แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอนนี่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอนนี่ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“แอนนี่” เผยถอนชื่อ “ฟิล์ม” แล้วหายอึดอัด บอกจะพูดความจริงกับลูกทุกอย่าง

“แอนนี่” ยอมถอนชื่อ “ฟิล์ม” จากการเป็นพ่อ “ฑีฆายุ” หลังอีกฝ่ายตกเป็นจำเลยสังคมมาหลายปี บอกตอนนี้สบายใจมากที่ไม่ต้องเสียเงินค่าทนายและหนีนักข่าวอีกแล้ว ที่สำคัญหายอึดอัดซะที ลั่นอนาคตจะพูดความจริงให้ลูกฟังทุกอย่าง ยันยังไม่มีแฟนเพราะเลือกเยอะ แย้มหนุ่มใหม่ต้องใจดี มี 32 ไร่ และต้องเข้ากับลูกตนได้เป็นอย่างดี



ในที่สุดสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ก็ยอมถอนชื่อหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ออกจากการเป็นพ่อน้อง “ฑีฆายุ” แล้ว หลังจากปล่อยให้นักร้องหนุ่มตกเป็นจำเลยสังคมมาเกือบ 3 ปี ทั้งนี้ในวันที่ไปถอนชื่อที่สำนักงานเขตห้วยขวาง ทางด้านของสาวแอนนี่ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยขอตัวกลับอ้างมีธุระ แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงาน The Nine Fashion Week 2012 ณ ศูนย์การค้า The Nine Center พระราม 9 ซึ่งครั้งนี้แอนนี่ยินดีชี้แจง พร้อมเผยหลังถอนชื่อแล้วสบายใจสุดๆ

“ที่ยอมถอนชื่อเพราะมันเป็นไปตามข้อตกลง ที่เราตกลงกันไว้ ก็ยุติหมดแล้วทุกอย่างทุกคดี หมดแล้ว ตอนนี้แฮปปี้ มีความสุขมาก นอนหลับปุ๋ย มีอิสระดี แฮปปี้มากเลย ไม่ต้องเสียค่าทนายแล้ว และที่สำคัญไม่ต้องหนีนักข่าวด้วย ส่วนน้องไม่มีพ่อไม่เป็นไร สบายใจ ขอวีซ่าผ่านฉลุย ไม่ต้องมีชื่อพ่อ เคสอย่างนี้มีทั่วประเทศไทยหลายล้านคน”

“ต่อไปนี้ถ้าเจอเขา ถ้าอะไรก็สามารถร่วมงานกันได้ปกติ ก็มีงานเริ่มติดต่อเข้ามาบ้าง ไม่อยากอะไรมากแล้ว เพราะช่วงนี้ขอเน้นเมคมันนี่ เพราะค่าเทอมลูกแพงเนอะ เทอมละ5 หมื่นบาท เราก็ให้เขาเรียนโรงเรียนที่สอนภาษา ทั้งไทย จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ที่เขา(ฟิล์ม)ให้สัมภาษณ์ว่าเห็นใจเรา ก็ขอบคุณมาก ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกัน พอจบอย่างนี้แล้วกลับรู้สึกดีมากกว่า ไม่อึดอัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้ามีงานอีเวนต์จ้างเราคู่กัน ก็สามารถเจอกันได้ ยินดีมากค่ะ”

“ส่วนงานของน้องยังไม่มีเลย แต่เขาก็เริ่มมีแว่วนะ ชอบแอคติ้งไปเรื่อยๆ แกล้งตายบ้าง ถ้ามีฉากแกล้งตายนี่ติดต่อมาได้เลยนะคะ ลูกแอนนี่ทำได้ อนาคตก็อยากจะส่งเขาเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงนี้ แต่ก็ต้องดูขาก่อน ตอนนี้เขาค่อนข้างซนและไฮเปอร์มาก ยังไม่ค่อยนิ่ง ถ้ามีงานก็กลัวเหมือนกันว่าจะเอาเขาอยู่รึเปล่า เขาจะทำได้ไหม ตอนี้ก็มีงานถ่ายหนังสือเล็กๆ น้อยๆ สำหรับน้อง ก็ต้องช่วยกันนะลูก เรามีกันอยู่สองคน”

ลั่นตอนนี้ยังไม่มีหนุ่มมาดามหัวใจ เพราะเลือกเยอะ แย้มขอใจดี มี 32 ไร่

“ไม่มีค่ะ แต่ถามว่ามีคนเข้ามาไหม มันก็ต้องมีบ้างอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีใครที่จะมาเป็นคนที่พิเศษ ที่เห็นเป็นเพื่อนเก้งกวางบ่างชะนีของแอนนี่รึเปล่า ถ้าจะมีก็มีเข้ามาคุยแต่ไม่ได้เข้ามาจีบ แต่เราก็ยังไม่เปิดใจเนอะ ขอดูๆ ไปก่อน ค่อนข้างต้องเลือกเพราะเราก็ไม่ใช่สาวโสด จริงๆ ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่เลือกได้เท่าไหร่หรอกนะ ต้องดูคนที่ดีที่สุด เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง คนที่เข้ามาน้องต้องชอบ ยังไงเราก็ต้องให้ลูกเราเป็นอันดับหนึ่ง คนที่จะเข้ามาอันดับแรกเขาต้องรักลูกเราอย่างแท้จริง ต้องใจดี ที่สำคัญต้องมี 32 ไร่ (หัวเราะ) พูดเล่นนะ”

“เป็นซิงเกิ้ลมัมแฮปปี้ไม่เหงาค่ะ ตอนนี้เน้นหาเงินให้เยอะที่สุด นี่เตรียมอนุบาลก็ล่อไปเทอมละ 5 หมื่นบาทแล้ว มันแพงมากเลยให้ตายเถอะโรบิ้น ตอนนี้ใครมีงานอะไรเรารับเราทำเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่มีติดต่อเข้ามาเลย ยังไงก็ฝากด้วย หวังว่าอนาคตจะมี แล้วเราเองก็มีธุรกิจของเราอยู่แล้ว ก็จะปั่นให้เต็มที่เพื่อลูก”

“สำหรับอนาคตเขา เราเองก็เตรียมไว้แล้วว่าจะตอบเขายังไงกับเรื่องพวกนี้ เรามีหมดแล้วค่ะ เชื่อว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวมีคำตอบอยู่แล้ว แต่เราไม่จำเป็นต้องมาบอกเล่าผ่านสื่อ เราจะพูดความจริงทุกอย่างให้เขาฟังอย่างไม่ปิดบัง แต่เราขอคุยตามประสาแม่ลูก แอนนี่เองไม่มีพ่อยังอยู่ได้เลย เรามั่นใจในตัวเอง เดินแบบเชิดๆ ไม่เห็นต้องสนใจเลย”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“ฟิล์ม” พ้นมลทิน “แอนนี่” ถอนชื่อเป็นพ่อ “ฑีฆายุ” แล้ว เผยเห็นใจฝ่ายหญิง

“ฟิล์ม” ยิ้มออกพ้นมลทิน “แอนนี่” ยอมถอนชื่อจากการเป็นพ่อ “ฑีฆายุ” แล้ว บอกเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน เผยเห็นใจฝ่ายหญิงทำให้ลืมความโกรธแค้นที่เคยมีมา รับปากจะถอนฟ้องแอนนี่ทุกคดี



หลังจากยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี ในที่สุดก็สิ้นสุดแล้ว เมื่อ “แอนนี่ บรู๊ค” ยอมถอนชื่อ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ออกจากความเป็นพ่อของน้อง “ฑีฆายุ” โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังสำนักงานเขตห้วยขวางเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานเขต มีรายงานว่า ทั้งคู่ต่างไม่มองหน้ากัน หลังเซ็นเอกสารเสร็จ ทางด้านของแอนนี่ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ อ้างรีบไปธุระต่อ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกัน หนุ่มฟิล์มได้เดินทางมาร่วมงานเปิดการแข่งขัน “HomePro Champion ปีที่ 6” ที่ อิมแพค เมืองทองธานี และเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า...

“ก็ตามที่ทนายนัด และก็ศาลนัดนะครับ เพราะทุกอย่างก็เรียบร้อยผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้เขาถอนชื่อเรียบร้อย ทางทนาย และศาลก็มีความเห็นร่วมกันว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร และก็ได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุดแล้ว ทางเขา (แอนนี่) ก็ไม่ได้พูดอะไรครับ เพราะต่างคนต่างรีบ ผมก็รีบมางาน”

“ตอนที่ไปถอนชื่อก็หลังจากที่พบกันก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ หรือเสียใจอะไรเลย ก็รู้สึกว่าเห็นใจเขามากกว่าครับ เพราะว่าเราใช้ระยะเวลา 3 ปีเกือบๆ 3 ปี มันก็เป็นอะไรที่ยาวนานมาก และพอเราเห็นก็มีแต่ความเห็นใจที่มอบให้ เพราะว่าเราก็ทำตามทุกสิ่งทุกอย่าง และให้มันถูกต้องที่สุดจากทุกส่วนทุกฝ่าย ตอนแรกอาจจะมีหลายๆ อารมณ์นะ แต่พอเจอก็รู้สึกว่าก็ได้แต่เห็นใจอย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้ดีใจอะไรเลย”

“ถึงความจริงจะพิสูจน์แล้วว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ที่ผมไม่อยากพูดอะไรอีก เพราะผมว่าอันนี้มันเป็นเรื่องของอารมณ์ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยึดติดอะไรมากนัก แต่พอผมเห็น ผมก็รู้สึกเห็นใจซะมากกว่า มันก็เลยลืมความรู้สึกอื่นไปหมดเลย ส่วนคดีอื่นที่ฟ้องร้องเขา 2 คดี คือ คดีหมิ่นประมาท และคดีผิดสัญญา ทางทนายไปจัดการเรียบร้อยแล้วครับ สิ้นสุดแล้วครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

มาบทดราม่า? “แอนนี่” โพสต์ภาพกอดลูกร้องไห้ผ่าน IG

“แอนนี่” โพสต์ภาพกอดลูกร้องไห้ผ่านขึ้นอินสตาแกรม พร้อมระบุข้อความเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องเจอกับคนพาล-ใจร้ายที่ไม่เคยพอ เงียบหายจากการตกเป็นข่าวมาได้พักหนึ่ง



ล่าสุด ก็ไม่ทราบว่า ทางฟากของนักแสดงม่ายสาว “แอนนี่ บรู๊ค” เกิดรู้สึกท้อแท้อะไรกับชีวิตขึ้นมา หลังเจ้าตัวได้โพสต์ภาพตนเองที่มีสีหน้าเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ โดยมีลูกชายวัย 2 ขวบ “ฑีฆายุ” ขึ้นผ่านทางอินสตาแกรม annie_tkayu

 นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโพสต์ข้อความในทำนองว่ารู้สึกเหนื่อยกับชีวิต ที่ต้องเจอกับคนพาล-คนใจร้าย ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่า สักวันหนึ่งก็จะต้องผ่านเรื่องดังกล่าวไปได้ โดยข้อความดังกล่าว มีใจความว่า...“ก็มีบ้างที่เหนื่อยและแอบร้องไห้ เหนื่อยกับคนพาลและชะตาที่เราสองคนต้องเจอและฟันฝ่า กับคนใจร้ายและไม่พอ พรุ่งนี้ คงผ่านไป”

 โดยหลังจากที่ขึ้นภาพและข้อความดังกล่าวไปได้ไม่นาน ก็ได้มีคนมาแสดงความเห็นพอสมควร โดยที่บางส่วนก็รู้สึกสงสารและเห็นใจนักแสดงม่ายสาว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าเจ้าตัวสร้างกระแสเรียกร้องความน่าเห็นใจ รวมถึงบางส่วนที่บอกว่าไม่น่าจะเอาเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางด้านของนักแสดงสาวเพิ่งจะมีชื่อเป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้งจากที่ทางคู่กรณี “พจน์ อานนท์” ได้ยอมลงข้อความขอโทษหลังถูกฝ่ายแรกฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เธอเองก็เพิ่งจะถูกนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยื่นฟ้องร้องโดยให้เหตุผลว่า นักแสดงม่ายสาวปลอมลายเซ็นตนเอง รวมถึงยังกล่าวในทำนองที่ว่าตนเป็นพ่อของ “ฑีฆายุ” ทั้งๆ ที่ศาลเคยสั่งให้ถอนชื่อตนออกไปแล้วนั่นเอง

 ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“แม่ฟิล์ม” ไม่ขอพูดถึง “แอนนี่” ก่อนขอโทษแฟนคลับแทนลูกชายที่เคยทำผิดไป

“ฟิล์ม” ยุติพูดถึง “แอนนี่” ส่วนคดีปล่อยให้ทนายจัดการ เผยตอนนี้ขอมุ่งมั่นทำงาน ด้าน แม่ฟิล์ม ก็ไม่ขอพูดถึงอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะได้พูดความจริงทุกอย่างไปหมดแล้ว บอกมีอะไรไปว่ากันในชั้นศาล ก่อนขอโทษแฟนคลับแทนลูกชายที่เคยทำอะไรผิดไปจนอาจจะทำให้หลายคนผิดหวัง

หลัง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ฉุนขาด ลุกขึ้นมาฟ้อง “แอนนี่ บรู๊ค” ข้อหาปลอมลายเซ็นไปเซ็นรับเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” และจนถึงตอนนี้ แม้ศาลจะทำข้อตกลงให้มีการถอนชื่อฟิล์มออกจากการเป็นพ่อไปแล้ว ตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว แต่แอนนี่ก็ยังนิ่งเฉย จนเป็นเหตุให้ฟิล์มตัดสินใจยื่นฟ้องอีกฝ่ายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเอกสาร โดยมีการเอาลายเซ็นไปใช้ในการเซ็นเป็นชื่อพ่อของเด็ก เพื่อบังคับตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หลัง แอนนี่ ให้สัมภาษณ์ว่า อย่ามาเรียกร้องความเป็นพ่อภายหลังอีกด้วย ซึ่งศาลก็รับฟ้องแล้วเรียบร้อย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ซึ่งการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุด “ฟิล์ม” ได้แฉด้วยว่า แท้จริงแล้วตนและ “น้องทีฆายุ” ตรวจดีเอ็นเอไปนานแล้ว มีแต่ “แอนนี่” คนเดียวที่ไม่ยอมตรวจ ซึ่งผลก็ชัดเจนว่าตนไม่ใช่พ่อ และรู้ว่าใครเป็นพ่อตัวจริง แต่เปิดเผยไม่ได้เพราะมันโหดร้ายเกินไป ทำเอาเรื่องราวตอนนี้กลายเป็นหนังคนละม้วนกันตอนแรกสิ้นเชิง ล่าสุด หนุ่มฟิล์มควงคุณแม่ “โคมมนต์ โตคงทรัพย์” มาอัดรายการ “ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์” ที่มูนสตาร์สตูดิโอ ย่านลาดพร้าว ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามความคืบหน้า แต่ทางด้านของหนุ่มฟิล์ม และคุณแม่ ออกตัวไม่ขอพูดถึงเรื่องแอนนี่อีก เพราะได้พูดความจริงไปหมดแล้ว ต่อไปขอพูดในชั้นศาลอย่างเดียว

ฟิล์ม : “พูดไม่ได้เลย ผมพูดไปหมดแล้ว และตอนนี้อยู่กับทางทนาย”

แม่ : “เพราะว่าสิ่งที่มีก็พูดไปหมดแล้ว ฉะนั้น ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าพูดอีกแล้ว ทุกอย่างมันเป็นไปตามความเป็นจริง และทุกสิ่งทุกอย่างแม่ก็ได้พูดไปหมดแล้ว และก็มากแล้ว วันนี้ก็ควรจะพอแล้ว ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของศาลที่จะดำเนินเรื่องกันต่อไป จะพูดกันอีกทีที่ศาลค่ะ กับเรื่องนี้แม่รู้สึกสบายๆ ขึ้นเยอะเลย ไม่มีหงุดหงิดค่ะ”

ฟิล์ม : “ผมมีอะไรเราก็ปรึกษากับแม่ทุกเรื่อง ทุกวันนี้ก็ทำแต่งาน”

แม่ : “คือ ตอนนี้ฟิล์มจะหนักในการทำงานมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของทนาย และของศาลที่เขาก็จะแจ้งให้เราทราบเอง ส่วนฟิล์มจะมุ่งทำแต่งาน เพราะตอนนี้ความนึกคิดอยากจะทำงานให้มากๆ ก็อย่างที่พูดไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันเป็นหน้าของทนายและของศาล มันก็จบกันไปด้วยดีค่ะ”

“แม่อยากจะฝากถึงแฟนคลับฟิล์ม อะไรที่ฟิล์มได้ทำผิดพลาดไปบ้าง แม่ก็ขอโทษแฟนคลับด้วย เพราะบ้างครั้งความเป็นเด็กของเขา หรือความขาดสติของเขา อะไรต่างๆ ที่พลาดพลั้งแบบนี้ ก็ต้องขอโทษด้วย ถึงความรู้สึกของทุกๆ คนที่มีต่อฟิล์ม ความรู้สึกที่ดีๆ ของฟิล์ม บางครั้งก็ขาดหายไป แม่ก็ขอโทษแทนลูกด้วยก็แล้วกัน (มีอะไรฝากถึงแอนนี่มั้ย?) ไม่มีค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แอนนี่จบแล้ว ! “ฟิล์ม” แฉตรวจ DNA กับ “ทีฆายุ” แล้ว ชัดเจนไม่ใช่พ่อ

“ฟิล์ม” เผยตรวจ DNA กับ “ทีฆายุ” ไปนานแล้ว ชัดเจนว่าไม่ใช่พ่อ มีแต่ “แอนนี่” คนเดียวที่ไม่ยอมตรวจ และรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เปิดเผยไม่ได้ มันโหดร้ายเกินไป ตอกที่แอนนี่ร่ำไห้อย่ามาเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่อทีหลัง คงไม่ได้หมายถึงตน






ทำเอาเดือดพล่านเลยทีเดียว สำหรับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” หลังเจอ “แอนนี่ บรู๊ค” เล่นแง่ไม่ยอมถอนชื่อออกจากการเป็นพ่อของ “น้องทีฆายุ” แถมยังบอกแบบไม่รู้อนาคตอีกว่า จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของทนาย ก่อนจะตอกกลับฝ่ายชายทำนองว่า หากสำนึกได้ก็อย่ามาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อทีหลังก็แล้วกัน เล่นทิ้งระเบิดให้เกิดความเคลือบแคลงแบบนี้ งานนี้ทางฝ่ายของหนุ่มฟิล์มก็เลยนั่งไม่ติด ลุกขึ้นมาฟ้องแอนนี่ทันที

โดยในช่วงสายของวันนี้ (10 ก.ค.) ฟิล์มได้ส่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ รต.ดร.สุรพล สินธุนามา ซึ่งเป็นทนายความส่วนตัว ให้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นตัวแทนยื่นฟ้อง “แอนนี่” ในกรณีที่ผิดสัญญาและข้อตกลงที่มีไว้กับศาลจังหวัดธัญญบุรี ว่าให้ถอนชื่อของนักร้องดังออกจากการเป็นพ่อ น้องฑีฆายุ ตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนก่อน

ซึ่งผลปรากฏว่า ทางศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นที่เรียบร้อย และนัดไกล่เกลี่ยคู่กรณีในวันที่ 30 ส.ค.นี้ นอกจากนี้ ทางทนายความตัวแทนยังได้เผยด้วยว่า ทางฟิล์มได้เตรียมฟ้องอีกฝ่ายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเอกสาร โดยมีการเอาลายเซ็นไปใช้ในการเซ็นเป็นชื่อพ่อของเด็ก รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หลัง แอนนี่ ให้สัมภาษณ์ว่า อย่ามาเรียกร้องความเป็นพ่อภายหลังอีกด้วย สำหรับคดีนี้จะใช้เวลาในการดำเนินการและตัดสินไม่เกินสิ้นปี ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาต่อ

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ฟิล์มไม่ได้ใช้ทนายของอาร์เอสเหมือนเช่นเคย แต่ได้จ้างทนายความส่วนตัวมาดำเนินการเอง โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากรบกวนทางค่ายต้นสังกัด จึงอยากจัดการเอง

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางด้านของหนุ่ม “ฟิล์ม” ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวซิงเกิลใหม่ “แฮปปี้ เฮิร์ทเดย์” ที่ สยามดิสคัพเวอรี่ หลังร้างไมค์ไปกว่า 2 ปี งานนี้นอกจากจะได้เปิดใจฟิล์มเรื่องคดีที่ยังคาราคาซังแล้ว ยังได้อัพเดทผลงานเพลงชิ้นล่าสุดด้วยว่า....

