วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

“นาธาน” ปลื้มเป็นดาวในคุก เผย นักโทษชื่นชอบเอ็นเตอร์เทนสุดยอด



“นาธาน” ปลื้มเป็นดาวในคุก นอกจากจะไม่ทุกข์ร้อนแล้วยังปรับตัวได้เร็วกว่านักโทษคนอื่นอย่างน่าประหลาด เผย เพื่อนนักโทษชื่นชอบเอ็นเตอร์เทนสุดยอด สุดเวทนาติดคุกมาครึ่งเดือนไม่มีใครโผล่เยี่ยมไม่มีใครกล้าประกันตัว ด้านทนายโจทก์ เผย หากไม่มีใครประกันตัวก็ต้องติดคุกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะที่ “น้ามด” ลำบากแสนสาหัสประหยัดจนต้องซื้อข้าววัดมากิน แถมลูกผัวต้องปากกัดตีนถีบช่วยกันทำมาหากิน ผุดไอเดียทำขนมไข่หงส์ขาย ตั้งชื่อ “ไข่หงส์น้ามด ไข่เหี้ยนาธาน” เป็นสิ่งเตือนใจอย่าให้หลงเชื่อนาธานอีก
ตั้งแต่ที่ศาลจังหวัดเลยสั่งฟ้อง “นาธาน โอร์มาน” ในคดีฉ้อโกง “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” เป็นจำนวนเงิน 740,000 บาท กระทั่งนาธานถูกส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะไม่ใครมาประกันตัว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า เจ้าของโรงแรมที่พัทยาชื่อ “ต๋อย” เจ้านายของนาธานที่เจ้าตัวเคยไปทำงานด้วยก่อนที่จะติดคุก ได้เดินทางมาทำบุญที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และเตรียมวิ่งเต้นช่วยเหลือนาธาน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงข่าวโคมลอย รวมถึงข่าวที่บอกว่าพ่อแท้ๆ ของนาธานที่อยู่จังหวัดพิษณุโลกกำลังจะหอบเงินมาช่วยลูกชาย หรือแม้แต่ล่าสุดที่ลือกันให้แซดว่า แก๊งกะเทยเชียงคานเพื่อนของนาธานกำลังลงขันกันเพื่อระดมเงิน 2.3 แสน มาช่วยประกันเพื่อนรักออกจากคุก แต่สุดท้ายจนถึงวันนี้นอกจากจะไม่มีใครโผล่มาประกันตัวแล้ว แม้แต่คนมาเยี่ยมก็ยังไม่มี

ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว ที่เจ้าตัวถูกจองจำอยู่ในเรือนจำในฐานะ “นักโทษ” คดีอาญา โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่นาธานถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย เจ้าตัวก็ถูกจับตัดผมเกรียน และใส่ชุดนักโทษตามระเบียบของทัณฑสถาน กระทรวงยุติธรรม และพักอยู่ห้องรวมกับผู้ต้องขังอื่น ๆ ที่เรือนขัง 1/1 ตึก 1 ซึ่งมีผู้ต้องขังรวมประมาณ 100 กว่าคน โดยไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด โดยในครั้งนี้ "นายเกียรติศักดิ์ บัวมาศ" นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพเรือนจำจังหวัดเลย ได้เปิดเผยกับทีมข่าว “บันเทิงASTVผู้จัดการออนไลน์” ถึงชีวิตของอดีตนักร้องจอมอื้อฉาว “นาธาน โอร์มาน” ในวันที่มีคำนำหน้าชื่อว่า “นช.” ว่า…….

“วันแรกที่เขามาก็ไม่เห็นเขาเครียดนะ เห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี เขาก็ตัดผมเกรียนและใส่ชุดนักโทษเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ไม่มีข้อละเว้น เขาก็ยอมทำตามกฎทุกอย่าง ไม่ได้อิดออดอะไร ก็ดูเขาไม่วิตกอะไรนะ หรืออาจจะไม่แสดงออกก็ไม่รู้ เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี เขาดูปรับตัวได้ง่ายกว่านักโทษคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ”

“ตอนนี้เขาต้องอยู่ให้ส่วนของผู้ต้องขังใหม่เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อปรับตัวให้ได้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญของการเข้ามาอยู่ในเรือนจำคือผู้ต้องขังต้องปรับตัวให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตื่น การรับประทานอาหารที่เป็นเวลา มีเวลาบังคับ การใช้ชีวิตที่ขาดอิสรภาพ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เกิดความเครียด หลังจากนั้นก็จะย้ายไปอยู่กับผู้ต้องขังทั่วไป ที่นี่จะแบ่งเป็นสองแดน คือแดนหญิงกับแดนชาย หญิง 700 กว่าคน ชาย 1,000 กว่าคน”

