คนอื่นรู้ ไม่อยากให้ใครโดนนาธานหลอกอีก ให้เขาต้มเขาหลอกแต่ยายกับน้ามดก็พอแล้ว”

“และก็อยากจะบอกกับคนที่คิดว่าพวกเราไปใส่ร้ายนาธานว่า อย่าไปเชื่อที่นาธานพูดเพราะถ้าเชื่อก็จะโดนหลอกเหมือนยายกับน้ามดนี่แหละ”

       

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

เจาะชีวิตไฮโซ “นาธาน” ที่เชียงคาน อยู่อย่างเทวดา คนอื่นเป็นขี้ข้าหมด

ชีวิตของอดีตนักร้องผู้อื้อฉาว “นาธาน โอร์มาน” เริ่มต้นงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ก็คือการได้เป็นนักร้องอาร์เอสฯ ออกอัลบั้มมา 2 อัลบั้ม แต่ผลงานกลับไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร

จนมีข่าวรอดตายจากสึนามิ วิกฤติก็พลิกให้นาธานเป็นที่รู้จักขึ้นมา แต่หลังจากนั้นไม่นานชื่อเสียงของเขาก็เงียบหายไป กระทั่งเมื่อเดือนตุลาคมปี 2551 เจ้าตัวก็กลับมาดังระเบิด เพราะออกมาประกาศว่า ตัวเองได้เล่นหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง The Prince Of Red Shoe ของ บริษัทบิ๊กบลู ในเครือค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ ได้ค่าตัวร้อยล้าน ส่งผลให้สื่อต่างๆ สนใจเชิญไปออกรายการ จนนาธานโกยเงินเป็นกอบเป็นกำ กลับมามีราคาในวงการอีกครั้ง

แต่ดีใจได้ไม่นาน นาธานก็มาโดนอดีตแม่บ้าน “สมาน สุขเสริม” ออกมาแฉว่า โดนนาธานโกงเงินจนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ตามมาด้วยแม่บ้านเดินหน้าฟ้องแหลก จนสุดท้ายนาธานจำนนต่อหลักฐาน ตกเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู ศาลสั่งให้ชดใช้เงินที่โกงมา พอรอดคุกมาได้ “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรม ก็หอบหิ้วนาธานไปฝากฝังไว้กับญาติที่บ้านเกิด ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย หวังจะให้เริ่มต้นชีวิตใหม่

หลายคนหวังว่า บทเรียนครั้งนี้จะทำให้นาธานคิดได้ แล้วกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ทำมาหากินสุจริตซะที แต่สุดท้ายนาธานกลับทรยศความรักของแม่บุญธรรม ด้วยการโกงเงินครอบครัวของครูแหม่มยกโคตร จนพ่อแม่ต้องขายวัวขายควาย ส่วนน้าแท้ๆ ถึงขนาดต้องเอาบ้านไปจำนอง ทั้งที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตัวเองเหลืออยู่ แม้กระทั่งเด็ก 9 ขวบ นาธานยังเคยยืมเงินมาแล้ว

แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเขาเองกลับขับรถคันละเป็นล้าน! หลายคนสงสัยว่า อยู่เชียงคานเขาทำมาหากินอะไร อยู่แบบไหน และใช้ชีวิตยังไงภายใต้เสียงก่นด่าของสังคม ทำให้ “ทีมบันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์” ต้องลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อตามล่าหาคำตอบเหล่านั้น

ซึ่งก็ได้ ครูแหม่ม พิสมัย , น้ามด สิทธิพร น้าครูแหม่ม และ ต้อม ลูกชายคนโตของน้ามด เป็นคนยืนยันว่า ตั้งแต่ที่นาธานมาอยู่ที่เชียงคานก็เอาแต่ขี้เกียจสันหลังยาว มีแค่อย่างเดียวที่ทำเป็นชิ้นเป็นอันหน่อย ก็คือควบคุมงานก่อสร้างรีสอร์ทกระต๊อบของตัวเอง ที่พ่อแม่ครูแหม่มเมตตาให้ปลูกบนที่ดินมรดก โดยมีผู้ใหญ่ใจดีเป็นคนออกทุนให้นาธาน

ในช่วงที่ครูแหม่มทำงานอยู่กรุงเทพฯ นาธานยังไปสร้างความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปลี่ยนแปลนบ้านที่ครูแหม่มตั้งใจจะสร้างให้พ่อแม่ จนไม่เหลือเค้าเดิม จาก 3 ห้องเป็น 6 ห้อง แถมลักษณะตัวบ้านยังรูปทรงประหลาด ทั้งที่พ่อกับแม่ครูแหม่มคัดค้านเต็มแรงแต่นาธานก็ไม่ฟัง ซึ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้พ่อของครูแหม่มที่เคยรัก และเคยยอมนาธานมากแทบทุกอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

แถมความเป็นอยู่ก็อยู่อย่างเทวดา นอกจากจะแบมือขอเงินคนอื่นใช้ วันๆ ยังไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง แถมแบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน เริ่มที่ แม่ครูแหม่มเป็นคนซักกางเกงใน ส่วนน้าอ้วนคอยซักผ้าให้ ในขณะที่น้ามดเป็นคนทำกับข้าว ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นาธานไม่เคยต้องตักน้ำกินเอง แถมยังมีเสนาน้อยคอยรับใช้ตลอด เรียกว่านอกจากจะโดนโกงทั้งโคตรแล้ว ยังโดนใช้ทั้งโคตร

ยืมเงินดะ! เพราะขี้เกียจไม่ยอมทำงาน
น้ามด : “เขาอยู่นี่เขาไม่ได้ทำงาน เขาจะเดินไปเดินมาดูบ้านที่กำลังก่อสร้างกับรีสอร์ท เขาไม่ได้ทำอะไรเวลากินก็จะวางไว้ น้ามดก็จะเช็ดและเก็บให้เรียบร้อย บางทีลูกชายเขาก็เป็นคนเก็บให้ เพราะเขาสนิทกันมาก อยากได้อะไรน้ามดก็หาให้หมด ขนาดบุหรี่ก็ยังซื้อให้ เขาชอบดูดบุหรี่นอกมาร์โบโร(Marlboro) เราก็ซื้อให้แต่เวลาไม่เงินก็ซื้อซองละ 60 บาทให้ อยากกินอะไรก็หามาให้ อยากกินกะเพราไก่ก็ทำให้ เขาก็มานั่งกินตรงนี้แหละ(ชี้ไปที่บริเวณที่นั่งให้สัมภาษณ์)”

ครูแหม่ม : “น้องต้า(ลูกชายคนเล็กของน้ามด) เขาก็จะให้เงินนาธานตลอด นาธานจะซื้อโรตีไม่มีเงินน้องต้าก็จะให้ตลอด น้องสอง(เด็กตัวเล็กที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าบ้านไป) คนนั้นนาธานก็ขอเงินไป 200 บาท เขาชอบต่อผม แล้วน้ามดก็เป็นคนจ่ายให้ บางทีก็เป็นน้าคนอื่น”

ต้อม : “ก็เคยถามน้องว่า ให้ด้วยความเต็มใจไหม เขาก็จะบอกว่าให้แต่ไม่ได้เต็มใจ เขาขอก็ให้”

กินข้าวกับน้ามด อยู่ที่บ้านทั้งวัน ค่อยกลับไปนอนที่กระท่อม
น้ามด : “แต่จริงๆ ใครก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เพราะเขาจะนั่งอยู่ที่บ้านน้ามดทั้งวัน เขาจะมากินข้าวมานั่งที่นี่ทั้งวัน พอตอนเย็นค่อยกลับไปนอนที่กระท่อมในสวน 70 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่บ้านน้ามด 30 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่นั่น”

กิจวัตรประจำวันชอบนั่งเล่นเน็ตที่โต๊ะประจำตัว
น้ามด : “นั่งเล่นที่โต๊ะตรงนั้น(ชี้ไปที่โต๊ะตรงหน้าบ้าน) เขาจะชอบเอาโน๊ตบุ๊กนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตตรงนั้น ก็จะเอาผ้ามาปูและก็เล่นของเขาไป เราก็จ่ายค่าอินเตอร์เน็ตให้เขา แต่ก็ไม่ทุกครั้ง บางครั้งเขาก็เอากับผู้มีพระคุณของเขา เราจ่ายให้เขาหมด เต็มใจให้ทุกอย่าง ขนาดลูกของเรายังไม่เคยได้เล่นอินเทอร์เน็ตเลย รักเขามากอะไรก็ให้เขาหมด”

นาธานไม่เคยตักน้ำกินเอง
น้ามด : “รักเขามากคิดดูขนาดน้ำเนี่ยเขายังไม่เคยได้ตักกินเองเลย น้ามดจะตักใส่แก้วให้ตลอด เขาไม่ชอบให้ใครมากินแก้วเดียวกับเขา น้ามดก็ไม่ให้ใครมาใช้ อยากกินผลไม้อะไรก็หามาให้ วันนี้อยากกินลองกองเราก็ไปหามาให้ หามาให้จนรู้ว่าเขาชอบกินอะไร เวลามีเงินก็จะจัดไปให้เขา”

น้ามดรักมาก ทั้งบ้านเลิกกินหมู
น้ามด : “เขาเป็นคนกินง่ายนะ กินกะเพราไข่ดาวอะไรกินได้ แต่เขาจะไม่กินหมู ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่น้ามดไม่เคยเอาเนื้อหมูเข้าบ้านเลย กลัวเขาจะตะขิดตะขวงใจ ทั้งที่ทุกคนในบ้านก็กินหมู แต่เราต้องอดให้เขาเลย ต้อมกินหมูแต่ต้องไปกินข้าวนอกบ้าน”