“สำหรับเพลง Happy Hurtday ก็ฝากให้ทุกคนคอยฟังด้วยนะครับ และอยากให้ทุกคน ได้ฟังกัน เป็นแนวป๊อบ ฮิปฮอปครับ และอยากให้เพลงนี้ไปอยู่ในปาร์ตี้ของทุกคนครับ ถ้าเฮิร์ตอย่าไปเฮิร์ตเลยครับ มาสนุกกันดีกว่า เพลงนี้ผมดึงพี่ลาล่า โปงลางสะออน มาร่วมฟีเจอริ่งด้วย เพราะผมว่าเขามีเสียงที่ดีอยู่แล้ว แล้วก็ตลกดี เขาพูดภาษาอังกฤษได้ตลกดี และอีกอย่างอยากจะขยายตลาดอีกกลุ่ม แล้วเพลงนี้ก็เหมาะกับเขาด้วย”

“ไม่เกี่ยวกับว่ากลัวแฟนเพลงน้อยหรืออะไร แค่อยากให้เพลงมันออกมาสนุกมากกว่า แล้วโตขึ้นก็เลยอยากจะทำเพลงให้มันแมสขึ้น และอยากจะเจาะกลุ่มหลายๆ กลุ่มครับ กระแสตอบรับของเพลงนี้ พอปล่อยซิงเกิลไป ก็ได้รับการโหลด และมีคนดูเยอะครับ ก็ดีใจ น้องๆ แฟนคลับร้องตามได้แล้ว ก็ดีใจครับ”

ทำไมต้องเป็นเฮิร์ต เพราะเราเฮิร์ตหรือเปล่า?
“อ๋อไม่เกี่ยวเลยครับ ก็แค่อยากให้เป็นแบบว่า ทำไมคนอกหักต้องเฮิร์ตด้วย ทำไมถึงไม่สนุกไปด้วย จะเศร้ากันไปทำไม คนที่มีความทุกข์สามารถมีความสุขได้กับเพลงนี้ครับ ส่วนเอ็มวีก็เป็นซีรี่ย์ ก็มีความยาว 13 นาทีครับ ผมอยากให้มันดูเป็นซีรี่ย์เล็กๆ เรื่องนึงครับ ที่ทำให้คนดูเขาดูแล้วสนุกยิ้มได้ครับ 13 นาทีดูแล้วไม่น่าเบื่อครับ”

ไม่ได้หวังสูงมากว่าต้องกลับมาเปรี้ยงเหมือนเดิม ขอแค่มีคนฟังมีความสุขก็ดีใจแล้ว

“อย่างแรกเลย คือ อยากให้คนชอบและก็ฟัง ฟังแล้วมีความสุข แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ ส่วนความคาดหวังผมก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ เพราะว่าอัลบั้มนี้ก็เต็มที่มากๆ และเปลี่ยนแนวไปเยอะเหมือนกันครับ ต่างจากเมื่อก่อน ที่ร้องแร็พอย่างเดียวมาเป็นป๊อบธรรมดาแล้วครับ”

เปิดใจเรื่องเพลงที่หายไปเกือบ 2 ปี ให้แฟนๆ หายคิดถึงแล้ว หนุ่ม “ฟิล์ม” ก็ได้แจกแจงกรณีส่งทนายยื่นฟ้อง “แอนนี่ บรู๊ค” ไม่ถอนชื่อจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ด้วยว่า ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของตนคนเดียว แต่เป็นคำแนะคำของทนายด้วย

“มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจของผมคนเดียว ทางทนายเขาแนะนำมาครับ เรื่องมันนานแล้ว แล้วมันก็ไม่มีความคืบหน้าในทางใดทางหนึ่งสักทีนะครับ ทางทนายก็แนะนำว่าน่าจะเป็นรูปแบบนี้ เราก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องความถูกต้องให้ชัดเจนที่สุด ผมแคร์สังคมครับ และแคร์ครอบครัวครับ แล้วก็ตัวเองด้วย”

“ที่ตัดสินใจฟ้อง เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้นะครับ ออกมาจากศาลเป็นข้อตกลงที่ศาลท่านบอกมานะครับ ก็หลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ก่อนที่ทนายจะไปทำไรก็ยื่นโนติสก่อนครับ แต่ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร แล้วล่าสุดที่ผมออกมาพูดเมื่อไม่กี่เดือนนี้ ก็วันนี้ไม่มีความคืบหน้าต่อ ผมก็เห็นว่ามันยังเรื้อรังอยู่ เมื่อไหร่จะชัดเจน ถอดชื่อผมออก ทนายก็เลยให้คำแนะนำมาว่าควรทำในรูปแบบนี้”

“แล้วอีกฝ่ายไม่มีการตอบรับอะไรมาเลย ไม่ติดต่อมาเลย (อีกฝ่ายบอกพยายามติดต่อฟิล์มแล้ว?) ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะมันน่าจะมีเหตุและผลที่จะทำอะไร ผมว่าทนายเขาจะฟ้องต้องยื่นโนติสไปก่อนนะครับ แต่ว่าไม่มีการตอบกลับมาอยู่ดี เขาไม่ต้องรอผมหรอกครับ เขาต้องไปทำเอง”

“ฟิล์ม” พยายามติดต่ออีกฝ่ายไหม?
“ไม่ใช่หน้าที่ฟิล์มนะ เป็นทนายอย่างเดียว”

เป็นไปได้ไหมที่ตอนพูดในศาลครั้งก่อนไม่ได้ระบุระยะเวลา?
“ไม่เกี่ยวครับ (ครั้งนี้ระบุระยะเวลาไหม ว่าต้องมาถอนชื่อฟิล์มเมื่อไหร่?) ผมไม่ทราบต้องขึ้นอยู่กับทนายครับ บางทีก็เป็นเรื่องที่เซนส์ซิทีฟเหมือนกันครับ ผมดันอยู่ฝั่งผู้ชาย แต่ทางทนายดำเนินการครับ ตอนนี้ศาลรับฟ้องแล้วครับ ก็รับเรียบร้อย ตอนนี้คือหนึ่งเลย คือชื่อยังไม่ได้ถอน ความคืบหน้าก็ยังไม่มีเท่านี้ครับ ก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว ผมเบื่อนะครับ แต่ไม่ได้นิ่งเฉยก็ทำให้ดีที่สุด”

บอกถ้า “แอนนี่” จะตอบโต้กลับตนก็จะให้ทนายเป็นคนจัดการ

“ในส่วนตัวผมเป็นเรื่องของทนายมากกว่า ในส่วนตัวผมมีหน้าที่ทำเพลงให้ดีที่สุด ทำงานถ่ายละครถ่ายหนังให้แฟนๆ ได้ดูดีที่สุด ถ้าผมมัวแต่ไปเครียดกับเรื่องพวกนี้ ผมคงก้าวไปไกลไม่ได้ แล้วทุกอย่างมันชัดเจนมากแล้ว แล้วก็รู้อยู่แล้ว ให้มันถูกต้องรีบให้ชัดเจนที่สุดแค่นั้นเองครับ พูดอะไรมากไม่ได้”

เห็นทนายบอกว่าการฟ้องร้องนี้ “ฟิล์ม” พร้อมที่จะตรวจดีเอ็นเอด้วย?
“พร้อมนานแล้วครับ ไม่เห็นต้องสงสัยเลย”

จะมีการยื่นให้ตรวจดีเอ็นเอด้วยไหม?
“ในทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามระบบของศาล นานแล้วครับ ให้มันชัดเจนสักที (ที่ผ่านมายังไม่มีการตรวจ?) ก็มีครับ ก็มีแค่ผมกับเด็ก แต่ผู้หญิงบังคับอะไรไม่ได้ (นานรึยัง?) นานแล้วครับ (ตั้งแต่คดีจบไป?) นานแล้วครับ คดีจบนานแล้ว ทุกวันนี้ที่พูดใหม่คือเรื่องยังไม่ได้ถอนนะครับ มันมีอยู่แค่ตรงนี้เอง ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลยครับ ผมไม่คิดอะไรแล้ว”

“ถ้าเขาถอนชื่อก็จบ ผมต้องการแค่นั้นแหละครับ หาความถูกต้องให้กับผมบ้าง ตอนเซ็นชื่อก็ปลอมลายเซ็นผมไปเซ็นนะครับ แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ วันนี้ต้องทำให้มันถูกต้องหน่อย จะได้ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีก ส่วนจะฟ้องเรื่องปลอมลายเซ็นด้วยหรือเปล่านั้น ผมแล้วแต่ทนายครับ ถามไปก็ไม่มีอะไรแล้ว มีเรื่องนี้อย่างเดียว แค่ถอดชื่อผมออกไปแค่นี้ก็จบแล้วครับ”

“แต่ผมไม่ได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนะครับ ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรอยู่แล้ว ฟ้องเขาคงไม่ดูรุนแรงหรอกครับ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบมากกว่า แต่อาจจะเป็นเพราะสังคมทำให้ดูรุนแรงมากกว่า เพราะผมก็ได้อะลุ่มอล่วยให้เขาไปแล้วครับ”

ส่วนเรื่องที่ “แอนนี่” ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าต่อไปสำนึกได้ อย่ามาขอเป็นพ่อแล้วกัน “ฟิล์ม” บอกตลกสิ้นดี

“ก็ฟังดูแล้วตลกครับ แต่คงคิดว่า เขาคงไม่ได้พูดกับฟิล์มครับ น่าจะคุยกับคนอื่น”

แสดงว่าเราความมั่นใจแน่ๆ ว่าน้องไม่ใช่ลูก?
“นานแล้วครับๆ”

มีคนสงสัยว่าในเมื่อ “ฟิล์ม” รู้ว่าพ่อที่แท้จริงเป็นใคร ทำไมไม่พาออกมาเลย?
“โอ้..มันคงจะรุนแรงเกินไปในสังคมบ้านเมืองเรานะครับ แล้วแต่ความรับผิดชอบละกันครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“ฟิล์ม” แฉอีกดอก! ตน และ “ทีฆายุ” ตรวจ DNA ไปนานแล้ว แต่ “แอนนี่” ไม่ยอมตรวจ

“ฟิล์ม” เฮ! ศาลรับฟ้องคดียื่นฟ้อง “แอนนี่” ไม่ยอมถอนชื่อเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” สุดฉุนแอนนี่ปลอมลายเซ็น ไปใช้ในการเซ็นเป็นพ่อของเด็ก ลั่นวันนี้ขอเรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเอง เจ้าตัวเผยอีกดอก! อันที่จริงตน และ “ทีฆายุ” ตรวจ DNA ไปนานแล้ว มีแต่ “แอนนี่” คนเดียวที่ไม่ยอมตรวจ

ทำเอาเดือดพล่านเลยทีเดียว สำหรับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” หลังเจอ “แอนนี่ บรู๊ค” เล่นแง่ไม่ยอมถอนชื่อออกจากการเป็นพ่อของ “น้องทีฆายุ” แถมยังบอกแบบไม่รู้อนาคตอีกว่า จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของทนาย ก่อนจะตอกกลับฝ่ายชายทำนองว่า หากสำนึกได้ก็อย่ามาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อทีหลังก็แล้วกัน เล่นทิ้งระเบิดให้เกิดความเคลือบแคลงแบบนี้ งานนี้ทางฝ่ายของหนุ่มฟิล์มก็เลยนั่งไม่ติด ลุกขึ้นมาฟ้องแอนนี่ทันที

โดยในช่วงสายของวันนี้ (10 ก.ค.) ฟิล์มได้ส่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ รต.ดร.สุรพล สินธุนามา ซึ่งเป็นทนายความส่วนตัว ให้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นตัวแทนยื่นฟ้อง “แอนนี่” ในกรณีที่ผิดสัญญาและข้อตกลงที่มีไว้กับศาลจังหวัดธัญญบุรี ว่าให้ถอนชื่อของนักร้องดังออกจากการเป็นพ่อ น้องฑีฆายุ ตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนก่อน

ซึ่งผลปรากฏว่า ทางศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นที่เรียบร้อย และนัดไกล่เกลี่ยคู่กรณีในวันที่ 30 ส.ค.นี้ นอกจากนี้ ทางทนายความตัวแทนยังได้เผยด้วยว่า ทางฟิล์มได้เตรียมฟ้องอีกฝ่ายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเอกสาร โดยมีการเอาลายเซ็นไปใช้ในการเซ็นเป็นชื่อพ่อของเด็ก รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หลัง แอนนี่ ให้สัมภาษณ์ว่า อย่ามาเรียกร้องความเป็นพ่อภายหลังอีกด้วย สำหรับคดีนี้จะใช้เวลาในการดำเนินการและตัดสินไม่เกินสิ้นปี ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาต่อ

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ฟิล์มไม่ได้ใช้ทนายของอาร์เอสเหมือนเช่นเคย แต่ได้จ้างทนายความส่วนตัวมาดำเนินการเอง โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากรบกวนทางค่ายต้นสังกัด จึงอยากจัดการเอง

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางด้านของหนุ่ม “ฟิล์ม” ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวซิงเกิลใหม่ “แฮปปี้ เฮิร์ทเดย์” ที่ สยามดิสคัพเวอรี่ หลังร้างไมค์ไปกว่า 2 ปี งานนี้นอกจากจะได้เปิดใจฟิล์มเรื่องคดีที่ยังคาราคาซังแล้ว ยังได้อัพเดทผลงานเพลงชิ้นล่าสุดด้วยว่า....

“สำหรับเพลง Happy Hurtday ก็ฝากให้ทุกคนคอยฟังด้วยนะครับ และอยากให้ทุกคน ได้ฟังกัน เป็นแนวป๊อบ ฮิปฮอปครับ และอยากให้เพลงนี้ไปอยู่ในปาร์ตี้ของทุกคนครับ ถ้าเฮิร์ตอย่าไปเฮิร์ตเลยครับ มาสนุกกันดีกว่า เพลงนี้ผมดึงพี่ลาล่า โปงลางสะออน มาร่วมฟีเจอริ่งด้วย เพราะผมว่าเขามีเสียงที่ดีอยู่แล้ว แล้วก็ตลกดี เขาพูดภาษาอังกฤษได้ตลกดี และอีกอย่างอยากจะขยายตลาดอีกกลุ่ม แล้วเพลงนี้ก็เหมาะกับเขาด้วย”

“ไม่เกี่ยวกับว่ากลัวแฟนเพลงน้อยหรืออะไร แค่อยากให้เพลงมันออกมาสนุกมากกว่า แล้วโตขึ้นก็เลยอยากจะทำเพลงให้มันแมสขึ้น และอยากจะเจาะกลุ่มหลายๆ กลุ่มครับ กระแสตอบรับของเพลงนี้ พอปล่อยซิงเกิลไป ก็ได้รับการโหลด และมีคนดูเยอะครับ ก็ดีใจ น้องๆ แฟนคลับร้องตามได้แล้ว ก็ดีใจครับ”

ทำไมต้องเป็นเฮิร์ต เพราะเราเฮิร์ตหรือเปล่า?
“อ๋อไม่เกี่ยวเลยครับ ก็แค่อยากให้เป็นแบบว่า ทำไมคนอกหักต้องเฮิร์ตด้วย ทำไมถึงไม่สนุกไปด้วย จะเศร้ากันไปทำไม คนที่มีความทุกข์สามารถมีความสุขได้กับเพลงนี้ครับ ส่วนเอ็มวีก็เป็นซีรี่ย์ ก็มีความยาว 13 นาทีครับ ผมอยากให้มันดูเป็นซีรี่ย์เล็กๆ เรื่องนึงครับ ที่ทำให้คนดูเขาดูแล้วสนุกยิ้มได้ครับ 13 นาทีดูแล้วไม่น่าเบื่อครับ”

ไม่ได้หวังสูงมากว่าต้องกลับมาเปรี้ยงเหมือนเดิม ขอแค่มีคนฟังมีความสุขก็ดีใจแล้ว

“อย่างแรกเลย คือ อยากให้คนชอบและก็ฟัง ฟังแล้วมีความสุข แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ ส่วนความคาดหวังผมก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ เพราะว่าอัลบั้มนี้ก็เต็มที่มากๆ และเปลี่ยนแนวไปเยอะเหมือนกันครับ ต่างจากเมื่อก่อน ที่ร้องแร็พอย่างเดียวมาเป็นป๊อบธรรมดาแล้วครับ”

เปิดใจเรื่องเพลงที่หายไปเกือบ 2 ปี ให้แฟนๆ หายคิดถึงแล้ว หนุ่ม “ฟิล์ม” ก็ได้แจกแจงกรณีส่งทนายยื่นฟ้อง “แอนนี่ บรู๊ค” ไม่ถอนชื่อจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ด้วยว่า ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของตนคนเดียว แต่เป็นคำแนะคำของทนายด้วย

“มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจของผมคนเดียว ทางทนายเขาแนะนำมาครับ เรื่องมันนานแล้ว แล้วมันก็ไม่มีความคืบหน้าในทางใดทางหนึ่งสักทีนะครับ ทางทนายก็แนะนำว่าน่าจะเป็นรูปแบบนี้ เราก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องความถูกต้องให้ชัดเจนที่สุด ผมแคร์สังคมครับ และแคร์ครอบครัวครับ แล้วก็ตัวเองด้วย”

