แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธัญญ่า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธัญญ่า แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

“ธัญญ่า” ไม่เชื่อ “เป๊ก” แอบนัดเจอ “พิ้งกี้” ที่โรงแรม

“ธัญญ่า” ไม่เชื่อ “เป๊ก” แอบนัดเจอ “พิ้งกี้” ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ ปาร์ค เผยสามีบอกใจกลางเมืองขนาดนั้นใครจะกล้านัดเจอกัน ลั่นปล่อยวางกับเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะยืดเยื้อมา 3 ปีจนชินชา



เพิ่งจะโดนมองพ้นข้อหามือที่3 ครอบครัว “เองตระกูล” ไปไม่ทันไรเพราะมีข่าวว่าสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” เตรียมสละโสดกับหนุ่มฮ่องกง แต่ล่าสุดกลับมีคนเห็นนางเอกสาวและหนุ่ม “เป๊ก สัณชัย” ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ ปาร์ค ซึ่งมีนักข่าวหัวสีได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลและตักเตือน แต่กลับถูกสาวพิ้งกี้ด่ากลับ เมื่อเรื่องดังกล่าวแดงขึ้น ร้อนถึงภรรยาสาว “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ต้องออกมาชี้แจง ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าตนไม่ปักใจเชื่อข่าวดังกล่าว

"ก็รู้ข่าวจากที่ทุกคนรู้ จริงๆไม่ได้อ่านเนื้อหาข่าว เห็นแค่พาดหัวข่าว มีเพื่อนส่งมาให้ดู สำหรับพี่เป๊กไม่ได้ถาม แต่ว่าส่งข่าวไปให้เขาดู เขาก็บอกว่าใครจะไปนัดกันที่โรงแรมขนาดนั้น ส่วนตัวเราเชื่อข่าวนี้ไหม ไม่เชื่อนะ เพราะตามเนื้อข่าวเหมือนไปป๊ะกัน ไม่ได้นัดกัน ฉะนั้นโอเคถ้าบังเอิญไปเจอ อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้านัดกันไม่น่าใช่ พี่เป๊กเขาไม่ได้บอก แค่บอกว่า ถ้าจะนัดกัน คงไม่นัดกันในเมืองหรอกเท่าที่ธัญญ่าทราบไม่มีนะคะ เพราะหลังจากกลับมาจากยุโรป อยู่กรุงเทพไม่กี่วันพี่เป๊กก็ไปใต้ค่ะ"

"กับเรื่องนี้ตัวธัญญ่าเฉยๆ ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเจอไปมารึเปล่า แค่เราอ่านข่าวก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นเนกาทีฟหรือโพสสิทีฟ เฉยๆ จริงๆ ค่ะแล้วเราต้องมานั่งให้สัมภาษณ์ข่าวนี้ 3 ปีแล้ว มันเหมือนกลายเป็นความเคยชิน เฉยๆ อ่านข่าวก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไร ไม่รู้สึกแย่อะไรเลย คิดว่าจบจริงไหมก็คงจบมั้ง เพราะเรื่องนี้เราไม่ได้คิดมานานแล้ว”

“ตั้งแต่เกิดเรื่องล่าสุด หลังจากนั้นเราก็พยายามไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากจะให้มีเรื่องราวอะไรขึ้นมาอีก ฉะนั้นเรารู้สึกเฉยๆ มาก และไม่อยากจะรู้อะไรที่มันทำให้เราต้องมานั่งเครียด ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ เพียงแต่อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เราไม่คิดแล้ว เหมือนเราปลง หรือว่ามันชินไม่รู้ กลายเป็นไม่ได้สะทกสะท้านความรู้สึกเราเลยไม่มีความคิดเลยว่าต้องสืบเสาะหาความจริงให้ได้ ต้องรู้ให้ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่างเราไปต่างประเทศกัน โทรศัพท์พี่เป๊กวางอยู่เราก็หยิบมาดูแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีความคิดอยากจะหยิบเลย เขาก็วางไว้ แต่เราก็ไม่อยากรู้"

"มันกลายเป็นว่าเราไม่คิด ไม่นึกถึงว่าจะไปไหนกับใคร อยู่กับใคร เราก็สบายใจเอง มันไม่ฟุ้งซ่าน อีกอย่างพี่เป๊กเขาก็ทำตัวดี เขาก็อยากมีเวลากับครอบครัวเยอะขึ้น แต่ถือว่าไว้ใจเขาไหม ก็อย่างที่บอกว่าไม่คิด พอเราไม่คิด ก็สบายใจ ความไว้ใจมันก็จะเกิดขึ้นเอง ถ้าเราไปนั่งคิดอะไรเยอะแยะมากมาย ความไว้ใจจะไม่มีวันเกิด อาจจะเพราะว่าเราเหมือนมันปลงชีวิต มันกลายเป็นไม่อยากมานั่งมีปัญหา มันเลยจุดพีกมานานแล้ว มีข่าวมาก็เฉยๆ ไปคิดมันมากก็ปวดหัว เพราะ ณ วันนี้ชีวิตครอบครัวก็แฮปปี้ดี ไปทำกิจกรรมด้วยกัน ไปเที่ยว แต่จริงๆข่าวนี้ไปถามพี่เป๊กกับคนที่เป็นข่าวด้วยจะดีที่สุด เพราะตัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะไปตอบแทนได้ แต่ในส่วนธัญญ่ารู้สึกเฉยๆ ค่ะ"

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” เคลียร์แทน “เป๊ก” โพสต์ “จะเอายังไงวะ” แค่เล่นๆ ไม่ได้ทะเลาะกัน

“ธัญญ่า” บอกเป็นเกียรติที่เหล่าเมียหลวงยกเป็นไอดอล ปราบเมียน้อย โวละคร “แรงเงา” ที่ตนเล่นเป็นเมียหลวงกระแสดี รับอินกับบทนี้มาก พร้อมเคลียร์แทน “เป๊ก” กรณีขึ้นรูป “ลียา” ใน IG และโพสต์ข้อความ “จะเอายังไงวะ” แค่ลงเล่นๆ ตามประสาผู้ชายไม่เรียบร้อย ไม่ได้ทะเลาะกัน


       
       ต้องมารับบทเป็นเมียหลวงในละครเรื่อง “แรงเงา” ที่ต้องตามราวีเมียน้อยที่มายุ่งกับสามีตนเอง ทำเอา “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” ออกปากว่า อินกับบทมากๆ แถมตอนนี้ยังมีข่าวว่า บรรดาเมียหลวงทั้งหลายยกให้เป็นไอดอลไปแล้ว เจอตัวสาวธัญญ่า ที่อุ้มลูกสาว “น้องลียา” มาร่วมงาน “The Giant Octopus and The Adventure of The Pirates” ที่ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล สยามพารากอน เจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มกริ่มที่ได้รับเกียรตินั้น
       
       “ละครมันแรง บทที่ธัญญ่าได้รับมันแรงจริงๆ ละครเรื่องนี้มีมานานแล้ว ส่วนเรื่องของเรามันก็เป็นชีวิตจริงที่มันเกิดขึ้น ธัญญ่าว่ามันเกิดขึ้นได้ในทุกๆ ครอบครัว ธัญญ่าว่าในโลกเรามันก็มีหลายๆ ครอบครัวที่อาจจะประสบพบเจอเรื่องแบบนี้กันได้ เรื่องราวมันก็แตกต่างกันไป”
       
       “เราก็เล่นตามบท ไม่มีเสริมเติมอะไร เพราะผู้กำกับค่อนข้างที่จะเป๊ะ บทมายังไงเราก็เล่นอย่างนั้นไม่มีเติม เติมนี่จะเป็นเรื่องของอารมณ์ตามการแสดงมากกว่า แต่บทพูดเราต้องพูดให้ตรงตามสคริปต์ที่เขาวางไว้ เราอินกับบทมากกว่า เรามองว่า นพนภาน่าสงสารจังเลย เราก็จะต้องเข้าใจในบทของตัวละคร เราก็จะพยายามนึกถึง ถ้าเราเป็นตัวนพนภาเราจะมีการแสดงออกยังไง”
       
       “ส่วนตัวมองว่าเรื่องราวในละครไม่ได้คล้ายอะไรกับชีวิตจริงเรานะ ด้วยบางส่วนอาจจะมองว่ามันเหมือนหรือว่ามันคล้าย แต่ด้วยปัญหาที่มันเกิด หรือลักษณะนิสัยของแต่ละคนในเรื่องมันไม่เหมือนเลย ตอนนี้บรรดาเมียหลวงยกให้เป็นไอดอล ก็ตลกดีนะ เราก็ไม่ได้ขนาดนั้น ชีวิตจริงเรามันอาจจะไปตรงกับละครนิดนึง”
       
       “แต่ธัญญ่าว่าแต่ละคนก็ต้องมีวิธีจัดการกับชีวิตตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากจะเอาเราเป็นไอดอลก็ขอบคุณค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติ จริงก็ไม่คิดว่าเรื่องราวของครอบครัวเรามันจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ อยากจะบอกว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกๆ สังคม ทุกๆ ครอบครัวในทุกประเทศ ก็แล้วแต่ว่าใครจะจัดการกับปัญหาชีวิตตัวเองยังไง”
       
       “กระแสคนรอบข้างดีมากเลย คนชอบกันเยอะ บอกว่า ตัวนพนภาไม่ใช่คนที่ร้ายกาจขนาดนั้น แต่ว่าตลกด้วย เราเองก็คิดอย่างนั้น ดูแล้วก็ขำดี ชีวิตจริงไม่ได้เป็นอย่างนี้เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คงแตกกันไปข้างนึงแล้วพี่เป๊กไม่ได้ดูพอดีเขาไปต่างประเทศ แต่โดยส่วนใหญ่เขาไม่ได้ดูละครที่เราเล่นอยู่แล้ว เหมือนเขาไม่ชอบดู พี่เป๊กเขาไม่เครียดหรอกค่ะ เขาเครียดมาเยอะแล้ว เรื่องละครก็ให้เป็นเรื่องของความบันเทิงไป”
       
       แจงกรณีหนุ่ม “เป๊ก” ขึ้นรูปอินสตาแกรมเป็นรูปของ “ลียา” พร้อมโพสต์ข้อความ “จะเอายังไงวะ” แค่ลงเล่นๆ ตามประสากวนๆ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน โวตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดี
       
       “ก็มีเพื่อนส่งมาให้ดู ธัญญ่าก็เข้าไปดูของพี่เป๊ก พอเห็นก็เลยถามเขา เขาก็บอกว่าเห็นหน้าลียากวนดี ธัญญ่าก็เลยบอกว่ารูปลูกสาวมันไม่ควร เขาก็บอกว่าเขาก็ลืมคิดไป เหมือนเขาลืมคิดว่าเดี๋ยวนี้อินสตาแกรมโพสต์อะไรก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้คนก็เข้ามาดูกันเยอะ”
       
       “เขาไม่ได้หมายความถึงใครเลย ด้วยความที่พี่เป๊กเขาเป็นคนกวนอยู่แล้ว เขาไม่ใช่คนเรียบร้อยในการใช้ศัพท์ของเขามันเลยจะดูแรงไปนิดนึงถ้าคนอื่นมาอ่าน แต่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะลบแล้ว ไม่ได้ทะเลาะกันเลย เราไม่ได้ทะเลาะกันนานแล้ว แฮปปี้ดีค่ะ เรื่องเที่ยวคงจะเป็นปีหน้าว่าจะไปอเมริกากัน เพราะธัญญ่าต้องไปเยี่ยมคุณแม่อยู่แล้ว ก็คงไปกันทั้งครอบครัว ก็คงจะหลังปีใหม่”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

พิงค์กี้-สาวิกา โดนเม้าท์ควง สามี ธัญญ่า ดูหนัง


''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช งานเข้าโดนเม้าท์อีกหาควงสามี ''ธัญญ่า'' ไปดูหนังในห้างย่านลาดพร้าว เจ้าตัวเผยไปดูหนังกับแม่และป้าไม่มีคนอื่น ไม่เชื่อดูกล้องวงจรปิดของห้างได้ ข่าวนี้โกรธมาก แขวะขาเม้าท์จิตใจทำด้วยอะไร ก่อนจะพูดควรดูให้แน่ใจก่อนว่าความจริงเป็นเช่นไร 