น้าอ้วนซักผ้าให้
น้ามด : “เสื้อผ้าน้าอ้วน(เป็นคนที่เคยให้ที่พักพิงกับนาธานสมัยหนีมาอยู่เชียงคาน ก่อนโดนจับ) จะเป็นคนดูแล ส่วนน้ามดจะดูแลเรื่องอาหารการกิน น้าอ้วนนี่เขาก็ไม่ได้เชิงพิการแต่ก็ไม่ได้สมบรูณ์”

ครูแหม่ม : “ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ เราให้ความสะดวกสบายทุกอย่าง จะกินจะเอาอะไรทำให้หมด ซักผ้าก็จะมีน้าอ้วนซักให้ ไม้จิ้มฟันยันเรือรบจะเป็นน้ามด ส่วนยายจะดูแลเรื่องซักที่นอนมุ้งหมอน ยายเขาทำให้เองเพราะรัก(ลากเสียงยาว) เพราะเขาไม่มีหลาน แหม่มก็บอกเป็นหลานนะแม่นะ รักแหม่มก็รักหลานด้วย เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น”

มีเด็กเป็นลูกสมุนคอยรับใช้
น้ามด : “เขาจะมีเสนาน้อยคอยรับใช้ (ชี้ไปที่ต๊ะลูกชายคนที่ 2) เขาจะสนิทกันมาก บางทีก็ไปนอนกับพี่ธาน ไปไหนกับนาธานตลอด เวลานาธานจะไปซื้ออะไร นาธานจะรออยู่บนรถก็จะให้เสนาน้อยลงไปซื้อให้ เขาจะไม่ลงรถ”

ติดสบายแถมยังทำตัวเป็นคุณนาย จะไม่ยอมอาบน้ำในห้องน้ำบ้านๆ ใช้ขันตักไม่เอา ต้องอาบจากเครื่องทำน้ำอุ่นเท่านั้น แล้วยังฟุ้งเฟ้อชอบจ้างหมอนวดมานวดให้ถึงที่บ้าน ปกติจะคิดชั่วโมงละ 150 แต่นาธานหน้าใหญ่ใจโตควักให้ชั่วโมงละ 500

ห้องน้ำบ้านๆ เข้าไม่ลง
น้ามด : “เขาต้องไปอาบน้ำที่ซ.17 บ้านน้าอ้วน เพราะมีเครื่องทำน้ำอุ่น คือบ้านน้ามดไม่มีอะไร มีแต่สบู่กับแชมพูตั้งอยู่ แต่เขาจะต้องอาบแบบมีของครบ เช้าเย็นอาบที่บ้านน้าอ้วนและก็กลับไปกินข้าวกับน้ามด และไปนอนที่กระต๊อบรีสอร์ท ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ตากับยาย บางทีก็จะเรียกคนมานวดสปาให้ที่ซอย 17 บางทีก็เรียกมานวดให้ที่รีสอร์ท เขานวดอยู่ชั่วโมงละ 150 แต่เขาให้ 500”

ทำตัวพิลึก อยู่ๆ ก็เอาผ้าดำมาขึงปิดหน้าบ้าน เหตุเพราะไม่อยากให้ใครเห็นตัวเอง พอออกนอกบ้านก็เอาผ้ามาห่อหน้าเหลือแต่ตา...

ชอบหลบหน้าผู้คน เอาผ้ามาคลุมบ้าน
ต้อม : “ตอนที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาจะเอาผ้าสีดำมาคลุมตรงหน้าบ้านหมด คลุมตั้งแต่ต้นไผ่ไปจนถึงต้นมะขาม(ชี้ตั้งแต่ต้นไผ่ไปจนถึงต้นมะขามประมาณ 100 เมตร) คือเขาไม่ชอบให้ใครมามองเขา เขาชอบความเป็นส่วนตัว ก็จะมีชาวบ้านมาถามว่า ทำไมต้องล้อมไว้ แม่ก็ไม่รู้จะตอบยังไงก็บอกไปว่า ล้อมไก่ไว้ เวลาไปข้างนอกเขาก็จะมีผ้าห่อหน้าอยู่ตลอดเวลา อยู่เชียงคานชอบห่อหน้า ขนาดอยู่บ้านยังห่อหน้า เพราะแดดจัดกลัวหน้าดำ บางทีก็เดินกางร่ม ก็ยังคิดอยู่เลยว่า จะทำธุรกิจรีสอร์ทแล้วเขาจะกล้าต้อนรับแขกเหรอ ในเมื่อเขาไม่กล้าสู้หน้าคน”

ที่เลวร้ายไปกว่านั้น นาธานยังให้แม่ครูแหม่ม อายุ 63 ซักกางเกงในให้ตลอด ด้วยความที่รักมากดูแลยังกะลูกหลานในไส้ แต่สุดท้ายนาธานกลับตอบแทนแบบนี้ ทำเอายายเสียความรู้สึกถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว
ยาย : “ตอนเช้ายายจะเป็นคนชงกาแฟให้ และทำกับข้าวให้กินบางครั้ง จะซักผ้าปูที่นอนหมอนมุ้งให้เขาตลอด เพราะอยากให้หอมๆ และสะอาด แล้วก็ซักกางเกงในให้ เพราะเขาชอบถอดทิ้งไว้ยายก็เลยต้องซักให้ รักเหมือนลูกเหมือนหลานเพราะยายไม่มีหลานผู้ชาย(ร้องไห้ เจ็บจุกจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่) เขามาทำแบบนี้ก็ให้อภัยได้ แต่ไม่ให้กลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ถึงเขาจะขอโทษก็ไม่ให้กลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เพราะไม่อยากให้มันกลับมาหลอกอีก”

เท่านั้นยังไม่พอ! นอกจากนาธานจะสร้างวีรกรรมโกงทั้งบ้าน ใช้งานทั้งโคตรแล้ว “ทีมบันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์” ยังได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวอีกว่า ช่วงที่นาธานใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงคาน วันดีคืนดีก็ชวนเด็กผู้ชายไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่นที่แก่งคุดคู้ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงคานเป็นประจำอีกด้วย แถมเจ้าตัวยังเคยฝอยเป็นตุเป็นตะ ว่าจะเปิดโรงเรียนนานาชาติเพื่อยกระดับเด็กเชียงคาน

ถ้าไม่ใช่ “นาธาน” ทำไม่ได้นะจ๊ะ...
 
       






"นาหม้อ โฮมสเตย์" หลังนี้แหละที่นาธานจัดการเปลี่ยนแปลนจากบ้านจนกลายสภาพตามที่เห็น

เจาะใต้ถุนทำเป็นห้องสำหรับนั่งทานข้าว

ประตูทางเข้าทำให้เหมือนทางเข้าผับแล้วก็วาดรูปมงกุฎไว้ด้านบน

ด้านในของ นาหม้อโฮมสเตย์ นาธานเลือกสีฉูดฉาดกระจกสีเขียว ผนังสีแดง

ผนังภายในตัวบ้านเจาะเป็นช่องวางแจกัน และทาทุกสีทั้งสีเขียว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง

ห้องสีชมพูสดใส หนึ่งในหกห้องที่นาธานจัดการตามอำเภอใจ


ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรก ด่าคนแก่ เ - ี้ ย หลอกเงินเด็ก หิ้วเด็กวัด หลอกเงินพระ

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรกแตก นอกจากจะหลอกเงินญาติ ”ครูแหม่ม” 7 แสนแล้ว ก็ยังมีนิสัยก้าวร้าวด่า “พ่อกับแม่ครูแหม่ม” ผู้ให้ที่พักพิงว่า เ - ี้ ย พูดอะไรก็ไม่ฟังบอกมีเงินแล้วค่อยมาพูดกัน สุดอนาถขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 20 บาทก็ยังเอา ล่าสุดไปบอกพระว่าจะสร้างเครื่องกระจายเสียงเรียกเก็บเงิน 4 หมื่น ซ้ำมีพฤติกรรมสนิทสนมกับเด็กวัดถึงขั้นพาไปนอนที่บ้าน


เปิดมหากาพย์นรกไม่เอาอีกรอบแล้วสำหรับ “นาธาน โอร์มาน” อดีตนักร้องผู้อื้อฉาวที่มีข่าวเน่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โกงหุ้นส่วนร้านกาแฟ โกงเงินพี่เลี้ยงที่อยู่ร่วมกับมานานนับ 10 ปีอย่าง “แม่บ้านสมาน สุขเสริม” ล่าสุดก็ถึงคิว “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมที่เคยรักนาธานนักหนา ถึงกับหอบหิ้วนาธานไปอยู่ที่เชียงคานบ้านเกิด หวังจะให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากรอดคุกกรณีโกงเงินแม่บ้านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

ต้อมกับน้ามด


แต่ล่าสุดนาธานก็ไปก่อเรื่องอีกจนได้ คราวนี้ครอบครัวของครูแหม่มผู้มีพระคุณโดนกันถ้วนหน้า จนต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความฉ้อโกงที่สภ.เชียงคานเมื่อวันก่อน เรื่องนี้เป็นเหตุให้เอเอสทีวีบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ต้องลงพื้นที่เพื่อตามล่าหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับนาธานอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ครูแหม่มที่เคยวิ่งหนีนักข่าว เอาผ้าคลุมหน้าบังกล้อง ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม เชื้อเชิญเข้าไปพูดคุยในบ้าน ทำให้ทีมข่าวได้พูดคุยกับครอบครัวของครูแหม่มอย่างหมดเปลือก

