วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตัวอย่างหนังใหม่ Killing Bono อยากดัง แต่มันดันแป๊ก

ตัวอย่างหนังใหม่จาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ Killing Bono
ชื่อไทย อยากดัง แต่มันดันแป๊ก
ประเภทหนัง Comedy
ผู้กำกับ Nick Hamm
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 16 June 2011
ความยาวหนัง 114 minutes
นักแสดง Ben Barnes, Robert Sheehan, Pete Potlehwaite


ตัวอย่างหนังใหม่ Killing Bono อยากดัง แต่มันดันแป๊ก | เรื่องย่อ
เนล แม็คคอร์มิค (เบน บาร์นส) รู้ตัวเสมอว่า เขาเกิดมาจะต้องมีชื่อเสียง เด็กหนุ่มไอริช เชื่อมั่นในความสามารถ ทั้งร้อง และเขียนเพลง ของตัวเองว่า ดีเพียงพอที่จะก้าวสู่ชีวิตนักดนตรีร็อกผู้มีชื่อเสียง หากแต่ ตำแหน่งนักร้องนำของวงดนตรีโรงเรียน วง The Hype ตกเป็นของ พอล (มาร์ติน แม็คคานน์) เพื่อนของเขาไปเสียแล้ว ดังนั้น เนล จึงก่อตั้งวงดนตรีของตัวเองร่วมกับ น้องชาย อีวาน (โรเบิร์ต ชีฮาน) เนล ตัดสินใจลาออกจากวง เพื่อเริ่มต้นเส้นทางดนตรีของตัวเอง แต่อุปสรรคปัญหาเดียว ก็ยังเหมือนเดิม วง The Hype ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น U2 และ พอล ก็เปลี่ยนเป็น "โบโน่" เหลือเพียงหนทางเดียวสำหรับ เนล คือ ต้องสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังยิ่งใหญ่กว่า วง U2 สองคนพี่น้องเดินทางมาลอนดอน เพื่อตามล่าความฝัน แต่หนทางกลับตีบตันด้วยความอยุติธรรมในวงการเพลง ทุกๆ กิจกรรมของ เนล และ อิวาน ถูกเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่า เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงของตัวเอง เนล ได้เปิดเผยบางอย่าง เกี่ยวกับ U2 ที่ทำให้ อิวาน ถึงกับช็อกสนิทไปเลย ความฝันที่จะโด่งดังเป็นดาวดังเพลงร็อกแอนด์โรลล์ ถูกย่ำยี เนล รู้สึกว่า ความล้มเหลวในชีวิตของเขา เป็นเพราะความสำเร็จโด่งดังเกินไป ของ โบโน่ หรือ ว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็น ฝ่ายตรงข้ามของ โบโน่? เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของซูเปอร์สตาร์ตลอดไปอย่างนั้นหรือ? โลกนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่า เขาฆ่า "โบโน่ U2" ให้ตายซะ!

Two brothers attempt to become global rock stars but can only look on as old school friends U2 become the biggest band in the world.



2PM ระเบิดความมันส์ออกมาแล้ว “Hands Up”

ตัวอย่างหนังใหม่ Green Lantern กรีน แลนเทิร์น

ตัวอย่างหนังใหม่จาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ Green Lantern
ชื่อไทย กรีน แลนเทิร์น
ประเภทหนัง Action/Sci-fi
ผู้กำกับ Martin Campbell
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 16 June 2011
ความยาวหนัง -
นักแสดง Ryan Reynolds, Mark Strong, Blake Lively, Peter Sarsgaard


ตัวอย่างหนังใหม่ Green Lantern กรีน แลนเทิร์น | เรื่องย่อ
Green Lantern เป็นเรื่องราวของ Hal Jordan (Ryan Reynolds) นักบินที่ถูกเลือกโดยกลุ่มองค์กร Green Lantern มนุษย์ต่างดาวนอกโลกให้เป็นมนุษย์คนแรกที่มีสิทธิ์ได้รับพลังจากแหวนศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังเพื่อให้เขาช่วยปกป้องดาวขององค์กรจากการคุกคามของศัตรูอย่าง Parallax ซึ่ง Hal ก็ได้กำลังใจจากเพื่อนนักบินและแฟนสาวของเขา Carol Ferris (Blake Lively) ที่ช่วยสนับสนุนและทำให้ Hal สามารถใช้พลังจากแหวนได้อย่างเต็มที่เพื่อที่จะต่อกรกับศัตรูอย่าง Parallax และแสดงให้เห็นว่า เค้าคือ Green Lantern ที่แข็งแกร่ง !!