ยังคงเป็นดาราที่มีเรื่องให้พูดถึงอยู่เป็นประจำ สำหรับนางเอกหน้าแขก ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช ที่ล่าสุดโดนขาเม้าท์ อ้างว่าเห็นนางเอกสาวควงคู่ไปดูหนังกับ 'เป๊ก-สัณชัย สามีของนางเอกแม่ลูกอ่อน ''ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง จนทำให้คนที่ได้ทราบข่าวต่างเป็นห่วงในเรื่องของมือที่สามที่ยืดเยื้อมานานว่ายังไม่จบอีกหรือ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นางเอกสาว พิงค์กี้ ที่เดอะ ไนน์ พระรามเก้า เมื่อวันก่อน ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตนไม่ได้ไปดูหนังกับ เป๊ก-สัณชัย แน่นอน ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ และชี้แจงว่าไปดูหนังจริง แต่ไปกับครอบครัว ซึ่งมีแม่และป้าไปด้วย ตนอยากรู้ว่าคนที่ปล่อยข่าวจิตใจทำด้วยอะไร ควรจะดูให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยพูด ซึ่งเรื่องนี้ตนโกรธมาก

''อยากจะบอกว่าคนที่ให้ข่าวนี้ว่าจิตใจเค้าทำด้วยอะไร คิดได้ยังไง เอาข่าวเท็จมาลง การที่เราไปดูหนังเราไปกับคุณป้าคุณแม่ ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เราไปเป็นประจำอยู่แล้วกับครอบครัว แล้วก็พี่ๆ คนที่เก็บตัวก็ถ่ายรูปกับเราเป็นประจำอยู่แล้ว คือควรจะมีเหตุและผลบ้าง ก่อนที่จะพูดออกไป ว่าควรจะดูให้แน่ใจว่าเค้ามากับใคร ป้ากับแม่เราก็ยืนอยู่ข้างหลัง แล้วเข้าไปพนักงานทุกคนเห็นว่าเราไปกับใคร ดูกล้องวงจรปิดได้ ไม่มีผู้ชายไปด้วยแน่นอน ข่าวนี้ปัญญาอ่อนมาก และโกรธมากกับข่าวนี้ พี่เป๊กก็ไม่ใช่คนในครอบครัว และไม่ได้อยู่ในสมองหนู คือคนเม้าท์ก็อย่าเม้าท์จนเกินไป ก็รู้สึกว่าปล่อยเค้า สิ่งที่เค้าทำมันก็คงย้อนเข้าตัวเค้าเอง คนเม้าท์เราคงจะห้ามไม่ได้ถ้าอีกสิบปีเค้ายังอยากจะเม้าท์อยู่ก็ เราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ปล่อยเค้าไป"

เมื่อถามว่าข่าวนี้ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจอย่างไรบ้าง เพราะโดนกระแสทางด้านลบอยู่ตลอด พิงค์กี้ เผยว่าตอนนี้ไม่ส่งผลอะไร  

"เมื่อก่อนก็อาจจะมี แต่ตอนนี้ไม่ส่งผล เพราะเราคงไม่มานั่งคิดอะไรแล้ว ก็ใช้เวลาและผลงานที่เราทำเป็นเครื่องพิสูจน์ ก็อยากฝากคนเม้าท์ก็ช่วยคิดถึงจิตใจคนอื่นบ้าง นี่ก็จะสี่ปีแล้วมันยังไม่จบอีก'' พิงค์กี้กล่าว

ต่อมาล่าสุดวันที่ 14 ก.ย. 55 ดาราสาวพิงค์กี้เดินทางมาร่วมงานของสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส ที่ชั้น 5 สยามพารากอน ซีนีเพล็กซ์ เลยไม่พ้นที่จะถูกถามคำถามที่ ธัญญ่า พูดแซว ''เป๊ก-สัญชัย'' ในคอนเสิร์ต ''เจ-เจตริน'' ว่าเลิกยุ่งกับเมียน้อยรึยัง? โดยเจ้าตัวปฏิเสธที่จะออกความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องของคนอื่น

''ไม่พูดค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของหนู มันเป็นเรื่องของคนอื่น ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าค่ะ โนคอมเมนต์ อย่าพูดเลยดีกว่าเรื่องนี้ เอาเรื่องอนาคตดีกว่า  คงไม่อยากออกไปไหนแล้ว อยู่ดูหนังที่บ้านดีกว่า ก็พยายามแบบว่าซื้อดีวีดีมาดูที่บ้านดีกว่า ชีวิตเดินหน้า'' 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนคุณแม่อยากให้มีแฟนแล้ว มีความคิดเห็นอย่างไร พิงค์กี้เผยว่า เดี๋ยวก็คงมีแล้ว ข่าวต่างๆ เกี่ยวกับมือที่สามจะได้จบไปเสียที อีกทั้งตอนนี้ก็เปิดใจรับหนุ่มๆ แต่ยังไม่เจอคนที่ใช่ 

''เดี๋ยวก็คงจะมีแล้วล่ะ จะได้จบๆ ไป ก็เปิดใจค่ะ แต่ยังไม่ได้เจอใคร กลัว...สเปกไม่ได้คาดหวัง ถ้ามีเดี๋ยวก็เห็นเอง มีความสุขที่บ้านอยู่แล้ว เลี้ยงนก เลี้ยงแมว'' พิงค์กี้ กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” เล่นแรง แซว “เป๊ก” เลิกกับเมียน้อยหรือยังกลางคอนเสิร์ต “เจ”

“ธัญญ่า” แจงแซว “เป๊ก” เลิกกับเมียน้อยหรือยัง ในคอนเสิร์ต “เจ” แค่มุกขำๆ ไม่ได้เหน็บแนมใคร ยันไม่สนใจข่าว “พิ้งกี้” ควงเป๊กดูหนัง ลั่นอะไรที่ไม่เห็นกับตาตัวเองจะไม่เชื่อ เปรย “ลียา” เริ่มรู้เรื่องพ่อ และอยากให้พ่อ-แม่อยู่กันพร้อมหน้า

เป็นประเด็นขึ้นมาอีก เมื่ออยู่ๆ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ไปแซว “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” ในงานคอนเสิร์ต “เจ เจตริน วรรธนะสิน” ว่า เลิกกับเมียน้อยหรือยัง ทำเอาเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมจำนวนมากที่ไปดูคอนเสิร์ต และเมื่อสอบถามกับสาวธัญญ่า เจ้าตัวก็บอกว่า แค่แซวเล่นๆ ขำๆ กันไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง



“คือ จริงๆ ประเด็นมันไม่ได้มีอะไรเลยนะคะ ก็แค่โดนลากขึ้นไปเต้นเพลงสาวบางโพ แล้วพี่เจเขาก็เหมือนสัมภาษณ์แต่ละคน แล้วก็ให้พูดทักทายแฟนๆ ของพี่เจ เราก็แบบเอ๊ะแล้วเราจะพูดอะไรล่ะ มันแบบสวัสดีค่ะ...จบ เราก็เลยแบบนึกมุขขำๆ พอดีพี่เป๊กเขาอยู่ตรงนั้นไงคะ เราก็เลยพูดประโยคนั้นไป ก็บอกพี่เป๊ก เลิกกับเมียน้อยหรือยัง อะไรอย่างนี้ แล้วพี่เป๊กเขาก็ขำๆ แล้วเขาก็หลบไปอยู่ใต้โต๊ะ คนก็ขำๆ มันแค่นั้นเองค่ะ”

“พี่เป๊กไม่คิดมากเลย ก็มีคนถ่ายรูปและเอาไปลงอินสตาแกรม แล้วก็ถามว่าขึ้นไปทำอะไร บางคนก็คิดว่าทะเลาะรึเปล่า ไปโวยวายบนเวที แต่ทุกคนที่อยู่ในคอนเสิร์ตวันนั้นจะเข้าใจว่ามันเป็นมุขขำๆ มากกว่า ไม่มีการพูดอะไรเลย เต้นกันลืมแก่ (หัวเราะ) อยู่ในคอนเสิร์ตแบบเฮ้วๆ นะคะ”

ลั่นไม่สนใจข่าวสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ควงสามีตนดูหนัง บอกอะไรที่ไม่เห็นด้วยตาตัวเองจะไม่เชื่อ

“ทราบค่ะ ก็ทราบจากข่าวเหมือนกัน เราก็แซวเขาว่าพี่เป๊กไปดูหนังบิ๊กซีมาหรอ เขาก็แบบอะไร ไม่ได้ไป ก็จบแค่นั้นค่ะ แนวกวนๆ มากกว่า เพราะว่ามันเหมือนมันเลยจุดที่จะมานั่งเซ้าซี้ มานั่งแบบทะเลาะอะไรก็ไม่รู้แล้ว ไม่รู้สิ ขี้เกียจเอามาเครียดเยอะ ก็ไม่รู้นะคะ คือเราก็ไม่อยากจะบอกว่าไม่เชื่อหรือเชื่อ ก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจดีกว่า ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ”

“ตอนนี้ก็พยายามจะไม่เครียดกับเรื่องอะไรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวหรืออะไรก็ตามที่มันเข้าหูเรา เราก็ชิลล์ๆ ไป จริงๆ อย่างเรื่องข่าวมันไม่ได้มีผลกระทบกับธัญญ่าเลยนะคะ เพราะว่าเรื่องที่เป็นข่าวเราไม่รู้ว่าอะไรจริง หรือไม่จริง แต่เราจะซีเรียสกับเรื่องที่เราเห็น ที่เราได้ยิน และที่เราเจอ ต้องเห็นเอง รู้เอง อะไรอย่างนี้เราจะซีเรียสกับแบบนั้น”

“เห็นว่า น้องเขาออกมาเคลีย์แล้ว อันนี้เราก็ไม่ทราบว่ายังไงไม่ได้อ่าน เรื่องดูหนังเราไม่สนใจ เราสนใจเรื่องแมสเสจ มันไม่ใช่แมสเสจเป็นวอทแอปด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเราติดใจเรื่องนั้น แต่เรื่องของการดูหนัง เราไม่ได้ติดใจ ถ้าเราไม่ได้เห็นเอง เรื่องไปดูหนังเราแทบจะไม่ได้พูดกันเลย นอกจากแซวๆ อย่างที่บอกอย่างเรื่องขึ้นเวที ก็ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรเพราะเขาก็เข้าใจว่าเราแซว อย่างเวลาธัญญ่าแซว ก็จะแซวแบบกัดๆ กวนๆ ค่อนข้างจะแรงเหมือนกัน ก็จะเป็นลักษณะนี้ ก็จะเข้าใจกัน”

เผยถึงจะแยกบ้านอยู่กับสามี แต่สถานะความเป็นครอบครัวก็ยังอยู่ เปรยลูกสาว “ลียา” เริ่มรู้เรื่องพ่ออยากให้พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า

“สถานะครอบครัเราตอนนี้ยังโอเคค่ะ ไม่ได้มีเรื่องให้ทะเลาะกัน ตั้งแต่เรื่องนั้นก็ยังราบรื่น ก็แฮปปี้เรื่องลูกด้วย เขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดโน่นพูดนี่ให้เราหัวเราะ คือเวลาพี่เป๊กจะออกไปข้างนอก เขาก็จะแดดดี้ไปไหน ไปกินเหล้าหรือเปล่า (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเราก็ทำอะไรด้วยกันอยู่แล้วค่ะ ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปทานข้าว อะไรก็แล้วแต่ ไปกัน 3 คนพ่อแม่ลูกค่ะ”

“แค่พี่เป๊กกับธัญญ่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็จะมาเจอกัน เราก็จะไปที่บ้านไปรับลียา ไปทานข้าวกันบ้าง (เป๊กบอกรอบ้านเสร็จสิ้นปีจะชวนธัญญ่ามาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า 3 คน) อันนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน สำหรับตอนนี้เราก็ยังยืนยันว่าเราอยู่แบบนี้เราสบายใจ อย่างที่บอกว่าเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ความอยากรู้ของผู้หญิงมันก็มี แล้วมันก็จะเป็นบ่อเกิดของความทะเลาะ เดี๋ยวจะมีคลิปออกมาอีก เหนื่อยแล้ว (หัวเราะ)”

“ทุกวันนี้มันไม่ใช่ว่าแยกบ้านแล้วมันจะไม่ได้อยู่ในสถานะแบบสามีภรรยา เราก็แค่แยกบ้าน มันก็คือยังเป็นครอบครัว แต่ลียาองเขาก็มีพูดว่าอยากให้เราอยู่ด้วยกัน โอเคเขาจะเข้าใจแล้วว่า วันนี้คืนนี้นอนบ้านแดดดี้ คืนนี้นอนบ้านม่ามี๊ แต่บางทีเวลาเราไปส่ง เขาก็จะบอกว่าอยากนอนกันแดดดี๊ มามี๊อ่ะ เราก็กล่อมเขานอนแล้วค่อยกลับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” โต้สกัดดาวรุ่ง “พิ้งกี้” กัดไปทำพวกเบอร์หนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ

“ธัญญ่า” บอกดีแล้วที่ “พิ้งกี้” อยากจบ เพราะตนก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน ตอกกลับพิ้งกี้หลังไล่คนปล่อยคลิปไปทำประโยชน์ให้สังคม สวนนี่ก็เป็นประโยชน์เพราะทำให้สังคมรับรู้ พร้อมโต้เจตนาสกัดดาวรุ่งอีกฝ่าย กัดไปทำพวกเบอร์หนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ



หลังจากที่นางเอกคู่กรณี “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ออกมาขอโทษ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ทั้งน้ำตา กรณีส่งข้อความ “คิดถึง” ไปหา “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” สามี โดยยืนยันว่าเป็นเพราะเป๊กส่งมาหาก่อน ตนจึงตอบตามมารยาท แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ก่อนจะออกโรงป้องแม่ของตนเองว่า พูดไปเพราะอยากปกป้องลูก แต่บริสุทธิ์ใจไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอัดเสียง รวมถึงวิงวอนอยากจบ ล่าสุด “ธัญญ่า” ได้มาร่วมงานเปิดสาขาใหม่ isky ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัล เจ้าตัวก็ได้เผยถึงคู่กรณีบ้างว่า…

“เขาออกมาพูดแล้วก็ดีค่ะ ถ้าทุกอย่างจบได้ก็ดี เราก็จบเหมือนกัน แต่ที่เขาไม่ได้ฟันธงว่าจะหยุดส่งข้อความ อันนี้เราก็คงจะไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรไม่ได้ค่ะ รอให้เป็นเรื่องขออนาคตแล้วกัน ส่วนเรื่องที่ธัญญ่าคลางแคลงใจหรือเปล่า ก็อย่างที่บอก ที่ผ่านมามันเป็นเรื่องประโยคที่ส่งมาเป็นอะไรที่ในฐานะคนเป็นภรรยามันเข้าใจยากจริงๆ อยู่แล้ว แต่เราก็พยายามเข้าใจอยู่ทุกวันนี้ค่ะ”

“ถามว่าพอเขาพูดแล้วสบายใจขึ้นมั้ย จริงๆ มันสบายใจขึ้นที่เราได้เคลียร์กับพี่เป๊กมากกว่าค่ะ (เขาก็ย้ำชัดว่าอย่าให้ใครไปยุ่งกับเขาอีก?) อ๋อ ค่ะ จริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้น ก็คงไม่มีใครยุ่งอยู่แล้วค่ะ เรื่องที่เขายืนยันว่าพี่เป๊กส่งมาหาเขาก่อน ตรงนี้เราไม่ได้เห็นไงคะ ว่าพี่เป็กส่งอะไรไป แต่เราเห็นที่เขาส่งมาเท่านั้นเอง”

เผยไม่ได้เคลียร์กับสามี “เป๊ก” เพราะแม้กระทั่งวันแถลงข่าวคู่กันตนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีจะพูดอะไร แต่ยอมรับว่าทำให้ระแวงไม่เชื่อใจ

“ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่มีการสัมภาษณ์กันเกิดขึ้น ธัญญ่าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เป๊กจะพูดอะไร เพราะไม่ได้มีการเตี๊ยมกันก่อน เราก็ได้ฟังพร้อมๆ กับทุกๆ คน แล้วก็จบแค่นั้นไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยค่ะ ธัญญ่ารับได้ที่พี่เป๊กพูดถึงเรื่องการส่งข้อความ จริงๆ แล้วเรื่องการส่งข้อความตามประสาคนรู้จักกันมันก็โอเค แต่อย่างที่บอกธัญญ่าไม่เห็นประโยคที่พี่เป๊กส่งไปว่าคืออะไร แต่เราเห็นที่เขาส่งกลับมาเท่านั้นเอง ก็พยายามเข้าใจค่ะ”

“เรื่องระแวงมันต้องมีอยู่แล้วค่ะ มันไม่ได้เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ว่าเราเลือกที่จะให้โอกาสแล้วก็ต้องพยายามมองข้ามเรื่องนี้ไป ณ วันนั้นพี่เป๊กก็ไม่ได้บอกนะคะว่าจะไม่ส่ง ในฐานะคนรู้จักกัน มันก็ต้องมีส่งกันบ้างในเรื่องการส่งข้อความ”

“ถ้าทักทายธรรมดามันไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก อย่างที่น้องส่งมา ถ้าไม่ใช่คำว่าคิดถึงเนี่ย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว จริงๆ เราก็ไม่ได้อยากยุ่งให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้วค่ะ ในเมื่อสิ่งที่เราไปเจอมันทำใจในการยอมรับลำบากมาก เลยต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ถ้าเกิดไม่มีข้อความลักษณะเชิงชู้สาว เราก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เรื่องนี้มันยาวนานไปแล้ว 3 ปี มันเหนื่อยเกินไปแล้ว ที่น้องบอกว่าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวก็ดีแล้วค่ะ”

“พิ้งกี้” ฝากถึงคนที่ปล่อยคลิป หัวเราะกันสนุกแล้วก็กลับไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง?
“อันนี้ขอไม่ออกความคิดเห็นดีกว่าค่ะ แล้วแต่คนดูจะพิจารณา”

เราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมใช่มั้ย ?
“(หัวเราะ) มันก็เป็นประโยชน์นะคะ มันก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมนะคะ สังคมจะได้รับรู้ ถึงจะเจอเรื่องนี้จริงๆ ความสัมพันธ์ของธัญญ่ากับพี่เป๊กก็ไม่ได้ถอยหลังหรืออะไรนะคะ เท่าที่เราคุยกันวันนั้น พี่เป๊กออกมาพูดก็เคลียร์ แล้ว เราก็รู้สึกว่าว่าพร้อมเดิมหน้าเพื่อครอบครัว เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นการให้โอกาสอีกครั้ง ไม่ได้มีอะไร ไม่อยากเอาเรื่องเก่าๆ มาคิดให้คลางแคลงใจ รกสมองค่ะ”

“ให้โอกาสก็ไม่รู้ขั้นไหน ดูไปเรื่อยๆ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีทริปที่จะพาลียาไปเที่ยวกันที่เกาหลีสิ้นเดือน กำลังคุยกับน้องสาวพี่เป๊กว่าจะเอาหลานๆ ไป จริงๆ ทุกทริปที่ไป เราก็ไปทำกิจกรรมมีลียา พี่เป๊ก ตัวเรา แต่ครั้งนี้น่าจะมีพี่เป๊กไปด้วยกับหลานๆ ค่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เหมือนเดิมนะคะ ไม่ได้มีการเอาใจมากขึ้น ก็แล้วแต่ เขาเป็นคนไม่ได้หวานแหวว แต่จะดูแลเสมอต้นเสมอปลาย”

ต่อกระแสที่หลายคนมองว่า “พิ้งกี้” กำลังจะกลับมาในวงการอีกครั้ง “ธัญญ่า” ก็เลยเอาเหตุการณ์นี้ขึ้นมาสกัดดาวรุ่ง กับประเด็นนี้เจ้าตัวตอกเจ็บ ถ้าจะทำไปทำพวกเบอร์หนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ

“เหมือนอิจฉาเหรอ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เพราะว่ามันจะทำไปเพื่ออะไร ที่มันเกิดขึ้นคือปัญหาครอบครัวมากกว่าไม่ได้เกี่ยวว่ากลับมาทำงานแล้วต้องไปสกัดดาวรุ่ง มันไม่มีเหตุผลที่ต้องอย่างนั้น อย่างนี้เราไปสกัดพวกเบอร์หนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ(ยิ้ม)”

“ถ้ามันไม่ได้มีเรื่องราวชู้สาวเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา ณ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ข้อความนี้จะเป็นข้อความปกติค่ะ แต่เผอิญมันมีเรื่องนี้เกิดขึ้น เรายังไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เลยทำให้มันเกิดปัญหาขึ้นเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะมีใครมองแบบนั้น ก็แล้วแต่คนจะคิด แล้วแต่ใครจะมองเรื่องราวนี้ว่ายังไง ก็มีทั้งคนชอบและก็ไม่ชอบแหละค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะไปบังคับความคิดของทุกคนก็ไม่ได้ ก็แล้วแต่ว่าใครจะใช้วิจารณญาณยังไง”

“ธัญญ่าไม่เช็คข้อความพี่เป๊กค่ะค่ะ แต่ที่ผ่านมาเราก็ไม่เช็ค เพียงแค่วันนั้นนั่งอยู่ด้วยกัน แล้วหยิบขึ้นมาก็มีข้อความวอทแอปขึ้นมา เลยกดดู ก็โป๊ะเชะเลย”

ยืนยันไม่ได้ตั้งใจอัดคลิปเสียง แค่อยากอัดให้สามีฟังเท่านั้นจริงๆ

“อยากจะบอกว่าวันนั้นเราไม่ได้ตั้งใจอัดเลยจริงๆ แค่จะโทร.ไปบอกแค่นั้น แต่เผอิญมีการใช้อารมณ์ความรุนแรง เจตนาเราจะอัดให้พี่เป๊กฟัง ยอมรับว่าเวลาธัญญ่าทะเลาะกับใครหรือโดนใครว่า ธัญญ่าจะไม่เป็นคนพูดแรงกลับ แต่จะเป็นคนกวน พอเราได้รับคำพูดจาที่มันแรง เราก็จะกวน”

“ไม่ได้ยั่วโมโหเพื่อให้เขาพูดแบบนั้นออกมา ไม่หรอกค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่คนคิด อย่างที่บอกพอมันเจอคำพูดแรงๆ เราก็มีอารมณ์โมโหเหมือนกัน แต่ว่าจะให้ด่ากลับมันไม่ใช่วิสัยค่ะ แล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของธัญญ่ากับพี่เป๊กแย่ไปกว่าเดิม เพราะว่า ณ วันนั้นที่เราพูดก็ถือว่าโอเคแล้ว เดี๋ยวรอดูอนาคตต่อไป”

“ส่วนกับฉายาเจ้าแม่อัดคลิป ตอนแรกโดนถามว่าปีนี้จะได้ฉายาใหม่มั้ย เราก็บอกไม่น่ามีฉายาแล้วอันเดียวพอ แต่ปีนี้ต้องมีอีกแน่เลย ตั้งฉายาธัญญ่าเรคคอร์ด (หัวเราะ) ก็โอเค ถ้ามองเป็นเรื่องขำมันก็ขำดีเนอะ แต่ตอนที่เกิดก็เป็นเรื่องซีเรียส เวลาผ่านไปมันก็โอเคก็น่ารักดี ถามว่ายอมรับได้มั้ย มันคงให้คนอื่นไม่ได้ เพราะที่ผ่านมารู้สึกจะมีแต่เราเรคคอร์ดอยู่คนเดียว”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิ้งกี้ น้ำตาคลอแจงสื่อ


กรณีฉาวไม่จบไม่สิ้น ธัญญ่า-เป๊ก-พิ้งกี้ หลังจากที่ ธัญญ่า-เป๊ก ควงแขนกันออกมาแถลงต่อสื่อว่า "อยากให้พิ้งกี้หยุดสักที" ได้เวลาที่พิ้งกี้จะได้มาพูดให้เคลียร์บ้าง


ล่าสุดที่งาน ZEN Body Sense 2012: Stories of Seduction เจอตัวสาว พิ้งกี้ สาวิกา นางเอกสาวเข้ามาพบกองทัพนักข่าวที่มาติดตามฟังคำชี้แจงแบบเคลียร์ๆ ด้วยท่าทางปกติ ก่อนเริ่มชี้แจงต่อหน้าสื่อด้วยเริ่มมีน้ำตาคลอและเสียงสั่นเครือตลอดเวลาชี้แจงว่า

"วันนี้มาร่วมงานปกติ ไม่ได้แถลงข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับใคร ขอยืนยันนะคะ อยากจะขอให้เรื่องนี้มันจบได้สักที จบได้แล้วนะคะ จะบอกว่า SMS ที่ส่งเป็นของกี้จริง แล้วก็เป็น SMS ปกติ ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง เพราะพี่เป๊กส่งมาหากี้เองจริง ๆ แล้วเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่กี้ใช้มานานแล้ว และที่ผ่านมาไม่ได้ใช้เบอร์นี้เป็นปีแล้ว พอเปิดมาก็มาเจอที่พี่เขาส่งมาหา กี้ก็ตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไรและไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น บอกได้เลยว่า ตอนนี้ในหัวสมองของกี้มีแต่ พ่อกับแม่เท่านั้น"