“สถานที่มันแออัดเพราะจำนวนผู้ต้องขังเกินจำนวนที่จำกัดไปเยอะ ห้องนอนก็เป็นห้องกว้างๆ โล่งๆ กว้างประมาณ 25 เมตร ห้องนึงก็นอนประมาณร้อยกว่าคน เรือนจำมีหมอน มีผ้าห่ม มีที่นอนให้ สบู่ แปรงสีฟัน ของใช้ในชีวิตประจำวันเรามีให้ทุกอย่าง เรือนจำมีทีวีให้ดู แต่ผู้ต้องขังเลือกช่องเองไม่ได้ เราจะให้ดูสารคดีแล้วก็บันเทิงบ้าง เนื้อหาต้องไม่ล่อแหลม ดูได้ไม่เกิน 2 ทุ่มเพราะต้องเข้านอน”

“ผู้ต้องขังทุกคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้วปล่อยให้เขาทำธุระส่วนตัว อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เป็นห้องน้ำรวม หลังจากนั้น 8 โมงก็ลงมารับประทานอาหาร ก็ต้องเข้าแถวเพื่อรับอาหารจากทางเรือนจำ ซึ่งก็จะเป็นถาดหลุม กับข้าวมือละ 3 อย่าง ข้างในมีอาหารขาย ก็แล้วแต่ถ้าผู้ต้องขังอยากซื้อทานเองก็ได้ แต่นาธานเขาก็ทานของเรือนจำนะ ยังไม่เห็นเขาซื้อทานเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะสะดวกสบายกว่า หรืออาจจะเพราะไม่มีเงินก็เป็นไปได้ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ เพราะของทั้งหมดของเขาเจ้าหน้าที่เรือนจำจะเป็นคนเก็บไว้ให้ ไม่ให้นำเข้ามาด้วยรวมทั้งเงินก็ไม่ให้เอาเข้ามา ถ้าจะใช้ต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 จะให้เป็นคูปอง”

“ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องมีกิจกรรมทำ นอกจากการสอนวิชาชีพระยะสั้นแล้ว ข้างในยังมีหนังสือให้เรียนมีวุฒิวิชาชีพให้เพื่อที่เวลาเขาออกไปจะได้สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ปวส. ปวช. ปริญญาตรีมีหมด ขึ้นอยู่กับผู้ต้องขังว่าเขาจะไขว่คว้าหรือเปล่า ส่วนการจำแนกการเรียนก็จะดูว่าผู้ต้องขังถนัดและมีความชอบในด้านใด แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เลือกว่าจะทำอะไรนะ คงอีกสักพัก”

“ตั้งแต่โดนส่งตัวมาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย ไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเขานะ ไม่มีใครมาเยี่ยมแล้วก็ไม่มีประกันตัว ผู้ต้องขังชายให้เยี่ยมได้สัปดาห์ละ 3 วัน จันทร์-พุธ-ศุกร์ วันละไม่เกิน 15 นาที คุยผ่านโทรศัพท์ มีกระจกกับลูกกรงกั้น ของเยี่ยมที่ห้ามนำเข้ามาก็เช่นเงินสด วัตถุระเบิด น้ำมันเชื้อเพลิง สิ่งเสพติด ศาสตร์ตราวุธ วัตถุสื่อสาร ภาพลามกอนาจารที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับเรือนจำ ของเน่าเสีย และสิ่งมีชีวิต ประมาณ 11 อย่าง ทางเรือนจำต้องตรวจค้นอย่างละเอียด แต่กรณีของเขายังไม่มีใครมาเยี่ยมก็เลยยังไม่มีปัญหาอะไร ”

“ผมไม่เคยคุยกับเขานะ แต่เท่าที่เห็นเขาก็ดูร่าเริงไม่ทุกข์ร้อนอะไร วันเสาร์กับวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ให้ผู้ต้องขังได้ผ่อนคลายเป็นวันพักผ่อน จะให้เล่นดนตรี เขาก็จะอาสาขึ้นไปร้องเพลง เขาร้องเพราะ เพื่อนๆ ก็จะสนุกสนาน เขาจะเอ็นเตอร์เทนเพื่อน ข้างในก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นดารานะ ก็เห็นว่าเขาร้องเพลงเพราะแค่นั้นแหละ เพื่อนๆ ก็ดูชอบเพราะเขาเข้ากับคนง่าย เขาปรับตัวได้เร็ว เขาจะคุยกับคนโน้นคนนี้ ตั้งแต่เขาเข้ามายังไม่เห็นเขาเครียดเลย (เคยมีดาราติดคุกที่นี่มั้ย?) ไม่มี เขาเป็นคนแรก ก็ถ้าไม่มีใครมาประกันตัว เขาก็จะต้องอยู่ในนี้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด”