ไม่ว่าจะเป็น “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” หนึ่งในเหยื่อของนาธานที่โดนเชิดเงินไปถึง 7 แสน และ “ต้อม” ลูกชายคนโตที่ต่อต้านนาธานมาโดยตลอด รวมไปถึงลูกชายอีก 2 คนของน้ามดที่น้ามดบอกว่า ทำหน้าที่เป็นเสนาน้อยคอยรับใช้นาธานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี “น้าต่าย” ญาติของครูแหม่ม ช่างเสริมสวยที่นาธานไปใช้บริการทำสวยอยู่เป็นประจำก็มาร่วมด้วยช่วยแฉว่าโดนยืมเงินไปเหมือนกัน เรียกว่าโดนกันแล้วถ้วนหน้า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เราได้รู้ว่า ผู้ชายที่ชื่อ นาธาน โอร์มาน ครบสูตรนรกแตกจริงๆ

ครูแหม่ม :“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นเพราะเรารักเขาเมตตาเขาเหมือนแม่ที่คลอดออกมา ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราแบบนี้หรอก คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับคนอื่นคงไม่ได้เกิดกับเรา ตอนนั้นกระแสสังคมแรงมากแต่เราก็ไม่ฟังเนื่องจากรักเขารักเหมือนลูกเหมือนหลาน รักเหมือนคลอดเขาออกมาเลย ความผูกพันมันเอื้อกันมา เมื่อก่อนเขาไม่มีบ้านอยู่เราแต่เรามีลูกศิษย์เยอะ แล้วลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นเจ้านายเก่าพี่เต็ม(แม่บ้านสมาน สุขเสริม) พอเจ้านายเก่าเลิกจ้างพี่เต็มเราก็ให้นาธานไปอยู่กับพี่เต็ม ก็เรียกว่าดูแลเขามา10 กว่าปีแล้ว”

“ดูแลตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นนักร้องให้กำลังใจเขาสู้ๆ นะ กินอยู่ยังไงไม่มีเงิน 100-200 เราก็ให้เขาเพราะเราก็ไม่ได้มั่งมีอะไร เวลาเขาขอเงินมาก็ให้เป็นหลักร้อยหลักพันก็มี โทรศัพท์มือถือไม่มีก็ซื้อให้ เหมือนเราเป็นแม่ของเขาจริงๆ เลยมันซึมซับผูกพันธ์กันมาเรื่อยๆ พอเขาได้เป็นนักร้องเขาก็ห่างๆ ไปบ้างเพราะเขามีงานแต่เวลาที่เขามีปัญหาเดือดร้อนไม่มีเงินเขาก็โทรมา แต่ถึงเขาจะเป็นนักร้องเขาก็ไม่ได้เอื้ออะไรเรานะ มีแต่เรานี่แหละให้เขาคนอย่างนาธานไม่มีทางเอื้อใคร เราก็พึ่งมารู้ตอนนี้นี่แหละ”

“พอนึกถึงวันนี้ที่เราจะต้องไปนั่งอยู่ในโรงพักกับเมื่อปีก่อนที่เราก็มานั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกัน แต่มันมากันคนละสถานะเลยนะ ในวันนั้นเรามาในฐานะแม่จริงๆ ลูกเราเดือดร้อนปกป้องลูกทุกอย่าง วันนั้นที่เขาโดนจับเขาก็นั่งอยู่ในบ้าน น้ามดก็กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้กิน”

น้ามด : "ก่อนที่จะโดนจับก็มีตำรวจมาถามว่ามีดารามาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ได้อำนวยความสะดวกให้เขาไหม เราก็บอกมีนาธานแต่เขาเป็นหลานผัวตอนนี้ไปเมืองเลย พอตอนเช้าเขาก็มาตะคุบเอาที่นี่ กำลังจะทำก๋วยเตี๋ยวให้เขาทานพอดี เขาชอบทานก๋วยเตี๋ยว”

ครูแหม่ม: “เขายังไม่ทันจะกินเลย กำลังเอาใส่ปากมันน่าสงสารนะ เมื่อก่อนนี่น้ามดเขาเชื่อข่าวนะ แต่พอมาเห็นตัวจริงนาธานน้ามดเปลี่ยนเลย มาเจอคำหวานๆ เปลี่ยนเลยรักเหมือนลูก วันที่โดนจับน้ามดก็เอาเงินยัดใส่มือเรา 8,000เอาไปช่วยหลานนะลูก แกเสียใจที่นาธานมาโดนจับที่บ้าน เสียใจมากรู้สึกว่าตัวเองผิด เราเองก็สงสารเขารู้สึกผิดเขามาโดนจับที่บ้านเรา เราจะต้องช่วยเหลือเขา”

“แต่พอปีนี้เราก็มานั่งในตำแหน่งเดิมอีก แต่มันเป็นคนละหน้าที่ คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านาธานมาทำอย่างนี้กับผู้มีพระคุณได้ยังไง เมื่อเช้าก่อนจะไปโรงพักหมาของน้ามดเนี่ยก็มาสะกิดขามายกมือไหว้มาเกาะมือน้ามด เหมือนเขาจะให้กำลังใจ เราก็ยังพูดกันอยู่เลยว่า เลี้ยงหมาก็ยังดีกว่าเลี้ยงนาธานเนอะ มาถึงวันนี้บอกได้เลยว่าเสียใจมาก ชีวิตเราตกต่ำสุดๆ เราเป็นครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์เยอะ วันนั้นเราเอาเกียรติของความเป็นครูการันตีเขาหมด แต่วันนี้เขากลับมาทำอย่างนี้กับเรา แทนที่เราจะไปการันตรีให้พ่อแม่พี่น้องที่คลอดเรามา เงินที่เราให้พ่อแม่ก็ยังไม่ได้ให้เท่านาธาน โอร์มานนะ”

“พี่น้องของเราที่อยู่ที่นี่ก็เสียใจหมดก็คนบ้านนอกน่ะ รักและดูแลเขาอย่างดีน้ามดให้นาธานกินอยู่ตั้งแต่เช้ายันนอน ขนาดโกรกผมยังต้องมาเอาเงินกับน้ามดเลย น้ามดขายของอยู่นาธานโทรบอกน้ามดเติมน้ำมันรถ น้ามดก็ต้องวิ่งเอาเงินมาให้ กลายเป็นแม่บุญธรรมโดยที่ไม่ต้องมีคนแต่งตั้ง เขารู้ว่าน้ามดใจดีมีเงินเข้าออก ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้ทุกวัน”

น้ามด : “บางทีก็เห็นเขานั่งซึมๆ เราก็ไปถามไม่มีเงินหรอลูก เราก็เอาเงินใส่มือทีละ 1,000 - 2,000 บาท ขายของมาได้ก็เอาเงินมาให้เขาใช้จ่าย”

ครูแหม่ม : “แล้วดูสิทำไมมาทำแบบนี้ เรานึกว่าเขาจะเป็นคนดี นึกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ ตกทุกข์ได้ยากมาอยู่บ้านเราพ่อแม่พี่น้องเราก็ไม่เคยรังเกียจ มีแต่ให้กำลังใจเอาใหม่นะสู้ๆ นะ คิดว่าเขาคงไม่มีอะไร คงไม่ทำอะไรเราเพราะเขาก็ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่กับพ่อแม่เราแล้ว และเขาก็เรียกพ่อแม่เราว่าตากับยาย ก็คิดว่าเขาจะมาตั้งรกตั้งฐานที่นี่ พ่อกับแม่รักเขามากเขาขอที่มาทำรีสอร์ทพ่อกับแม่ก็ให้ แต่ก็ยังมาหลอกพ่อกับแม่ให้ขายวัวไปทำทัวร์อีก 5 หมื่น”

“พอเขามาอยู่ที่นี่ในระหว่างที่เราไม่อยู่เขาก็มาสร้างความหวังให้กับน้ามด เขาบอกจะพาน้ามดไปทัวร์ต่างประเทศ 20 ประเทศ น้ามดซ้อมจะสะพานกระเป๋าคล้องแขนไว้ให้ดี แตะไม่ต้องใส่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง ซ้อมดีๆ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเมืองนอก จะพาไปสวิตเซอร์แลนด์”

“เขาพูดทั้งๆ ที่อยู่ที่นี่เขาไม่ได้ทำงานอะไร มีแต่ญาติๆ ของเรานี่แหละจุนเจือเขา แม่เราก็ทำกับข้าวให้เขากิน แต่ส่วนใหญ่เขาจะมากินกับน้ามด เช้ายันค่ำมากินกับน้ามด ไม่มีเงินก็ขอน้ามดอยู่จนเหมือนลูกคนหนึ่งของน้ามด นอกจากนั้นแล้วเขาก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งคอยซัพพอร์ทให้เขา ขอไม่เอ่ยถึงละกันว่าชื่ออะไร แต่ผู้ใหญ่ใจดีของเขาคนนี้ก็เป็นคนเอาเงินมาลงทำรีสอร์ทที่นี่”

“และในระหว่างที่เขาอยู่บ้าน เราก็อยากจะสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ก็ให้นาธานมาเป็นคนดูแลให้ เราก็ไปกู้เงินมาได้ 9 แสนแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด ตากับยายก็จะไปเอากับธนาคารมาให้ นาธานเขาก็ขอเป็นคนดูแลเอง บิลต่างๆ เขาก็เก็บไว้เอง เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปให้ครูแหม่มดู เราเองตอนนั้นก็อยากสร้างเครดิตให้เขา อยากให้ญาติพี่น้องรักเขา อยากให้รู้ว่าเขามีเงินนะ บางคนก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนช่วยเราด้วยซ้ำ ยาย(แม่ของครูแหม่ม) ก็อยากสร้างเครดิตให้หลาน(นาธาน) ก็เลยเอาเงินยัดใส่มือให้ คือทุกคนรักเขาหมดไว้ใจเขาหมด”