"กี้อยากบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมาจากคลิปเสียงนั้นที่มีคนปล่อยออกมา ทั้งที่กี้กับแม่ไม่ได้ทำอะไร และตัวแม่ของกี้เองก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ ว่าถ้าเกิดมีคนโทรมาหาแบบนั้น เป็นใครก็ต้องมีอารมณ์โมโหและโกรธเป็นธรรมดา เอาเป็นว่า กี้ก็ต้องขอโทษแทนคุณแม่ด้วย ที่พูดจาไม่ดีและพูดทำให้เสียหาย กี้เชื่อว่าคุณแม่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่บริสุทธิ์ใจที่จะปกป้องลูกสาว ไม่มีการเล่ห์กลอัดเทปเสียงอะไรแต่อย่างใด"

เมื่อนักข่าวถามว่า แล้วหลังจากนี้จะส่งข้อความถึงฝ่ายนั้นอีกหรือเปล่า? 
"ไม่ใช่เลิกคะ ต้องใช้คำว่า อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตกี้อีกดีกว่า เบอร์โทรศัพท์เบอร์นั้น กี้ก็ไม่ได้ใช้แล้วด้วยซ้ำ กี้ทำงานตลอด 7 วัน จะเอาเวลาไหนไปส่งข้อความ ไม่คิดจะอยากส่งด้วย แค่ตอบกลับไปเป็นมารยาทเท่านั้น" 

พี่เป๊กส่งมาว่ายังไง? 
"อย่าถามกี้เรื่องนี้เลยคะ ให้มันจบสักทีเถอะ ฝ่ายกี้เองจบมาตั้งนานแล้ว"

คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนี้คุณแม่ออกบวชและถือศีลอดอยู่คะ"

คราวหน้าถ้าเขาส่งมาหาอีกจะตอบกลับไปหรือไม่? 
"ไม่ต้องถามเลยคะ เอาเป็นว่าจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวังอีก และต่อไปนี้รับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้อีก และกี้ขอฝากบอกคนที่ปล่อยคลิปเสียงหน่อยนะคะ ตอนนี้คุณสะใจ ได้หัวเราะแล้ว ก็ควรกลับไปทำประโยชน์ให้สังคมบ้างเถอะคะ"

ที่มา: สนุกดอทคอม

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เป๊ก-ธัญญ่า เปิดใจข่าว พิ้งกี้-สาวิกา

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ร้านมิ้วส์ ทองหล่อ ซอย 10 ภายในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “เจ ออน เดอะ มูน” เป๊ก-สัณชัย เองตระกูล และ ธัญญ่า-ธัญญาเรศ รามณรงค์ ได้แถลงข่าวถึงกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนากันระหว่าง นางสรินยา ไชยเดช แม่ของ พิ้งกี้-สาวิกา กับธัญญ่า เพราะมีข้อความส่งมาที่มือถือเป๊กว่า" มิสยูนะ" ธัญญ่าจึงโทรไปหาแม่พิ้งกี้ เลยกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวเป๊ก-สัณชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนธัญญ่าก็แถลงข่าวต่อสื่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง



"เป๊ก" เปิดเผยว่า “ผมอยากอธิบายตรงนี้ว่า ไม่อยากให้เอสเอ็มเอสเนี่ยเป็นสาระสำคัญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอธิบาย ถ้าถามเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นยังไง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เป็นเบอร์ที่น้องเคยใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งมาเป็นแค่คำทักทาย แต่ว่าข้อความนั้นอาจทำให้คนคิดไปได้หลายอย่าง มันเป็นเรื่องปกติที่คนเคยรู้จักกันจะส่งเอสเอ็มเอสหากัน ใครก็ทำได้ ผมเองในบางครั้งที่เห็นน้องเขาตามสื่อโฆษณา นึกถึงก็ส่งข้อความหา แล้วก็บอกธัญญ่าด้วย แต่ผมเข้าใจดี ในเรื่องของการที่ธัญญ่าได้รับเอสเอ็มเอสมาวันนั้น ในฐานะของภรรยาก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่ใช่เบอร์ของน้อง แต่อยากจะบอกธัญญ่าและทุกคนในที่นี้ว่า ผมกับน้องเขาไม่มีอะไร ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้คบกัน มีแต่เอสเอ็มเอสนาน ๆ ที ด้วยความสัตย์จริงของลูกผู้ชาย ที่ผ่านมาธัญญ่าและคนใกล้ตัวของผมน่าจะเห็นว่าผมพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันไม่มีเหตุผลใด ที่ผมจะกลับไปทำอะไรไม่ดี หรือทำให้ครอบครัวต้องกลับไปเริ่มศูนย์ใหม่ ตัวน้องเขาเองผมเชื่อได้เลยว่าเขาก็ผ่านอะไรร้าย ๆ มาเยอะ กว่าจะกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก น้องเขาคงไม่กลับไปทำให้มันเป็นแบบนี้อีก ผมขอยืนยันให้ทุกคนและธัญญ่าทราบว่า ทุกเรื่องที่ได้ยินมาไม่เป็นความจริง เป็นแค่การทักทายตามปกติ ส่วนในเรื่องของคลิปที่หลุดออกมา ไม่รู้ว่าหลุดออกมาได้ยังไง เพราะธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวที่ต่างประเทศ ส่วนผมก็ส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวผม และเพื่อนที่ทำงานของผมฟังก็เท่านั้น ส่วนในเรื่องของคลิปเนี่ยเป็นเพราะ ธัญญ่าพยายามโทรไปหาแม่ของน้องเขา ซึ่งเมื่อนานมาแล้วแม่เขาบอกว่ามีอะไรก็ปรึกษาได้ ธัญญ่าโทรไปก็เป็นจุดเริ่มต้นของคลิปนี้ ส่วนคุณแม่ของน้องเขาคงตกใจ และก็รู้ว่าน้องไม่ได้ติดต่อผมแล้ว พอมาเจอเรื่องนี้ก็ต้องโมโห และก็ต้องปกป้องลูกสาวเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาของครอบครัวผมและน้องเขาอีก ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมเป็นต้นเหตุ ทำให้เรื่องราวเกิดขึ้น ธัญญ่าต้องทะเลาะกับแม่ของน้องเขา ต้องเสียชื่อเสียง ผมเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุข่าวคราวที่น่าเบื่อและยืดยาวมาก ๆ ฉะนั้นขอให้เรื่องเหล่านี้ยุติ ด้วยคำพูดของผมที่เป็นลูกผู้ชาย จากนี้ไปผมก็ต้องทำให้ครอบครัวที่ผมรักมาก ๆ กลับมาเป็นครอบครัวให้เร็วที่สุด ส่วนน้องก็ปล่อยให้เขาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ตามที่ต้องเป็น ขอให้จบสิ้นข่าวนี้ทุกอย่าง”  

จากนั้น "ธัญญ่า" เปิดเผยต่อว่า “ก็ไม่รู้จะพูดอะไร พี่เป็กก็พูดไปหมดแล้ว อยากฝากถึงน้องคนนั้นว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดมา 2 ปีกว่าจะ 3 ปี เราทุกข์ทรมานกันทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาส พี่เป็กขอโอกาส จากที่เราตัดสินใจหย่าแน่นอน แต่ในเมื่อพี่เป๊กพร้อมที่จะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง และลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เราควรให้โอกาสเขาเพื่อครอบครัวและเพื่อลูก ก็อยากฝากขอร้องน้องนิดนึงนะคะ ในเรื่องของการส่งข้อความคิดถึงสามีเราเนี่ย มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็โอเคจะเข้าใจอย่างนั้น ส่วนกรณีที่คุยกับแม่ของน้องเขาในแบบไม่ดีเท่าไหร่ ก็อยากจะบอกว่า แค่จะโทรไปบอกว่า น้องติดต่อมานะ อย่างที่แม่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการติดต่อกันให้โทรมาบอกจะจัดการทุกอย่างเอง เราก็อยากโทรบอก ไม่งั้นก็ค้างคาใจ เราจะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไปยังไง ในเมื่อไม่มั่นใจเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปีมันทรมานทั้งคุณและครอบครัวเรา การส่งข้อความมาจะอนาคตอีกกี่ปีก็ตาม ขอให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์ว่า มันไม่มีอะไรในเชิงชู้สาวอีกแล้ว” 

พอถึงตรงนี้ เป๊ก รีบพูดขึ้นว่า “พี่บอกธัญญ่าให้ฟังตรงนี้ว่า ในความเป็นลูกผู้ชาย เรื่องเหล่านั้นคงไม่มีเหมือนที่อธิบายไปทั้งหมด”

ธัญญ่า เลยหันไปถามเสียงเข้มว่า “คงไม่มีหรือไม่มี”

เป๊ก เลยรีบตอบกลับว่า “ไม่มี ไม่มี” 

ผู้สื่อข่าวถามว่าน้องเขาส่งข้อความมาบ่อยไหม “ผมก็ส่งไปบ้าง เวลาที่เห็นตามสื่อ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ ลียา เราทั้งคู่ดูแลลูกตลอดเวลา ลียาเริ่มโตขึ้น จะ 3 ขวบ เริ่มรู้เรื่องแล้ว ในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหาหรือมีปมด้อย ฉะนั้นต้องขึ้นอยู่กับตัวผมด้วยว่า ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์” 

จากนั้นธัญญ่า กล่าวทิ้งท้ายว่า "ที่ผ่านมาจากเดิมที่ตัดสินใจว่าเราจะจบ แต่พอมีโอกาสได้กลับมา ก็พยายามจะเป็นครอบครัว ก็มีกิจกรรมร่วมกัน ปรึกษากันเรื่องลูกตลอด ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอมาเกิดเรื่อง ก็ทำให้เราไม่ไว้ใจ ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นครอบครัว เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา แล้วปัญหาที่เคยเกิดก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ มิสยูนะ (Miss You Na) ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจ หลังจากที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่วินาทีแรกที่เห็นข้อความก็รู้สึกไม่เอาแล้ว แต่พอเราได้คุยกัน ใจเย็นลง ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

ที่มา: เดลินิวส์

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“เป๊ก” รับตัดไม่ขาดยังส่งข้อความหา “พิ้งกี้” แต่ไม่มีอะไรเกินเลย ยืดอกรับแมนๆ ผมผิดเอง

“เป๊ก” แอ่นรับตัดไม่ขาดยังส่งข้อความหา “พิ้งกี้” ตามประสาคนรู้จัก แต่ยืนยันอย่างลูกผู้ชายไม่มีเรื่องชู้สาว ฉุนกึกโดนถามจะยังติดต่อพิ้งกี้อีกมั้ย ตอกอย่ามาคะยั้นคะยอ ก่อนยืดอกรับแมนๆ ผมเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ลั่นจะทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ด้าน “ธัญญ่า” บอกทุกข์ทรมานมามากแล้ว วอนพิ้งกี้อย่าติดต่อสามีอีก



ยังคงเป็นมหากาพย์เรื่องยาวฉาวสะท้านวงการอยู่ หลังจากมีคลิปเสียงที่แทนตัวเองว่า “ธัญญ่า” โต้เถียงกัน กับ “แม่พิ้งกี้” เพราะฝ่ายแรกโกรธที่พิ้งกี้ส่งข้อความ “คิดถึง” ไปหาสามีของตนเองที่ชื่อ “เป๊ก” ทำเอาทางฝ่ายของแม่พิ้งกี้ฟิวส์ขาดโต้กลับอย่างดุเดือดถึงขั้นขึ้น มึง กู เ_ ี้ย

ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นทางฝ่ายของ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ที่ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตนเองเถียงอยู่กับ “สรินยา ไชยเดช” แม่ของนางเอก “พิ้งกี้ สาวิกา” เพราะไม่พอใจที่พิ้งกี้ส่งข้อความคิดถึงมาหาสามี พร้อมเผยตั้งใจอัดเสียงไว้ให้สามีและเพื่อนๆ ฟัง แต่ส่งให้เพื่อนหลายคน อาจทำให้เสียงดังกล่าวหลุดออกไปวงกว้าง ด้าน “แม่พิ้งกี้” ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยรับผิดที่พูดคำหยาบคายกับธัญญ่า แต่อยากให้เข้าใจว่า ทำไปเพื่อปกป้องลูก ก่อนแขวะธัญญ่าคงเห็นว่าลูกสาวของตนกำลังกลับเข้ามาในวงการบันเทิงมีงานเลยทนไม่ไหว

ล่าสุด เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันนี้ (15 ส.ค.) “ธัญญ่า” ได้ควงสามี “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” ออกมาเปิดใจถึงคลิปดังกล่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “Jetrin 20th Anniversary World tour 2012” ที่ร้าน Muse ทองหล่อซอย 10 โดยทั้งคู่เปิดฉากแจงแจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า….