ส่วนในกรณีถ้าหากนาธานไม่มีเงินว่าจ้างทนายส่วนตัว เจ้าตัวสามารถทำเรื่องร้องขอกับทางศาลเพื่อขอทนายอาสาได้ ซึ่ง “พิมพ์บุญ พันสวัสดิวง” หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเรือนจำจังหวัดเลย ได้แจกแจงเรื่องนี้ว่า…

“เขาสามารถขอได้ แต่คุณสมบัติต้องยากจน ไม่มีญาติ และไม่มีเงินที่จะต่อสู้คดี และเป็นคดีแรก ไม่เคยต้องโทษมาก่อน และคดีน่าจะชนะ ตรงนี้จะมีเงินจากกระทรวงยุติธรรมในการที่จะมาต่อสู้คดี เพราะเงินตรงนี้จะให้กับคนที่ไม่มีเงินต่อสู้คดีเท่านั้น แต่ของนาธานน่าจะยากเพราะเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงน่าจะมีช่องทางตรงนั้น แต่เขามีสิทธิ์ขอ แต่คณะกรรมการจะต้องพิจารณาก่อน ทนายจะมาจากกระทรวงยุติธรรมส่งมาให้ เพื่อช่วยเหลือโดยที่ผู้ต้องขังไม่ต้องตอบแทนใดๆ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บอกไป ถ้านาธานอยากปรึกษาทนายเรื่องคดีเขาสามารถทำเรื่องขอมาทางเรือนจำได้ แล้วเรือนจำจะประสานเรื่องให้ แต่ต้องเป็นความประสงค์จากเขา แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ร้องขอมา”

พร้อมกันนี้ยังได้รับการเปิดเผยจาก “นางประมัย เสริฐศรี” อายุ 65 ปี นายประกันอาชีพ หน้าศาลจังหวัดเลย นายประกันที่นาธานเคยร้องขอให้ช่วยประกันตัวให้ โดยนางประมัยได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ยอมประกันตัวให้นาธานว่า….

“ยายไม่ได้เป็นอะไรกับนาธาน แต่เป็นนายประกันอาชีพอยู่ที่ศาลจังหวัดเลย ทำมา 11 ปี ยายจะต้องมีหลักทรัพย์ไว้ใช้ในการประกันตัวแล้วก็หักเปอร์เซ็นต์กับคนที่ว่าจ้างแสนละหมื่น วันที่นาธานมาที่ศาล เขาก็เรียกหานายประกันเพราะไม่มีใครมาประกันเขา ศาลก็เลยเรียกให้ยายขึ้นไป พอเห็นว่าเป็นนาธานยายก็กลัว ก็เลยไม่ประกัน หลักทรัพย์ 2.3 แสน จริงๆ หลักทรัพย์ยายก็มีอยู่ แต่ยายกลัวเขาหนีไม่มารายงานตัว กลัวเขาจะหนีคดี ก็เลยไม่กล้าเสี่ยง”

“แต่แกบอกว่าประกันให้หนูหน่อย แกพูดดีคุยดี แต่ดูเครียด ยายก็โกหกว่าหลักทรัพย์ไม่มี(หัวเราะ) แกก็เลยบอกว่าหาคนอื่นให้ได้มั้ย ยายก็เลยเรียกเพื่อนที่รู้จักกันนี่แหละมา แต่เขาก็ไม่เอาเหมือนกัน เขาก็ไม่อยากคุยด้วยซ้ำ แต่ยายขอร้องให้ไปคุยกับนาธานหน่อย สุดท้ายก็ไม่กล้าเหมือนกัน ยายก็ดูข่าว แล้วเพื่อนที่เป็นตำรวจเขาก็เตือนว่าอย่าไปประกันนะ แต่ยายก็ไม่เอาอยู่แล้ว แต่ต้องไปเพราะเขาเรียก ก็สงสาร ขึ้นไปตั้งหลายครั้ง แกก็บอกว่ามีคนอื่นอีกมั้ย ยายลงมาข้างล่างแกก็โทรถามยายตลอดว่ามีคนอื่นอีกมั้ย แกก็ร้อนรน”

“แกบอกว่ามีเงินให้ 7 พัน แต่คดีแกต้องให้ 2.3 หมื่น แกก็ถามว่าจะต้องจ่ายเงินสดเหรอ แล้วก็ไม่รู้โกหกหรือเปล่า บอกว่าเพื่อนจะมาจากชลบุรีแล้วจะเอามาให้อีก แต่ยายไม่เชื่อ ตอนที่เขารู้ว่าไม่มีใครประกันก็ดูซึมๆ หน้าแดงๆ เขาก็อ้อนวอนอยู่นาน ทุกคนที่ไม่ประกันตัวให้เขาเพราะไม่กล้าเสี่ยง ดูแล้วแกหนีแน่นอนอยู่แล้ว แต่แกเป็นคนพูดดีนะ ขนาดแกจะต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำ แกยังบอกอีกว่าคุณยายมีใครอีกมั้ย แกบอกหนูไม่มีใครแล้ว”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น