“แต่เงินก็ไม่พอหลอกเราก็เอาที่ตรงไร่มะม่วงไปจำนอง เพราะนาธานบอกว่าอยากให้ยายเอาที่ไปจำนองนะ 4 แสนบาทจะได้สร้างบ้านให้เสร็จ ก็เอาไปจำนองใช้จ่ายไป 3 แสนเหลือ 1 แสนเขาก็เป็นคนเก็บไว้ แปลนบ้านเราก็มีก็ให้ แต่พอกลับมาบ้านเรากลับกลายเป็นอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนในแปลนเลย เขาคงคิดว่าจะอยู่ด้วยก็เลยสร้างตามใจตัวเอง

สุดก้าวร้าว ด่า “พ่อแม่ครูแหม่ม” ที่รักเหมือนลูกว่า เ - ี้ ย
“พ่อแม่เห็นบ้านแล้วก็โกรธมาก เพราะเขาอยากได้ตามแปลน อยากได้ 3 ห้องนอน นาธานก็มาสร้างเป็นแบบนี้ตะคอกใส่ คือพ่อเขามีแปลนบ้าน 3 ห้อง แล้วนาธานมาเปลี่ยนเป็น 6 ห้อง เขาก็เลยเถียงกัน ทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกว่า ค่าใช้จ่ายที่เกินไปเขาจะออกเอง แต่จริงๆ เราก็เป็นคนออกนั่นแหละ พอสร้างบ้านเสร็จเขาก็เอาตุ๊กตาผู้หญิงใส่อันเดอร์แวร์ไปวางไว้ตรงประตูทางเข้า ตาก็เลยห้ามเพราะเวลาเดินเข้าเดินออกผู้ชายบางคนเขาถือ ก็เลยทะเลาะกันด่าเ - ี้ ยด่าสัตว์ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่เราเลย เราก็รู้สึกว่า โห...ด่าพ่อด่าแม่เราเลยเหรอ”

“และเขาก็โทรมาบอกว่าป๋าจะเอามีดแทงเขา แล้วโดนนิ้ว นิ้วหลุด แต่คนที่เห็นบอกว่าเป็นรอยนิดเดียว ผู้ใหญ่เราไปขอดูนิ้วเขาก็ไม่ให้ดู แต่ก็ไม่หลุดหรอกยังอยู่เหมือนเดิม แหม่มก็ถามป๋านะว่าไปทำแบบนั้นทำไมมันผิดกฎหมาย พ่อก็บอกว่าแกไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จะทำร้าย เหมือนแกโมโหหยิบอะไรได้ก็หยิบ แต่ไม่ได้จะทำร้ายหรอก เหมือนเอามาขู่”

“เขาไม่น่าทำแบบนี้เลยตกทุกข์ได้ยากมาถ้าไม่มีตากับยาย ถ้าตากับยายไม่อนุญาตก็ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นที่ของเขา ตากับยายรักเขาจะตายซื้อกับข้าวหาข้าวให้กินตลอด แล้วเขายังเอาไปพูดกับญาติเราคนอื่นอีกว่า ตาไม่เหมือนสมัยเมื่อก่อนแล้วนะ คือเมื่อก่อนพ่อมีรถลางซุง ลากไม้ซุงตามโรงเลื่อย เป็นธุรกิจที่พ่อทำที่ลาว เขาก็บอกว่าตอนนี้ป๋าไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะ ป๋ามีเงินเหรอ ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าป๋ามีเงินค่อยมาพูดด้วย ถ้ามีเงินแล้วจะคลานไปกราบ ถ้าไม่มีเงินไม่ต้องมาคุย”

“คือนาธานเนี่ยใครสอนอะไรเขาไม่ได้หรอก ถ้าอยากให้เขาฟังต้องถือเงินไว้ซัก 1 หมื่น หรือเป็นแสน อย่างน้อยๆ ต้องมีไว้ซัก 5 พัน เขาถึงจะฟังในสิ่งที่เราพูด”

น้ามด : “โดยเฉพาะยายนี่รักนาธานมาก ขนาดนาธานบอกให้ยายไปยืมเงินตอน 2 ทุ่ม ซึ่งต่างจังหวัดคนเขานอนกันหมดแล้ว แต่ยายก็ต้องออกไปยืมตังค์ให้ ก็ให้น้ามดนี่แหละขี่มอเตอร์ไซด์พาไปยืมที่อำเภอ”

ครูแหม่ม : “ถ้าเขาจะเอาอะไรก็ได้ตามนั้น ต้องเอาทันที บางครั้งทาแป้งรอเลย สมมติวันนี้จะได้เงินมาจากไหน เขาจะทาแป้งทาปากรอเลย นี่แหละนิสัยเขาค่อนข้างก้าวร้าว พอบ้านเสร็จก็เกิดเรื่อง เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดบอกว่า พอบ้านเสร็จก็ถีบหัวส่งนะ ก็อยากจะบอกนาธานว่า ครูแหม่มไม่ได้ถีบหัวส่งนะ ถ้านาธานทำตัวดีทำมาหากินไม่สร้างเรื่อง นาธานสามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้จนดินกลบหน้าเลย ถ้าจะถีบหัวส่งรอให้นาธานทำรีสอร์ท 10 หลังเสร็จก่อนแล้วค่อยถีบไม่ดีกว่าหรอ แต่นี่มันเกิดจากการเรามารู้เรื่องของน้ามดแล้วรับไม่ได้ มาบอกว่า น้ามดเป็นคนติดต่อต่างประเทศเอง มันก็เลยแตกหักกันตรงนี้”

น้ามด : “พอมาอยู่ที่นี่เขาก็พยายามชวนทำทัวร์ตลอด เราก็บอกว่าไม่มีเงิน เขาก็เลยไปหาน้าติ๋วไปเอาเงินกับน้าติ๋วมาทำทัวร์พม่า 3 คน ลงไป 3 พันได้กำไรไป 6 หมื่นอันนี้คือสิ่งที่เขาพูดให้เราฟัง เราก็ไม่รู้ว่าน้ามดลงเงินจริงหรือเปล่ามันเป็นเพียงแค่ลมปากไม่มีหลักฐานอะไร และเขาก็บอกว่าให้น้ามดทำทัวร์ประเทศอื่นเราก็เชื่อเขา”

“เพราะตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ แม่เขา(ครูแหม่ม) ก็บอกว่าเขาถูกใส่ร้าย เขาก็พูดดีถ่อมตัวนาธานอย่างนั้น นาธานอย่างนี้ เราก็หลงเขารักเขาก็อย่างว่าบ้านนอกแหละเนอะ เวลาเขามีอะไรเขาก็จะมาสัมผัสเรามาจับขาจับแขนมาออดมาอ้อนบางครั้งก็มาโอบกอด เราก็จะบอกสู้เด้อลูกเด้อปัญหาทุกอย่างมีทางออก ตอนนั้นเอ็นดูเขามาก เขาเป็นคนพูดเพราะพูดหวาน ก็มาพูดให้เราทำทัวร์นี่แหละ พูดไปพูดมาเราก็เลยทำ ก็ไปยืมตังค์นอกระบบมาทำทัวร์ และเขาก็สั่งว่าห้ามบอกใครห้ามบอกแม่(ครูแหม่ม)เราจะรวยแน่นๆ กันสองคน”

“อันแรกเลยนาธานบอกว่าทำประเทศจีน 30 คน จะต้องเสียค่าจองตั๋ว 3 หมื่น เสียภาษี 1.5 หมื่น ค่าทำโบชัวส่งให้ลูกค้าดูอีกใบ 10 บาท 30 ใบ รอรับกำไล 2 แสนกว่าบาท เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปดำเนินการยังไง รู้แต่ว่ามีผู้หญิงที่ชื่อก้อยโทรมาหาน้ามดบอกว่าทัวร์เข้านะประเทศนั้นประเทศนี้ บางครั้งก็บอกลูกทัวร์ตกเครื่องจะต้องเสียเงิน 500 บาท เราก็ต้องเคลียร์ให้เขาหมด ก็โดนหลอกให้ทำทัวร์มาเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังสงกรานต์จนตุลาคมก็ประมาณ 20 กว่าประเทศจนหมดตัวรวมแล้ว 7.4 แสน"

“เงินเราก็ไม่มีหลอกไปยืมเขามา เป็นเงินนอกระบบร้อยละ 20 รวมๆ แล้วก็เป็นแสน เงินเปียแชรอีก 1 แสน และก็ไปขายที่ดินกับบ้านที่อุทัย แปลงที่ 1 ได้ 7.5 หมื่นแปลงที่ 2 ได้เงิน 6.7 หมื่น ซึ่งที่ดินตรงนั้นเป็นเงินที่เหลือจากการแต่งงานเอาไปซื้อไว้เป็นหลักทรัพย์ และก็เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองอีก 2.4 แสน และก็เงินที่ไปช่วยเหลือตอนพี่เต็มอีก ที่ต้องไปจำนองบ้านหลังนี้เพราะเขาบอกว่า มันต้องปิดจ็อบอีก 12 วันจะได้ตังค์คืน แต่ถ้าไม่เอาเงินมาลงอีก 2 แสนจะไม่ได้เงินทั้งหมดคืน ก็เลยไปขอร้องแฟนให้ช่วยหน่อยเพราะถ้าไม่ช่วยเงินที่ลงไปหลายแสนมันสูญนาธานบอกให้พูดแบบนี้ น้ามดก็เลยไปกล่อมแฟนเพราะบ้านหลังนี้เป็นมรดกของแฟน แฟนเขาก็ช่วย และก็บอกให้หยุดทำเท่าไหร่ก็เท่านั้นเราก็ไม่ฟังจนหมดตัว ดิ้นไม่ได้ถึงหยุด ไม่มีใครให้ยืมแล้วถึงหยุด เพราะเราก็อยากได้อยากรวย”