เป๊ก : “ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นเรื่องสาระสำคัญนะ ถ้าถามว่าเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นยังไง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เบอร์ก็เป็นเบอร์ที่น้องเขาเคยใช้ ผมรู้และเข้าใจดีว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งไปเป็นแค่การทักทาย คำที่อยู่ในประโยคนั้นๆ หรืออยู่ในเอสเอ็มเอสมันสามารถทำให้คนคิดได้ไปหลายรูปแบบ เพราะต่างคนก็ต่างความคิด มันก็ด้วยต่างวาระต่างสถานการณ์ ทำให้คำๆ นี้ สามารถแปลความหมายไปได้ในหลายความหมาย”

“อยากจะบอกว่า จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องปกติของการส่งเอสเอ็มเอสสำหรับคนที่รู้จักกัน มันเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นเรื่องของคนที่ทำกันได้ ผมเองในบางครั้งที่ได้เห็นน้องเขาตามสื่อ หรือตามโฆษณา พอนึกถึงก็ส่งเอสเอ็มเอสไปตามปกติ ซึ่งผมก็บอกธัญญ่า แต่ผมเข้าใจในเรื่องของธัญญ่าที่ได้รับเอสเอ็มเอสในวันนั้น ในฐานะภรรยา ธัญญ่าก็จะต้องโกรธและโมโหเป็นธรรมดา”

“ถึงแม้ในวันนั้นเบอร์ที่ส่งมาจะไม่ใช่เบอร์ของน้องเขาก็ตาม เมื่อเอสเอ็มเอสมาแบบนี้ ธัญญ่าก็จะต้องโมโห ผมเข้าใจได้ดี แต่ก็อยากจะบอกธัญญ่า และทุกคนในที่นี้ด้วย ว่า ผมเองและน้องเขาไม่ได้มีอะไรเลย ไม่เคยได้เจอ ไม่เคยได้พบกันเลย มีแต่เพียงแค่แมสเสจทักทายนานๆ ที นี่พูดด้วยความสัตย์จริงของลูกผู้ชาย”

“ด้วยที่ผ่านมาทุกคนเอง คนที่ใกล้ตัวผมทุกคนคงเห็นว่า ผมเองพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้ภรรยาคือธัญญ่าที่ผมรักมาก และลูกสาวที่ผมรักกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะกลับไปทำเรื่องแบบนั้น หรืออะไรที่ไม่ดีที่จะทำให้ครอบครัวผมกลับไปนับศูนย์อีก มันไม่ใช่ความคิดของผมแน่นอน”

“ในส่วนตัวของน้องเขาเอง ผมเชื่อว่า เขาเองก็ผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะ กว่าที่เขาจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามปกติ มันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากแสนเข็ญหลายๆ คนก็คงเห็น คงไม่มีความคิดที่จะกลับมาทำอะไรที่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ขอยืนยันให้ทุกคนได้ทราบ ให้ธัญญ่าได้สบายใจว่า ทุกเรื่องที่ได้ยินมามันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเพียงแค่การทักทายกันปกติ”

“ในเรื่องของคลิปที่หลุดออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าหลุดไปได้ยังไง ธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิท ส่งให้ครอบครัวที่ต่างประเทศ แล้วก็ผมส่งให้เพื่อนสนิท ส่งให้ครอบครัวผมเช่นเดียวกัน พนักงานผมฟังทุกๆ คน หลุดยังไงผมไม่ทราบ ผมต้องบอกไว้ว่าในฐานะที่ธัญญ่าเป็นภรรยา คงจะต้องโมโหผมเป็นธรรมดา ธัญญ่าเองก็ได้โทร.ไปหาน้องเขา ซึ่งมีอยู่วันนึงเมื่อนานมากแล้ว คุณแม่ของน้องเขาได้บอกธัญญ่า ว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทร.มาปรึกษาได้ ธัญญ่าก็เลยโทร.ไป มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของคลิปอันนี้”

“ส่วนทางคุณแม่ของน้องเขาเอง ผมก็เข้าใจว่า ตัวคุณแม่น้องเขาคงรู้ว่าน้องไม่ได้ติดต่อไม่ได้อะไรกับผม แต่พอได้มาเจอเรื่องนี้อีกครั้งนึง ก็คงจะตกใจ โมโห แล้วก็คงต้องปกป้องลูกสาวในฐานะที่เขาเป็นแม่ มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นปัญหาให้ครอบครัวผมเองจะต้องมีปัญหาอีก รวมถึงครอบครัวของน้องเขาด้วย ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

“ที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งมวล ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ นานา มันเกิดขึ้นมา ให้ธัญญ่าต้องทะเลาะกับแม่น้องเขา หรือว่าตัวน้องเขาและอีกหลายๆ คน ทำให้ธัญญ่าต้องเสียชื่อเสียง รวมถึงชื่อเสียงของน้องเขาด้วย ผมเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดข่าวคราวที่น่าเบื่อหน่ายยืดยาวมากๆ จนผมเห็นข่าวผมเอง ผมยังไม่ดู ไม่อ่านอะไรทั้งสิ้น ผมอยากให้เรื่องราวเหล่านี้ยุติ ด้วยคำพูดของผมในฐานะที่ผมเป็นลูกผู้ชาย”

“ถ้าคุณมารอฟังผมกันเยอะขนาดนี้ คุณต้องเชื่อผมและให้เกียรติผม ว่า ในสิ่งที่ผมพูด ผมพูดเรื่องจริง ผมยืนยันว่า ผมกับน้องเขาไม่มีอะไร ไม่เคยเจอกันไม่เคยพบกัน และจากนี้ไปผมก็ยืนยันว่า ผมจะต้องทำให้ครอบครัวที่ผมรักมากๆ ภรรยาและลูกที่ผมรักกลับมาอยู่ด้วยกันดีเหมือนเดิมให้ได้เร็วที่สุด ส่วนน้องเขาก็ปล่อยให้น้องเขาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวตามที่เขาต้องเป็น ผมอยากจบสิ้นยุติข่าวเรื่องนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

“อีกอย่างผมต้องขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ นักข่าวทุกคน สื่อทุกสื่อ พิธีกรรายการข่าวทีวีต่างๆ ที่ได้รอจะให้โอกาสผมได้มาพูดในวันนี้ โดยที่ไม่มีการลงข่าวหรือว่าอะไรมาตัดสินผมไปลงข่าวก่อน อันนี้ผมต้องขอบคุณจากใจผมเลย จากนี้ไปผมก็จะต้องเดินหน้าทำให้ครอบครัวผมกลับมาดีเหมือนเดิม”

ธัญญ่า : “เรื่องทั้งหมดเป๊กพูดไปหมดแล้ว อยากฝากถึงน้องคนนั้นว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา 2 ปีกว่า จะ 3 ปี พวกเราทุกข์ทรมานกันหมดทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาส พี่เป๊กขอโอกาส จากที่เราตัดสินใจว่าจะหย่าแน่นอนในเมื่อพี่เป๊กเป็นคนขอกลับมาอีกครั้ง และลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เราเลยคิดว่าก็ควรจะให้โอกาสเขา เพื่อครอบครัวเราและลูกของเรา”

“อยากฝากขอร้องน้องนิดนึงนะคะ เรื่องการส่งข้อความคิดถึงสามีเรา มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็โอเคจะเข้าใจอย่างนั้น สำหรับกรณีที่เกิดการคุยกันในลักษณะที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่กับคุณแม่ของน้องเขา อยากบอกว่า เราแค่จะโทร.ไปบอกว่าน้องเขามีการติดต่อมานะ คุณแม่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการติดต่อให้บอกคุณแม่ คุณแม่จะจัดการทุกอย่างเอง เลยอยากจะโทร.ไปบอกเขา ไม่งั้นมันจะค้างคาใจ”

“เราจะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไปยังไง ในเมื่อเราไม่มั่นใจในเรื่องนี้เกือบ 3 ปี มันทุกข์ทรมานทั้งครอบครัวเราครอบครัวคุณ เรื่องการส่งข้อความหรือการโทร.มาจะในอนาคตอีก 2-3 ปี หรืออีกปีหรือ 6 เดือน ก็ขอให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์นั้นว่าไม่มีอะไรเชิงชู้สาวอีกแล้ว ธัญญ่าจะโอเคค่ะ”

เป๊ก : “อันนี้บอกให้ธัญญ่าฟัง ยืนยันได้เลยอย่างลูกผู้ชายว่า เรื่องเหล่านั้นคงไม่มี เหมือนที่อธิบายทั้งหมด”

ธัญญ่าแทรกว่า : “คงไม่มีหรือไม่มี”

เป๊ก : “ไม่มีๆ”

เผยส่งข้อความเดือนละครั้ง ต่อไปถ้าเจอกันก็ยืนยันว่าจะทักทายปกติ

เป๊ก : “บางทีผมก็ส่งเดือนละครั้ง เมื่อเวลาผมเห็นสื่อหรือเห็นอะไรที่ทำให้มันนึกถึงคนที่เคยรู้จัก ผมก็เอสเอ็มเอสไปเป็นปกติ หรือในอนาคตถ้าผมเจอน้องเขา ผมก็คงต้องทัก ส่งแมสเสจไปตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติมาก”

เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนเบอร์หรือยังจะส่งแมสเสจไปหาอีกมั้ย? งานนี้ทำเอาเป๊กฉุนขึ้นมาทันควัน

“ไม่เปลี่ยน คุณไม่ต้องถามหรอก ผมพูดไปหมดแล้ว ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอถามผมว่าส่งไม่ส่ง ผมพูดทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว ทุกคนก็รู้ดี ลองคิดถึงตัวคุณเองสิ ถ้าคุณรู้จักใครซักคนคุณจะทำยังไง ความเป็นเพื่อนคุณไม่มีเหรอ ความเป็นพี่เป็นน้องทำไม่ได้เหรอ ผมยืนยันและตั้งใจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีเพื่อครอบครัว ณ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลียา เราช่วยกันดูแลทั้งคู่ตลอดเวลา ลียาเขาก็ติดคุณแม่มากกว่า”

ธัญญ่า : “แต่ถ้าไม่มีธัญญ่าลูกก็จะติดพี่เป๊กมากเหมือนกัน”

แสดงว่าเป๊กขอโฟกัสที่ลูกก่อน ?

เป๊ก : “แน่นอน ในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหา มีปมด้อย ฉะนั้น ขึ้นอยู่ที่ตัวผมด้วย ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์ เรื่องชีวิตคู่เราสองคนจริงๆ มันก็ใช้อยู่แล้วสามีภรรยาเนี่ย ก็แค่แยกบ้านกันนอน”

ธัญญ่า : “ที่ผ่านมา จากตัดสินใจจะหย่าแน่นอน จบแน่นอน แต่พอมีโอกาสได้กลับมาเป็นครอบครัว อาจไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังไปต่างประเทศ ทำกิจกรรมร่วมกัน มีปัญหาเรื่องลียาก็ปรึกษากันตลอด ทุกอย่างเหมือนดีขึ้น เราสบายใจที่พี่เป๊กพยายามให้เห็นจริงๆ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็ทำให้เราเฟล เหมือนเรายังไม่ไว้ใจ”

เป๊ก : “ก็ที่พูดทั้งหมดเพราะอยากให้เข้าใจว่าไม่มีอะไร”

ธัญญ่า : “ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นภรรยา เป็นครอบครัว เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา เคยมีปัญหามาก่อนแล้วเวลาก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ Miss you na มันยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจหลังจากการที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่ในวินาทีที่ได้เห็นข้อความก็คิดว่าจบแล้ว ไม่เอาแล้ว แต่พอวันเวลาผ่านไป เราก็ใจเย็นลง ได้คุยกัน ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

เป๊ก : “ผมยืนยันความด้วยความเป็นลูกผู้ชายของผม แต่พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่าอีก ก็มันไม่มีอะไรอย่างที่คนอื่นคิดหรอกครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” รับอัดคลิป “แม่พิ้งกี้” อินจัดเข้าฉากตบเมียน้อยเทกเดียวผ่าน