“ที่ตัดสินใจฟ้อง เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้นะครับ ออกมาจากศาลเป็นข้อตกลงที่ศาลท่านบอกมานะครับ ก็หลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ก่อนที่ทนายจะไปทำไรก็ยื่นโนติสก่อนครับ แต่ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร แล้วล่าสุดที่ผมออกมาพูดเมื่อไม่กี่เดือนนี้ ก็วันนี้ไม่มีความคืบหน้าต่อ ผมก็เห็นว่ามันยังเรื้อรังอยู่ เมื่อไหร่จะชัดเจน ถอดชื่อผมออก ทนายก็เลยให้คำแนะนำมาว่าควรทำในรูปแบบนี้”

“แล้วอีกฝ่ายไม่มีการตอบรับอะไรมาเลย ไม่ติดต่อมาเลย (อีกฝ่ายบอกพยายามติดต่อฟิล์มแล้ว?) ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะมันน่าจะมีเหตุและผลที่จะทำอะไร ผมว่าทนายเขาจะฟ้องต้องยื่นโนติสไปก่อนนะครับ แต่ว่าไม่มีการตอบกลับมาอยู่ดี เขาไม่ต้องรอผมหรอกครับ เขาต้องไปทำเอง”

“ฟิล์ม” พยายามติดต่ออีกฝ่ายไหม?
“ไม่ใช่หน้าที่ฟิล์มนะ เป็นทนายอย่างเดียว”

เป็นไปได้ไหมที่ตอนพูดในศาลครั้งก่อนไม่ได้ระบุระยะเวลา?
“ไม่เกี่ยวครับ (ครั้งนี้ระบุระยะเวลาไหม ว่าต้องมาถอนชื่อฟิล์มเมื่อไหร่?) ผมไม่ทราบต้องขึ้นอยู่กับทนายครับ บางทีก็เป็นเรื่องที่เซนส์ซิทีฟเหมือนกันครับ ผมดันอยู่ฝั่งผู้ชาย แต่ทางทนายดำเนินการครับ ตอนนี้ศาลรับฟ้องแล้วครับ ก็รับเรียบร้อย ตอนนี้คือหนึ่งเลย คือชื่อยังไม่ได้ถอน ความคืบหน้าก็ยังไม่มีเท่านี้ครับ ก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว ผมเบื่อนะครับ แต่ไม่ได้นิ่งเฉยก็ทำให้ดีที่สุด”

บอกถ้า “แอนนี่” จะตอบโต้กลับตนก็จะให้ทนายเป็นคนจัดการ

“ในส่วนตัวผมเป็นเรื่องของทนายมากกว่า ในส่วนตัวผมมีหน้าที่ทำเพลงให้ดีที่สุด ทำงานถ่ายละครถ่ายหนังให้แฟนๆ ได้ดูดีที่สุด ถ้าผมมัวแต่ไปเครียดกับเรื่องพวกนี้ ผมคงก้าวไปไกลไม่ได้ แล้วทุกอย่างมันชัดเจนมากแล้ว แล้วก็รู้อยู่แล้ว ให้มันถูกต้องรีบให้ชัดเจนที่สุดแค่นั้นเองครับ พูดอะไรมากไม่ได้”

เห็นทนายบอกว่าการฟ้องร้องนี้ “ฟิล์ม” พร้อมที่จะตรวจดีเอ็นเอด้วย?
“พร้อมนานแล้วครับ ไม่เห็นต้องสงสัยเลย”

จะมีการยื่นให้ตรวจดีเอ็นเอด้วยไหม?
“ในทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามระบบของศาล นานแล้วครับ ให้มันชัดเจนสักที (ที่ผ่านมายังไม่มีการตรวจ?) ก็มีครับ ในเรื่องของผม และเด็ก ผู้หญิงบังคับไม่ได้ (นานรึยัง?) นานแล้วครับ (ตั้งแต่คดีจบไป?) นานแล้วครับ คดีจบนานแล้ว ทุกวันนี้ที่พูดใหม่คือเรื่องยังไม่ได้ถอนนะครับ มันมีอยู่แค่ตรงนี้เอง ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลยครับ ผมไม่คิดอะไรแล้ว”

“ถ้าเขาถอนชื่อก็จบ ผมต้องการแค่นั้นแหละครับ หาความถูกต้องให้กับผมบ้าง ตอนเซ็นชื่อก็ปลอมลายเซ็นผมไปเซ็นนะครับ แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ วันนี้ต้องทำให้มันถูกต้องหน่อย จะได้ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีก ส่วนจะฟ้องเรื่องปลอมลายเซ็นด้วยหรือเปล่านั้น ผมแล้วแต่ทนายครับ ถามไปก็ไม่มีอะไรแล้ว มีเรื่องนี้อย่างเดียว แค่ถอดชื่อผมออกไปแค่นี้ก็จบแล้วครับ”

“แต่ผมไม่ได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนะครับ ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรอยู่แล้ว ฟ้องเขาคงไม่ดูรุนแรงหรอกครับ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบมากกว่า แต่อาจจะเป็นเพราะสังคมทำให้ดูรุนแรงมากกว่า เพราะผมก็ได้อะลุ่มอล่วยให้เขาไปแล้วครับ”

ส่วนเรื่องที่ “แอนนี่” ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าต่อไปสำนึกได้ อย่ามาขอเป็นพ่อแล้วกัน “ฟิล์ม” บอกตลกสิ้นดี

“ก็ฟังดูแล้วตลกครับ แต่คงคิดว่า เขาคงไม่ได้พูดกับฟิล์มครับ น่าจะคุยกับคนอื่น”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

“ฟิล์ม” ฉุน! ฟ้อง “แอนนี่” ไม่ถอนชื่อเป็นพ่อ “ทีฆายุ” พร้อมบังคับตรวจDNA

“ฟิล์ม” ฉุน “แอนนี่” เล่นแง่ไม่ยอมถอนชื่อเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ลงทุนจ้างทนายส่วนตัวโดยไม่ใช้ทนายRS ยื่นฟ้องแอนนี่แล้ว พร้อมเตรียมหลักฐานเอาผิดข้อหาหมิ่นประมาท เพื่อบังคับตรวจDNA กรณีอีกฝ่ายบอกอย่ามาทวงสิทธิ์เป็นพ่อภายหลัง

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับคู่กรณี “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับนักแสดงหญิง “แอนนี่ บรู๊ค” หลังฝ่ายชายออกมาเผยอย่างไม่พอใจ ว่า ที่ผ่านมา แม้จะมีการตกลงยอมความกันไปแล้ว ทว่า อีกฝ่ายกลับผิดสัญญาไม่ยอมถอนชื่อตนจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” เสียที แถมยังบอกด้วยว่าตอนนี้หลายคนก็รู้แล้วว่าพ่อที่แท้จริงของเด็กนั้นคือใคร

ขณะที่ฝ่ายหญิงเองก็ออกมาโต้กลับว่า ที่ผ่านมา ตนไม่ได้พูดถึงอีกฝ่ายมาโดยตลอดตามคำที่ได้ตกลงไว้กับศาล แต่ไม่เข้าใจว่า อีกฝ่ายจะมาเปิดประเด็นทำไม ส่วนเรื่องของการถอนชื่อจากการเป็นพ่อนั้น จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของทนาย พร้อมตอกกลับฝ่ายชายทำนองว่า หากสำนึกได้ก็อย่ามาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อทีหลังก็แล้วกัน

ทั้งนี้ ว่ากันว่า เรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับนักร้องดังเป็นอย่างมาก และได้ตัดสินใจให้ทนายความยื่นเรื่องฟ้องร้อง แอนนี่ บรู๊ค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงสายที่ผ่านมา ทางด้านของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ รต.ดร.สุรพล สินธุนามา ทนายความตัวแทนของนักร้องดังก็ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นตัวแทนยื่นฟ้อง แอนนี่ บรู๊ค ในกรณีที่ผิดสัญญาและข้อตกลงที่มีไว้กับศาลจังหวัดธัญญบุรีว่า จะถอนชื่อของนักร้องดังออกจากการเป็นพ่อ น้องฑีฆายุ แต่กว่า 4 เดือนที่ผ่านมา อีกฝ่ายกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ

“เรื่องนี้ทำให้เสียหายและไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะยังมีการพูดถึงว่าฟิล์มยังเป็นพ่ออยู่ ในคำฟ้องฟิล์มก็พร้อมที่จะพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งผมก็ใส่ไว้ในนั้นด้วยนะครับว่า พร้อมที่จะมีการพิสูจน์พันธุกรรมหรือดีเอ็นเอว่า ไม่ได้เป็นพ่อของเด็ก”

โดยเรื่องดังกล่าว ทางศาลได้ประทับรับฟ้อง และนัดไกล่เกลี่ยคู่กรณีในวันที่ 30 สิงหาคม นี้ นอกจากนี้ ทางทนายความตัวแทนยังได้เผยด้วยว่า ทางฟิล์มได้เตรียมฟ้องอีกฝ่ายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเอกสาร โดยมีการเอาลายเซ็นไปใช้ในการเซ็นเป็นชื่อพ่อของเด็ก รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หลัง แอนนี่ บรู๊ค ให้สัมภาษณ์ว่า อย่ามาเรียกร้องความเป็นพ่อภายหลังอีกด้วย

“ตามที่ศาลธัญบุรีได้ทำข้อตกลงไว้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ให้คุณแอนนี่ไปถอนชื่อคุณฟิล์มจากการเป็นพ่อ แต่เขาไม่ได้ดำเนินการถอนให้ ผมได้ยื่นหนังสือทวงถามหรือหนังสือโนติสท์ไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เพื่อให้เขาไปถอนตามคำสั่งศาล โดยให้เวลาในการปฏิบัติ 7 วัน ก็ครบกำหนดเมื่อปลายเดือนที่แล้ว แต่ปรากฏว่าทางคุณแอนนี่ไม่ไปดำเนินการตามสั่งศาล เราก็เลยต้องขอพึ่งบารมีศาล เพื่อให้ความเป็นธรรมกับคุณฟิล์ม โดยในครั้งนี้เราจะฟ้องเพื่อขอพิสูจน์ดีเอ็นเอด้วย”

“ศาลจะนัดไกล่เกลี่ยวันที่ 30 สิงหาคม นี้ เวลา 9 โมง ถ้าเขาไม่มาก็แสดงว่าเขาแสดงเจตนาไม่ทำตามข้อตกลงอย่างชัดเจน ก็ต้องมีการดึงพยานสัญญา และพยานรู้เห็นในการทำบันทึกข้อตกในศาลมานำสืบพยาน ว่าได้มีการทำข้อตกลงกันจริงในวันที่ 4 กันยายนนี้”

สำหรับคดีนี้จะใช้เวลาในการดำเนินการและตัดสินไม่เกินสิ้นปี ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาต่อ

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“แอนนี่” บอกถอนชื่อ “ฟิล์ม” จะช้า-เร็วขึ้นอยู่กับทนาย ซัดถ้าสำนึกได้อย่ามาขอเป็นพ่อของลูกแล้วกัน

“แอนนี่” โฮแม่ป่วย พร้อมเผยยังไม่ถอนชื่อ “ฟิล์ม” ออกจากเป็นพ่อ “ทีฆายุ” บอกจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับทนายจัดการ ซัดอีกฝ่ายผิดข้อตกลงศาลที่ให้ดำเนินการถอนชื่อแบบลับๆ เจ้าตัวลั่นต่อไปจะไม่สนใจว่าใครจะออกเรียกร้องโวยวายอะไร ก่อนไล่ให้ฟิล์มจะไปไหนก็ไป กร้าวหากวันข้างหน้าสำนึกได้อย่ามาขอเป็นพ่อของลูกแล้วกัน

ตั้งแต่ถูก “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ออกมาแฉว่าเตะถ่วงไม่ยอมไปถอนชื่อออกจากการเป็นพ่อ “ทีฆายุ” จนถูกเมาท์ให้ร้อนหูมาพักใหญ่ ล่าสุดก็เพิ่งจะเห็นสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ควงลูกชาย “น้องทีฆายุ” ออกงานเป็นครั้งแรก ในงานเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่จากคายาริ ที่ เดอะ ล็อบบี้ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งนี้ นอกจากประเด็นคาราคาซังที่หลายคนอยากรู้ว่าตกลงตอนนี้เคลียร์ปัญหาจบ และยอมไปถอนชื่อให้อีกฝ่ายแล้วหรือยัง? ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงการพาลูกชายออกงานครั้งแรกอย่างเต็มตัวด้วย

“ถือเป็นการพาน้องมาออกงานครั้งแรกค่ะ น้องงอแงนิดหน่อยเพราะง่วงนอน แล้วเนื่องจากเป็นเวลาบ่าย ถามว่ามีคนติดต่อให้น้องออกงานเยอะมั้ย ไม่ค่ะ ถือว่าน้อยด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องค่าตัวก็น้อยมาก ไม่มีการอัพอะไร เรทปกติเท่ากับดาราทั่วไป”

เมื่อถามถึงเรื่องที่หนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ทวงถามเรื่องขอถอนชื่ออกจากความเป็นพ่อน้อง “ทีฆายุ” นั้น เจ้าตัวบอกขึ้นอยู่กับทางทนายจัดการ ลั่นวันข้างหน้าหากสำนึกได้อย่ามาขอเป็นพ่อของลูกแล้วกัน

“วันนี้จริงๆ รู้ว่า นักข่าวมีคำถามเยอะมาก เพราะเราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แล้วก็น้อยครั้งที่แอนจะออกข่าว สิ่งที่ถามเมื่อกี้ แอนก็ได้ฟังได้ดูมาพอสมควร ไม่อยากจะตอบอะไรมากเลยด้วยซ้ำไป ณ วันนี้เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ฝั่งแอนก็ไม่ค่อยที่จะพูดอะไร ไม่อยากที่จะพูดถึง ไม่อยากที่จะเอ่ยชื่อ และไม่อยากที่จะจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา เพราะวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นหรือใครพูดก็ตาม แอนมองว่ามันเลอะเทอะและไร้ค่ามาก ใครจะชักดิ้นชักงออะไรก็แล้วแต่ แอนไม่สนใจแล้วก็ไม่ใส่ใจ”

“แอนได้รับข่าวร้ายว่าคุณแม่เข้าไอซียู (ร้องไห้) แล้วอาการไม่ดีเท่าไหร่ เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะแอนกำลังจะพาคุณแม่มารักษาตัวที่กรุงเทพฯ การที่แอนมาพูด ไม่ได้จะเรียกร้องความสงสารหรือเห็นใจอะไร แต่อยากจะบอกว่าชีวิตของคนอื่นไม่สำคัญกับแอน กับลูก และกับคุณแม่อีกแล้ว ใครอยากจะพูดหรือทำอะไร เอาให้เต็มที่เลย แอนไม่สนใจแล้ว เหนื่อยมากแล้ว ยืนยันว่าจะไม่พูดถึงเขาอีก”

“ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ที่ทนายหมดแล้ว อยู่ที่ว่าใครจะสร้างกระแสจากมันได้มากที่สุด แอนไม่ใช่ดาราดัง หรือชอบสร้างกระแสอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ได้อยากมีงานจากการเกาะใครดัง วันนี้อยากจะบอกเลยว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว แล้วก็หยุดพูดถึงเรา 2 คนได้แล้ว ถ้าคิดว่าไม่ได้รักพวกเรา ไม่ได้ต้องการพวกเรา ก็กรุณาหยุดพูดถึงพวกเราได้แล้ว ต่างคนต่างชีวิตใหม่ ไปไหนก็ไป”

“ทุกอย่างอยู่ที่ทนายเลย ไม่มีอะไรซับซ้อน มันไม่ได้ยาก ขนาดในศาลเขาก็บอกแล้วให้ทำในทางลับ ทุกวันนี้มันผิดข้อตกลงมาตลอด ไม่มีอะไรลับแล้ว เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรก็ทำเลย อีกอย่างทนายเขาจัดการให้อยู่แล้วก็ไปทำๆ กันซะ แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรจากแอนอีก อย่างที่แอนบอกว่า วันข้างหน้าต่อไปไม่ว่าจะสำนึกอะไรได้ อย่ามาขอเป็นพ่อน้องแล้วกัน”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จบสวย! “เจ๊เบียบ” ขอโทษ “ฟิล์ม” พร้อมโน้มคอหอมแก้ม แถมรับเป็นลูกชาย

จบด้วยดี “เจ๊เบียบ” ยอมขอโทษ “ฟิล์ม” คดีหมิ่น พร้อมหอมแก้มฟิล์มโชว์ แถมรับเป็นลูกชาย ยืนกรานไม่เข็ดจะเดินหน้าวิจารณ์ต่อไปเพื่อสังคม ด้าน ฟิล์ม โต้โพสต์รูปพ่อ “ทีฆายุ” ในเฟซบุ๊ก ยันมีคนส่งมาให้ ก่อนแขวะจะไม่พูดอะไรแล้ว เพราะพูดอะไรไปแอนนี่ก็แถอยู่ดี

ในที่สุดก็จบลงด้วยดี สำหรับคดีที่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ฟ้องร้องดำเนินคดี “เจ๊เบียบ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังออกมาจวกฟิล์มผ่านสื่อ ว่า สำส่อน เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องสนองวัตถุทางเพศ กรณีมีข่าวทำ “แอนนี่ บรู๊ค” ท้อง จนทำให้นักร้องหนุ่มเสียชื่อเสียง และดูเป็นคนเลวในสายตาของสังคม

โดยเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ศาลอาญารัชดา ศาลได้นัดสืบพยานฝั่งโจทก์ ซึ่งฟิล์มได้มาพร้อมกับคุณแม่ และพี่ชาย โดยมีทนาย “ณัฏฐ์อัณณ์ ปาวสานต์” ทนายความส่วนตัวเดินทางมาด้วย ทั้งนี้ ทางฝ่ายของ “เจ๊เบียบ” ก็ได้เดินทางมาด้วยตัวเอง ผลปรากฏว่า การเจอกันครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้สำเร็จ เนื่องจากเจ๊เบียบยอมออกแถลงการณ์ขอโทษฟิล์ม ตามที่ฟิล์มต้องการ โดยหลังจากตกลงกันแล้ว ฟิล์มกับเจ๊เบียบก็ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกันอย่างปรองดอง

ฟิล์ม : “ผลการไกล่เกลี่ยวันนี้ก็โอเคครับ”

ทนาย : “วันนี้ตกลงกันได้ด้วยดี น้องฟิล์ม กับแม่แดง ตกลงกันได้ เราได้ทำคำแถลงการณ์ออกมาให้ด้วย สรุปคร่าวๆ ก็ตกลงกันได้ด้วยดี ปรับความเข้าใจกันได้ ไม่มีข้อตกลงอะไรเป็นพิเศษ ฟิล์มไม่ต้องจ่ายเงินอะไร ไม่มีข้อเรียกร้อง ซึ่งคำชี้แจงที่ให้ก็ไม่ต้องมีให้ฟิล์มขอโทษผ่านสื่ออะไรแล้ว ซึ่งในคำแถลงแม่แดงระบุแล้วว่าขออภัย”

ฟิล์ม : “ก็รู้สึกสบายใจมาก คุณแม่ก็สบายใจ เพราะจบลงด้วยดี คือ มันเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากให้จบ รู้สึกพอใจกับผล ทุกการตกลงก็มีเงื่อนไข แต่ว่าจบลงด้วยดีก็ดีใจครับ”

ระเบียบรัตน์ : “ก็เรียบร้อยดี เป็นเรื่องที่คุณแม่ฟิล์ม ก็ได้ระบายอะไรให้ฟัง เราก็จะมีลูกร่วมกัน คือ ลูกฟิล์ม เราได้ลูกชายเพิ่ม เราเองก็ไม่ได้มีอคติอะไรนะคะ เหมือนเราเป็นการทำงาน แต่ว่าข้อมูลเราอาจคลาดเคลื่อน ก็เลยเป็นเรื่อง แต่ก็จบจากนี้ไปเราเองก็จะมีลูกชายเพิ่มอีกหนึ่งคน (หัวเราะ) ลูกชายหล่อด้วย (จะฝากเตือนลูกชายอะไรไหม?) ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณมาก ทุกอย่างจบลงด้วยดี เดี๋ยวจะไปทานข้าวกับคุณแม่ฟิล์ม”

แม่ฟิล์ม : “วันนี้รู้สึกดีค่ะ ผู้ใหญ่ได้คุยกัน มีความเข้าใจกันดีขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจ เป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย เป็นครั้งแรกด้วยที่ได้เจอไกล่เกลี่ยกัน มันลงตัวแล้วค่ะ ต่อไปนี้ไม่มีอะไรแล้ว ต่างคนต่างทำหน้าที่ เราเป็นแม่ก็ทำหน้าที่ของแม่ที่ดี ส่วนพี่แดงก็ทำหน้าที่ของสังคมให้ดีที่สุดต่อไป ฟิล์มเองก็มีกำลังใจในการทำงานต่อไป แม่แดงก็ให้กำลังใจเขา ให้เขามีแรงทำงานเพื่อสังคมต่อไป”

ต่อไปจะระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ไหม?