“น้ามดช่วยเขามาตลอดไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้ ช่วยนาธานตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องกับพี่เต็มแล้ว เขามาขอว่าช่วยธานหน่อย เราก็เห็นแล้วก็สงสารน้ามดไม่มีตังค์หรอกมีแต่สร้อย สร้อยทอง 3 บาทก็ถอดไปจำนำให้เขา เงินสดที่เก็บมาทั้งชีวิตมีอยู่ 3.5 หมื่นก็เอาให้ แต่หลอกนาธานว่าไปยืมมาเขาจะได้ร้อนใจรีบไปหามาคืน ก็บอกเขาว่า เงินน้องนะลูกนะ เงินน้องต้องเรียนหนังสือเอามาคืนนะ เขาก็บอกครับ ไปศาลไม่มีเงินเติมน้ำมันก็โอนให้ตลอดครั้งละ 5 พัน”

“เราให้เขาหมดให้ทุกอย่าง สร้อยไม่เคยเอาไปจำนำก็เอาไปจำนำให้เขา เงินนอกระบบก่อนหน้านี้ก็เคยยืมมาบ้างเวลาที่หมุนเงินไม่ทันแต่ก็ไม่ได้มากมายพอหมุนใช้จ่ายในครอบครัว แต่ก็ไปหายืมมาให้เขาจนหมด ขนาดเจ้าหนี้นอกระบบยังเตือนเลยว่า ทำไมช่วงนี้ยืมเงินเยอะจัง เขากลัวนาธานมาหลอกเพราะไปไหนกับนาธานตลอด เราก็โกรธตะหวาดเขาคนล้มอย่าข้ามให้โอกาสเขาหน่อยเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่แตะต้องนาธานอีกเลย”

“คิดแล้วก็เสียใจกับลูกกับผัวเรายังไม่เคยให้เงินเขาเยอะขนาดนี้เลยแต่เรากลับให้นาธานเพราะรักเขามาก รักเหมือนลูกให้กินให้อยู่มากกว่าลูกตัวเองซะอีก ไปขายของมาได้ก็เห็นนั่งเศร้าๆ ก็ถามไม่มีเงินหรอก็เอาเงินให้เขา ก็บอกให้เขาใช้ประหยัดๆ เพราะน้ามดก็ไม่ค่อยมีก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้นะ ให้ตลอดทีละร้อยสองร้อยทีละพัน นาธานไม่น่าทำกับน้ามดเลย”

ให้ “นาธาน” ทุกอย่างขนาดนี้ พอถามว่า นาธานเคยให้อะไร “น้ามด” ไหม เจ้าตัวตอบว่า...
“เขาเคยซื้อสบู่เป็นขวดๆ มาฝากจากกรุงเทพ 2 ขวด นอกนั้นก็ไม่เคยซื้ออะไร”

“เสียใจมากรักเขามากรักเหมือนคนตาบอดขนาดลูกเตือนก็ยังไม่ฟัง อย่าทำทัวร์เลยแม่ถ้าเขารวยเขารวยตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้ว เขาไม่มาทำที่นี่หรอกแต่เราก็ไม่ฟังเพราะอยากรวย เขาบอกประเทศนั้นได้กำไล 2 แสน ประเทศนี้ 3 แสน เราก็คิดไว้ว่า ถ้าได้กำไรทัวร์มาก็จะแบ่งให้นาธาน และก็จะมาซื้อรถให้แฟนมาวิ่งรับส่งนักเรียนก็จะได้มีรายได้เสริมเข้ามาพอได้กินได้อยู่เพิ่มขึ้นมา”

ต้อม : “ผมเป็นทหารเกณฑ์ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่าแม่ไปทำทัวร์กับนาธาน แต่ความมาแตกเพราะความดีใจของแม่ นี่แม่จะได้ตังค์แล้วนะแม่แอบไปทำทัวร์กับพี่นาธาน ผมก็เริ่มเชคข่าวกับเพื่อนๆ เพื่อนก็ปริ้นท์จากอินเตอรเน็ตมาให้ดู ผมก็รู้สึกว่ามันชักแปลกๆ แล้ว ก็บอกแม่ว่าถ้าเขาทำแล้วรวยเขาคงจะเคลียร์หนี้แม่บ้านได้(แม่บ้านสมาน) คงไม่เป็นข่าวแบบนี้หรอก แต่เหมือนนาธานเขาจะรู้ เขาจะหาคำแก้ตัวมาพูดกับแม่ได้หมด เวลาผมแย้งเรื่องอะไรนาธานเขาก็จะหาเหตุผลมาแก้ตัวไว้ล่วงหน้าเลยเขาดักเราไว้ทุกทาง”

“แต่ตอนนั้นเรื่องทัวร์มันยังไม่ชัดเจนผมแค่สงสัย แต่มันก็มีเรื่องที่เขาไปหลอกคนอื่น เขาไปประกาศทั่วเลยเขาจะไปถ่ายแบบกับแตงโมที่หาดนางคอย เพื่อนๆ ก็ถามว่าจริงไหม ผมก็บอกว่าไม่รู้ จนกระทั่งน้ำท่วมที่นั่นเขาก็เงียบๆ ไป และเขาก็ไปหลอกรุ่นน้องผมว่าจะมีดารามาถ่ายแบบ เขาก็ไปบอกรุ่นน้องผมว่า ให้มาเป็นไกด์แนะนำสถานที่แต่ไม่ให้บอกใคร และเขาก็เอาตังค์ให้รุ่นน้องผม 400 บาทกับเหล้าขาว ส่วนดาราที่จะมาถ่ายก็คือตั๊ก บงกช แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเหมือนเขาสร้างกระแสให้กับตัวเอง”

น้ามด : “เขาหลอกให้น้ามดรอ บอกว่าเงินทัวร์จะเข้าแล้วนะ พอเอาบัตรเอทีเอ็มให้นาธานไปตรวจสอบก็ไม่มี ก็เลยคิดว่ารอซักวันสองวันไปกดใหม่ แต่กดไม่เป็นมันกินบัตร ก็บอกให้นาธานไปติดต่อให้เขาก็ไม่ไป เขาบอกว่าเดี๋ยวธนาคารจะส่งมาให้ที่บ้านเอง เราก็รอเป็นเดือนแต่ก็ยังไม่ได้บัตร จนกระทั่งลูกชายกลับมาจากเกณฑ์ทหารก็เลยบอกให้พาไปตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีเงินเข้า น้ามดก็มาบอกนาธานว่าไม่มีเงินเข้าเลย เขาก็บอกเดี๋ยวก็เข้าเราก็เชื่อเพราะคุณก้อยก็จะโทรมาเรื่อยๆ ว่าให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะจัดให้ก่อนซัก 2 - 3 งวดพอให้ได้หมุนแต่ก็ไม่ได้”

“แต่มันก็มีเหตุให้สงสัยเพราะคุณก้อยนี่โทรมาอีกบอกว่าเงินในบัญชีของน้ามดไม่มีถึง 500 เลย ให้เอาเงินไปติดบัญชีไว้หน่อยมันจะได้มีเครดิต น้ามดก็เลยไปหายืมเงินได้มา 3 พันเอาไปใส่ไว้ในบัญชีตอน 11.30 น.ตอนเย็นเงินทัวร์จะเข้า 3.7 แสน เราก็นาธานเอ๊ยไปตรวจสอบดูสิลูก คุณก้อยบอกมาว่าเงินจะเข้าจะได้เอาเงินไปไถ่บ้าน เหลือเท่าไหร่ก็เอาเงินแบ่งกันกินแบ่งกันใช้เพราะเราอยู่ด้วยกัน ก็ปรากฏว่าเงินไม่เข้า พอลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบให้เงิน 3 พันที่เข้าไปก็หายไปหมด“

“น้ามดก็เลยมาโวยวายกับนาธานว่าเงินที่ใส่ไปหายไปหมดเลย ก็เลยโทรไปหาคุณก้อยว่าไม่รู้เงินที่ใส่ไปหายไปไหนหมด น้ามดไม่ได้กดไม่ได้ถอนเลย คุณก้อยก็อ้างว่าธนาคารมันแบล็คลิสต์ ก็เลยให้ลูกไปตรวจสอบถึงได้รู้ว่าพอเงินเข้าไปตอนเช้าตอนเย็นก็มีคนไปกดออกแล้ว แต่เราก็ยังไม่คิดว่าจะโดนหลอกมัน 50 : 50 ไม่อยากจะเชื่อ”

“พอผ่านไปไม่กี่วันคุณก้อยก็โทรมาอีก บัญชีธนาคารอื่นบัญชีหนึ่งมันมีเงินไม่ถึงพันนะ น่าจะเอาเงินไปใส่ซักพันสองพัน วันนั้นก็เลยไปกับลูกชายและก็นาธาน ลูกชายก็ไปซื้อม้วนหนัง น้ามดก็นั่งรออยู่ในรถ ส่วนนาธานก็เอาเงินไปเข้าบัญชีและก็เดินออกมาว่าเสร็จแล้วนะ เราก็จ้าก็พาไปกินข้าวแล้วก็กลับ จนลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบเงินเพราะเขาบอกว่าเงินจะเข้า พอลูกไปตรวจสอบก็ปรากฏว่า เงินไม่เข้าส่วนเงิน 2 พันที่ให้นาธานไปเข้าก็ไม่มี”