พีระมิดใต้น้ำ อนุสาวรีย์โยนากุนิ อารยะแห่งแดนอาทิตย์อุทัย"

The Yonaguni Factor





ณ บริเวณชายฝั่งของเกาะเล็กกระจ่อยร่อยในญี่ปุ่นนามว่า โยนากุนิ

สิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายอนุสาวรีย์ยักษ์ได้จ่อมจมอยู่ใต้น้ำ    
มันเป็นวิหารหินขนาดมหึมาที่แม้ปัจจุบันหลายฝ่ายก็ยังถกเถียง   
และหาคำอธิบายที่ฟังขึ้นเกี่ยวกับมันไม่ได้ ประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากที่สุดก็คือว่า   
อนุสาวรีย์แห่งโยรากุนินี้ เกิดขึ้นจากธรรมชาติหรือเกิดจากผลงานทางอารยธรรมของมนุษย์    
ถ้าเป็นฝีมือมนุษย์ เทคโนโลยีขนาดไหนถึงจะรังสรรค์มันออกมาให้เกิดขึ้นได้ในรูปลักษณ์ที่โอ่อ่า
อลังการเช่นนี้ หากเกิดจากธรรมชาติ คำอธิบายเกี่ยวกับเหลี่ยมมุมและแนวกำแพงที่ตรงแหนวแม่นยำ
ราวกับเกิดจากการ วัดคำนวณของวิศวกรมือเอกนี่เล่า จะอธิบายอย่างไร?







บรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้   ต่างพากันลงความเห็นว่าอนุสาวรีย์ยักษ์นี้เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อนุสาวรีย์หินที่โยนากุนิก็นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ   โดยเฉพาะในประเด็นของโบราณสถานใต้น้ำ แต่ก็นั่นล่ะครับ อายุอานามของอนุสาวรีย์(ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนละกัน)แห่งนี้   
     เท่าที่คำนวณคร่าวๆแล้ว นักวิทยาศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า น่าจะอยู่ในตอนปลายของยุคน้ำแข็ง ซึ่งมันก็หมื่นสองพันกว่าปีมาแล้ว บางท่านว่าน่าจะเก่ากว่านั้นด้วยซ้ำ เอ...ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่เราย้อนหลังไปไกลขนาดนั้นหรือครับ แถมถ้าเป็นอารยธรรมโบราณก่อนยุคน้ำแข็งจริง สิ่งก่อสร้างนั้นคือผลงานของอารยธรรมใดกัน? สิ่งก่อสร้างมหึมาเหล่านั้นใครเป็นผู้สร้างมันเอาไว้ให้มีขนาดใหญ่โตเกิน เหตุ ในยุคโบร่ำโบราณที่อารยธรรมของมนุษย์ยังไม่ก่อกำเนิดแบบนี้








สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นข้อสรุปที่ดีสำหรับข้อถกเถียงในวงการโบราณคดีที่ว่า

อารยธรรมโบราณก่อนหน้าที่มนุษย์จะรู้จักและยังคงเป็นตำนานอยู่นั้นมีจริง หรือไม่ เพราะจากหลักฐานเท่าที่มีในปัจจุบัน

อารยธรรมของมนุษย์ที่พอยอมรับได้ว่าเป็นอารยธรรมมันเริ่มก่อตัวขึ้นมาเมื่อ ประมาณ 6000 ปีก่อนนี้เท่านั้นเอง

แต่น่าประหลาดมากครับ อนุสาวรีย์ที่โยนากุนิ มีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกับอนุสรณ์สถานต่างๆในอเมริกาใต้เป็นอย่างมาก

บางคนถึงกับเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "ปิระมิดใต้ทะเลแห่งเอเชีย" เลยทีเดียว








โบราณสถานแห่งนี้ อาจเป็นคำอธิบายที่ดี สำหรับอารยธรรมต่างๆในแถบอเมริกากลางและใต้ เช่น แอสเท็ค อินคา มายา นาซก้า ได้ว่า เหตุใดชนชาติเหล่านั้นจึงเจริญขึ้นอย่างไม่มีที่ไปที่มา และรังสรรค์งานสะท้านโลกออกมาให้มนุษย์ยุคใหม่อย่างพวกเราได้พิศวงกันจนถึง ทุกวันนี้ ทฤษฎีที่เสนอแนะว่า บรรพบุรุษหรือผู้รอดตายจากแถบโยนากุนิ ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรไปสู่โลกใหม่นั้น สร้างความเกรียวกราวในวงการอยู่พอสมควร มีหลักฐานจากสิ่งก่อสร้างใต้น้ำมายืนยัน ว่ามันเป็นลักษณะและไสตล์ที่เหมือนกันราวกับแหล่งเดียว แต่ว่า.. ยังมีแต่อยู่นิดนึงครับ