ระเบียบรัตน์ : “ก็จะเป็นแบบนี้ตลอดเพื่อสังคม ยังบอกกับฟิล์มว่า ถ้ามีรายการอะไรก็ชวนให้แม่แดงไปถ่ายทำด้วยนะ (หัวเราะ)”

ซึ่งหลังจากให้สัมภาษณ์เรื่องคดีร่วมกันแล้ว “ระเบียบรัตน์” ก็ได้สวมกอด “ฟิล์ม” พร้อมหอมแก้มนักร้องคนดังหนึ่งฟอด เป็นอันจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง! จากนั้นทางฝั่งของฟิล์มได้เปิดใจถึงกรณี “แอนนี่” ไปออกรายการ “เจาะข่าวเด่น” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” แล้วเผยว่า ฟิล์มเป็นคนละเมิดคำสั่งศาลก่อน กับเรื่องนี้เจ้าตัวแย้งว่า....

ฟิล์ม : “ที่เขาไม่พอใจเพราะผมไปละเมิดคำสั่งศาล จริงๆ ไม่ได้ละเมิดหรอกครับ มันมีแค่คำว่าเมื่อไหร่ แค่นั้นเอง”

ส่วนที่มีการขัดแย้งกัน “ฟิล์ม” บอกมันเป็นคำสั่งศาล แต่ “แอนนี่” บอกว่า เป็นข้อตกลงระหว่างกัน? ฟิล์มบอกว่า...

“ในการตกลงผมเคยพูดไปแล้ว ทุกการตกลงมันตกลงกันในศาล ไม่ใช่ในบ้านครับ แค่นั้นเอง แต่คำพูดมันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็คงเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ซึ่งผมเองก็ได้ฟังที่เขาไปออกรายการ ก็นะ เขาพูดอะไรมา มันก็รู้สึกว่าเออนะ ก็ไปได้ ผมก็ไม่อยากพูดอะไรแล้ว เพราะเขาก็ไปได้เรื่อยๆ”

“คือ ผมไม่อยากชี้แจงอะไร ผมว่าทุกๆ คนก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งถูกต้องคืออะไร แล้วสิ่งที่เขาทำคืออะไร สิ่งที่แน่ๆ เลย คือ มันยังไม่เลยจุดไหนเลยนะครับ ไอ้คำว่าจุดนี้ ถอดออกก่อน มาทำข้อตกลงกันก่อน อีกอย่างนึง ที่ผมรอมาตลอดว่าเมื่อไหร่จะมาเคลียร์กันให้จบๆ ไปซะแค่นั้น ณ ตอนนี้มันวัดจะไกล่เกลี่ยไม่ได้แล้ว ว่ากี่ครั้ง แค่เมื่อไหร่แค่นั้นเอง ผมเองก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ของกฏหมาย”

ทนาย : “ในเรื่องของคดี ถ้าหากคุณแอนนี่เขาพร้อมที่จะมาถอนชื่อก็นัดทางเราได้เลย ฟิล์มพร้อมเสมอค่ะ ถ้าเขานิ่งอยู่ก็ต้องขอว่าเป็นอีกเรื่องนึงไปค่ะ”

ส่วนที่มีรูปที่อ้างว่าเป็นพ่อของน้อง “ทีฆายุ” ลงในเฟซบุ๊ก “ฟิล์ม” ทำให้หลายคนคิดว่าฟิล์มเป็นคนปล่อยนั้น เจ้าตัวโต้ไม่ได้ทำ

“ไม่มี ผมไม่เคยเอารูปใครขึ้น มีคนส่งมาแท็กมา คงส่งมาเรื่อยๆ ผมว่าคนคงรู้กันอยู่แล้ว ผมไม่เคยละเมิดสิทธิ์ใคร ทุกคนคงมีความคิดครับ คือ สิ่งที่เขาบอกมาว่าให้เอาคำว่าชนะออกจากใจไปก่อน ผมว่ามันก็ไม่ถูก เพราะตอนนี้ผมได้แต่รอ ผมไม่เคยเอาชนะใคร และผมก็ไม่รู้จะเอาชนะไปเพื่ออะไร แต่สิ่งที่ผมรอตอนนี้คือความยุติธรรมต่อผมและเด็ก อย่าพูดว่าให้เด็กตัดสินใจ มันถูกเหรอครับ ที่ให้เขาตัดสินใจว่าใครเป็นพ่อ เอาสิ่งเหล่านี้ไปคิดดู ว่ามันถูกหรือเปล่ากับสิ่งที่ทำ”

“ที่เขาบอกว่าเหตุการณ์นี้มันไม่มีใครผิดและถูก มันไม่มีใครผิดหรือถูกก็ใช่ครับ แต่ความชัดเจนมันอยู่ตรงไหน ทุกวันนี้ผมรอคอยความชัดเจน รอคอยความถูกต้องในสิ่งที่คุณทำไว้ อยากให้มีความยุติธรรมต่อผมและเด็กคนนี้ครับ ผมไม่เคยพูดชื่อพ่อเขาออกสื่ออยู่แล้วครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“แอนนี่” แจงไม่ไปถอนชื่อ “ฟิล์ม” เพราะไม่ว่าง ยืนกรานไม่ตรวจDNA อ้างไม่มีพลัง อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมาแล้ว

“แอนนี่” โผล่แจงไม่ไปถอนชื่อ “ฟิล์ม” จากการเป็นพ่อ “ทีฆายุ” เพราะติดงานอยู่ต่างประเทศ ปัดบ่ายเบี่ยง พร้อมบอกในข้อตกลงก็ไม่ได้มีกำหนดวัน ก่อนซัดฟิล์มทำผิดข้อตกลงเพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ เจ้าตัวยืนกรานไม่ตรวจDNAอ้างไม่มีพลัง อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ก่อนบอกไม่อยากหาคำตอบให้คนที่อยากรู้เรื่องชาวบ้านแฮปปี้ เพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือการเลี้ยงลูกให้ดี

หลังต่างฝ่ายยอมถอนฟ้องกันจนเหมือนเรื่องราวต่างๆ จะจบไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ออกมาซัดกันเละเทะอีกรอบ สำหรับคดีของ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับ “แอนนี่ บรู๊ค” ที่ก่อนหน้านี้ฟิล์มได้ออกมาเฉ่งแอนนี่ว่า ไม่ยอมถอนชื่อตนออกจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ตามคำสั่งศาล จนเรื่องแดงขึ้นมาอีก ล่าสุดแอนนี่ได้ไปออกรายการ “เจาะข่าวเด่น” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทางช่อง3 โดยมีทนายส่วนตัวมาด้วย ซึ่งเทปดังกล่าวได้มีการบันทึกเทปไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

ซึ่งเนื้อหาในรายการที่มีการตัดโปรโมท แอนนี่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ฟิล์มเป็นคนผิดสัญญา เพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ ส่วนเรื่องตรวจดีเอ็นเอเจ้าตัวบอกมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ทำเอาทางฝั่งของหนุ่มฟิล์มเม้งแตกออกมาซัดกลับว่า พ่อตัวจริงมารับสารภาพแล้ว อยากรู้ว่าเป็นใครให้เอาหน้าไปเทียบกับคนที่เคยเป็นข่าวกับแอนนี่เลย เรียกว่าฉีกหน้ากันเห็นๆ

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (18 มิ.ย.) ทางรายการ “เจาะข่าวเด่น” ได้มีการเผยแพร่เทปดังกล่าว ซึ่งตลอดการสัมภาษณ์แอนนี่ได้ตอบแบบมีหลักการและมีท่าทางสุขุมอย่างที่สุด โดยแอนนี่ยืนยันว่า ฟิล์มเป็นคนผิดสัญญาก่อน เพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ ส่วนเรื่องตรวจดีเอ็นเอเจ้าตัวเผยไม่ได้มีการตรวจดีเอ็นเอเกิดขึ้น เพราะคดีที่ฟ้องร้องกันได้มีการยอมความกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไป พร้อมอ้างเพราะตนไม่มีพลังที่จะทำ อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมานานแล้ว ก่อนบอกไม่อยากหาคำตอบให้คนสะใจหรือคนที่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน เพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือการเลี้ยงลูกให้ดี

“ต้องบอกว่าแอนนี่มีเหตุผลที่ต้อบมาชี้แจงในวันนี้ จริงๆ แอนนี่ออกรายการน้อยครั้งมากที่จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ นับครั้งได้เลยค่ะ แต่วันนี้เพราะมีเหตุผลของความไม่เข้าใจ และป็นข้อมูลทีไม่ตรงกันเพราะฉะนั้นวันนี้แอนนี่จึงจำเป็นที่จะต้องชี้แจงจริงๆ”

“จริงๆ แล้วข้อตกลงมันได้ถูกละเมิดมานานแล้ว แต่ไม่ใช่โดยแอนนี่ เพราะนับจากวินาทีที่เราได้เข้าไปไกล่เกลี่ยยอมความ เราเรียกว่าไกล่เกลี่ย คดีนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ชั้นศาล เป็นเพียงแค่การตกลงของหลายฝ่ายที่เห็นดีเห็นพร้อมว่า เรามีข้อตกลงอะไรบ้างที่เราพอจะคุยกันได้ แล้วทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี”

“แอนนี่จะบอกว่า ณ วันแรกทีเราได้มีการไกล่เกลี่ยกันเกิดขึ้น มันมีข้อตกลงออกมา ขอหนึ่งก็คือ เราจะไม่พูดถึงกันและกันอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม แม้แต่เป็นอักษรย่อก็มิได้ และจะไม่พูดถึงแอนนี่ และน้องทีฆายุอีก และนับจากวินาทีทีได้ทำข้อตกลงแอนนี่ก็ถือว่าสิ่งที่เราได้ตกลงหน้าศาลเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์พอสมควร วินาทีที่ก้าวออกมาจากศาล แอนนี่ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ยังไม่ทันจะข้ามวันด้วยซ้ำไป”

“ชีวิตแอนพอเปิดประตูเข้าบ้านก็ได้รับข่าว มีการออกมาให้ข่าวและเอ่ยถึงเรา ทั้งที่เราตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่พูดถึงกันและกันอีก แต่นี่ยังไม่ทันได้ข้ามวันดีเลย เขาก็มาพูดถึงเราอีก ในทำนองอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้คนเคลือบแคลงระแวงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในชั้นศาล หรืออะไรที่มันใช่หรือไม่ใช่ ศาลไม่ได้ตัดสินทั้งนั้น ว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ หรือว่าอะไรเป็นอะไร มันเป็นเพียงข้อตกลงกันเท่านั้น ซึ่งแอนนี่นับได้เลยว่าออกรายการอะไรพูดถึงใครบ้าง ซึ่งก็ไม่มี ล่าสุดแอนนี่มาออกรายการตีสิบก็มาพูดเรื่องพัฒนาการของน้อง แอนนี่ก็บอกชัดเจนว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว”

“เขาออกมาพูดถึงแอนนี่ตั้งแต่วันแรกที่เราสัญญากันเลยด้วยซ้ำ ขนาดเป็นแบบนั้นแอนนี่ยังไม่ออกมาตอบโต้ ตกลงกันตอนเช้า ตอนเย็นเขาก็ให้ข่าวเลยว่าตอนนี้ศาลตัดสินแล้ว เป็นคำสั่งศาลแล้ว ทุกอย่างพ้นแล้ว จะได้ไปเจอพ่อที่แท้จริงซักที จนเวลาผ่านไปแอนนี่ไปออกตีสิบแล้วก็มีการพูดกันว่าทำไมเราไม่ไปทำอย่างนั้น ไม่ไปทำอย่างนี้ เราก็เลยมองว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้รับการติดต่อหลายครั้งขนาดนั้น”

เราบ่ายเบี่ยงหรือเปล่า?

“ไม่มีค่ะๆ”

ยืนยันการถอนชื่อ “ฟิล์ม” ออกจากการเป็นพ่อน้อง “ทีฆายุ” อยู่ในข้อตกลง ไม่ใช่เป็นคำสั่งศาลเหมือนที่อีกฝ่ายให้ข่าวจนทำให้คนเข้าใจตนผิดว่าเป็นคนผิด

“อยู่ในข้อตกลงค่ะ ไม่ใช่คำสั่งศาลด้วย ศาลไม่ได้ตัดสินอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย ทางฝ่ายแอนนี่ก็ต้องการเหมือนกัน เพราะล่าสุดแอนนี่ไปทำพาสปอร์ตมา มันมีความยากลำบากในเรื่องของเอกสาร แล้วน้องก็จะเข้าโรงเรียนแล้ว แล้วเราก็มีแพลนจะไปเมืองนอก เพราะฉะนั้นมันจะยุ่งยากวุ่นวายในเรื่องของเอกสารมากๆ เราก็ต้องการตรงนี้เหมือนกัน ฝั่งโน้นเขาก็ต้องการเหมือนกัน มันถึงเห็นพ้องต้องกันจึงเป็นข้อตกลงที่ดี”

“ซึ่งข้อเสนอนี้เป็นการเสนอของทั้งสองฝ่าย แล้วอีกอย่างนึง ข้อตกลงของการถอนชื่อนั้นให้ดำเนินโดยทางลับ ไม่ใช่ออกมาเผยแพร่แบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีลับลมคมใน หรือมีข้อน่าสงสัยอะไร ไม่มี คือเราตกลงกันได้แล้วนี่ มันไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็ไปทำกันแล้วที่ผ่านมา มันก็ไม่ได้นานมากเท่าไหร่ เราได้รับการติดต่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในวันนั้นแอนนี่ทำงานอยู่ต่างประเทศ คือจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วแหละ เราก็มีงานต้องทำ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ เรานัดกันใหม่ก็ได้ เพราะว่าข้อนี้มันไม่ได้บอกว่าจะต้องเสร็จเมื่อไหร่ แต่ว่าแอนนี่ก็ไม่ได้อยากจะลากให้มันยาว เราก็ค่อยๆ ทำกันไป ใครว่าใครไม่ว่างก็ค่อยๆ แก้ไขกันไปเรื่อยๆ

อาจทำให้ “ฟิล์ม” รู้สึกว่าเรื่องไม่ยอมจบซะที ล่าสุดแอนนี่ก็มาออกรายการทีวี?

“แอนนี่ก็ไม่ได้พูดอะไรนะ ไม่ได้พูดอะไรที่จะไปตอบโต้หรือพาดพิงใดๆ ทั้งสิ้นเลย”

เขาอาจจะคิดว่าเราไปออกกับลูกทำใคนคิดถึงเขาอยู่ดี?

“อ้าว ชีวิตนี้จะให้แอนนี่อยู่แต่ในบ้านเหรอคะ แอนนี่กับลูกไม่ต้องออกไปไหนหรือไง ไม่ต้องทำงานเลยใช่มั้ย แอนนี่กับลูกต้องหลบอยู่ในเงาของอะไรบางอย่างตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ”

ฟิล์มเขาขอความชัดเจนว่าไม่ใช่เป็นพ่อแล้ว?

“ก็ได้ค่ะ ยังไงก็ได้ แอนนี่บอกแล่วว่า ณ จุดนี้มันเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว เพราะฉะนั้นในจุดนี้ของแอนนี่ แอนนี่ไม่ได้มองหรือต้องการเรียกร้องอะไรจากใครอีกต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าแอนนี่ต้องการเรียกร้องข้อ3 มันจะไม่บังเกิดขึ้นเลยว่า ต่อจากนี้ไปนับจากวินาทีที่ไกล่เกลี่ยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามมาฟ้องร้องขอเป็นบิดา ห้ามมาออกข่าวในทำนองที่ว่า ต้องการจะเลี้ยงดูเด็กชายทีฆายุเด็ดขาด นี่คือข้อเสนอของแอนนี่ ที่ตกลงไว้ตามนั้น”

“คุณไม่ต้องกลัวเลย แอนนี่ตัดคุณออกไปตั้งนานแล้ว แล้วแอนนี่ก็ไม่ได้อยากมาวุ่นวายกับชีวิตของอีกฝั่งนึงให้มันมากมายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของแอนนี่คือรอยเท้าเล็กๆ ที่กำลังจะก้าวไปพร้อมๆ แอนนี่ มองไปข้างหลังแอนนี่เจอแม่ มองไปข้างหน้าแอนนี่มีลูก เพราะฉะนั้นแอนนี่อยากให้เรื่องมันจบอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ข้อแรกยังไม่ทันข้ามวันก็ผิดแล้ว แต่แอนนี่ถือว่าไม่เป็นไร อภัยให้ได้ แต่ถ้าข้อต่อไปเขาบอกว่าให้ทำในทางลับ ตอนนี้ก็ไม่ลับแล้ว เขาเอาออกมาพูดทำไม แอนนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

ต่อคำถามที่ว่า “ฟิล์ม” อาจะคิดว่าการที่ไม่ไปเอาชื่อออก เขาอาจจะเป็นแพะตลอดเวลา ไม่จบซักที?