“พึ่งจะมามั่นใจว่าโดนหลอกจริงๆ ก็เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา พอเริ่มมีข่าวออกว่าแม่เขา(ครูแหม่ม)จะแถลงข่าว เขาก็โทรมาหาว่าน้ามดอยู่ไหน เราก็บอกขายของอยู่ เขาก็บอกว่า จะฆ่าธานให้ตายเลยหรอ วันนี้จะโอนตังค์ให้น้ามด 2 แสนนะ เราก็ดีใจรีบวิ่งไปเอาเลขบัญชีที่บ้าน พอตอนเย็นไปดูก็ปรากฏว่าไม่โอนมา แต่เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดอีก บอกว่าจะโอนตังค์ให้น้ามดอยู่นะ ธานไม่ทิ้งน้าหมดหรอกจะหาทางช่วย จะหาเงินมาไถ่ถอนบ้าน แต่ตอนนี้ทัวร์น่ะมันล่มแล้วนะน้ามด พอเขาพูดตรงนี้น้ามดก็รู้แล้วว่าโดนหลอกก็เลยต้องไปแจ้งความ”

หลอก “น้ามด” ว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์เชพโรเลต ให้เซ็นต์ค้ำประกันรถให้

“นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังมาหลอกอีกว่า เขาเป็นพรีเซ็นต์รถเชฟโรเลตได้เงินค่าตัว 9 แสน แล้วเอารถเก่าไปเทิร์น 3.5 แสน(รถของนาธาน) รวมเป็นล้านกว่า แต่รถล้านหกเกือบล้านเจ็ด แต่เขาไม่เอาตังค์ค่าตัวแต่จะเปลี่ยนเป็นรถ ก็เลยให้น้ามดไปค้ำประกันให้ วันไปค้ำเอาน้ามดไปด้วย แต่วันไปเอารถเขาไปคนเดียว ตอนนั้นเราก็ไม่ทันได้คิดว่าไปค้ำประกันแล้วต้องรับผิดชอบ มันให้เซ็นต์ก็เซ็นต์ไป คิดว่าเขาคงได้ค่าพรีเซ็นเตอร์มาแล้วก็เลยไม่คิด แต่ตอนหลังเขาก็มาตามทวงยึดรถแล้ว มาวันที่ 25 เป็นวันเดียวกันกับมาวันที่นาธานบอกทัวร์เจ๊งเลย”

ต้อม : “หลังจากที่นาธานวางสายไป วันนั้นก็มีคนมาตามยึดรถที่บ้าน แต่ตอนแรกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรเรา จนเราถามไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่าโดนหลอกเรื่องพรีเซ็นเตอร์ จริงๆ มันคือเอารถแลกรถแค่ 2 แสน โอ้โห ก่อนหน้านี้มาขอเงินแม่ 3 หมื่น ไปซื้อเสื้อผ้าสไตล์ร็อค จะไปเดินแบบให้รถเบนซ์ที่กรุงเทพ แต่แม่หาให้ยืมไม่ได้เลยไม่ได้ให้ ผมก็คิดเอะใจว่า อ้าว...แล้วเบนซ์กับเชฟโรเลตไม่ฟ้องกันตายเหรอ”

น้ามด : “ตอนนี้เขาก็มาทวงค่าผ่อนรถกับเรา ก็เลยบอกว่าไม่มีอะไรจะให้ยึดแล้ว มีแต่ตัว ถ้าจะเอาก็คงจะต้องไปติดคุกอย่างเดียว เพราะไม่มีอะไรให้ยึด พูดจริงๆ ก็คือยอมติดคุกเพราะไม่เหลืออะไรให้ยึดแล้ว”

“ตอนนี้ความหวังทุกอย่างมันพังหมดแล้ว วันนี้น้ามดก็ยังไม่มีเงินไปจ่ายดอกค่าบ้านเขาเลย สัญญาบ้านจะหมดวันที่ 29 เดือนธันวาคมนี้แล้ว ถ้าไม่มีเงินไปไถ่ก็จะโดนยึดบ้าน แต่เราก็ยังไม่มีเงินว่าจะไปขอร้องเขาให้เขาช่วยต่อสัญญาให้หน่อยก็ไม่รู้ว่าเขาจะต่อให้หรือเปล่า ถ้าบ้านหลังนี้ต้องหมดไปก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันไม่กล้าคิดมันตื้อไปหมดแล้ว”

“ทุกวันนี้ทำงานหนักมาก เมื่อก่อนขายแต่ของหวานกับกาแฟ ออกจากบ้านตอนเช้าตี 3 และก็จะกลับมาทำของที่บ้านรอไปขายตอนเย็น แต่ตอนนี้น้ามดต้องขายก๋วยเตี๋ยวเพิ่มด้วย ต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ต้องทำทั้งวันพอขายของหวานเสร็จตอนเช้า ก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ส่วนลูกชายปลดทหารมาแล้วก็จะให้เขากลับบ้านมาทำขนมรอ ร้านกาแฟจ้างเขาขายวันละ 200 บาท ที่ต้องทำเยอะแบบนี้เพราะเรามีหนี้สินเยอะ เหนื่อยไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องจ่ายหนี้รายวันนอกระบบวันละ 2 พัน ทุกวันที่ 29 ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านอีกเดือน 8 พัน”

“ลูกๆ ทุกคนก็มาช่วยทำงานหมด เวลาเสาร์-อาทิตย์ทุกคนต้องมาช่วย คนหนึ่งไปเฝ้าร้านขายขนม อีกคนก็ต้องไปช่วยร้านที่ขายกาแฟเพราะจ้างป้าขาย ลูกทุกคนทำงานหมดน้ามดร้องไห้จนไม่มีต้ำตาแล้ว ลูกชายต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ขี่มอเตอร์ไซด์ไปขายของคนเดียว พอเสาร์อาทิตย์ต๊ะก็จะซ้อนมอเตอร์ไปด้วย เราเห็นแล้วน้ำตานี่ไหลพรากเลย ร้องจนน้ำตามันก็หมด มันตกข้างในนี้(ชี้ไปที่ใจ) ดีที่ลูกกับสามีให้กำลัง สู้นะแม่ เราจะช่วยขายของปลดหนี้นะแม่นะ เมื่อก่อนต้อมติดทหารเพิ่งปลดประจำการเดือนตุลาฯบางทีเห็นลูกต้องมาทำแบบนี้ก็สงสาร ตีสองมันหนาว บางทีฝนตกก็ต้องเอาผ้ามาคลุมไปกันสองคนพี่น้อง กว่าจะถึงเปียกกันหมด มันสะท้อนใจ แทนที่ลูกจะได้นอนหลับสบาย แต่ต้องกระเตงลูกไปช่วยขายของ”

“ของกินของใช้ทุกอย่างก็ต้องประหยัดหมด บอกลูกให้ช่วยกันประหยัด อย่ากินเยอะ อันไหนพอจะอดก็อด ขนมนมเนยให้ลด นานๆ ถึงกิน เมื่อก่อนลูกจะกินอะไรน้ามดให้กินหมด แต่ตอนนี้ก็บอกลูกว่าเรามีหนี้สินเยอะ เขาก็เข้าใจ ตื่นเช้ามาอ้วนกับน้องก็จะไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน กินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลัก นมก็ไม่ต้องกินนะ มากินโอวัลตินที่ร้านเรา เขาก็เข้าใจ น้ามดก็อยากจะขอโทษที่ไม่เชื่อเขา ถ้าฟังลูกสักนิดจะไม่เป็นแบบนี้เลย(เอามือไปวางตักต้อม) ทั้งที่ลูกก็เตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง และก็อยากจะบอกนาธานว่าให้หยุดเถอะอย่าไปหลอกลวงคนอื่นเลย ให้น้ามดเป็นรายสุดท้าย”

ต้อม : “อยากให้นาธานเห็นใจทางแม่ ซึ่งแม่ดีกับเขามาก อยากให้เห็นใจหัวอกของคนที่เคยรัก ที่ตอนนี้หมดตัวไปแล้ว อยากให้พี่ธานเปลี่ยนหัวใจลองดู ว่าพี่ธานจะรู้สึกยังไง กับการที่เราสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราหามาทั้งชีวิต เพราะเราเชื่อใจคำที่เขาโกหก อยากให้เขาคิดสักนิดก่อนที่จะทำอะไร โอเค.เขาอาจจะไม่มีหน้ามีตาในวงการแล้ว แต่ถ้าเขากลับตัวกลับใจ แล้วมาอยู่ที่นี่ ตั้งใจทำมาหากินเขาก็อยู่ได้นะครับ”

น้ามด : “มันเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว น้ามดเจ็บใจที่มันมาหลอกมาลวง น้ามดคงไม่ให้อภัยมันแล้ว รักมันจนวินาทีสุดท้ายที่เขาออกจากเชียงคานไป น้ามดช่วยเหลือทุกอย่าง ตอนทะเลาะกับตาน้ามดยังแอบเอาเงินยัดมือ เอ้าลูกเอ้ยเอาไว้ซื้อบุหรี่เอาไว้เติมน้ำมัน แอบเอาไปให้ไม่ให้มาที่นี่เพราะกลัวตาเห็น(บ้านอยู่ติดกัน) ไม่ได้กินข้าวก็ปิดไฟให้เข้ามากินข้าวที่บ้าน วันที่เขาจะออกจากเชียงคานน้ามดก็ดูแลทุกอย่าง แอบช่วยไม่ให้ต้อมรู้ วันนั้นน้องต๊ะก็เอาเงินเก็บตัวเองซื้อบุหรี่กับน้ำอักลมให้สองกระป๋อง ส่วนหน้ามดซื้อข้าวมันไก่ติดรถให้ไว้กิน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นกันอีกเลย”