ปริศนาที่ยังไม่คลี่คลาย



ขอย้อนอดีตไปยังปี ค.ศ. 1985 ที่โยนากุนิ อันเป็นดินแดนที่อยู่ค่อนไปทางนะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ใกล้ๆกับหมู่เกาะริวกิว โยนากุนิเป็นสถานที่ที่เลื่องชื่อในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เป็นที่อยู่ของตัวมอธพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแนวปะการังที่สวยงาม และธุรกิจสอนประดาน้ำกับการดำชมปะการังก็กำลังเฟื่องฟูในตอนนั้น แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายให้ความสนใจไปพักผ่อนกัน นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว นักวิทยาศาสตร์และนักชีววิทยาทางทะเลจำนวนไม่น้อย ก็แห่กันไปที่นั่น เพื่อศึกษาพฤติกรรมของฉลามหัวฆ้อน อันมีอยู่อย่างชุกชมและถือเป็นแหล่งที่อยู่ของฉลามหัวฆ้อนแหล่งใหญ่อีกแหล่ง ของโลกเลยครับ



ความยาวของมันครับ


... ท่ามกลางความคึกคักของแถบนี้ ยังไม่มีใครรู้เลยว่า ไกลออกไปจากชายฝั่งไม่กี่อึดใจ โยนากุนิ

ได้ซ่อนเอาโบราณสถานใต้น้ำขนาดมหึมาเอาไว้โดยไม่มีใครทราบมาก่อน

บุคคลแรกที่ค้นพบโบราณสถานใต้น้ำแห่งโยนากุนิ เป็นนักประดาน้ำท้องถิ่นชื่อ คิฮาชิโระ อาระทาเกะ เขาเป็นครูสอนประดาน้ำ


รวมทั้งเจ้าของกิจการโรงแรมเล็กๆที่มีรายได้ไม่เลว เหมือนกัน จกาปากคำของอาระทาเกะ เขาพบโบราณสถานแห่งนี้ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1985

ในวันที่ลมสงบและทะเลไร้คลื่น ใช่แล้วครับ บรรยากาศแบบนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง และดูเหมือนเป็นใจให้กับการประดาน้ำอย่างที่สุด

อาระทาเกะตัดสินใจที่จะไปดำน้ำสำรวจชายฝั่งด้วยความตั้งใจสองประการคือ หนึ่ง ดำไปตามกิจวัติประจำวันของเขา และสอง

สำรวจหาแหล่งประดาน้ำและแนวปะการังใหม่ เพื่อต้อนรับลูกค้าของเขานั่นเอง






มุมที่ได้ฉากแบบพอดี






การเซาะร่อง แนวตรงเปะ ความกว้างก็สมำเสมอ








ในรูปนี้มีเหมือนเป็นหน้าคนด้วยครับ
ซูม มีตา มีจมูก แต่มีรูปบังตรงส่วนปาก




สิ่งที่อาระทาเกะค้นพบนั้นมีลักษณะคล้ายกับวิหารครับ มีความยาวมากกว่า 300 ฟุต สูง 75 ฟุต และกว้าง 100 ฟุต นับว่าใหญ่โตเอาเรื่องเลยทีเดียว หลังจากว่ายน้ำวนเวียนสำรวจอยู่ครู่ใหญ่ อาระทาเกะก็ยิ่งทึ่งในโบราณสถานใต้น้ำแห่งนี้หนักเข้าไปอีก มันมีเหลี่ยมคูที่เที่ยงตรงเหมาะเหม็ง การตัดเส้น แนวกำแพงที่ตรงแหน๋ว รวมทั้งบริเวณที่มีลักษณะคล้ายกับระเบียงวิหาร เขาเก็บภาพอีกชุดหนึ่ง แล้วจึงกลับขึ้นเรือของเขาเพื่อที่จะแจ้งข่าวใหญ่นี้ให้คนอื่นในญี่ปุ่นได้ ทราบกัน



อีกไม่กี่เดือนถัดมา นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี และผู้สนใจก็แห่กันมาที่โยนากุนิให้ควั่ก มีการตั้งไซต์ขุดค้นทางโบราณคดีเพิ่มเติม โดยกระจายวงค้นหาไปทั่วบริเวณนับตั้งแต่ชายฝั่งของโอกินาวาไปจนถึงบริเวณ หมู่เกาะริวกิว มีการค้นพบวิหารโบราณเพิ่มเติมจากเดิมเหมือนกันครับ บรรดานักสำรวจต่างก็งในความโอ่อ่าใหญ่โตของมัน แต่ก็ยังมีลักษณะแปลกๆของวิหารเหล่านี้อยู่ นั่นคือมันใหญ่โตเกินไปที่จะมาจากฝีมือของมนุษย์ หลายคนเสนอว่า โบราณสถานเหล่านี้ไม่น่าจะใช่โบราณสถานอย่างที่คิด มันอาจจะเป็นผลงานของธรรมชาติอันเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ที่บังเอิญรูปร่างรูปทรงของมัน ดันมาคล้ายวิหารหรือโบราณสถานโบราณให้คนที่ได้พบเห็นแตกตื่นเล่นเท่านั้นเอง ก็แล้วแต่จะว่ากันไปล่ะครับ