“แล้วเรื่องที่ตกลงกันมันคืออะไรคะ มันไม่มีใครเป็นแพะทั้งนั้น มันไม่มีใครถูก แอนนี่ก็ไม่ได้ถูกนะ แต่แอนนี่ก็ไม่ได้ผิด ใครก็ไม่ได้ถูกใครก็ไม่ได้ผิด ไม่มีใครเป็นแพะทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเนี่ย เอาคำว่าต้องชนะออกไปจากใจเราได้ซักที เหมือนกับแอนนี่ต้องมายอมความ และมาแลกคดีกัน สิ่งที่เป็นสิ่งที่แอนนี่ยอมแล้ว และแอนนี่ก็ขอร้อง เพราะฉะนั้นแอนนี่ยอมเอาคำว่าชนะออกไปจากใจแอนนี่ตั้งนานแล้ว ถ้าเราเอาคำนี้ออกไปจากชีวิตเราจะมีความสุขมากเลยค่ะ แล้วเราจะไม่ต้องมาฟาดฟันฟาดงวงฟาดงากันอีก”

“ข้อตกลงต่อให้ ณ วันนี้มีการทำลายข้อตกลงไปแล้ว 1-2-3 ข้อก็แล้วแต่ไม่ต้องห่วงค่ะ แอนนี่ยังทำตามให้อยู่ เพราะแอนนี่ถือว่าสิ่งที่พูดในศาลศักดิ์สิทธิ์เสมอ”

“ฟิล์ม” พูดมีอารมณ์พอสมควรว่าเราไปสร้างกระแสเดินสายออกทีวี ทำให้เขาถูกจับจ้องตลอดเวลา?

แอนนี่ : “ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็ตีสิบ แล้วถ้าคุณผู้ชมได้ดูตีสิบจะรู้ว่าแอนนี่ไม่ได้พูดอะไรที่พาดพิงเลย หรือจะมีข้อความที่จะส่งสื่อไปถึงไม่มีเลย ใกล้วันเกิดน้องแล้วค่ะ อีกไม่กี่วันเองทางรายการก็ต้องการที่จะเห็นพัฒนาการน้อง แล้วเด็ก 2 ขวบนี่เป็นยังไงนะ เพราะฉะนั้นรายการเขาเชิญเรามา มันก็เหมือนแม่ลูกที่ไปออกรายการ”

“จะให้แอนนี่ซ่อนอยู่ในหลังคาของตัวเองตลอดไปไม่ได้ ณ วันนี้แอนนี่ต้องทำมาหากิน ต้องออกมาเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกของเราแล้ว เพราะฉะนั้นการที่แอนออกรายการต่างๆ ไม่ใช่การโปรโมทตัวเอง หรือว่าต้องการจะสื่อถึงใครเพราะเราไม่ได้ตอบอยู่แล้ว ขอย้ำว่าเป็นข้อตกลงสัญญา ไม่ใช่ศาลสั่งหรือศาลตัดสินอย่างที่คิดกัน”

ทนาย : “ข้อตกลงคือไม่พูดถึงซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องที่ต้องถอนชื่อก็ชัดจนครับว่าจะต้องไปร่วมกันดำเนินการ แต่ไม่มีกำหนดเวลาครับ ผมกับคุณแอนนี่ได้รับการติดต่อมาหนึ่งครั้ง แต่คุณแอนนี่มีปัญหาว่าไม่สามารถไปดำเนินการได้”

มีการพิสูจน์ดีเอ็นเอมั้ยว่าใช่ไม่ใช่?

แอนนี่ : “เรื่องนี้อย่างที่แอนนี่บอกว่า มันยังไปไม่ถึงไหนเลย แต่แอนนี่มีความรู้สึกว่าให้มันจบลงตรงนี้เถอะ เพียงแค่การคุยกันเท่านั้น”

ทนาย : “จริงๆ ข้อตกลงมันเกิดขึ้นในคดีอาญาที่แอนนี่ไปฟ้องเฮียฮ้อที่ศาลธัญบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งคุณฟิล์มก็ไปฟ้องแอนนี่ในข้อหาหมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วยังไม่เข้าไปถึงการพิสูจน์อะไรทั้งสิ้น มันเป็นการละเมิดมั่งหมิ่นประมาทมั่ง แล้วการตกลงมันก็เกิดขึ้น ว่าแอนนี่ถอนฟ้องเฮียฮ้อ ฟิล์มถอนฟ้องแอนนี่ ก็มาทำข้อตกลงร่วมกัน มันเป็นเรื่องคดีอาญาไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรกัน ไม่มีกระบวนการที่จะไปพิสูจน์อะไรแล้ว”

แอนนี่ : “จริงๆ มันมีแค่นี้ มันไม่ได้มีอะไรกำกวม หรือว่าลับลมคมในอย่างที่หลายๆ คนคิด คนอาจจะคิดว่าไปอะไรกันมาแล้วล่ะสิมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีตรงนั้น แล้วที่มีคำพูดย้ำๆ ซ้ำๆ ว่าศาลตัดสินแล้ว ประหนึ่งว่าเราเป็นคนผิด ซึ่งมันไม่ใช่ แอนนี่จำเป็นต้องชี้แจง”

ตกลงคือไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ?

“ไม่ค่ะ เมื่อก่อนแอนนี่อาจจะอยากต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี แล้วก็ความถูกต้อง แต่ ณ วันนี้ ศักดิ์ศรีกับความถูกต้อง กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือลูก ทั้งสองอย่างมันไปด้วยกันไม่ได้ เพราะว่ากระบวนการที่เราอยากจะไปถึงจุดนั้นที่เราอยากพิสูจน์ ทุกสิ่งทุกอย่างเราไปไม่ถึง เพราะว่าเวลาทีเราจะไปศาล เราใช้เวลาค่อนข้างนาน ด้วยพลังในร่างกายของเราที่เราจะต้องเทให้กับลูก พลังเงินที่เราต้องลงทุกวัน และหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง 2 ปีที่ผ่านมา ทำไมมันถึงหยุดลงง่ายดาย โดยไปไม่ถึงจุดหมาย”

“เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เลยว่าแอนนี่เจออะไรบ้าง มีอะไรหลายอย่างที่แอนนี่บอกใครไม่ได้ และผ่านอะไรมาบ้าง ทำไมถึงไปไม่ถึง ด้วยกำลังแรง กำลังทรัพย์ และกำลังคนสนับสนุนมันไม่มี และวันนี้แอนนี่อยากจะบอกเลยว่าไม่ว่าจุดสุดท้ายของเรื่องนี้จะจบลงยังไง สิ่งเดียวที่จะเป็นสิ่งสุดท้ายเลยก็คือยังไงแอนนี่ก็จะอยู่กับลูก 2 คน ยังไงทีฆายุก็เป็นลูกของแม่คนนี้ สุดท้ายมันก็เป็นแค่นั้น”

คิดดีแล้วใช่มั้ยว่าการไม่ตรวจดีเอ็นเอเป็นสิงทีดีที่สุดสำหรับลูก?

“มันเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้ามันจะมีคำถามเกิดขึ้นในสังคมอีก หรือใครต้องการที่จะรับรู้หรือไม่สรับรู้อะไรก็ตาม น้องก็โตขึ้นทุกวัน แอนนี่ก็อยากจะให้เป็นเรื่องของอนาคตที่เขาอยากจะตัดสินใจเอง ไม่ใช่ว่าเราไปยัดเยียดในสิ่งที่ผู้ใหญ่จะให้มันเกิดขึ้นหรือให้มันเป็น ชีวิตเป็นของเขา”

“คนอาจจะคาดหวังอยากจะรู้เพราะความสะใจ อยากจะรู้เพื่อรู้เรื่องของชาวบ้าน หรืออยากจะรู้เพื่อมันเป็นเรื่องของดารา แอนนี่ไม่ได้ไปมองและไม่ได้ไปสนใจแล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าการทำให้คนอื่นแฮปปี้ หรือมีความความสุข เราต้องเลี้ยงดูลูก ทำมาหากิน ทำยังไงให้เขาเป็นคนดี เป็นเด็กดี เป็นผู้ชายที่ดีในสังคม ไม่ใช่ไปตามล่าหาความจริงให้คนอื่น ซึ่งเป็นใครไม่รู้แล้วไม่ได้หุงข้าวให้เรากิน”

เขาโตขึ้นทุกวันแอนนี่เตรียมรับมือยังไงบ้าง?

“แอนนี่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่อนาคตแอนนี่แพลนไว้ให้เขา คำถามทุกคำถามจะมีคำตอบสำหรับเขาทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าเด็ก วัย 2 ขวบตอบซะยืดยาว ไม่ใช่เรื่อง ทุกอย่างจะเหมาะสมกับวัยของเขา ทุกคำตอบจะต้องมีที่มาและที่ไป การเลี้ยงลูกของแอนนี่แอนนี่คิดเยอะมาก และคิดนาน”

“ทุกวันคิดแต่เรื่องลูกและเรื่องทำมาหากิน เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดี เรื่องของศาล เรื่องพิสูจน์มันไม่ได้อยู่ในหัวของเราแล้ว มันไม่ได้อยู่ในชีวิตของเรามานานแล้วด้วย เพราะตอนนี้ความจริงของเราคือเลี้ยงลูกได้ดีมั้ย ทำมาหากินเก็บเงินเก็บทองให้เขาหรือเปล่า น้องจะเข้สโรงเรียนแล้วเรามีเงินให้เขาเข้าโรงเรียนหรือเปล่า เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาแอนนี่จะไม่พูดถึงด้วย ตอนนี้เขาพูดได้แล้วมันสุดอยดแล้ว เวลาที่เขาปลอบใจเรา เขารักเรามากด้วย”

มีอะไรจะพูดถึงฟิล์มมั้ย?

“(ถอนหายใจ) เรื่องมันยาวนานมา 2 ปีแล้ว และการต่อสู้มันก็เหนื่อยทั้งสองฝ่าย ในเมื่อเราไม่ได้ต้องการที่จะไปสู้ชั้นศาล หรือขั้นตอนอะไรก็แล้วแต่ เราทั้งสองคน ไม่ใช่แอนนี่คนเดีนว เราทั้งสองคนต้องการที่จะตกลงและยุติเรื่องนี้ เพราฉะนั้นเรื่องนี้มันควรยุติได้แล้ว และแอนนี่เองก็ยอมและถอยและแก้ปัญหาไปด้วยกันกับเขา ตรงนี้มันควรที่จะจบได้แล้ว และก็ควรที่จะยุติได้แล้ว เพราะน้องก็โตขึ้นทุกวันจะมาทะเลาะกันทำไม”

แอนนี่อยากจบ แต่ในเมื่อมีการละเมิดข้อตกลงจะจบมั้ย?

“จบค่ะ แอนนี่บอกแล้วว่าต่อให้มีใครละเมิดก็ตาม ที่ผ่านมาแอนนี่ได้ให้ความเคารพแล้ว แต่ในเมื่อละเมิดก็ไม่เป็นไร เพราะว่าคนที่เป็นผู้ชมเขาจะตัดสินเองได้เอง สมัยนี้คนที่ฟังข่าวไม่ได้เชื่อทุกสิ่งที่พูด แล้ววันนี้ที่แอนนี่พูดคุณไม่ต้องเชื่อแอนนี่ก็ได้ แต่คุณพิจารณาเอาเองว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้นเอง”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“แอนนี่” เอาปี๊บคลุมหัว! “ฟิล์ม” ซัดกลับพ่อตัวจริงมาสารภาพบาปแล้ว อยากรู้เป็นใครให้เอาหน้าไปวัดกับคนที่เคยเป็นข่าว

“ฟิล์ม” เม้งแตก “แอนนี่” ไปออกรายการ “สรยุทธ” ไม่ยอมตอบใครเป็นพ่อ อ้างหน้าตาเฉยเลยจุดนั้นมาแล้ว เจ้าตัวบอกตนรู้ดีว่าพ่อตัวจริงเป็นใคร เพราะอีกฝ่ายมาสารภาพบาปแล้ว ใบ้อยากรู้คือใครให้เอาหน้าไปวัดกับคนที่เคยเป็นข่าว กัดแอนนี่อย่าเอาพื้นที่ข่าวมาเป็นพื้นที่ให้ตัวเองในสังคม แล้วทำให้คนอื่นตายอีกเลย
ภาพขนาดย่อภาพขนาดย่อ

ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับปัญหาลูกใครหว่า?! ระหว่าง “แอนนี่ บรู๊ค” กับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” หลังฟิล์มออกมา ปะ ฉะ ดะ เฉ่ง แอนนี่ไม่ยอมถอนชื่อออกจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ตามคำสั่งศาล จนตนเองได้รับผลกระทบ และสลัดตราบาปไม่ออกสักที

แต่ปรากฏว่า นอกจากแอนนี่จะยังไม่ไปถอนชื่อแล้ว ยังไปออกรายการ “เจาะข่าวเด่น” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทางช่อง3 โดยจะออกอากาศในวันจันทร์ที่ 18 มิ.ย.นี้ ซึ่งเนื้อหาบางช่วงบางตอนแอนนี่ฉะฟิล์มว่าเป็นคนผิดสัญญา เพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ ทั้งนี้ยังมีข่าวว่า แอนนี่หอบเอกสารเตรียมอัดกลับฟิล์มอีกด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ฟิล์มได้มาร่วมงานเปิดสาขาสลิมมิ่งพลัส ที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งในงานนี้เองที่ฟิล์มถึงกับระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง ซ้ำยังแฉแบบไม่กั๊กอีกต่อไป ว่าพ่อตัวจริงมารับสารภาพแล้ว อยากรู้ว่าเป็นใครให้เอาหน้าไปวัดกับคนที่เคยเป็นข่าวกับแอนนี่ ..แร๊งส์!!

“ไม่รู้เลย และไม่น่าจะถูกต้อง ผมฟังบางทีก็ตลกเหมือนกันนะ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วเขามาออกรายการก่อน เช้ามาก็มีคนมาถามผม ผมก็แค่พูดในส่วนที่ถูกต้องไป ว่าเรื่องนี้มันนานแล้ว พอพูดไปเสร็จ เขาก็เหมือนมีความกระตือรือร้นมาก”

เนื้อหาในการให้สัมภาษณ์ “แอนนี่” บอกว่า “ฟิล์ม” ทำผิดสัญญาเรื่องออกมาพูดถอนชื่อความเป็นพ่อ กับเรื่องนี้ฟิล์มบอกว่า…

“ผมก็แค่ระเบิดไปว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เราต้องการที่จะทำงาน พองานอะไรใหม่ๆ ของฟิล์มออกมา ก็จะมาแล้ว…(ลากเสียงยาว) เอาอีกแล้ว มาทำลายความมั่นคงอีกแล้ว ผมว่ามันไม่น่าจะเอามาอ้างเป็นประเด็นกันได้ ถึงใครจะพูดยังไงก็ตาม แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่ตกลงไว้ล่ะครับ ผมรอมา 4 เดือนแล้ว ยังไม่เคลียร์เลย”

“ที่บอกว่าเขามีเอกสารมาออกรายการด้วย ไม่น่ามีนะครับ มีศาลมีพยานทั้งนั้น แต่สิ่งที่ผิด ที่ทุกคนสามารถจะรู้ได้คือ ทำไมไม่ไปถอดออกสักที ผมเบื่อ ผมอยากจบ ครั้งแรกบอกว่าไม่ได้เซ็นชื่อใครเป็นพ่อ ครั้งนี้มาเปลี่ยนอีกแล้ว กลายเป็นชื่อผม ซึ่งที่ผ่านมา ผมไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ไปทำตามที่ตกลงไว้ซะที มันยังตกลงวันเซ็นกันไม่ได้ ต้องแล้วแต่ทนาย ถามฟิล์มเองก็ไม่รู้”

ดูเรามั่นใจมากว่าไม่ใช่พ่อของลูก “แอนนี่” ?

“ผมมั่นใจมาก นานมากแล้วครับ และมั่นใจมาตลอด ผมรู้ดีแก่ตัวเอง แต่ผมพูดอะไรไม่ได้เพราะผมเป็นผู้ชายแล้วผมก็ไม่ได้อุ้มลูก ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมได้แต่ขอความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่”

“ผมสงสารน้อง(ทีฆายุ)เหลือเกินครับ สงสารเหลือเกิน ทำไมต้องมีผู้ใหญ่มาทำอะไรกับเขาแบบนั้น เห็นหน้าน้องแล้วเขาก็น่ารักครับ ที่สงสารมากที่สุดคือ เมื่อไหร่เขาจะรู้สักทีว่าใครเป็นตัวจริง เมื่อไหร่จะมีความชัดเจนให้เขาสักที ณ วันนี้ก็ยังไม่ยอมอีก โอ๊ะ…(ร้องอุทานพร้อมถอนหายใจ)”

บอกรู้อยู่เต็มอกว่าพ่อตัวจริงของ “ทีฆายุ” เป็นใคร แต่พูดไม่ได้

“ผมรู้ครับ ทุกอย่างมันรู้แล้วก็เคลียร์ชัดไปตั้งแต่ในศาล อยู่ในศาลมันพูดความจริงกันทั้งนั้น ไม่มีใครโกหกได้ (คนที่เป็นพ่อจริงๆ เขาได้ออกมาช่วยเหลืออะไรเราบ้างมั้ย?) เขาก็มารับแล้ว แต่ก็อืม....นะ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยังไง”

เท่ากับว่าหน้าน้อง “ทีฆายุ” ตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือน “ฟิล์ม” ว่างั้น?

“ผมว่าทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว น่าจะวัดได้กับคนที่เคยมีกระแสข่าวที่ผ่านมา มีกี่รายในรายชื่อ เอาเลยครับ ไปวัดกันเอา”

แล้วคนนั้นเขาได้จัดการอะไรในหน้าที่พ่อบ้าง?

