วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความฝัน / Dreams





ความฝัน / Dreams














จากคราวที่แล้ว เราเรียนรู้ความหมายของจิตใต้สำนึก เราเริ่มสังเกตว่ามันอาจมีสิ่งต่างๆ 

ทำงานอยู่ในระบบของมันโดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่ามันทำอะไร เพื่ออะไร 





ในจิตใต้สำนึกนั้น และเราเริ่มหัดที่จะเข้าสู่จิตใต้สำนึกแบบง่ายๆ แล้ว 


(หวังว่าทำได้แล้วใช่ใหม?... เยี่ยมมากครับ) 





งั้น คราวนี้ เราจะไปกันต่อในส่วนของจิตใต้สำนึกที่สำคัญ และยากขึ้นอีกหน่อย.. "ความฝัน"





 ... น่า สงสัยมาก ว่า ทำไมมนุษย์ถึงเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่จะเพลิดเพลินกับความฝันที่ไม่มี อยู่จริง


 จริงหรือ! ที่ฟังก์ชันนี้เป็นไปเพื่อสร้างความสำราญเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีสาระอะไรเลย? 


ข่าวดี! มันไม่ไร้สาระ เรื่องนี้เป็นอย่างที่คุณหวังไว้.. 





ความฝันเป็นกระบวนการทำงานที่สำคัญมากของวิญญานมนุษย์ 


ก่อนอื่นที่จะเข้าใจความฝัน เราต้องเข้าใจลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของมนุษย์ คือ ความสามารถในการปรุงแต่งความต้องการใหม่ๆ ได้ 





ซึ่งสัตว์ทุกชนิดทำได้เพียงต้องการและแสวงหาตามสัญชาติญาน ไม่มีการเป็นอย่างอื่นอีก วัวเกิดมาก็กินนม แล้วก็หญ้า ไม่มีวัวตัวไหนสนใจอยากกินซึชิ หรือไก่งวงอบ แค่หญ้า





.. แต่มนุษย์เท่านั้นนับวันจะคิดค้นของกินเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ และต้องการในสิ่งต่างๆ ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด แต่แย่จัง! ความต้องการของมนุษย์สุดจะประมาณได้ 


แต่ความสามารถในการทำความต้องการให้เกิดขึ้นจริงกลับไม่ได้ใกล้เคียงเลย สิ่งที่หวังไว้เอาแต่ละคนเข้าจริงทำได้แค่จิ๊ดเดียวนอกนั้น เวลาผ่านไป ความต้องการมันก็หายไปเอง มันหายไปยังไง..? 





หายด้วยฝันนั่นแหละ! เวลา ที่ความต้องการเกิดขึ้น ความต้องการก็คือพลังงานในมิติทิพย์ชนิดหนึ่ง 


ซึ่งเวลาที่พลังงานเกิดขึ้นแล้ว มันไม่มีทางหายไปเฉยๆ ครับ 





แต่มันจะต้องถูกใช้แปรสภาพไปเป็นพลังงานอย่างอื่น เป็นการกระทำ เป็นความคิด เป็นการพูด พอใช้หมด พลังงานความต้องการก็จะหมดไป (แต่จะกลายเป็นพลังงานอย่างอื่นต่อ..ไม่หายไปนะ)





 แต่โอ้อนิจจา บางทีคนเราเลือกที่จะไม่ทำตามความต้องการของตนเพราะเหตุผลมากมาย บาป กลัวล้มเหลว ขี้เกียจ ฯลฯ ทีนี้แหละครับ พลังงานความต้องการที่เราไม่ยอมเอาไปใช้เปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่นก็ไม่สามารถไปไหนได้ แต่จะเก็บกดอยู่ข้างใน (ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว) 





พอเราล้มตัวลงนอน จิตใต้สำนึกเป็นอิสระจากส่งรบกวนในชีวิตประจำวัน มันจะทำการเผาผลาญพลังงานความต้องการที่มากเกินไป โดยการเอาพลังงานนั้นมาสร้างทำเป็นหนังครับ


แล้วเรื่องที่ออกมา ก็เกี่ยวกับความต้องการที่ค้างอยู่นั่นแหละ ยิ่งหนังความฝันซับซ้อน ยาว และเหมือนจริงเท่าไหร่ ก็ต้องใช้พลังงานสูง 





และหมายถึงกำจัดพลังงานส่วนเกินได้มากด้วย แต่ถ้าพลังงานความต้องการมากเกิน 


(หรือเราไปเพิ่มเข้าเรื่อยๆ ในเรื่องเดิมๆ) อาจต้องฉายหลายรอบครับ ถึงจะหมด 





นั่นแหละครับ การทำงานของความฝัน เพื่อเปลี่ยนแปลงถ่ายเทพลังงานตกค้าง แต่ เดี๋ยวก่อน! 





นอกจากพลังงานความต้องการแล้ว บางทีโปรแกรมฝันยังเปลี่ยนสัญญานจากเบื้องบน หรือสัญญานจากจิตใต้สำนึกที่จะแนะนำเราในการใช้ชีวิต ให้กลายสัญญานรูปรสกลิ่นเสียง.. คือเป็นฝัน และไม่ว่ากรณีไหน หากเรารู้สึกและจดจำความฝันได้ ยิ่งมีประสิทธิภาพครับ 





ถ้าสมมุติฝันเผาผลาญพลังงาน มันจะเผาได้สนิทขึ้น ถ้าฝันบอกใบ้ยิ่งจำเป็น (ไม่งั้นบอกอะไรมา ลืมหมดก็จบกัน)





ดังนั้น จริงๆ แล้ววิชา Dream Recall มีประโยชน์กว่าวิชา Dream Control อีกครับ เอ้า หาสมุดวางไว้หัวนอนได้! 





... สรุป 





1. ฝันเป็นโปรแกรมที่มหัศจรรย์มากๆ 


2. การทำงานของฝัน คือการเปลี่ยนแปลงและถ่ายเทพลังงาน


 3. บางครั้งฝันคือการถ่ายทอดสัญญานแนะนำการใช้ชีวิต 


4. เราสามารถช่วยให้ฝันทำงานดีขึ้นได้ ด้วยการฝึกจำความฝัน (Dream Recall)







ที่มา :  
http://fantasiastory-th.blogspot.com/2007_10_01_archive.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น