อย่างไรก็ตาม หนึ่งในทีมงานสำรวจ Professor Masaaki Kimura แห่งมหาวิทยาลัยริวกิวได้ลงความเห็นว่า โบราณสถานเหล่านี้ น่าจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์มากกว่า เขาเชื่อมโยงลักษณะของโบราณสถานเข้ากับบรรดาปราสาทหิน และสุสานโบราณบนหมู่เกาะน้อยใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง และชี้ว่ามันเป็นสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกันมาก โถ.. แม้แต่หลักฐานที่หลงเหลือบนเกาะ ก็ยังไม่มีใครทราบเลยครับว่ามันมาจากไหน ต่อให้รู้ว่ามันมาจากแหล่งเดียวกัน คำตอบที่วงการวิทยาศาสตร์และโบราณคดีต้องการก็ยังไม่กระจ่างแจ้งอยู่ดีแหละ น่า




แม้ Professor Masaaki Kimura จะลงความเห็นว่า โบราณสถานแห่งโยนากุนิจะเกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่นในญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับเขาอย่างสิ้นเชิง หลายกลุ่มเสนอแนวคิดว่า การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาทำให้โบราณสถานแห่งโยนากุนิมีรูปทรงดังกล่าว เช่นการเปลี่ยนแปลงหรือการกระเทาะของเปลือกโลก อย่าเพิ่งหัวเราะไปนะครับ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ธรรมชาติจะรังสรรค์สิ่งมหัศจรรย์นี้ขึ้นมา ฉากมุม 90 องศาของโบราณสถานสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติพอๆกับการเกิดของคริสตัลที่ เหลี่ยมมุมพิศดารกว่านี้น่านล่ะครับ




ข่าวคราวของโบราณสถานใต้น้ำโด่งดังจนลอยไปเข้าหูของนักสำรวจชาวตะวันตก หลายคนมีความหวังเกี่ยวกับแอตแลนติสตะวันออกขึ้นมา ภายใต้การสำรวจที่เต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรค พวกเขามีข้อสรุปหลายอย่างที่น่าสนใจออกมาครับ ซึ่งผมจะเก็บความเอามาเล่าในตอนต่อๆไป ตอนนี้ก็ดูรูปไปพลางๆก่อนนะครับ พิจารณาด้วยสายตาของท่านเองว่า โบราณสถานเหล่านี้ เป็นฝีมือของธรรมชาติหรือเกิดจากอารยธรรมโบราณที่เรายังไม่รู้จักกันแน่









ที่มา : http://www.mythland.org

____________________



วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Rania เต้นท่าแยกขา เหมือน 4Minute แต่กลับไม่โดนแบน?


Rania เต้นท่าแยกขา เหมือน 4Minute แต่กลับไม่โดนแบน?


Rania วง Kpop หน้าใหม่! ที่มีความสามารถในการเต้นและการร้องไม่แพ้วงรุ่นพี่ เปิดตัวด้วยเพลงแรก Dr. Feel Good ที่มีท่าเต้นแข็งแรงและเซ็กซี่ ซึ่งหนึ่งในท่านั้นเป็น "ท่าเต้นแยกขา" ท่าเดียวกับที่วง 4Minute เคยเต้นในเพลง "Mirror Mirror" และโดนแบนไปไม่นานมานี้



DR. Music โดยตัวประธานบริษัท "ยูน ดอง รยอง" ผู้เคยสร้างชื่อให้กับ "Baby VOX" มาแล้วในอดีต วาดหวังเอาไว้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงแน่นอน ซึ่งก็เป็นวงที่เป็นสีสันให้กับวงการ Kpop เลยทีเดียว เนื่องจากมีสมาชิกจากหลายสัญชาติด้วยกัน





หนึ่งในสมาชิกของวง Rania นั้นเป็นคนไทยด้วย ซึ่งเธอก็สามารถแสดงศักยภาพของเธอออกมาได้ไม่แพ้สมาชิกคนอื่นๆ เลยทีเดียว ทั้งนี้วง Rania ยังได้ Teddy Riley มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้พวกเธออีกด้วย ซึ่ง Teddy Riley ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักแต่งเพลงในผลงานของ Michael Jackson เพลง Dangerous แต่เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ของ Lady Gaga, Spice Girls, Pussycat Dolls, Rihanna, Christina Aguilera ฯลฯ อีกด้วย





ด้วยคอนเซปท์ของวงที่มีท่าเต้นค่อนข้างเซ็กซี่ ก็ติดตามกันต่อไปแล้วกันว่า จะเซ็กซี่ เฮะจะสามารถ" ที่ 4Minute เคยโดนแบนมาก่อนนี้ได้อีกต่อไปหรือไม่?