วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สุสานผีดุ

การค้าขายแบบเร่ร่อน เป็นการค้าที่ต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นหมู่คณะ บางครั้งต้องจากบ้านเป็นปีก็มีเมื่อมีงานพิธีที่ไหน เราก็เห็นพวกเขาที่นั่นเสมอ เช่นเดียวกับชาวอำเภอพรหมคีรี ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะล่องเรือมาขายของในตลาดที่ผ่านเป็นประจำทุกปี ปีหนึ่งๆ ก็จะมากันหลายลำเรือ ของที่มาขายนั้นมีสารพัดอย่าง



เรื่องที่ผมจะมาเล่าให้ฟังนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ปู่เล่าให้ฟัง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตำบลบางควาย ในสมัยก่อน เมื่อมีคนตายลูกหลานและญาติๆ จะนำร่างของคนตายไปทำพิธีในป่าลึกห่างไกลจากหมู่บ้านนับสิบกิโลเมตร ในยุคสมัยคุณทวดของผมอำเภอนี้ยังไม่เจริญไม่มีถนนลาดยาง รถราต่างๆ ก็ไม่มี ต้องเดินแบบบุกป่าฝ่าดงตลอดทางท่ามกลางสัตว์ดุร้าย งูเงี้ยว เขี้ยวขอมากมาย บางครั้งกว่าจะถึงที่หมายก็มืดค่ำ การนำร่างของคนตายนั้นจะใช้วิธีแบกไปโดยมีคนหาม 4 คน ผู้ติดตามที่จะไปทำพิธีนั้นมีเฉพาะพระและญาติพี่น้องเท่านั้น เมื่อถึงที่หมายก็จะเป็นสุสานที่มีแต่โครงกระดูกอยู่เกลื่อนกลาด เพราะศพนั้นจะตั้งบนดอนสูง ไม่มีการเผาหรือฝัง แม้กระทั่งโลงใส่ศพก็ไม่มี คนสมัยนั้นเชื่อกันว่าถ้านำเอาร่างคนตายใส่โลงวิญญาณคนตายจะไม่มีที่ไปและจะวนเวียนไม่มีทางออก ในปัจจุบันสุสานไร้นามถูกทำลายไปเกือบหมดแล้วเพราะเป็นสุสานที่มีความน่ากลัวและหลอกหลอนผู้คนอยู่ไม่เว้นแม้กลางคืนหรือกลางวัน



เย็นวันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่ชาวอำเภอพรหมคีรีจะล่องเรือมาขายอาหารในตลาด ในปีนี้พวกเขาล่องเรือมาทางสายน้ำใหม่ซึ่งจะต้องผ่านสุสานไร้นามแห่งหนึ่ง น่าแปลกที่ยามสนธยานั้นท้องฟ้าที่แดงฉานกลับมืดอย่างรวดเร็ว อากาศที่ร้อนระอุเปลี่ยนเป็นอากาศที่เย็นเยือกอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นบางคนในเรือม่อยหลับไปแล้วเหลืออยู่เพียง 4 5 คนเท่านั้นที่ยังไม่หลับ เวลา 4 ทุ่ม เรือได้แล่นมาถึงตลาดโต้รุ่งที่มีแสงไฟตะเกียงสว่างไสว เสียงพ่อค้าแม่ขายขายของกันดังเอะอะ ผู้คนเดินขวักไขว่มากมาย น่าสนุกสนาน คนที่ยังตื่นอยู่ในเรือรีบไปจอดเทียบท่าเพื่อที่จะเข้าไปชมตลาดแห่งนั้น โดยหารู้ไม่ว่ากำลังเจอดีเข้าแล้ว



ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติคนเรือทั้ง 5 ชักชวนกันไปกินขนมจีน ทุกคนก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หลังจากที่อิ่มหนำสำราญดีแล้วก็ไปชมหนังตะลุง เวลาผ่านไปถึงเวลากลับเรือ ก่อนจะกลับก็ต้องมีของติดไม้ติดมือไปคนละอย่าง โดยพวกเขาเลือกซื้อข้าวหลามไปฝากคนในเรือ



เมื่อเรือเริ่มห่างจากตลาดโต้รุ่งออกไป คนที่ไปเที่ยวตลาดยังสนุกสนานอยู่จึงหันไปดูตลาดเพื่อจะจำไว้ว่าเคยมาสถาน ที่แห่งนี้ แต่ตลาดที่พวกเขาเห็นนั้นอันตรธานไปเสียแล้วมีแต่ความมืดและเงียบสงัด ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่างตื่นกลัว พลันทั้ง 5 คน ก็เกิดอาการง่วงเหงาอย่างรุนแรงและผล็อยหลับไป ตอนเช้าทั้งหมดตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง และไม่รู้ว่าตนได้หลับไปเมื่อใด คนที่ไปเที่ยวตลาดเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ อะไรกันนี่! สิ่งที่พวกเขาอาเจียนออกมาทั้งหมดนั้นคือ สายสิญจน์ที่มีเลือดและน้ำหนองผสมอยู่อย่างมากมาย ข้าวหลามก็กลับกลายเป็นโครงกระดูก ทั้งหมดต่างก็เสียขวัญและตกใจแทบสิ้นสติ และเพียงชั่วครู่ถัดมา ผู้ไปเที่ยวงานทั้ง 5 คน ก็ขาดใจตายโดยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น



จนกระทั่งเรือได้มาจอดหน้าวัดหนึ่ง (ขอไม่เอ่ยนาม) พวกที่เหลืออยู่จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากเจ้าอาวาส ว่าตลาดที่พวกเขาผ่านมานั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นสุสาน ทุกคนต่างสลดใจและคิดว่ามันคงเป็นชะตากรรมที่ได้กระทำไว้แต่ปางก่อนถึงได้มีจุดจบอันน่าเวทนาอย่างนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น