“ธัญญ่า” รับอัดเสียงสนทนาระหว่างตนกับ “แม่” ของสาว “พิ้งกี้” ไว้ เพราะเดือดที่เห็นข้อความ “คิดถึง” ส่งมาในโทรศัพท์ของ “เป๊ก” ซึ่งเป็นเบอร์โทรของพิ้งกี้ ลั่นตั้งใจอัดเสียงไว้ให้สามีและเพื่อนๆ ฟัง แต่ส่งให้เพื่อนหลายคน อาจทำให้เสียงดังกล่าวหลุดออกไปวงกว้าง ด้าน “แม่” ของพิ้งกี้ รับผิดเองที่พูดคำหยาบคายกับธัญญ่า บอกธัญญ่าคงเห็นว่าลูกสาวของตนกำลังกลับเข้ามาในวงการบันเทิงมีงานเลยทนไม่ไหว



หลังจากมีคลิปเสียงที่แทนตัวเองว่า “ธัญญ่า” โต้เถียงกัน กับ “แม่ของพิ้งกี้” เพราะฝ่ายแรกหึงหวงที่พิ้งกี้ส่งข้อความคิดถึงไปหาสามี ส่วนแม่ของพิ้งกี้ก็เถียงแทนลูกถึงขั้นขึ้น ขึ้น มึง กู เ_ ี้ย ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ รามณรงค์” กับ “สรินยา ไชยเดช” แม่ของ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” โดยธัญญ่าได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เช้าดูวู๊ดดี้” ยอมรับว่าเป็นคนอัดคลิปเสียงเอง

“ที่คลิปหลุดออกมา เพราะธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิทฟังด้วยความที่โมโหมาก ก็ส่งให้เพื่อนฟังเยอะมากซึ่งธัญญ่าก็ไม่รู้เรื่องว่าคลิปหลุดออกมาแล้ว ก็งงเล็กน้อย เพราะไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยคลิป และในคลิปธัญญ่าเองก็พูดกวนมาก ไม่ได้อยากจะให้หลุดออกไป ถ้าตั้งใจปล่อยจริงๆ คงจะพูดอะไรที่ดีกว่านี้ แล้วตอนที่อัดเสียงธัญญ่าก็ไม่ได้อยู่กับพี่เป็ก อยู่คนละบ้าน แต่พออัดเสร็จก็เอาไปให้เขาฟังด้วยว่าคุณแม่คู่กรณีพูดอะไรยังไงบ้าง”

“ตอนแรกเลยไม่คิดจะอัดคลิปเสียงนี้เลย แต่พอเห็นเอสเอ็มเอส คำว่า MISS YOU ขึ้นที่โทรศัพท์ของพี่เป็กเท่านั้นแหละธัญญ่าก็โทร.หาคุณแม่ของคู่กรณีทันที เพราะคุณแม่เขาเคยโทร.หาธัญญ่าแล้วบอกว่า ถ้าเมื่อไหร่ลูกเค้าติดต่อหาพี่เป๊กอีกให้โทร.หาแม่”

“ธัญญ่าก็เลยโทร.ไปหาแค่นั้นเอง เพื่อจะบอกว่ามีการติดต่อกลับมานะ แต่คุณแม่เล่นพูดซะขนาดนั้น ธัญญ่าเลยอัดไว้ให้พี่เป๊กฟัง และด้วยความโมโหก็ส่งให้เพื่อนสนิทฟังด้วย ส่วนทางพี่เป๊กก็นิ่งๆ ไม่ได้โมโหอะไร ยังปกติเหมือนเดิม ธัญญ่าเองก็ยังทำงานต่อไปถ่ายละครเรื่องแรงเงาที่ค่อนข้างคล้ายชีวิตจริงมากๆ แล้ววันที่เกิดเรื่องก็ไปถ่ายละครเรื่องนี้ด้วยมีฉากตบเมียน้อย ก็ยิ่งอินจัด ตบเทคเดียวผ่านเลย จะแถลงข่าวหรือเปล่า คงต้องดูพี่เป๊กก่อนแล้วแต่เขา ถ้าจะแถลงก็แถลงคู่เลยจะได้จบทีเดียว”

ด้าน “แม่” ของ “พิ้งกี้” ยอมรับผิดใช้คำหยาบคายกับอีกฝ่าย แจงเพราะต้องการปกป้องลูกสาว

“ธัญญ่ามีอยู่มุกเดียว แม่หลุด แม่ผิดเองที่ขึ้นมึงขึ้นกู แต่เข้าใจอารมณ์คนเป็นแม่ไหมใครมาด่าลูกเราเราก็ต้องปกป้อง สงสัยจะเห็นพิ้งกี้กำลังกลับเข้ามาในวงการมีงานเลยทนไม่ไหว”

ด้านหนุ่ม “เป๊ก” เองยืนยันตนไม่ได้เจอกับสาวพิ้งกี้นานแล้ว และตนพร้อมเจอพูดคุยถึงเรื่อดังกล่าวในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ที่งานแถลงข่าวคอนเสิร์ตของหนุ่ม “เจ เจตริน วรรธนสิน”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฟังเสียงจะจะ! สาวแทนตัว “ธัญญ่า” ด่าไฟแลบกับ “แม่พิ้งกี้” เพราะลูกสาวไม่เลิกยุ่งกับผัวชาวบ้าน

เนื่องจากเนื้อหาข่าวนี้อาจมีผลทางรูปคดีที่อาจจะมีการฟ้องร้องต่อกันจึงไม่สามารถเอาเผยแพร่ ณ ที่นี้ได้ ให้ทุกท่านเข้าฟังและอ่านรายละเอียดเต็มๆได้ที่ http://www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000097289


ขออภัยในความไม่สะดวก
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” ใจหิน “เป๊ก” สร้างบ้าน 40 ล้าน ง้อ แต่ขอแยกกันอยู่สบายใจกว่า

“ธัญญ่า” ใจแข็ง “เป๊ก” สร้างบ้าน 40 ล้าน ง้อ แต่ไม่ใจอ่อน บอกสบายใจที่จะแยกกันอยู่มากกว่า แจงไม่อยากกลับไปเจอปัญหาเดิมๆ เผยตอนนี้ยังเป็นสามี-ภรรยา เพราะยังไม่หย่า

เรียกว่าเดินหน้าง้อเต็มสูบ สำหรับ “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจัดทริปเที่ยวยุโรปรวดเดียว 4 ประเทศ เพื่อง้อภรรยา “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ล่าสุดก็ควักประเป๋าสร้างบ้านราคา 40 ล้าน ด้วยความหวังว่าอยากให้ธัญญ่าพาลียากลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ถือเป็นการง้อที่ลงทุนสูงทีเดียว

“บ้านหลังนี้สร้างมานานแล้วค่ะ หลังค่อนข้างใหญ่พอสมควร สร้างมาตั้งนานแล้วไม่เสร็จสักที ราคาก็น่าจะถึง 40 ล้านค่ะ แต่จะมากกว่านี้หรือเปล่าต้องไปถามเขาค่ะ อีกนานกว่าบ้านจะเสร็จ แต่จะตอนไหนต้องไปถามเขา เพราะว่ามันก็เหลืออีกเยอะเหมือนกัน เป็นบ้านที่ซื้อมา 4-5 ปีแล้ว เป็นบ้านที่แยกมาจากบ้านของพ่อแม่เลย”

“เรื่องย้ายมาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวค่อยว่ากันค่ะ พอมันเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา พอเรามาอยู่ตรงนี้แล้วเราสบายใจ มันก็เลยยังให้คำตอบไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ยังแยกกันอยู่อยู่ค่ะ แต่เรายังมีกิจกรรมที่ยังทำด้วยกันอยู่ ไปต่างประเทศ เราก็ไปด้วยกัน พาน้องไปเที่ยว”

เรียกว่า “เป๊ก” เดินหน้าง้อเอาใจทุกอย่าง แต่ยังใจแข็ง

“ไม่หรอกคะ เราก็ไม่ได้ไจแข็งอะไร เพราะตอนนี้เราก็ไม่ได้ทะเลาะ เราก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่นะคะ ที่เรายังไม่อยากกันอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าเราไม่อยากกลับไปเจอปัญหาเดิมๆ เพราะกว่าที่เราจะทำใจได้ มันยาก แล้วพอเรากลับไปแล้ว เรากลัวว่าเราจะกลับไปเจอเรื่องแบบนี้อีกไหม เหมือนเมื่อก่อนที่อยากรู้นู่นนี่ ก็จะคอนเช็ค การอยู่แบบนี้อาจจะอยู่กันได้นานกว่าเดิมก็ได้ ตอนนี้ยังคงเป็นสามีภรรยา เพราะว่ายังไม่ได้หย่ากันค่ะ”

“ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ไม่สบายใจ ไม่มีแล้วค่ะ เหมือนว่าตอนนี้เราอยู่ตัว เหมือนกับว่า ถ้าเราไปนั่งเฝ้านั่งระแวงมันก็ไม่ใช่เรื่อง เราก็มีลูกที่เราต้องดูแล มันอาจจะดีกว่า ถ้าอาจจะมาอยู่ด้วยกันแล้วมาทะเลาะกันทีเดียวตู้มเดียวแล้วหย่ากันไปเลย”

“มันไม่รู้ว่าจะเรียกเป็นการปลงหรือเปล่า แต่ตัวพี่เป๊กเอง ตอนนี้ก็ดูแลลียาเป็นอย่างดีค่ะ ตอนนี้ก็มีอะไรอย่าเอาอะไรมาเล่าให้ถึงหูอีก ไม่งั้นอาจจะควันออกหูอีก เพราะตอนนี้คุณเป๊กไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้าถึงหูเลยค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

“เป๊ก” เดินหน้าง้อ “ธัญญ่า” ควงเที่ยว 4 ประเทศรวด ฟุ้งเอาอยู่

“เป๊ก” เดินหน้าง้อ “ธัญญ่า” ควงเที่ยว 4 ประเทศรวด หวังให้เมียและลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ด้าน ธัญญ่า ใจแข็งยังไม่ขอกลับไปใช้ชีวิตครอบครัว เหตุหวั่นถ้ากลับไปจะทะเลาะกันอีก แต่ยอมรับความสัมพันธ์ดีขึ้น

จัดหนักจัดทริปเที่ยวยุโรปรวดเดียว 4 ประเทศ ทำเอา “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” กระเป๋าแทบฉีก หวังเดินหน้าง้อ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” ภรรยาสุดเลิฟ ให้กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก แต่งานนี้ดูเหมือนสาวธัญญ่า จะใจอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย ทำเอาสามีต้องรีบเดินหน้าง้อเต็มที่ตามใจทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

ธัญญ่า : “ไปเที่ยวยุโรป คือ ไปรับคุณแม่กับคุณตาก็เลยไปเจอกันที่ยุโรป ไปเที่ยวครั้งนี้ก็ดีค่ะ พาคุณตาไปต่างประเทศ เพราะเขาไม่เคยไปต่างประเทศเลย คุณยายก็เพิ่งเสีย คุณยายไม่ชอบขึ้นเครื่องบิน เลยพาคุณตามา เพราะแกเป็นโรคซึมเศร้า”

เป๊ก : “ก็สนุกดีครับได้ไปเที่ยวกับลียา (สบายกระเป๋าไหม ธัญญาชอปปิ้งไปเยอะ?) ก็สบายเลยครับ”

ธัญญ่า : “ความจริงก็ไม่ได้เยอะหรอกค่ะ โดนสั่งไม่ให้ช็อป เพราะส่วนใหญ่หมดกับค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่ากินค่าอยู่ เพราะไปหลายประเทศ 4 ประเทศ ไปอังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี”

เป๊ก : “เป็นการฮันนีมูน (หัวเราะ)”

ธัญญ่า : “ไม่ค่ะๆ เป็นการง้อค่ะ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็รอดูอีกที”

เป๊ก : “ถามว่าสำเร็จไหมก็ดูสิ ตั้ง 4 ประเทศ (ยิ้ม) (ท่าทางเขาใจอ่อนไหม?) ก็เอาอยู่นะ”

ธัญญ่า: “ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไป คือ หลายคนลุ้นอยากให้เหมือนเดิม ทุกวันนี้เราสองคนอาจจะไม่เหมือนเดิมในเรื่องของการอยู่ด้วยกัน แต่ว่ากิจกรรมของลียา หรือครอบครัวเราก็จะทำด้วยกันตลอด”

เป๊ก : “ผมเองก็เดินหน้าเต็มสูบมานานแล้วครับ ท้อไหม ถ้าเขายังไม่หายก็คงต้องไปอีกหลายประเทศ (หัวเราะ)”