“ผมเบื่อจริงๆ ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณรายการอาสรยุทธที่มาบอกว่า ผมต้องการความชัดเจน ผมดีใจมากที่อาพูดแบบนั้น ผมบอกผมรู้ว่าผมไม่ใช่ แอนนี่พูดว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้วค่ะ เลยอะไรอ่ะ(กระแทกเสียง) สงสัยนะเลยอะไร คำถามที่ตัวเองตอบไม่ได้ ตอบเลยจุดนั้นไปแล้ว อ้าว แล้วคนที่เป็นอยู่อย่างนี้ อ้าว....เฮ้ย...มันเลยอะไรวะ จะเลยอะไรผมรออยู่เลย”

“ทุกคนสามารถรู้ได้ แล้วผมก็พูดอะไรได้ไม่มากนัก ไปวัดกันเอาเอง ผมกำลังเริ่มทำงานใหม่ๆ มีพรีเซ็นเตอร์เข้ามามากมาย สั่นเลยทีนี้ สั่นมากด้วยครับ ตอนนี้ยังไม่มีใครถอน แต่ก็เริ่มแล้วล่ะ”

“ผมอยากบอกแค่ว่าสงสารผมเถอะครับ ผมเป็นคนๆ นึงที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว ความจริงก็คือความจริง อย่าหนีกันไปเลย แล้วก็อย่าเอาพื้นที่ตรงนั้นมาเป็นพื้นที่ให้ตัวเองในสังคมเลย แล้วให้คนอื่นตายอ่ะ ขอร้องเถอะครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ฟิล์ม ขู่ แอนนี่ ดื้อไม่ถอดชื่อพ่อ ฑีฆายุ มีหนาว

นักร้องหน้าเกาหลี ฟิล์ม รัฐภูมิ เบาใจ! คู่กรณี แอนนี่ บรู๊ค ติดต่อกลับกรณีร้องขอถอดชื่อการเป็นพ่อ น้องฑีฆายุ ปล่อยทนายจัดการ ฉุนฝ่ายหญิงชอบดิสเครดิตทางสังคม ขู่หากยังดื้อไม่ยอมถอนเตรียมจัดการขั้นเด็ดขาด โอดเป็นแพะมาร่วม 2 ปีแล้ว ตอนนี้ขอเรียกร้องสิทธิ์คืนให้ครอบครัว!!
ฟิล์ม ขู่ แอนนี่ ดื้อไม่ถอดชื่อพ่อ ฑีฆายุ มีหนาว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค ยังไม่ถอนชื่อจากการเป็นพ่อ น้องฑีฆายุ เขาบอกว่าเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับเราจริงหรือเปล่า ฟิล์ม รัฐภูมิ สวนกลับทันทีว่า

''ไม่มี ยังไงก็ต้องถอนแต่ที่ผมออกมาพูดเมื่อวันก่อนแค่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองรู้สึกว่าดีขึ้น มีการติดต่อกลับมาโดยด่วนเชียว ตอนนี้ก็ดีขึ้นที่ผ่านมาผมไม่เคยไปยุ่งอะไรเลยไม่เคยไปขออะไรเลยเป็นแพะมาหลายปีรับมาหลายเรื่อง อยู่เฉยๆ แต่นี่มันทนไม่ไหวมันนานไปไมั้ย เราก็อยากเรียกร้องสิทธิ์ให้พ่อให้แม่เราบ้าง (เขาว่ายังไงบ้าง?) ตอนนี้มีการประสานงานมาบ้าง ผมก็โอเคในเมื่อเขาติดต่อกลับมาแล้วผมก็ต้องแล้วแต่ทนายและผมก็ต้องทำตามข้อตกลงต่อเหมือนเดิม แต่ถ้ายังไม่ไปอีกเดี๋ยวแน่นอน (เขาติดต่อหรือทนายเป็นคนติดต่อมา?) ผมไม่ทราบเหมือนกันคือกับผมไม่สามารถคุยกันได้อยู่แล้วจะมีคนกลางคุยให้ แต่ทางทนายผมบอกมาแบบนี้ครับ ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าเป็นวันไหนแค่รู้ว่ามีความคืบหน้าก็ดีใจแล้วครับ''

''ส่วนที่เขาบอกว่าเป็นคนเสนอข้อตกลงนี้มาเอง ไม่จริงหรอกครับ มันจริงที่ว่าตรงไหนรู้มั้ยมันเป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้วที่ผมทนคือเขาจะออกมาพูดก่อนพอผมพูดความจริงออกมาเขาก็จะรีบไปแก้ตามรายการต่างๆให้คนสับสนว่าตกลงยังไงกันแน่ใครพูดจริงใครพูดไม่จริง เขาเรียกว่าดิสเครดิตทางสังคม ณ ปัจจุบันนี้ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วกับสิ่งที่ผมทนมา ขออะไรผมให้หมดผมยอมหมด แต่ ณ ตอนนี้ทำไมถึงไม่ทำอะไรให้ผมบ้างในเมื่อผมยอมทุกอย่างเลย แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ (อะไรที่ทำให้เราโกรธขนาดนี้?) มันรอมานานแล้วและอีกอย่างผมงานยอะ ผมก็อยากทำงาน แต่มาขอวันจะไปพอผมไปเขาก็ไม่มาหยุดไปหยุดมาผมเสียงานไปหลายงานแล้วครับ (เรียกว่าขีดเส้นตายถ้าเขาไปถอนเราจะจัดการขั้นเด็ดขาด?) แน่นอนอยู่แล้วครับ มันไม่ไหว (จะดำเนินการยังไง?) ยังไม่ตรงนั้นครับ (ขีดเส้นตายถึงเมื่อไหร่?) คงไม่ได้ไปจำกัดขนาดนั้น แต่ว่าก็อยากให้มีอะไรบ้าง (อยากให้ออกมารูปแบบไหน?) รูปแบบเดียวเลยครับที่เคยขอไปตอนแรก แต่ถ้าเขถอนก็จบครับ''

ที่มาข้อมูล : Gossip Star

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ฟิล์ม” เผย “แอนนี่” เต้น! หลังโดนเฉ่งผ่านสื่อถึงกับรีบติดต่อกลับ สวดฝ่ายหญิงตั้งใจดิสเครดิตตน

“ฟิล์ม” เผย “แอนนี่” เต้น! หลังโดนเฉ่งผ่านสื่อถึงกับรีบติดต่อกลับ บอกถึงยังไม่นัดวันที่แน่นอน แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยมีความคืบหน้า สวดฝ่ายหญิงตั้งใจดิสเครดิตตน ก่อนขู่ถ้ายังเตะถ่วงไม่ยอมไปถอนชื่อตนจากการเป็นพ่อ “ทีฆายุ” เจอจัดหนักแน่

เป็นเรื่องอีกจนได้ เมื่อ “แอนนี่ บรู๊ค” ตีเนียนไม่ยอมถอนชื่อ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ออกจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ตามคำสั่งศาล จนทำให้หนุ่มฟิล์มเดือดปุดๆ ออกมาระเบิดอารมณ์ผ่านสื่อ พร้อมสวดชุดใหญ่ว่า ตนปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ให้บอกความจริง และไม่ให้พูดถึงกันและกัน แต่ทางแอนนี่กลับทำมึนไม่ยอมทำตามศาลสั่ง ถึงขั้นประกาศจะไม่ทนอีกต่อไป ล่าสุดหนุ่มฟิล์มก็เผยความคืบหน้าให้ฟังว่า หลังจากที่ตนวีนแตกไป แอนนี่ก็ติดต่อกลับมาแล้ว พ้อตนอยากรีบเคลียร์เพื่อเป็นการเรียกร้องสิทธิ์ให้พ่อให้แม่ของตนบ้าง

“ยังไงก็ต้องถอนครับ ที่ผมออกมาพูดเมื่อวันก่อนเพราะผมอยากจะออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ก็ออกไปแล้วก็ดีขึ้น รู้สึกว่ามีการติดต่อกลับมาโดยด่วนเชียว ผมเองไม่เคยไปยุ่ง ไม่เคยไปขออะไรเขาเลย เป็นแพะรับมาหลายปี หลายเรื่องก็ยังอยู่เฉยๆ แต่นี่มันทนไม่ไหวแล้วไง มันนานไปมั้ย เราเองอยากเรียกร้องสิทธิ์ให้พ่อให้แม่เราบ้าง”

“อย่างตอนนี้ก็มีการประสานงานมาบ้าง ผมเองโอเค ในเมื่อเขาติดต่อกลับมา ตอนนี้ก็แล้วแต่ทนายแล้ว ก็ต้องให้ทนายดูแลต่อ ถ้ายังไม่ไปเคลียร์อีก เดี๋ยว....แน่นอน คือเขากับผมไม่สามารถที่จะคุยกันได้ตรงๆ อยู่แล้ว จะมีคนกลางคอยเคลียร์ให้ ทางผมก็เคลียร์ผ่านทนาย”

“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะนัดมาจัดการวันไหน แค่รู้ว่ามีความคืบหน้าเราก็ดีใจแล้ว (เขาบอกว่าเขาเป็นคนเสนอมาเองทำไมจะไม่อยากถอน?) ไม่จริงหรอกครับ เพราะมันเป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้วที่ผมทน พอผมจะออกมาพูดอะไร พอผมจะพูดความจริง เขาก็จะไปแก้ตามรายการต่างๆ ให้คนสับสนว่าตกลงยังไงกันแน่ ใครพูดจริงใครพูดไม่จริง เขาเรียกว่ายึดเครดิตทางสังคม ณ ปัจจุบันนี้ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว กับสิ่งที่ผมทนมา ขออะไรผมให้หมด ผมยอมหมด แต่ตอนนี้ทำไมถึงไม่ทำอะไรให้ผมบ้าง ในเมื่อผมยอมทุกอย่าง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”

รับคราวนี้โกรธเพราะตนรอเคลียร์เรื่องให้จบมานานแล้ว ลั่นหากไม่รีบมาจัดการตนจะจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว

“เพราะมันรอมานานแล้วครับ ผมเองตอนนี้ก็งานเยอะ ผมเองอยากทำงานแล้ว ผมบอกกับทุกคนกลับมาแล้ว ผมอยากจะเต็มที่กับงาน แต่นี่ผมขอวันที่เขาจะไปเคลียร์ แต่เขาก็ไม่มา ผมต้องหยุดไปหยุดมา ผมก็เสียงานไปหลายงานมากแล้ว คือถ้าเขาไม่มาจัดการ ผมเตรียมเดินเรื่องพร้อมดำเนินการแน่นอน เพราะมันไม่ไหวแล้ว จะทำยังไงขอดูก่อนยังไม่รู้เหมือนกันมันยังไม่ถึง”

“ผมเองไม่ได้ขีดเส้นตายบังคับให้เขามาเคลียร์ถึงวันไหนๆ หรอกครับ แต่ก็อยากให้มีอะไรคืบหน้ามาบ้าง ตอนนี้ก็รออย่างเดียว ถ้าเขาถอนชื่อแล้วก็คือจบ เขาจะออกมาพูดอะไรอีกมันก็ไร้สาระครับ คนเขารู้มา 2 ปีแล้ว คนเขารู้กันหมดแล้ว ก็สักทีเถอะครับ”



ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“แอนนี่” ตีมึนไม่ถอนชื่อ “ฟิล์ม” จากการเป็นพ่อตามคำสั่งศาล ฝ่ายชายเซ็งอุตส่าห์ยอมไม่บอกความจริงแต่กลับโดนแบบนี้

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ของขึ้น “แอนนี่” ไม่ยอมไปถอนชื่อจากการเป็นพ่อตามคำสั่งศาล ทั้งที่ตนปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ให้บอกความจริง และไม่ให้พูดถึงกันและกัน แต่แอนนี่กลับไม่ยอมทำตามที่ศาลสั่ง ระเบิดอารมณ์ทนมาเยอะแล้วบางทีก็ถึงจุดที่ทนไม่ไหวเหมือนกัน เตรียมให้ทนายดำเนินการ

จากที่จบกันไปแบบงงๆ ว่าใครเป็นพ่อของ “ทีฆายุ” ลูกของ “แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค” กันแน่ หลังจากที่เจ้าตัวร้องไห้ออกทีวีว่า พ่อของเด็กคือ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจนกลายเป็นข่าวโด่งดังเม้ากันหมดหยดไปทั่วประเทศ ด้านฟิล์มเดินหน้าฟ้องเพื่อขอตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ความจริง ในขณะที่ฝ่ายแอนนี่ยืนยันไม่ตรวจท่าเดียวอ้างศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง

กระทั่งศาลต้องมาไกล่เกลี่ยจนทั้งคู่ยินดียอมความต่อกัน แต่ก็ไม่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลชัดเจนว่า ศาลไกล่เกลี่ยอย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ฟิล์มกับแอนนี่ถึงตกลงยอมความ ด้านแอนนี่พอคดีจบก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องทุกอย่างจบแล้วไม่ขอพูดถึงแต่ความจริงกระจ่างแล้วได้รับความยุติธรรมแล้ว เล่นเอางงกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่ากระจ่างอย่างไร ใครเป็นพ่อ และศาลตัดสินอย่างไร

ด้านฟิล์มเองก็ตอบแบบอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า พอใจแล้วได้เคลียร์ทุกอย่างหมดแล้ว หมดมลทินแล้ว ต่อไปจะได้เดินหน้าทำงาน แต่ก็ยังไม่พูดออกมาชัดๆ ว่าความจริงเป็นอย่างไร จนหลายๆ คนฟันธงว่า คงมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอในชั้นศาลและฟิล์มคงเป็นพ่อของลูกแอนนี่ชัวร์

แต่ล่าสุดพอแอนนี่หอบลูกมาออกรายการตีสิบให้สัมภาษณ์ถึงการเลี้ยงลูกและการใช้ชีวิตแบบซิงเกิ้ลมัม เข็ดความรัก เข็ดผู้ชาย จนได้รับความเห็นใจจากผู้คนมากมาย ทำเอาฟิล์มถึงกับเดือดทนไม่ไหวที่แอนนี่มีเวลาไปออกทีวีแต่กลับเบี้ยวนัดไปถอนชื่อจากการเป็นพ่อตามคำสั่งศาล

“จากที่คำสั่งศาลออกมาแล้วก็เหลือแต่เขาต้องไปเซ็นต์ชื่อผมออกจากการเป็นพ่อ แต่เขาก็ไม่เซ็นต์ซักที เขาไปปลอมชื่อผมเซ็นต์เป็นพ่อแล้วมันก็เลยมีผลกระทบมาที่ผมเพราะผมไม่ใช่ ผมก็ต้องรอเขาไปเซ็นต์ออกไงครับ มันก็เหนื่อยเราทนอะไรมาเยอะบางทีมันก็ไม่ไหว มันก็มีจุดระเบิดเหมือนกันที่คนเราจะทนได้”

“คือตอนนี้ ก็ทำตามคำสั่งศาล คือผมทำตามคำสั่ง ไม่พูดถึงกัน แต่ทางนั้นยังไม่เห็นทำตามอะไรเลย ก็คือว่าในส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีอะไรครับ แค่เขายังไม่ยอมไปถอดชื่อผมออกจากเป็นพ่อเท่านั้นเอง ก็เห็นว่าเพิ่งไปออกรายการมา แต่ยังไม่ถอด ผมก็รออยู่ว่าเมื่อไร เพราะศาลตัดสินมาแล้ว นี่ก็เป็นคำสั่งศาลให้ถอดชื่อผมออกจากการเป็นพ่อครับ”

“จริงๆ ศาลก็มีกำหนดวันมาครับว่าถึงเมื่อไร แต่รายละเอียดผมไม่ทราบ แค่ตอนนี้เรานัดจะไปถอด ก็ไม่ไปสักที เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ตัวผมเองก็ไม่อยากจะทำอะไร คืออะไรที่ให้อภัยได้ผมก็ให้อภัยไปแล้ว แต่ในเรื่องที่เขาตัดสินไปแล้วก็ยังไม่ยอม ผมเองยอมหมดแล้ว ทำไมเขาถึงยังไม่ยอมอีก เรื่องนี้ทางทนายและทางผู้ใหญ่เป็นคนจัดการดูแลให้ คงมีที่ศาลสั่งแล้วเป็นเรื่องใหญ่ๆ คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียว”

“จริงๆ ตัวลาหยุดไปแล้ว รอแล้วรออีกก็ไม่มาสักที จนผมเองก็เซ็ง เพราะหลายครั้งแล้ว คือผมก็ยอมทุกอย่างไม่ให้บอกความจริง ผมเงียบมาตลอด ก็โดนอยู่ฝ่ายเดียว ผมแค่ขอความยุติธรรมให้ตัวเองบ้าง มันก็เหนื่อยเราทนอะไรมาเยอะบางทีมันก็ไม่ไหว มันก็มีจุดระเบิดเหมือนกันที่คนเราจะทนได้ ตอนนี้ก็คงต้องดำเนินการตามกฏหมายครับ ก็คงต้องฟ้องตามกฏหมายต้องเป็นแบบนั้น”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

โอ้ละพ่อ ผลDNA น้องฑีฆายุ ไม่ตรงกับฟิล์มและแอนนี่

ปล่อยให้เป็น มหากาฬลูกใครหว่า? มานานพอสมควร แม้ยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าพ่อของ น้องฑีฆายุ คือใครกันแน่? แต่ล่าสุดดูเหมือนมหากาฬนี้มีแววจะปิดฉากลงชนิดไม่ต้องพึ่งแพะรับบาปอีกต่อไป หลังจากนักร้องสุดฉาว ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เดินทางไปยังศาลอาญา รัชดา เพื่อไตร่สวนมูลคดีฟ้องร้องดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค ข้อหาหมิ่นประมาท โดยกล่าวหาว่า ตนเป็นพ่อของ น้องฑีฆายุ ผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่ง หนุ่มฟิล์ม เองก็ยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ แอนนี่ บรู๊ค 3 ครั้ง แต่ป้องกันและคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งศาลนัดฟังคำตัดสินว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ 12 ก.ค.นี้!!
cats.jpg
ล่าสุดมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่า ผลตรวจ DNA ของ ด.ช.ฑีฆายุ กลับไม่ใช่ลูก ฟิล์ม รัฐภูมิ เนื่องจาก ฟิล์ม มีกรุ๊ปเลือด A และ แอนนี่ บรู๊ค มีกรุ๊ปเลือด B แต่หนูน้อย ฑีฆายุ กลับมีกรุ๊ปเลือด O ซะงั้น!!! ซึ่งตามกระแสเม้าท์ชี้แจงว่า ปกติถ้าผู้เป็นพ่อมีกรุ๊ปเลือด A และแม่มีกรุ๊ปเลือด B ลูกมีโอกาสน้อยมากที่จะมีกรุ๊ปเลือด O !!!

นอกจากนี้ยังมีรายชื่อว่าที่พ่อของ ฑีฆายุ หรือผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับ แอนนี่ อีก 2 คน โดย คนนึงเป็นอดีตดารา ที่ตอนนี้หอบผ้าหอบผ่อนไปปักหลักอยู่อเมริกาพักใหญ่แล้ว ส่วนอีกคนเป็นผู้ช่วยผู้กำกับละคร แหม่...งานนี้จะให้ชัวร์คงต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจ DNA สถานเดียว!!!

