ดิฉันมักจะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณแม่อยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งดิฉันก็ชวนแฟนที่คบหากันไปเยี่ยมแม่ด้วยกัน ซึ่งแฟนดิฉันไม่เคยไปบ้านแม่ดิฉันเลย ดิฉันก็บอกเขาว่าต้องรีบไปหน่อยนะเพราะว่าถ้าไปเย็นมากมันจะลำบากเพราะทาง เข้าบ้านมันมืดไม่มีไฟ และบ้านก็อยู่ห่างไกลชุมชน
แฟนดิฉันเขาก็บอกว่าต้องรีบไปแต่วันเลยหรือไปช่วงเย็นดีกว่ารถไม่ติด ลพบุรีแค่นี้เอง
ดิฉันก็ไม่กล้าพูดว่าบ้านแม่ดิฉันนั้นอยู่ที่ป่าช้าเพราะเขาเป็นคนกลัวผีเอามากๆ กว่าดิฉันจะตกลงกับเขาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันจนเขาเชื่อดิฉัน
เราออกเดินทางกันไปตั้งแต่ช่วงบ่ายพอไปถึงบริเวณที่จะใกล้บ้านเขาก็พยายามมองหาบ้านที่แม่ดิฉันอยู่ ดิฉันจึงบอกเขาให้จอดรถเอาไว้ที่วัดแล้วต้องเดินไปทางหลังวัดโน่น เขาทำหน้าตางง แล้วถามดิฉันว่ามีผีหรือเปล่า ซึ่งดิฉันก็อดหัวเราะไม่ได้
เขาเดินไปหลังวัดกับดิฉันช่วงนั้นเป็นเวลาก็ 5 โมงเย็นเศษๆ เขาถามว่า...นี่มันป่าช้านี่แล้วบ้านแม่คุณอยู่ในนี้เหรอ ใช่บ้านแม่อยู่กลางป่าช้านี่แหละ
ดิฉันเห็นเขาขนลุกสะบัดตัวอยู่ครู่หนึ่งจนดิฉันพาเขาถึงบ้านก็เจอแม่รอเราอยู่ พอพูดคุยแนะนำให้รู้จักเสร็จก็ทานข้าวอาบน้ำก็นั่งเล่นสักพักก็ชวนกันนอน เพราะต่างจังหวัดเขานอนกันแต่หัวค่ำ
แต่ด้วยเขาเป็นคนกรุงเทพฯ และค่อนข้างที่จะนอนดึกก็บ่นกับดิฉันว่านอนไม่หลับ ที่นี่แปลกๆ ยังไงไม่รู้
ดิฉันกับเขานั่งๆอยู่หมามันก็หอนเสียงโหยหวนลั่นป่าช้าไปหมด แฟนดิฉันนั่งขนลุกแล้วนอนหลับตาอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ๆ
จนดิฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบในช่วงเวลาที่หลับนั้น ดิฉันไม่รู้เรื่องอะไร เพียงรู้สึกว่าเขาคอยเรียกดิฉันอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเอามือมาโยกไหล่
ด้วยความง่วงดิฉันก็บอกเขาว่านอนเถอะ เขาก็เงียบไป
จนรุ่งเช้าประมาณสัก 7 โมงดิฉันเห็นเขานอนคลุมโปงก็พยายามปลุกให้เขาตื่นแต่เขาก็บ่นอะไรก็ไม่ทราบ จนดิฉันปล่อยให้เขานอน จนเขาตื่นมาอาบน้ำกินข้าวแล้วก็เอ่ยปากบอกว่ากลับเถอะพรุ่งนี้มีงาน
ซึ่งดิฉันก็งงเพราะช่วงนั้นเป็นวันหยุดติดกัน เขาก็เอ่ยปากบอกว่าเมื่อคืนเขาได้ยินเสียงมีคนมาเรียก และก็ได้ยินเสียงคนเดินเหยียบไม้กระดานบนบ้านตลอดทั้งคืนเล่นเอานอนไม่หลับ ไม่กล้าเปิดผ้าห่มออกมาดู
ดิฉันก็รู้ว่าเขากลัวมาก แม่ดิฉันก็เดินมาแล้วบอกว่ากลับกรุงเทพฯ กันก็ได้นะที่นี่ผีมันดุ
เท่านั้นเองแฟนดิฉันก็หน้าซีดเหมือนมีแป้งมาทาที่หน้าทั้งกระป๋อง ดิฉันกับแฟนจึงลาแม่กลับกรุงเทพฯ เรื่องก็มีแค่นี้แหละค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น