ธัญญ่า : “ก็ไม่ได้ใจแข็งหรืออะไรก็แค่ดูๆ ไปเรื่อยๆ หลายคนบอกว่าฟอร์มอยู่ (หัวเราะ) แหม ก็เรื่องขนาดนี้ไม่ฟอร์มได้ยังไงละ ซึ่งก็ยอมรับว่าความสัมพันธ์ดีขึ้น เราไม่ทะเลาะกัน มีอะไรก็คุยกันไม่ทะเลาะแล้ว”

เป๊ก : “ก็จากที่ไปเที่ยวกันมา ก็รู้สึกดีขึ้นครับ เพราะว่านานๆ จะได้อยู่ด้วยกัน จากนี้ต่อไปก็คงอยู่กันเรื่อยๆ คือ ก็อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันจริงๆ บ้านที่ทำไว้กำลังจะเสร็จ ก็คือแพลนว่าถ้าทำเสร็จอยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน”

ธัญญ่า : “ณ ตอนนี้เราก็สบายใจดีอยู่แล้ว เดี๋ยวกลับไปอยู่ด้วยกันก็รู้อะไรอีก เดี๋ยวก็อยากรู้นั่นอยากรู้นี่เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก ตอนนี้อยู่แบบนี้แล้วแฮปปี้ ก็อยากอยู่แบบนี้ไปก่อนค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

“พิ้งกี้” ระรื่น ตรวจฉี่ไม่ท้อง ด้าน “ยุวดี” กรี๊ดแทน โวยข่าวเมียน้อยกระทบธุรกิจ

“พิ้งกี้” ยิ้มออก ตรวจฉี่ไม่ท้อง ประกาศเลิกพูดถึง “เป๊ก-ธัญญ่า” ด้าน “ยุวดี” กรี๊ดแทน โวยข่าวเมียน้อยกระทบธุรกิจอาหารเสริมที่ทำส่งออกอินเดียร่วมกับพิ้งกี้เสียหายเป็นร้อยล้าน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพัง บอก พิ้งกี้ไปโกอินเตอร์ทำเพื่อประเทศชาติ ควรส่งเสริมไม่ใช่ทำลาย พร้อมสับสื่อเขียนข่าวมั่ว

       
ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีสัมพันธ์เกินเลยกับ “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” แต่พอมีข่าวลือว่านางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ท้องกับหนุ่มเป๊กหลุดออกมา สาวพิ้งกี้กลับยอมตรวจพิสูจน์ความจริง ด้วยการตัดสินใจเข้าตรวจปัสสาวะและเลือดที่โรงพยาบาลพญาไท1 เพื่อพิสูจน์ว่าท้องหรือไม่ท้อง แถมยังควง “ยุวดี บุญครอง” ออกมาเปิดแถลงข่าว ที่บริษัท เอช พลัส แชนแนล ถนนวิภาวดี หลังจากทนไม่ไหวที่ข่าวเป็นเมียน้อยทำลายชีวิตนางเอกสาว แถมยังส่งผลกระทบกับธุรกิจอาหารเสริม Brite Up ที่ทั้งคู่ทำร่วมกัน

ซึ่งก่อนที่จะเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งพิ้งกี้และบอสยุวดีก็ได้ออกมาเปิดใจถึงข่าวคาวดังกล่าวแบบหมดแม็กซ์ โดยงานนี้ก็ทำเอาสาวพิ้งกี้ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างพรั่งพรู พร้อมตัดพ้อว่าพยายามอยู่อย่างสันติแล้ว แต่เรื่องก็ไม่จบ ก่อนจะขอร้องว่าขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะนำเสนอข่าวนี้ ในขณะที่บอสยุวดีเองก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ออกโรงสับสื่อเละว่าเขียวข่าวมั่ว โวยข่าวเมียน้อยทำให้ชีวิตพิ้งกี้พังทลาย แถมยังกระทบธุรกิจอาหารเสริมที่ทำส่งออกอินเดียร่วมกับพิ้งกี้เสียหายเป็นร้อยล้าน ซ้ำยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติป่นปี้ไปด้วย

ยุวดี: “หลายคนมาถามว่า เรามีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไรกับเรื่องของน้องพิ้งกี้ ก็ต้องบอกเลยว่ากระทบโดยตรงกับทางเรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้ามันไม่ได้เป็นข่าวรุนแรงขนาดนี้ ดิฉันไม่ออกมายุ่งเลยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา มีข่าวที่ลือสารพัดอย่างกับน้อง จนกระทั่งเมื่อวานนี้ จนเราคิดว่าต้องออกมาพูด ที่ข่าวลือว่าน้องพิ้งกี้ท้อง ดิฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่แฟร์กับน้อง น้องเขาไม่ได้มีอะไรเลย ดิฉันส่งน้องไปต่างประเทศเพราะวันที่ 15 เดือนนี้ หนังของน้องกำลังจะฉายรอยพิเศษที่อินเดีย เราก็มองว่าน้องเขาสามารถทำตลาดให้กับประเทศไทย”

“สิ่งที่เราทำร่วมกันกับรัฐบาล คือน้องพิ้งกี้จะเป็นคนที่นำสินค้าไทยสู่ตลาดโลก โดยอาศัยความเป็นดาราของไทยไปเล่นหนังที่อินเดีย นี่คือสิ่งที่เราทำเพื่อประเทศชาติ แล้วถ้าวันนี้ข่าวที่ออกไปผิดๆ แล้วไปถึงอินเดีย แล้วกลับมีข่าวว่าน้องท้อง คิดว่าธุรกิจในประเทศไทยพังไหม ตลาดอินเดียเป็นเป้าหมายของรัฐบาลไทย ดิฉันก็เสียหายเป็นร้อยล้านมาแล้ว เราต้องชะงักทุกอย่างหมดเพราะว่ามันเกิดข่าวไม่ดีกับน้องพิ้งกี้ โดยที่เด็กไม่มีโอกาสอะไรเลย วันนี้สังคมตัดสินไปแล้ว ดิฉันอย่าขอร้องสื่อมวลชนว่าหยุดกันได้ไหม(เน้นเสียง) เรื่องนี้สักที แล้วสิ่งที่ข้องใจกันที่เป็นข่าวลือ”

“วันนี้เราเตรียมพร้อมมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพญาไท1 วันนี้จะพากองทัพนักข่าวไปที่นั้นไปเจาะเลือดต่อหน้าที่นั่นเลย เพียงหนึ่งชั่วโมงก็จะรู้เลยว่าน้องพิ้งกี้ท้องหรือไม่ท้อง วันนี้ขอเถอะค่ะ ขอความยุติธรรมให้กับเด็กคนหนึ่ง เขาเสียหายเยอะ ละครกี่เรื่องที่น้องไม่ได้เล่นจากข่าวที่ออกไป แต่น้องไม่ได้มีโอกาสชี้แจงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด”

“ดิฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็อยากพูดแทน ถ้าวันหนึ่งน้องเขาแต่งงานมีครอบครัว มันจะเป็นรอยด่างในใจตลอด มันบาปนะคะ มันเป็นสิ่งที่สื่อเขียนไปโดยไม่สนข้อเท็จจริง มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ วันนี้เดี๋ยวแถลงเสร็จไปโรงพยาบาลกันเลย ไปดูให้ชัดๆ และถ้าพิสูจน์แล้ว ดิฉันขอให้จบ น้องเขาจะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เรามีดาราไทยคนเดียวที่ไปตลาดที่อินเดียได้ ทำไมเราไม่ช่วยกัน ทำไมไม่ช่วยเขียนข่าวดีๆ ส่งเสริมศิลปินไทย (เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ)”

“ทำไมมีข่าวต้องทำลายกัน วันนี้อยากเชิญมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่น้องๆ ลือกัน หรือใครจะพูดอย่างไรก็จะได้มาพิสูจน์กัน และอยากขอให้จบ ใครที่อยากจะไปอินเดียวันที่ 15 เราเปิดรอบปฐมทัศน์ ขอให้ช่างภาพทุกช่องไปด้วยกันได้เลย เราจะติดต่อและอำนวยความสะดวกให้ เราควรภาคภูมิใจด้วยกันว่าการเป็นศิลปินที่อินเดียมันยากมาก แต่วันนี้น้องเขาถูกคัดเลือกแล้ว”

“ข่าวออกมาช่วงนี้ไม่ได้เลย นี่คือเหตุผลที่เชิญสื่อมาวันนี้ อยากให้รู้กันไปเลย เดี๋ยวน้องต้องบินไปก่อนวันที่ 12เดี๋ยวจะหาว่าน้องหนีไปแล้ว แล้วก็จะลือกันไปอีกว่าหนีไปทำแท้ง ดิฉันอยู่ในสื่อมานานเราก็รู้ ช่วยกันหน่อยเถอะขอให้น้องเป็นตัวเปิดของประเทศไทยในปี 58 ด้วยกัน คืออินเดียจะไม่เก็บภาษีเอาสินค้าไทยไปควบกับดารา อยากให้ความยุติธรรมกับน้อง”

ด้าน “พิ้งกี้” ถึงกับปล่อยโฮ รับไม่ได้มีข่าวท้องกับสามีชาวบ้าน บอก ทำชีวิตเสียหาย ตัดสินใจตรวจเลือดพิสูจน์ความจริงต่อหน้าสื่อมวลชน ที่โรงพยาบาลพญาไท1

พิ้งกี้: “กี้เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์กว่า(ไปเรียนเต้นที่ประเทศฟินแลนด์) ข่าวที่เกิดขึ้นมันก็กระทบต่อตัวกี้แน่นอน โดยเฉพาะครอบครัวและก็หลายๆ อย่าง (น้ำตาซึม) สำหรับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนั้นกี้อยู่เมืองนอก(ร้องไห้) คือกี้พยายามหนีข่าว ทำทุกอย่างเพื่อให้ข่าวมันเงียบ ไม่อยากให้เขียนถึงกี้อีกเพราะมันกระทบเสียหายมาก ณ ปัจจุบันก็คิดว่ามันจะจบ ทุกคนจะอยู่อย่างสันติ แต่กลับไม่จบ”

“ตอนอยู่ที่นั่นไม่เคยอ่านข่าวเมืองไทยเลย ก็เพิ่งทราบข่าวว่าท้องเมื่อวานนี้(7 มิ.ย.54) (ร้องไห้) คือจริงๆ กี้พยายามจะไม่ร้องไห้ ข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะว่ากี้ยังไงก็ได้กี้ไม่ว่า อันนี้มันเยอะเกินไปสำหรับคนๆ หนึ่งจริงๆ (ปล่อยโฮก่อนจะเงียบไปพักใหญ่)”

“กี้ว่าการพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยคือทางออกที่ดี แต่ใครจะพูดอะไรต่อไปในอนาคต กี้ห้ามทุกคนไม่ได้ แต่กี้รู้หน้าที่กี้ว่าต้องเลี้ยงดูครอบครัว ทุกอย่างไม่มีใครรู้นอกจากตัวกี้เอง จริงๆ แล้วที่ไปอยู่เมืองนอกกี้มีความสุข ได้ไปเรียนเต้นกับเพื่อนๆ ของกี้ มันเป็นความสุขแต่ว่า ณ ปัจจุบันข่าวออกมาอะไรก็ไม่รู้ มันไม่น่ามาถึงขนาดนี้ มันเป็นสังคมข่าวลือ อะไรจริงไม่จริงค่อยว่ากันทีหลัง แต่ความเสียหายมันเกิดไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ถ้าเกิดกับใครก็คงรู้สึก คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง หรือครอบครัวญาติพี่น้องจะทุกข์ใจแค่ไหน กี้พูดได้ว่าสุดๆ แล้ว”

“ความจริงก็อยากจะบอกว่ากี้ทำดีที่สุดแล้ว เราต้องเดินต่อไป เราต้องพูดต้องตรวจ แต่ใช่ว่าอยากทำแบบนั้น แต่ว่าเรื่องนี้มันต้องจบค่ะ กี้อยากให้ทุกคนเห็นว่ากี้ไม่ได้ท้อง การตรวจครั้งนี้ก็มีผู้ใหญ่ช่วยตัดสินใจด้วย เราตัดสินใจเองไม่ได้ มีคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ที่คอยให้ความช่วยเหลือ”