---------------------------------

ข้อมูลเพิ่มเติม

ลักษณะของยีนส์ ในกรุ๊ปเลือดต่างๆ (โดยยีนส์นั้นเป็นตัวกำหนดให้ร่างกายสร้าง Antigen นั้นๆ บนผิวเม็ดเลือดแดง)
กรุ๊ป A = มียีนส์ AO หรือ AA
กรุ๊ป B = มียีนส์ BO หรือ BB
กรุ๊ป AB = มียีนส์ AB
กรุ๊ป O = มียีนส์ OO


(กรณีฟิล์ม แอนนี่ ฑีฆายุ อยู่กรณีที่ 5 )


กรณีที่ 1 ทั้งสองฝ่ายกรุ๊ป A เหมือนกัน จะเป็นได้ดังนี้

ถ้าพ่อแม่เป็น AA+ AA ลูกจะเป็น AA ร้อยเปอร์เซนต์ (กรุ๊ป A ทั้งหมด)
ถ้าพ่อแม่เป็น A0 +AA ลูกจะเป็น AO กับ AA อย่างละครึ่ง( แต่ก็เป็นกรุ๊ป A ทั้งหมด)
ถ้าพ่อแม่เป็น A0 + AO ลูกจะเป็น AO 50% กับ AA กับ OO อย่างละ 25% (เป็นกรุ๊ป A 75% กับ กรุ๊ป O 25%)
ในทางปฏิบัติ คนกรุ๊ป A เราไม่ทราบหรอกว่ามันเป็น AA หรือ AO แต่จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ลูกก็จะมีโอกาสเป็นได้แค่กรุ๊ป A หรือ กรุ๊ป O เท่านั้น

กรณีที่ 2 ทั้งสองฝ่ายกรุ๊ป B เหมือนกัน

ก็จะเหมือนกับกรณีของ A ข้างบน แต่เปลี่ยนเป็น จาก A เป็น B เท่านั้น
- กรณีนี้ จะได้ลูกแค่กรุ๊ป B และ O เท่านั้น

กรณีที่ 3 ทั้งสองฝ่ายเป็น AB เหมือนกันจะเป็นดังนี้
AB + AB จะได้ ลูก AB 50% กับ AA และ BB อย่างละ 25%
- กรณีนี้จะได้ลูกกรุ๊ป AB 50% และ กรุ๊ป A กับ B อย่างละ 25% ไม่มีกรุ๊ป O เลย

กรณีที่ 4 ทั้งสองฝ่ายกรุ๊ป O เหมือนกัน จะได้ ดังนี้
OO + OO จะได้ลูก เป็น OO 100%
- กรณีนี้จะได้แต่ลูกกรุ๊ป O เท่านั้น ไม่มีกรุ๊ปอื่นปน

กรณีที่ 5 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป A อีกฝ่ายกรุ๊ป B จะเป็นได้ดังนี้ (เข้ากรณีฟิล์ม แอนนี่ ฑีฆายุ)


AA + BB = ลูกได้ AB ร้อยเปอร์เซ็นต์(Gr AB ทั้งหมด)
AO + BB = ลูกได้ AB ครึ่งหนึ่ง กับ BO ครึ่งหนึ่ง (กรุ๊ป AB กับ กรุ๊ป B อย่างล่ะครึ่ง)
AA + BO = ลูกได้ AB กับ AO อย่างละครึ่ง (กรุ๊ป AB กับ กรุ๊ป A อย่างล่ะครึ่ง)
AO + BO = ลูกได้ AB , AO , BO , OO อย่างล่ะ 25% ( มีได้ทุกกรุ๊ป อย่างละ 25% )

- กรณีนี้ จะเห็นได้ว่า ถ้าพ่อแม่คนหนึ่งกรุ๊ป A อีกคนกรุ๊ป B จะมีลูกได้ทุกกรุ๊ปเลย

กรณี 6 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป A อีกฝ่ายกรุ๊ป AB จะเป็นได้ดังนี้
AA + AB จะได้ลูก AA และ AB อย่างละครึ่ง (ได้ลูกกรุ๊ป A และ กรุ๊ป AB อย่างละครึ่ง)
AO + AB จะได้ลูก AA , AO , AB , BO อย่างละ 25% (ได้ลูกกรุ๊ป A 50% และ กรุ๊ป AB กับ กรุ๊ป B อย่างล่ะ 25%)
- กรณีนี้จะเห็นว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นกรุ๊ป A อีกฝ่ายเป็นกรุ๊ป AB จะได้ลูก กรุ๊ป A , AB , B ได้ แต่ไม่มีทางเป็นกรุ๊ป O

กรณีที่ 7 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป AB อีกฝ่ายกรุ๊ป B จะเป็นได้ดังนี้
AB + BB จะได้ลูก BB และ AB อย่างละครึ่ง (ได้ลูกกรุ๊ป A และ กรุ๊ป AB อย่างละครึ่ง)
AB + BO จะได้ลูก BB , BO , AB , AO อย่างละ 25% (ได้ลูกกรุ๊ป B 50% และ กรุ๊ปAB กับ กรุ๊ป A อย่างล่ะ 25%)
- กรณีนี้จะเห็นว่า ถ้า ฝ่ายหนึ่งเป็น AB อีกฝ่ายเป็น B จะได้ลูก กรุ๊ป A , AB , B ได้ แต่ไม่มีทางเป็นกรุ๊ป O เหมือนกันกับกรณีที่ 4

กรณีที่ 8 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป AB อีกฝ่ายกรุ๊ป O จะได้ดังนี้
AB + OO จะได้ AO กับ BO
- กรณีนี้จะได้ลูกกรุ๊ป A กับ กรุ๊ป B ไม่มี AB และ O

กรณีที่ 9 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป A อีกฝ่ายกรุ๊ป O จะได้ดังนี้
AA + OO ได้ AO ทั้งหมด (กรุ๊ป A ทุกคน)
AO + OO ได้ AO กับ OO อย่างละ50%
กรณีนี้จะได้ลูกกรุ๊ป A กับ กรุ๊ป O อย่างละครึ่ง ไม่มีกรุ๊ป B กับกรุ๊ป AB

กรณีที่ 10 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป B อีกฝ่ายกรุ๊ป O จะได้ดังนี้
BB + OO ได้ BO ทั้งหมด (กรุ๊ป B ทุกคน)
BO + OO ได้ BO กับ OO อย่างละ 50%
- กรณีนี้จะได้ลูกกรุ๊ป B กับ กรุ๊ป O อย่างล่ะครึ่ง ไม่มีกรุ๊ป A กับ กรุ๊ป AB

สรุปจากสิบกรณีด้านบนมาให้ดูง่ายๆ คือ

คนหมู่เลือด A + A = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A , O
คนหมู่เลือด B + B = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด B , O
คนหมู่เลือด AB + AB = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A , AB , B (ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)
คนหมู่เลือด O + O = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด O เท่านั้น

คนหมู่เลือด A + B = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด เป็นได้ทุกกรุ๊ป (เข้ากรณีฟิล์ม แอนนี่ ฑีฆายุ)


คนหมู่เลือด A + AB = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A , AB , B (ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)
คนหมู่เลือด B + AB = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A , AB , B (ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)
คนหมู่เลือด AB + O = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A หรือ B
คนหมู่เลือด A + O = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A หรือ O
คนหมู่เลือด B + O = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด B หรือ O

ที่มา http://news.sanook.com/1034707-กระฉ่อน-เปิดโผรายชื่อพ่อ-ฑีฆายุ-รอบสอง.html

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

“ฟิล์ม” ไม่ทำ “หมอลักษณ์” แนะขอขมา “แอนนี่” แล้วจะกลับมารุ่ง ย้อนแอนนี่มากกว่าที่ต้องขอโทษ

“ฟิล์ม” ยันเสียงขุ่น ไม่คิดขอขมา “แอนนี่” ตามคำแนะนำของ “หมอลักษณ์” ย้อนแอนนี่มากกว่าที่ต้องเป็นคนขอโทษ ซัดที่ผ่านมาตนเป็นฝ่ายทนมาตลอด ก่อนเผยโดนรถชนช่วงสงกรานต์ ดีที่ไม่เป็นอะไร พร้อมปัดจีบ “โบวี่” บอกมีสาวคุยแล้ว

ยังมีเรื่องให้หงุดหงิดใจอยู่เรื่อยๆ สำหรับหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ล่าสุดเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็เพิ่งโดนรถชนระหว่างเดินทางกลับจากเชียงใหม่ แต่โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร งานนี้ฟิล์มก็เลยถือโอกาสทำบุญสะเดาะเคราะห์ยกใหญ่

“ไปเชียงใหม่มาครับ ก็โดนชนระหว่างจะกลับมากรุงเทพ พอดีมีรถจอดอยู่กลางถนน แต่คนไม่อยู่ วันนั้นพอดีผมก็นั่งไปกันทั้งครอบครัว ผมว่าเขาน่าจะเมาแล้วจอดรถทิ้งไว้กลางเลนเลย คนขับรถผมก็บนว่าทำไมรถคันนี้ขับช้าจัง ไฟก็ไม่เปิด แล้วสักพักคนขับรถผมก็ร้องเฮ้ยขึ้นมา เพราะอยู่ๆ รถก็จอดเฉยๆ ไม่ยอมวิ่ง”

“ก็โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่แม่ผมก็หัวโนปูดเลย เข่าช้ำ พ่อผมนิ้วส้น มีรอยถลอกตามที่ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก มีไปแอดมิดเช็คกันที่โรงพยาบาล แต่รถพังหมดเลย พอดีผมไม่ได้ขับเองเลย ก็เลยโชคดีไป ก็มีตำรวจเข้ามาเคลียร์ทุกอย่าง ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แต่เขาก็ทิ้งแต่บัตรประชาชนไว้นะ แต่ตัวคนขับไม่รู้อยู่ไหน ทุกวันนี้ยังตามตัวไม่เจอ ก็โชคดีบนความซวยไป ผมเองก็ไม่ได้ตามเรื่องอะไรเท่าไหร่”

“เหมือนฟาดเคราะห์ไป ก็ยังดีกว่าเราไปเป็นอะไร มันแรงมาก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ทำให้เราปลงว่าคนเรามันตายกันง่ายเหลือเกิน ทำไมมันตายกันง่ายขนาดนี้ ทำให้ผมระแวงว่าเราจะตายตอนไหนรึเปล่า เรื่องทำบุญนี่ทำบ่อยอยู่แล้ว หลังเกิดเรื่องก็ไปทำบุญที่วัดชนะสงครามมา ก็ทำพิธีครบเลยที่นั้น”

พร้อมกันนี้ “ฟิล์ม” ยังพูดถึงกรณีที่ “หมอลักษณ์” แนะนำว่าถ้าอยากจะกลับมารุ่งอีกครั้งให้อโหสิกรรม ขอขมาลาโทษกันกับ “แอนนี่ บรู๊ค”

“เขาเองต้องเป็นคนขอโทษผมรึเปล่าครับ ผมไม่ได้สนใจแล้วครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้ซีเรียสนะ หมอลักษณ์เอง ท่านคอยดูให้ตลอด ผมเองไม่ได้สนใจว่ามันจะตรงหรือไม่ตรง แต่ผมสนใจว่าเวลาพูดอะไรแล้ว ผมก็จะคอยปฎิบัติตามแต่ที่มันเป็นเรื่องที่ดีนะ จะให้ไปดำน้ำไปหาดิน 7 ป่าช้าอะไรแบบนั้นผมคงไม่ทำ”

“คือผมว่ามันจะไปทำแบบนั้นเพื่ออะไร ที่ผ่านมาทุกคนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมทนมาโดยตลอด จะไปขอโทษเขาเพื่ออะไร ก็ดูตามเหตุผลครับ”

ส่วนข่าวกำลังตามจีบ “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” หนุ่ม “ฟิล์ม” แจกแจงว่า…..

“ก็ไปทำงานร่วมกับเขาที่จีนครับ แต่ไม่ได้มองว่าจะจีบเขารึเปล่า โบวี่เองเขาก็เป็นคนดี แล้วก็น่ารักมากครับ จะจีบจะอะไรต้องระวังหน่อยมั้ย เพราะทำอะไรก็เป็นข่าวไปหมด?) ผมไม่ได้กลัว เขาเป็นคนดีเราเป็นประเด็นกับเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร”

“ผมชอบที่เขาเป็นคนชอบทำงาน เป็นเด็กที่มองอนาคต จริงๆ ก็ชวนไปทำงานหลายคนนะครับ แต่บางคนก็อยากเที่ยว อยากนอน บางคนขี้เกียจ แต่โบวี่นี่ พอเราชวนเขาไปทำงานเขาก็ยินดีตลอด บอกไปพี่โบไปอะไรแบบนี้ เราก็เลยมองว่าเขาหวังอนาคต แล้วพื้นหลังเขาเองก็เป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงาน เราก็เลยอยากจะสนับสนุนเขา เรื่องจะจีบมาเป็นนางเอกหนังก็ยังไม่รู้ครับ ตอนนี้มีงานก็พยายามบอกๆ ทุกคน แต่มีโบนี่แหละครับที่ว่าง”

“ตอนนี้ก็มีคนคุยๆ อยู่ ก็มีคุยอยู่เรื่อยๆ แต่กับโบส่วนใหญ่เราจะคุยกันเรื่องของงานมากกว่า มีเรื่องส่วนตัวบ้างเล็กน้อย ด้วยความที่ตอนนี้ผมไม่กล้าที่จะไปจีบใคร อีกอย่างเราเองยังรู้สึกเฉยๆ กับทุกคนที่รู้จักด้วย”

“ณ ตอนนี้ผมยังไม่ได้มองเรื่องนั้น ซึ่งทุกคนที่เข้ามาหาผมตอนนี้ ก็เป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น เราเองไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นด้วยแหละ ยังไม่มีใครพิเศษ ตอนนี้ทำแต่งานอย่างเดียว ด้วยความที่ตอนนี้เราอยากทำอะไรให้มันสำเร็จตามที่เราต้องการสักทีนึงก่อน เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากันครับ”

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

“หมอลักษณ์” ฟันธง “พิ้งกี้” จะกลับมาดัง บอก “ฟิล์ม” ต้องอโหสิกรรมให้ “แอนนี่” แล้วจะกลับมารุ่ง

"อาจารย์ลักษณ์” เผย “พิ้งกี้” เข้ามาขอความช่วยเหลือหลังชีวิตตกต่ำ ตนก็เลยช่วยล้างอาถรรพ์ให้ ทำนายต่อไปนางเอกสาวจะโด่งดังเป็นที่ยอมรับแถมจะมีงานโกอินเตอร์ อีกทั้งยังฝากเตือนหนุ่ม “ฟิล์ม”ให้อโหสิกรรมเรื่องราวทั้งหมดแล้วจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

หายหน้าไปจากทำนายดวงดาราและการเมืองไปนานเลยทีเดียวสำหรับ “อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ” เห็นแต่ข่าวไปทำบุญสร้างวัดในจังหวัดต่างๆ ล่าสุดก็เปิดแถลงข่าวสร้างอนุสาวรีย์แม่ย่าโม วัดศาลาลอย งานนี้อาจารย์ลักษณ์บอกว่า ที่หยุดทำนายดวงเมืองเพราะมักจะโดนเอาข้อมูลไปแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เลยหันมาทำบุญดีกว่า

“หลังจากที่กระแสการเมืองรุนแรง เราไปทายอะไรที่เกี่ยวกับดวงบ้านดวงเมืองก็ส่งผลต่อความรู้สึกของคนใช้ข้อมูลของเราไปแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหาประโยชน์ใส่ตัว ผมก็เลยหยุดทายดวงเมืองมาพักใหญ่แล้วตั้งแต่ปี 52 เพราะสิ่งที่เราเคยห้ามเคยเตือนไม่เกิดผลในเชิงมหภาค ผมก็เลยหันมาเดินสายไหว้พระ สร้างวัดในทุกๆ ภาค เพราะต่อไปคนไทยจะแบ่งภาคกันไม่ได้ร่วมกันเป็นหนึ่ง ก็หวังว่าต่อไปพระที่ผมสร้างไว้ในแต่ละภาค จะช่วยรวมใจคนไทยให้กลับมาเป็นหนึ่งได้บ้างก็เท่านั้นเอง เราก็พยายามจะดึงคนมาทำบุญมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่า บุญจะเปลี่ยนทุกอย่าง จากเคราะห์ก็จะกลายเป็นดีได้ จะเห็นได้ว่า หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมคนหันมาทำบุญมากขึ้น”

“อาจารย์ว่าเราควรหันกลับมาพอเพียง ทุกวันนี้ชีวิตส่วนใหญ่ของอาจารย์ก็อยู่ต่างจังหวัด มีความสุขมากไม่กลัวของแพง เพราะอาจารย์ปลูกพืชปลูกผักไว้กินเอง ไม่ไปซื้อใครก็ไม่กลัวข้าวของจะแพงก็แพงไป บอกเลยคนไทยอย่าไปสนใจเรื่องการเมืองมาก หันมาทำมาหากินเข้าวัดทำบุญดีกว่าถ้าทำแบบนี้ชีวิตคนไทยจะมีความสุขมากเลยนะ มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบายต้องลองกันดู”

นานๆ จะเจอ “อาจารย์ลักษณ์” ทั้งที่ผู้สื่อข่าวเลยถามถึงดวงดาราว่าเป็นอย่างไรบ้าง อาทิเช่นดวงของ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ที่เริ่มกลับมามีผลงานอีกครั้ง หลังจากโดนกระแสสังคมต่อต้านกรณีมีข่าวเป็นมือที่สาม “ธัญญาเรศ รามรงค์” กับ “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล”

“บอกเลยว่า พิ้งกี้เขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก เขาจะกลับมาดัง พิ้งกี้ นี่หลังจากที่มีเรื่องมีราวกับเขาจริงๆ เขาก็มาหาผมนะ เขามาขอคำปรึกษา เราก็แนะนำเขาไปในทางที่มันไม่ผิดศีลธรรมทำให้เขากลับมายืนในวงการบันเทิงได้อีก คงไม่ใช่เพราะเราแนะนำเขาอย่างเดียว คงเป็นเรื่องความคิดความตั้งใจของเขาเพื่อประชาชน อยากจะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมากกว่าด้วย อาจารย์ก็เอามหาสังข์ของพระองค์ชายใหญ่มาล้างอาถรรพ์ให้เขา เป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ใส่น้ำรดพิ้งกี้จากนี้เคราะห์จงหมดสิ้นไป ต่อจากนี้ไปเขาจะมีชื่อเสียงมากและโกอินเตอร์นะ”

“อีกคนที่น่าเป็นห่วง คือ ฟิล์ม รัฐภูมิ ด้วยความที่เขาทำอะไรอยู่เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ ถ้าเขายังใฝ่มีจิตคิดวนอยู่แต่เรื่องเก่าๆ ก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เขาต้องตัดให้หมดอโหสิกรรมให้สิ้น คนเราค้าขี้ดีกว่าค้าความ หยุดฟ้องร้อง อโหสิกรรมเขาให้หมด ถอนฟ้องให้หมด ปล่อยให้เวรกรรมเขาทำหน้าที่ตามเขาไปเอง ไม่ต้องไปเป็นผู้พิพากษาเขา แล้วเขาจะกลับมาได้อีก เอาเวลาไปสื่อสารกับแฟนๆ ดีกว่ามานั่งคิดว่ากูไม่ผิด ยอมรับซะว่ามันอาจจะเป็นเวรกรรมกันมาแต่ชาติปางก่อน ฉะนั้นต้องยอมรับกรรมส่วนหนึ่งไปบ้าง และอโหสิกรรมให้เขาซะจะได้หมดเวรหมดกรรมซึ่งกันและกัน เดี๋ยวลูกโตก็รู้เองว่าหน้าตามันจะเหมือนใคร”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“แอนนี่” พ้องานหดหลังหมดกระแส ปลื้ม “น้องคากิ” มีรอยยิ้ม-หน้ายาวเหมือนพ่อ

“แอนนี่” ทำใจ หลังกระแสหมดงานก็หดตาม อ้อนผู้จัดละครของานแสดง ลั่นมีความสุข “น้องคากิ” ยิ่งโตยิ่งขี้อ้อน ปลื้มมีรอยยิ้มและรูปหน้ายาวเหมือนพ่อ ซึ่งคนใกล้ตัวก็รู้ว่าเป็นใคร