ครูแหม่ม : “เห็นแบบนี้แล้วเสียใจ เรานำหายนะมาสู่ครอบครัวเรา วันนั้นน้องต้อมกวาดบ้านแล้วก็บอกว่า รู้สึกยังไงไม่รู้มันเหมือนไม่ใช่บ้านของตัวเองเพราะเอาไปจำนองหมดแล้ว เราไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว เขาพึ่งปลดทหารเกณฑ์มาก็เอาเงินที่สะสมมาได้ 2หมื่นเอาไปซื้อหลังคาไว้ กะว่าถ้าบ้านโดนยึดก็จะเอาไปสร้างกระต๊อบอยู่”


“เห็นแล้วเศร้า(ร้องไห้) เราทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ก็เลยต้องรับผิดชอบพาไปแจ้งความทุกอย่าง เราเห็นน้องแล้วสงสารก็บอกน้องต้อมไม่ต้องสร้างไปอยู่ด้วยกัน เราแย่เราทำให้ญาติพี่น้องเดือดร้อน เสียใจที่พาเขาเข้ามาอยู่ ก็ขอโทษน้ามดขอโทษน้องกราบเท้าพ่อกราบเท้าแม่แล้ว ขอโทษที่นำสิ่งที่ไม่ดีนำคนชั่วมา แหม่มผิดไปแล้วที่นำความหายนะเข้ามา เห็นแล้วก็นึกถึงกรณีของพี่เต็ม เราเหมือนเป็นเซ็นเตอร์นำเขาไปยังคนอื่นๆ”

“มีคนเตือนว่าไปปกป้องนาธานทำไม ยิ่งลูกศิษย์นี่ปริ้นมาให้ดูเลย โดยเฉพาะข่าวของผู้จัดการ ปริ้นมาให้ดูเป็นปึ๊กๆ เลย ก็อ่านนะ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแหละ แต่ความสงสารมันมีมากกว่า เพราะมัน(นาธาน)ไม่มีใคร ก็คือว่าหูหนวกตาบอดเพราะความสงสาร ไม่ต้องมาเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ความสงสารต้องดู มันจะนำความหายนะมาสู้ครอบครัวหรือเปล่า ดูครอบครัวแหม่มเป็นตัวอย่าง”

ขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 9 ขวบ 20 บาทก็เอา

"แม่ของครูแหม่ม" รัก "นาธาน" มาก แต่นาธานก็ก้าวร้าวด่า เ - ี้ ย

ครูแหม่ม : “ต๊ะกับต้าเขาจะเหมือนเสนาน้อยของนาธานที่คอยบริการตลอด เวลานาธานอยากได้อะไรก็จะใช้ไปซื้อของส่วนเขาก็รออยู่บนรถ เขาไม่เคยลงไปเอง นอกจากนั้นแล้วก็ยังขอเงินเด็กๆ ด้วย น้องต้านี่จะเติมเงินค่าโทรศัพท์ให้ตลอด บางครั้งก็ขอเงินน้องต้าไปซื้อโรตี 20 บาทก็ยังเอา ขนาดน้องสองหลานอายุ 9 ขวบก็โดน 200”
จังหวะนี้น้องต้ากลับจากโรงเรียนมาพอดี ผู้สื่อข่าวจึงดึงตัวมาสัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว...

นาธานขอเงินน้องต้าไปทำอะไร?
น้องต้า : “ซื้อโรตีครับ”
เราให้ไปเท่าไหร่?
น้องต้า : “ร้อยนึงครับ”
แล้วนาธานคืนต้ามั้ย?
ต้า : ....(เงียบ) (น้ามดพูดแทรก คืนบ้างไม่คืนบ้าง มีครั้งนึงเขาโมโห เขาไปทวงเงินนาธาน บอกเอาเงินกูมา)
ครูแหม่ม : ตอนนั้นเขาโกรธนะ ถ้าไม่โกรธไม่ทวง
น้ามด : “ตอนนั้นคงรักพี่นาธาน เป็นทหารเอกคอยซื้อของให้นาธานกับไอ้อ้วน(น้องต๊ะ ลูกชายคนกลาง) แต่ถ้าน้ามดว่างก็จะเป็นคนไปกับนาธานเอง เพราะป็นคนลงไปซื้อของให้ ทุกคนมีน้ำใจกับเขาหมด”

“น้าต่าย” ช่างเสริมสวยญาติ “ครูแหม่ม” ที่ “นาธาน” เคยไปใช้บริการทำสวยเป็นประจำ ก็โดนยืมเงินเหมือนกัน


น้าต่าย : “เห็นข่าวเขาตั้งแต่แรกก็ไม่อยากยุ่งกับเขา เพราะเชื่อว่าเป็นจริงเพราะเห็นแม่บ้านเป็นลมซะขนาดนั้น ก็จะเป็นคนที่คอยเตือนน้ามดว่าให้ระวังตัวให้ดี และก็เตือนทุกๆ คนแต่ก็ไม่มีใครฟัง นาธานเขาเป็นคนที่รักสวยรักงามก็เคยมาโกรกผมที่นี่ แต่ตอนหลังมาขอยืมเงินไป 2 พันแล้วไม่เอามาคืนก็ไม่มาอีกเลย แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่อยากทวงหรอกก็คิดว่าให้ๆ เขาไป แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาสั่งแอมเวย์ บอกจะเอาโน่นเอานี่รวมแล้วเป็นหมื่น เราก็บอกว่าไม่มีเงินให้เอาเงินมาก่อน เขาก็บอกจะโอนเงินให้วันจันทร์ เราก็คิดว่าทำไงดี กลัวว่าจะไม่ได้คืนเงินก็ไม่มีด้วยแหละ ก็เลยบอกไม่ได้ถ้าจะเอาต้องเอาเงินสดมา ก็เลยไม่ได้เสียเงินหมื่น”


บ้านครูแหม่มที่ถูก "นาธาน" มารื้อแปลนสร้างใหม่เป็นบ้านทรงประหลาด


พระเกือบตกเป็นเหยื่อ โดนเรียกเงินทำเครื่องกระจายเสียง 4 หมื่น


ครูแหม่ม : “เขาเคยไปคุยกับหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่งบอกจะทำสถานีวิทยุกระจายเสียงให้ ใช้เงิน 7 หมื่น แต่จ่ายแค่ 4 หมื่นก่อน แต่พอดีพระท่านคงรู้ตัวก่อนก็เลยไม่ได้ให้ คือรู้มาว่าเขาไปทำห้องน้ำถวายวัด แล้ววันนึงก็มีคนมาทวงค่าสี 5 พัน นาธานก็บอกให้มาเอากับแม่ ให้มารวมกับยอดบ้าน ส่วนอีกคนก็มาทวงค่าห้องน้ำกับยาย 1 หมื่น แต่ไม่ได้ให้ เพราะไม่รู้เรื่องให้ไปทวงกับนาธานเอง เพราะบ้านเราไม่ได้ยุ่งตรงนี้”

นอกจากนั้นแล้วแหล่งข่าวคนหนึ่งก็ยังได้เปิดเผยกับบันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ด้วยว่า ขณะที่อยู่เชียงคานนั้น นาธาน โอร์มาน ผู้นับถือศาสนาอิสลามและไม่กินหมู แต่ค่อนข้างเข้านอกออกในวัดแห่งหนึ่งในเชียงคานบ่อยมาก และมีความสนิทสนมกับเด็กวัดคนหนึ่งถึงขั้นพามานอนที่บ้านบ่อยครั้ง

ครบสูตรทำร้ายผู้มีพระคุณ ด่าคนแก่ หลอกเงินเด็ก ตุ๋นเงินพระ....

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“แม่บุญธรรม” พาญาติแจ้งความแล้ว เผยโดน “นาธาน” หลอกทั้งโคตร ทิ้งแต่ กกน.ไว้ให้ดูต่างหน้า

“แม่บุญธรรม” พาญาติไปแจ้งความแล้ว เผย โดน “นาธาน” หลอกทั้งบ้าน พ่อแม่โดนหลอกให้ขายวัวขายควาย น้าโดนไป 7 แสน ขนาดเด็กก็ยังหลอกเอาเงินไปซื้อโรตี สุดแสบเหลือแต่ กกน.ให้ดูต่างหน้า
 
กางเกงในที่นาธานทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

จากที่เคยรักกันปานจะกลืนกิน ถึงขั้นเอาตำแหน่งหน้าที่การงานมารับประกัน “นาธาน โอร์มาน” ไม่ว่านาธานจะมีเรื่องกับใคร “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมสุดที่รักของนาธาน ก็จะตามไปปกป้องเสมอ หลายๆ คนคงจะจำกันได้ดีกับวีรกรรมรักลูกบุญธรรมสุดตัวในกรณี “แม่บ้านสมาน สุขเสริม”

แต่ล่าสุด เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับแม่บ้านสมาน และครอบครัวก็มาเกิดกับครอบครัวของครูแหม่มจนได้ หลังจากที่ครูแหม่มพานาธานมาอยู่ที่เชียงคาน บ้านเกิดของครูแหม่ม เพื่อจะลงหลักปักฐานสร้างรีสอร์ตให้นาธานเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายครอบครัวของครูแหม่มเองกลับจบเห่ พ่อแม่ก็โดนหลอกให้ขายวัวขายควาย “สิทธิพร โคตรอุดมพร” หรือ “น้ามด” ญาติของครูแหม่ม ก็โดนหลอกให้เอาเงิน 7 แสนกว่าบาทโดยอ้างว่าจะไปทำทัวร์ และอีกหลายคนที่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวเพราะไม่อยากจะมีเรื่องมีราว

และเมื่อเช้านี้เวลา 09.00 น.ครูแหม่ม และน้ามด ก็ได้เดินทางมาที่ สภ.เชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงกับนาธาน โดยน้ามดได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า......
“วันนี้จะมาแจ้งความ ว่า นาธาน ฉ้อโกง เขาบอกว่า จะพาไปทำทัวร์ต่างประเทศ เราก็เอาเงินสดใส่มือเขาเลย ไม่มีหลักฐานอะไรเลย เขามีแต่บอกว่าเอาเงินมาให้ และเขาจะเป็นคนทำ จะติดต่อประเทศนั้นประเทศนี้เอง จะเอาเงินไปเสียภาษี เราก็ทำอะไรไม่เป็น เขาก็เป็นคนดำเนินเรื่องหมด หนังสือเราก็เขียนไม่ค่อยได้ ก็เลยไม่มีหลักฐานอะไร มีแต่โฉนดนี่แหละ เอาโฉนดเอาบ้านไปจำไว้ 2.4 แสน และก็ไปขายที่อุทัยธานี 1 แสนกว่าบาท แล้วก็ไปยืมประกันชีวิตของออมสิน 1.4 แสน เปียแชร์อีก 1 แสน เขาชวนว่า จะไปทำทัวร์ต่างประเทศเกือบ 20 ประเทศ เขาบอกว่า เรารวยกันสองคนนะ ไม่ต้องไปบอกลูกไม่ต้องไปบอกแม่แหม่ม เขาเอาไปตั้งแต่หลังสงกรานต์ และก็มาเรื่อยๆ”

“ระหว่างนั้นก็จะมีผู้หญิงบอกว่า ชื่อ คุณก้อย เป็นคนโทร.มาประสานงาน เขาจะคอยโทร.มาบอกว่า ตอนนี้มีทัวร์เข้าแล้วนะ 20 คน มาจากประเทศเนปาล ออสเตรเลีย 30 คน ต้องใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ เขาก็บอกว่า ให้เอาเงินให้นาธานไปเลย นาธานจะเอาเงินไปจองตั๋ว และดำเนินการทุกอย่าง เราก็หาเงินให้เขา”

“พอทำไปซักพัก เราก็บอกว่า ไม่มีตังค์แล้ว อยากจะหยุดทำแล้ว นาธาน ก็บอกว่า ถ้าไม่ปิดจ็อบทัวร์ก็จะไม่ได้งานที่ลงทุนไป สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่าจะเอาบ้านไปจำ ร้อยละ 4 เพราะเขาบอกว่า อีก 12 วันจะได้ตังค์คืนหมดเลย รวมแล้วเขาเอาเงินไปทั้งหมด 7 แสนกว่าบาท เราช่วยเหลือเขาตั้งแต่เรื่องของคุณเต็ม สร้อยคอก็ถอดไปจำนำให้ นี่ไม่รวมที่ให้ไปแบบเสน่หาให้ทีละ 500 ทีละ 1,000 ไม่คิด เพราะตอนนั้นให้เขาด้วยความรัก ให้เขาเพราะตาบอด ยอมรับว่า ตัวเองโง่เพราะอยากรวย พอเขาบอกว่า เราต้องรวยแน่ๆ น้ามด ทำทัวร์รวย เราก็ไม่รู้เรื่องหาเงินให้เขาอย่างเดียว”

“นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังเอาเงินในเอทีเอ็มไปอีก นาธาน บอกว่า เงินเข้าแล้วนะ 340,000 เราก็บอกว่า เราทำไม่เป็น ก็ให้เขาเอาเอทีเอ็มไปกดนะลูกนะ จะเอาเงินไปไถ่บ้าน เราบ้านนอกทำไม่เป็น ปรากฏว่า เงินในบัญชีมี 3,000 บาทเขายังกดเอาไปหมดเลย นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังหลอกให้เราไปค้ำประกันรถให้อีก บอกว่าจะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์รถให้ไปเซ็นค้ำให้”

“พึ่งจะมารู้ความจริงวันที่ 25 เดือนที่ผ่านมานี่แหละ เขาบอกทัวร์เจ๊งแล้วนะน้ามด เงินของเราก็เลยสูญหมด ตอนนี้ไม่มีเงินเลย ต้องหาเงินไปไถ่บ้าน วันนี้ก็ครบวันที่จะต้องจ่ายหนี้บ้านที่ไปจำเดือนละ 8,000 บาท เขาก็บอกว่าเขาจะหาเงินมาใช้ให้ แต่มันรอไม่ได้แล้ว เพราะเราเอาบ้านไปขายฝากมันจะหมดสัญญาวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องมาแจ้งความ”

ด้าน “ครูแหม่ม” เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่เคยปกป้อง “นาธาน” แต่วันนี้ต้องเป็นคนมาแจ้งความซะเอง แฉโดนหลอกทั้งบ้าน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก วอนกลับตัวอย่าไปหลอกคนอื่นอีก
“รู้สึกไม่ค่อยดีที่เคยปกป้อง แต่วันนี้ต้องเป็นคนมาแจ้งความอีก เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ทำให้ครอบครัวเราหายนะ อยากให้นาธานหยุดหลอกลวงคนอื่น อย่าหลอกลวงประชาชน อยากให้เขาตั้งใจทำมาหากิน อย่าไปลอกลวงคนอื่นเลย วาทศิลป์ของเขาอยากให้เอาไปใช้ในทางที่ดี รู้ว่าไม่มีใครสอนเขาได้ แต่อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา”

“น้ามดเขาก็ไม่ได้รวยหาเช้ากินค่ำ เขาดูแลนาธานหาให้กินตั้งแต่เช้ายันค่ำ ดูแลดียิ่งกว่าลูก ขนาดลูกตัวเล็กๆ ของน้ามด ก็ยังเอาเงินให้นาธานไปซื้อโรตีกิน ญาติๆ หลายๆ คนถึงจะมีกระแสข่าวอย่างไรก็ให้กำลังใจเขา เขาบอกโดนหลอกทุกคน ก็บอกว่าไม่เป็นไรก็ให้โอกาสเขา”

“แต่กลับมาทำกันแบบนี้ ตอนนี้น้ามดไปทำงานไม่ได้ เพราะต้องหลบเจ้าหนี้ ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน คนต่างจังหวัดจิตใจดี มีแต่บอกให้เขาสู้นะลูก แต่ทำไมเขาอำมหิตมากเลย มาหลอกเงินหมดเลย เงินค่าเทอมหลาน ขนาดเงินขวัญถุงวันแต่งงานของน้ามดก็เอาไปหมด อยากจะบอกว่าสิ่งที่นาธานทำหยุดได้แล้ว อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเลย รู้ว่าจิตสำนึกนาธานไม่หยุดนิ่งหรอก รู้ว่าเขาคงโกรธครูแหม่ม แต่อยากให้เขาหยุดซักที”

“น้ามดอุตส่าห์รัก เขามีความเอื้ออาทรให้ แต่กลับมาหลอกเขา มาหลอกเขาทำทัวร์พูดอยู่ทุกวัน เขาไม่ทำก็หลอกให้ทำ น้ามดเห็นนาธานทำหน้าเศร้า ไม่มีเงินหรอเอาเงินใส่มือให้ตลอด นาธานงานไม่ได้ทำ ดูดบุหรี่วันละ 3 ซอง ยี่ห้อแพงๆ ขนาดสามีน้ามดยังไม่ได้ดูดเลย อยากจะบอกว่าขอให้เลิกอ้าง ดู๋ สัญญา หรืออ้างใครต่อใครได้แล้วว่าจะมาสัมภาษณ์ นาธาน ไม่มีเงินไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงแล้ว”

“ถามว่าจะอโหสิกรรมให้เขาไหม ก็อโหสิกรรมแน่ แต่คิดดูสิขนาดน้ามดไม่มีเงิน เขาก็ยังให้คุณก้อยโทร.มาขอเงิน 1,400 และพอเกิดเรื่องก็มาบอกว่า น้ามดอยากทำทัวร์เอง หนังสือเขายังอ่านไม่ออกเลยแล้วจะทำได้ยังไง อยากจะฝากบอกนาธานด้วยว่า นาธานไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ไม่ใช่ศิลปิน ไม่ใช่อะไรแล้ว เป็นคนธรรมดาสามัญนี่แหละ อยากให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหยุดหลอกลวงคนอื่นได้แล้ว”

“สำหรับเรื่องหลักฐานที่เราไม่มี ไม่กลัวเรื่องเสียเปรียบหรอก ถึงบางคนจะบอกให้เราจบ เพราะไม่อยากสาวไส้ให้กากิน แต่ไม่อยากให้เขาไปหลอกคนอื่น 1 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อเราก็ยังดีถือว่าเราได้ทำบุญก่อนตาย นาธานเขาไม่ได้หลอกแค่คนรวยคนจน เด็กก็หลอกหมด พ่อแม่ครูแหม่มก็มาหลอก หลอกให้ขายวัว 50,000 เอาไปทำทัวร์ต่างประเทศ”

หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของครูแหม่ม เพื่อบันทึกภาพรีสอร์ตและบ้านของครูแหม่ม ซึ่งก็ได้รับการเปิดเผยสั้นๆ จากแม่ของครูแหม่ม ว่า นาธานหนีไปแล้ว ทิ้งสมบัติไว้ให้ดูต่างหน้าอย่างเดียว คือ กางเกงใน!



รีสอร์ทของนางพิสมัยที่ให้นาธานเป็นคนดูแล