ถึงกับโอดครวญกับโชคชะตาที่เจอมรสุมรุมเร้า สำหรับดาราสาวฉายา ม่ายดีเอ็นเอ “แอนนี่ บรู๊ค” ที่ปีนี้ต้องเผชิญกับข่าวคาวหนักที่สุดในชีวิต แต่ในความโชคร้ายนั้นทำเจ้าตัวตาสว่าง รู้แจ้งว่าใครเป็นเพื่อนที่แท้จริง นอกจากนี้ดาราสาวยังตัดพ้อเรื่องงานว่า พอตนหมดกระแส งานก็หายตามไปด้วย ตอนนี้ก็เก็บบุญเก่ากินกับทางบริษัทเวิร์คพ้อยท์ พร้อมอ้อนของานละครจากผู้จัดฯ

“สำหรับปี 2553 ถือว่าเป็นปีที่หนักสุดในชีวิตแล้ว ไม่คิดว่าชีวิตเราต้องมาเจอแบบนี้ แต่ทุกอย่างที่ผ่านมาแอนนี่คิดดีแล้วถึงทำ แล้วอีกอย่างเรื่องที่ผ่านมาถึงจุดนี้เหมือนมันถูกบีบบังคับจากหลายๆ ทาง ถูกบีบมาให้ไปซ้ายหรือขวา แต่เราก็ทำให้ดีที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น ได้เห็นน้ำใจ ถ้าเราไม่เจอวิกฤติหรือความทุกข์จะไม่รู้เลยว่าใครเป็นเพื่อนแท้ แล้วก็น้ำใจที่หลั่งไหลเข้ามา ใครเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะอยู่เคียงข้างเรา ตอนที่เราแย่ ก็มีลูกคอยเป็นกำลังใจให้ แล้วก็แม่ของแอนนี่ แล้วก็เพื่อนๆ ที่ยังไม่ทิ้งกัน ซึ่งก็มีเพื่อนๆ ที่ทิ้งเหมือนกันนะ เพราะว่าไม่กล้าเข้าใกล้กลัวเป็นข่าวกลัวเป็นเรื่อง ตรงนี้มันทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายในอนาคตว่า เราจะอยู่เคียงข้างกับเพื่อนคนไหนได้บ้าง”

“ส่วนเรื่องงาน อย่างที่บอกงานอีเว้นท์ไม่ค่อยมีแล้ว อย่าง 2-3 งานก่อนหน้านี้มันเป็นไปตามกระแส พอหมดกระแสก็หมดกัน ใครที่บอกว่าแอนนี่งานเยอะ จริงๆ แล้วไม่เยอะเลยตรงกันข้ามมากกว่า จากละครที่กำลังมีเข้ามาก็ไม่มีเลย งานหนังที่เคยเล่นมา 4-5 เรื่องตอนนี้ก็ไม่มีเลย งานอื่นๆ ก็ไม่มีเลย ตอนนี้ตกงาน มันกระทบมากเลย ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่มีน้องอีก”

“ส่วนงานกับเวิร์คพ้อยท์ก็เป็นงานเก่าที่เราเคยทำมาก่อนแล้ว เขาก็ยังเมตตาสงสารให้เราเล่นต่อ แต่ว่ามันก็ยังไม่มีงานไหนเพิ่มขึ้น เหลือประจำแค่งานนี้ เรื่องงานอะไรต่างๆ แอนนี่พร้อมรับตลอด ฝากทางพี่ๆ สื่อมวลชนด้วยว่าแอนนี่อยากทำงานแล้วนะ แต่เราก็เข้าใจประเด็นหลักๆ ที่เป็นข่าวอยู่ว่า ทำไมเราถึงไม่มีงาน เรื่องข่าวที่ผ่านมาเหนื่อยกายยังไม่เท่าไหร่นะ แต่เหนื่อยใจมากกว่า ถ้าเราเลี้ยงลูกแล้วถ้ามันไม่มีอะไรอยู่ในใจมันก็คงดี แต่ตอนนี้มีความสุขมากได้เห็นลูก ตอนนี้หน้าตาน่าตีจะตาย (หัวเราะ) ขี้อ้อน อ้อนแม่เป็นแล้ว เริ่มอ้อแอ้”

แย้มคนใกล้ตัวรู้ดีว่าพ่อของ “น้องฑีฆายุ” เป็นใคร ยิ้มลูกชายยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ โดยเฉพาะรอยยิ้มและใบหน้าที่ยาว

“นอกจากแอนนี่ที่รู้ว่าใครเป็นพ่อน้องคากิแล้ว ก็จะมีคนใกล้ตัว มีคนรู้ค่ะว่าเขาเป็นใคร อย่างที่คุณระเบียบรัตน์ได้พูดว่า คนเป็นพ่อก็ต้องเป็นไปตลอด แต่ถามว่าน้องมีอะไรเหมือนพ่อเขาไหม ก็คงจะเป็นรอยยิ้ม ตาเขาเหมือนแอนนี่ไง แต่หน้าเขายาวเหมือนพ่อ เพราะแอนนี่หน้าสั้น”

ขอบคุณข่าวแซ๋บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“แอนนี่” โกยอื้อพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอาง ปัดเรื่องเยอะ-อัพค่าตัวแพงหูฉี่

“แอนนี่” รับทรัพย์เป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอาง ปัดค่าตัว 8 หลัก บอกเรียกสมเหตุสมผล พร้อมโต้ทำตัวเรื่องเยอะ เรียกค่าตัวแพงขึ้น เผยงานไม่ชุกมาก ดีใจได้กลับร่วมงานกับเวิร์คพ้อยท์อีก ลั่นปิดตายประตูหัวใจ รับมีหนุ่มเข้ามาเอ็นดูสงสาร แต่ไม่พร้อมเพราะใจยังเจ็บไม่หาย
กำลังโหมรับงานอย่างเต็มที่ เพื่อหาเงินเป็นค่านมเลี้ยงลูก จนมีเสียงลือหึ่งว่าดาราสาว “แอนนี่ บรู๊ค” อาศัยความดังจากมรสุมข่าวเกี่ยวข้องกับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” อัพค่าตัวแพงหูฉี่เป็นหลักแสน แถมยังเรื่องเยอะขึ้นตั้งกฎเหล็กงดรับงานเซ็กซี่ หรือโชว์ตัวตอนกลางคืน โดยอ้างจะอยู่เลี้ยงลูก ล่าสุดเจ้าตัวโดดไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าสาวแอนนี่เรียกค่าสูงถึง 8 หลักเลยทีเดียว แต่งานนี้เจ้าตัวปฏิเสธโดยยันเรียกค่าตัวพอสมเหตุสมผลกับงาน

“ค่าตัวได้ไม่ถึง 8 หลักค่ะ แอนนี่ไม่ได้เป็นคนเรียกค่าตัวเยอะแยะมากมาย ถามก็ดีเลย มีบางคนบอกว่าอย่าไปจ้างแอนนี่เลย เรื่องเยอะ ค่าตัวเยอะ แหมเรียกค่าตัวแพง ก็ขอเคลียร์เลยว่าไม่ใช่ ส่วนจะได้เท่าไหร่ขอไม่ระบุตัวเลขดีกว่า แต่ไม่เยอะมาก พอสมเหตุสมผล ส่วนงานก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย เท่าที่พี่ๆ เจอแอนนี่งานก็ไม่ได้เยอะมาก มันก็เป็นไปตามของมัน ก็มีงานติดต่อเข้ามาบ้าง มีงานอีเว้นท์บ้างอะไรบ้าง มีไปต่างจังหวัดบ้าง เป็นพิธีกรบ้าง ไม่ได้มีนอกเหนือจากนั้นสักเท่าไหร่”

“แต่ตอนนี้ก็กลับมาทำรายการของเวิร์คพ้อยท์แล้ว ก็มีชิงช้าสวรรค์ และที่ไปถ่ายมาแล้วคือ ระเบิดเถิดเทิง ก็รู้สึกดีใจนะคะที่ได้ทำ แอนนี่รู้มาตลอดอยู่แล้วว่าเวิร์คพ้อยท์ไม่เคยทิ้งแอนนี่อยู่แล้ว พี่ๆ ในเวิร์คพ้อยท์ก็ให้กำลังใจหมด ทุกคนดีกับแอนนี่มาตลอด คือ 5 ปีที่ผ่านมาดียังไงก็ดีมาอย่างนั้น”

เมื่อสอบถามเรื่องหัวใจพร้อมเปิดรับหนุ่มใหม่เข้ามาหรือยัง เจ้าตัวลั่นขอปิดตายประตูหัวใจ เพราะยังรู้สึกเจ็บไม่หาย

“หัวใจตอนนี้ปิดตายเลยค่ะ ไม่สามารถจริงๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วไม่สามารถ ถามว่ามีคนเข้ามาจีบบ้างไหม คือจะมีเข้ามาในลักษณะเอ็นดูสงสาร แต่มันไม่ได้ค่ะ ก็คงจะอีกนานกว่าจะมีใคร อย่างที่แอนนี่บอกถ้าเห็นแอนนี่ไปเดินกับผู้ชายนี่ไม่ใช่แน่นอน มันเจ็บอยู่นะ มันยังไม่หายนะ ต่อให้ตอนนี้เรื่องมันซาผ่านมาแล้ว มันก็ยังไม่หายค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“ฟิล์ม” ปัดบวชลบล้างความผิดพลาด เมิน "ฝ้าย" ร้องไห้เป็นแฟนเก็บยันแค่เพื่อน

“ฟิล์ม” ปัดบวชล้างซวยลบล้างความผิดพลาดในอดีต แจงเป็นการบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ส่วนมรสุมข่าวร้ายๆ ที่ผ่านมามองเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า โต้ทำให้เสียโอกาสในการโกอินเตอร์ ลั่นไม่ขอพูดถึง “ฝ้าย” หลังอีกฝ่ายโฮเปิดใจเป็นแฟนเก็บฟิล์มมา 8 ปีเต็ม ย้ำแค่เพื่อนเจอก็ทักทายได้ เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูด

ผ่านมรสุมชีวิตอันหนักหน่วงมาได้พักใหญ่แล้ว สำหรับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกแถลงข่าวขอลาบวชตามที่ตั้งใจ หลังจากที่ต้องเลื่อนไปหลายครั้งหลายครา แต่ก็มีประชาชนบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า การบวชครั้งนี้ของหนุ่มฟิล์ม เป็นการบวชเพื่อต้องการล้างซวย ลบล้างความผิดของตนเองที่เคยกระทำพลาดมาหรือไม่ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวได้ชี้แจงว่าไม่ได้มองเช่นนั้น ตนเลือกมองเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ทดแทนคุณพ่อแม่ ส่วนเรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามานั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดี

“ครั้งนี้ที่บวช ผมไม่ได้ต้องการลบล้างสิ่งที่ผิดพลาดของผมทั้งหมด ผมไม่ได้มองอย่างนั้นครับ คือมันเป็นเรื่องของงาน งานผมเยอะจริงๆ ณ ปัจจุบันนี้ยังเยอะอยู่เลย แต่เราก็ต้องทำให้ได้ เพราะมันก็เป็นครั้งนึงในชีวิตที่จะทดแทนผู้มีพระคุณทั้งหลาย ผมมองสิ่งที่ผ่านมาว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ พอวันนึงเรายืนขึ้นมาได้แล้ว เราก็มองถึงเรื่องที่ผ่านมาว่า มันเป็นละครชีวิตที่ล้ำค่ามาก และมันก็จะไปสอนคนอื่นได้ต่อ”

“ข่าวก็เริ่มซาไปแล้วผมเองก็เข้มแข็งขึ้น มันเหมือนกับว่าผ่านอะไรมา และทำให้ใจของเรามันเสริมใยเหล็กเข้าไป ทำให้หนาขึ้นกว่าเดิม มันก็เลยไม่ได้คิดอะไรแล้ว ก็เลยปลงปล่อยว่างมุ่งหน้าบวชอย่างเดียว พยายามทำงานให้ไวที่สุด เพราะผมต้องหายไป 6 เดือนครับ ช่วงนี้ก็เลยต้องปล่อยงานออกมาให้ได้เยอะที่สุด งานของผมจะได้ดูแลแฟนๆ ของผมไปก่อน งานผมจะได้ดูแลคนที่ผมรักแทนตัวผมไปก่อน ผมพยายามเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้ได้มากที่สุด”

“หลายคนอาจจะมองว่า เรื่องราวครั้งนี้ทำให้ผมเสียโอกาสในการโกอินเตอร์ แต่ผมไม่ได้มองอย่างนั้นเลยจริงๆ ณ จุดๆ นั้น ในเมื่อถ้าผมหายไปแล้ว ผมไปทำตัวเองให้มันท้อมากขึ้นกว่าเดิม ผมว่ามันน่าจะง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ งานโกอินเตอร์ผมเองก็ยังมีเหมือนเดิม ผมไม่รู้นะ แต่ในส่วนตัวผมก็ดีขึ้น”

ไม่ขอพูดถึงนักร้องสาว “ฝ้าย อริญรดา ปิติมารัชต์” ที่ร้องห่มร้องไห้ออกทีวีพร้อมเผยเป็นแฟนฟิล์มมาตลอด 8 ปี เจ้าตัวย้ำเป็นแค่เพื่อนเจอกันก็ทักทายได้ เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูด

“ก็เป็นเรื่องปกติครับ ผมเชื่อเรื่องของเวลาว่า มันจะพิสูจน์ตัวเองว่าใครเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นว่าผมเจอกับเรื่องอะไรมา พอผ่านไประยะนึงเดี๋ยวก็เห็นว่าใครเป็นยังไง ผมพูดอะไรไม่ได้ครับ เพราะเป็นผู้ชายด้วย อยู่ที่สว่างด้วย พูดไปก็ไปกระทบคนอื่นอีก แล้วคนอื่นเขาไม่ได้เป็นแบบเรา เราก็ต้องตกเป็น(เงียบไป)ตลอดครับ ที่ผ่านมาผมพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน พอมามีเรื่องนี้คนอาจจะหาว่าผมทำเสียซะเอง ที่ผ่านมาผมก็พยายามสอนน้องๆ ว่าผมเองก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ถ้ามีโอกาสผมก็พยายามทำความดีหรือสร้างอะไรให้กับสังคมเยอะๆ เพราะน้องๆ ที่เป็นเด็กๆ แฟนผมเยอะมากเลย ผมก็อยากให้เขาเลียนแบบผมตรงนี้ แต่เรื่องที่ผ่านมาการใช้ชีวิตที่มันผิดพลาดอะไรบ้าง น้องๆ ก็ควรเอาเป็นแบบอย่าง”

“เรื่องฝ้ายก็ไม่รู้ครับ ยังไม่อยากพูดอะไร เขาออกมาพูดคนก็มองเราแย่อีก ก็ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมกับเขาก็เป็นเพื่อนกัน เจอกันก็คุยกันได้ปกติ ส่วนที่เขาบอกว่าเจอกันที่งานบริจาคน้ำท่วมของช่อง9 แล้วเขาไม่ทักผม คือผมไม่เห็นเขามากกว่า เพราะผมก็ทำงานไงครับ จะมีข่าวออกมาอีกเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่เลยหรือเปล่า ก็ไม่รู้ครับ ผมเฉยๆ ถามว่าพอมีข่าวตรงนี้ออกมาอีกแฟนคลับจะยังเข้าใจเราอยู่ไหม ก็มีเตรียมใจบ้าง แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ผมไม่สามารถรู้อนาคตได้หรอก ผมเองก็ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วก็งานของผม และตัวของผมก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง ทุกคนก็จะมีสิทธิ์เลือกเองว่า จะพิจารณาอย่างไรกับตัวผม”

“ความรักในวันนี้ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว คือผมเฉยๆ เพราะว่าในทุกเรื่องที่ผ่านมา ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ ตอนนี้ผมก็มุ่งเรื่องงานอย่างเดียว เพราะเวลาเหลือน้อยมาก เพราะผมจะบวชแล้วด้วย ผมก็พยายามทุ่มเทกับงานให้เต็มที่ที่สุด ความรักที่ผ่านมาที่แลดูจะยุ่งเหยิงมันก็เป็นบทเรียนที่ดีครับ เราก็ไม่เคยไปมองว่าที่ผ่านมามันเป็นอย่างไร เราเอาตรงนั้นมาสอนชีวิตเราต่อไป การดำเนินชีวิตมันจะได้ดีขึ้นกว่าเดิม ยังอยากจะมีความรักครั้งต่อไปอีกไหม มันขึ้นอยู่กับอนาคต ตอนนี้ผมไม่อยากคิดขอทำงานอย่างเดียว ผมพอแล้ว”

แย้มช่วงลาบวชเตรียมคลอดพ็อกเก็ตบุ๊กมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง เผยเป็นเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีเรื่องข่าวฉาวที่เป็นประเด็นปะปนอยู่ด้วย

“งานตอนนี้ก็เรียกว่ายุ่งมากครับ ผมก็จะทำงานเต็มที่เหมือนเดิมเพราะเราก็รักในการทำงานอยู่แล้ว งานพรีเซ็นเตอร์กลับเข้ามาหรือยัง คือตอนนี้ผมไม่มีเวลาทำเลยครับ มีเวลาอยู่ประเทศไทยแค่สองวันนี้ วันนี้แล้วก็พรุ่งนี้แล้วก็ไปอังกฤษ มาอีกครั้งก็กลับมาบวชเลย พอบวชเสร็จก็ไปเลย เจอกันอีกทีก็พฤษภาคมปีหน้าครับ แต่เร็วๆ นี้ผมกำลังจะมีพ็อกเก็ตบุ๊กออกมาก่อน ในช่วงที่ผมบวชอยู่ประมาณเดือนธันวาคม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตผมที่ผ่านมา เพราะผมเขียนเล่มแรกไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว และผมไม่เคยเขียนอีกเลย แต่พอมาตอนนี้เรามีเวลาเยอะมากจริงๆ ก็เลยเขียน กับเรื่องข่าวก็คงมีบ้าง”

“เวลาที่เหลืออยู่ของผมตอนนี้ก็ขอเต็มที่กับงาน และไปปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ก่อน เผื่อว่าจะได้มุมมองอะไรในชีวิตที่มันดีขึ้น ผมก็ อยากบอกกับแฟนๆ จริงๆ แล้วผมต้องขอบคุณทางแฟนๆ และพี่ๆ สื่อมวลชนด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะครอบครัว ผู้ใหญ่ เพราะทำให้ผมฟื้นตัวไวมาก ทุกท่านเป็นเหมือนยาที่มาคอยป้อนให้คนพิการคนนึงฟื้นตัวได้ไวขึ้น แล้วก็คอยประครองคอยหาลู่ทาง คอยประคบประหงมผมจนวันนี้แข็งแรงขึ้นมา แล้วเราก็ย้อนมองสิ่งที่ผ่านมาว่ามันคืออะไร และเราได้เห็นมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้นในวันนี้”

“เรื่องกลับมาจะไม่ดังเหมือนเดิม ทุกอย่างผมเตรียมใจไว้บ้างแล้วครับ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้อนาคตหรอก ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วก็งานของผมและตัวของผม ก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง และทุกคนก็จะมีสิทธิ์เลือกเอง มีแอบคาดหวังอยู่บ้างไหม จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับทางแฟนๆ และทุกท่าน แต่ในส่วนตัวผมก็จะทำงานให้เต็มที่เหมือนเดิม เพราะเราก็รักในการทำงานอยู่แล้ว”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์