เมื่อสาว “พิ้งกี้” และ “นางยุวดี” ได้ทำการแถลงข่าวที่บริษัท เอช พลัส แชนแนล เสร็จสิ้น เจ้าตัวก็เดินทางไปยังโรงพยาบาลพญาไท1 เพื่อตรวจปัสสาวะและตรวจเลือดพิสูจน์ว่าท้องหรือไม่ท้อง โดยมีกองทัพสื่อมวลชนตามไปทำข่าวอย่างเกาะติด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพญาไท1 ได้มีการเจาะเลือดต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชนที่ต่างปักหลักรอรายงานข่าวแน่นโรงพยาบาล พร้อมกันนี้ ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการแพทย์อาวุโส ได้นำปัสสาวะและเลือดของดาราสาวตั้งตรวจบนโต๊ะ เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นกันว่าทุกขั้นตอนนั้นโปร่งใส และถึงขนาดจับเวลาในการตรวจกันเลยทีเดียว พร้อมกับชี้แจงขั้นตอนและวิธีการตรวจอย่างชัดเจนว่า

ดร.นพ.เกริกยศ: “ในเรื่องของการตรวจผลปัสสาวะ ผลการตรวจถ้าเป็นผลลบจะขึ้น 1 ขีด ในกรณีที่เป็นผลบวกก็จะขึ้น 2 ขีด (พร้อมสาธิตวิธีการตรวจ) ส่วนอันนี้เป็นผลเลือด ซึ่งเราต้องรออีก 5 นาที ก็จะทำพร้อมกันกับปัสสาวะเลยนะครับ ตรงนี้เป็นปัสสาวะจริงนะครับเพราะอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส แสดงว่าเพิ่งออกมาจากร่างกาย และความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะคือ 1.016 ไม่ใช่น้ำแน่นอน”

“ความแม่นยำในการตรวจ 2 วิธีนี้ เนื่องจากเป็นการตรวจหาฮอร์โมน มันมีความเฉพาะเจาะจง 99 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันในแง่ของความไวก็ 99 เปอร์เซ็นต์ สามารถตรวจได้ตั้งแต่วันที่ประจำเดือนไม่มา”

“ตอนนี้ผลของปัสสาวะก็ได้เรียบร้อยแล้ว สรุปว่าเป็นผลลบนะครับ (พิ้งกี้ถืออุปกรณ์ตรวจครรภ์) จากการที่ตรวจก็เป็นลบ ส่วนผลเลือดก็เช่นเดียวกันว่าเป็นผลลบ ณ เวลานี้น้องพิ้งกี้ไม่ได้ตั้งครรภ์ครับ การตรวจหาทั้งสองอย่างความแม่นยำมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์”

ขณะที่ "พิ้งกี้" ก็ได้เปิดใจหลังทราบผลว่าไม่ได้ท้องว่า การตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้ถือว่าตนยอมที่สุดแล้ว ต่อไปขอร้องอย่าเสนอข่าวเรื่องนี้อีก พร้อมเบรกไม่ขอพูดถึง “เป๊ก-ธัญญ่า” อีก

พิ้งกี้ : “ความรู้สึกที่รู้ว่าผลเป็นลบ ก็ไม่ได้ดีใจ แค่อยากให้ทุกคนเห็นว่าข่าวลือเป็นอย่างนี้ วันนี้ต้องขอบคุณโรงพยาบาลที่ให้กี้มาตรวจและทำให้ทุกคนเห็นว่า ข่าวลือที่พูดสร้างความเสียหาย วันนี้ก็เลยเจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ ถือว่ากี้ยอมแล้ว ขอให้วันนี้ให้กี้สามารถเดินต่อไปในชีวิตได้ กี้ขอ ถ้าพวกพี่ๆ เห็นใจกี้และครอบครัวขอให้พี่ๆ หยุดนำเสนอข่าว”

“ข่าวที่ว่ากี้ท้องมันมากับคลิปเสียง กี้ไม่รู้นะ การที่เราไปเมืองนอก มันเป็นเรื่องคนคิดกันไปเอง ณ ปัจจุบันกี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว อนาคตกี้ก็ยังทำงานต่อไป (เคลียร์เรื่องท้องแล้วถือว่าเป็นการเคลียร์ความสัมพันธ์กับเป๊กด้วยหรือไม่?) คือเรื่องนี้ขอไม่พูดถึงก็แล้วกัน วันนี้ที่กี้มาพบทุกคนก็เพื่อมาตรวจว่าท้องหรือไม่ท้อง การพูดถึงคนอื่นหรือครอบครัวอื่นขอให้จบค่ะ กี้จะไม่พูดอะไรอีกเลย ขอร้องจริงๆ เลย ขอร้องมากๆ”

“ส่วนเรื่องงานวันที่ 15 นี้ เปิดตัวทุกคนก็อยากเห็น แล้วก็จะมีสื่อบางฉบับที่ไป ก็จะเห็นภาพกี้ ก็จะเอาสิ่งดีๆ ที่นั่นมา แล้วก็จะกลับเมืองไทยวันที่ 17 นี้ ส่วนละครในเมืองไทยก็มีติดต่อเข้ามา แต่ก็คงต้องรอและใช้เวลาค่อยๆ ทำค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ก็ผอมลงเพราะเต้นทุกวัน ตอนนี้เหลือ 46 จาก 48 กิโลกรัม (ถอนหายใจ)”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“ธัญญ่า” แถลงเลิก “เป๊ก” ถอนฟ้อง “พิ้งกี้” แย่งผัว ปัดเรียกร้อยล้าน

“ธัญญ่า” แถลงเลิก “เป๊ก” แต่ยังไม่หย่า ปัดเรียกเงินร้อยล้าน บอก แต่ถ้าให้ก็เอา เจ้าตัวโต้ไม่มีเงินก็เลยซมซานกลับไทย พร้อมเปลี่ยนใจถอนฟ้อง “พิ้งกี้” อ้างอยากจบปัญหา ด้าน “เป๊ก” เผย ยอมทำทุกอย่างขอแค่ให้ลูกกลับมาเมืองไทย ยัน จบกันด้วยดี

ในที่สุดก็ตัดสินใจจบชีวิตสามี-ภรรยากันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนักแสดงสาว “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” กับ “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า “ธัญญ่า” ได้มอบหมายให้นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความ ดำเนินการฟ้องหย่า “เป๊ก” สามี เรียกเงินสูงถึง 124 ล้านบาท พร้อมกับยื่นฟ้องนางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ในข้อหาบุคคลที่ทำให้ครอบครัวเสียหายและแตกแยก เรียกอีก 20 ล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่ “ธัญญ่า” เดินทางกลับมาถึงเมืองไทย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสะสางเรื่องฟ้องร้องตามที่มีข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันนี้(18 พ.ค.) ธัญญ่าได้ควงเป๊กออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง ที่ร้านบีบี คลีนิค ทองหล่อ 15 ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวเกือบทุกสำนัก โดยยอมรับว่าได้เลิกรากันอย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแต่ยังไม่ดำเนินการหย่ากันทางกฎหมาย ส่วนเรื่องฟ้อง “เป๊ก” กับ “พิ้งกี้” นั้น ธัญญ่าเผยว่าได้ตัดสินใจถอนฟ้องไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เนื่องจากอยากให้เรื่องทุกอย่างจบ พร้อมปฏิเสธเรียกเงินกับอดีตสามีร้อยล้านไม่เป็นความจริง

ธัญญ่า “ที่ผ่านมามันก็เป็นข่าวค่อนข้างจะเยอะ ธัญญ่าอยู่ที่โน่นก็ได้รับข่าวตลอด ซึ่งมันมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจก็เลยรู้สึกว่าโอเควันนี้เรา 2 คนก็พร้อมที่จะออกมาพูดว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง(เป๊กเรียกหากระดาษทิชชู่)....เหงื่อแตกเลย”

เป๊ก “เหงื่อแตกเลย....คือผมว่าที่ผ่านมาทั้งหมด เราได้ทำดีที่สุดแล้ว (หันไปถามธัญญ่าว่าจริงไหม) วันนี้...ยังไงอ่ะธัญญ่า พูดไม่ถูกเลย”

ธัญญ่า “เอ้า...ท่องไว้ยังไงล่ะ”

เป๊ก “ไม่ได้ท่อง (ธัญญ่าหัวเราะ)ผมคิดว่าที่ผ่านมาเราทำดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ตีแผ่ออกไปในสังคม บางสิ่งมันก็เป็นเรื่องที่จริง บางสิ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่จริง ซึ่งตัวผมเองไม่สามารถที่จะไปบอกทุกคนเป็นขั้นตอนได้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่พอมาถึงวันนี้สิ่งที่ตีแผ่ออกไปให้สังคมรู้ มันสะท้อนถึงตัวผม ตัวคุณพ่อคุณแม่และทุกๆคนทุกฝ่าย จนถึงวันนี้เองสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือผมยอมทุกอย่างเพื่อลียา คือเราอยากจะให้ลียากลับมา”

การยอมทุกอย่างของเป๊กคืออะไร?
เป๊ก “คืออะไรดีอ่ะ (หันไปถามธัญญ่า)....”

ธัญญ่า “(หัวเราะ) ก็ตอบไปสิ”

เป๊ก “ก็...ทุกอย่างที่ทำได้แหละครับ ...อะไรอ่ะธัญญ่า ธัญญ่าต้องช่วยบอกแล้วแหละ”

ธัญญ่า “ก็คือว่าตอนนี้โอเคขั้นตอนบางคนอาจจะสงสัยเรื่องฟ้องร้องว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า มันก็เป็นเรื่องจริงค่ะ มันต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่แรกที่เกิดปัญหาขึ้นมาเราก็พยายามทำให้ทุกอย่างมันโอเคที่สุด แต่ในเมื่อมันมาถึงจุดๆนึงที่เรารู้สึกว่าเราพอดีกว่า ก็คุยกับพี่เป๊กแต่ว่าเขาไม่ยอมหย่า”

เป๊ก “ไม่ใช่ว่าไม่ยอมหย่า คือสิ่งที่ผมคิด ผมคิดเรื่องลูกเป็นหลัก ผมสงสารเขาเพราะเขาไม่ได้มารู้เรื่องอะไรด้วย คือเราทำได้ดีแล้วแหละแค่นี้ เราทำได้ดีที่สุด แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว”

ธัญญ่า “ที่เราคุยกันมาตลอดมันก็มีทั้งพูดดีกัน ทะเลาะกัน มันก็เป็นธรรมดาของสามีภรรยาที่จะเถียงงกันบ้างอะไรกันบ้าง จนถึงขั้นที่เรารู้สึกว่าเราอยากที่จะยุติอยากที่จะพอ แต่พอเราได้รับการปฎิเสธ เราก็โอเคงั้นมันก็ต้องใช้กฏหมายเข้าช่วย อย่างเวลาที่เด็กทะเลาะกันพ่อแม่ก็มาเคลียร์ แต่อย่างเราคือโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน ความต้องการไม่ตรงกัน ตัวธัญญ่าเองก็เลยคิดว่าก็คงต้องพึ่งทางกฎหมาย พอมันมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นมันก็เลยทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งจริงๆแล้วเราคุยกันเองได้ ณ วันนี้ที่เราออกมาคือเราได้คุยได้เคลียร์กันแล้วว่าเราจะทำยังไงกันต่อไป”

“ตอนนี้เราก็ทำสัญญายอมความกันที่ศาลเรียบร้อยแล้วตามข้อตกลงต่างๆที่เราคุยกัน และทนายของเราคุยกัน ว่าเราจะยกเลิกการฟ้องแล้วก็ยุติความเป็นสามีภรรยากัน แต่เรื่องหย่าเดี๋ยวคงต้องนัดกันอีกที”

เป๊ก “ก็ต้องตามเขาแหละครับ เพราะว่า...... แต่......(ถอนหายใจ) ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ณ วันนี้มันเป็นแบบนี้ หลังจากนี้ธัญญ่าก็จะไปรับลูกกลับมา ธัญญ่าเองเขาก็จะบินกลับพรุ่งนี้ แล้วก็จะกลับมาอีกสิ้นเดือน หลังจากนั้นก็ต้องดูกันต่อว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง”

ธัญญ่า “ธัญญ่ากะว่าจะไปรับลียามาเยี่ยมคุณปู่คุณย่า ก็คงจะอยู่สัก 3 อาทิตย์ก่อนแล้วก็...คงอีกสักพักนึงแหละค่ะก็คงจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเพราะเราก็คุยกันแล้วว่าอยากจะให้ลียาเรียนที่เมืองไทย”

เป๊ก “คือตราบใดที่เรายังไม่ได้เซ็นใบหย่าผมก็ยังถือว่ามันไม่ได้หย่าเพราะฉะนั้นเราก็ยังมีเวลาที่จะดึงลูกกลับมา แล้วก็ทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วจะเอายังไงก็ไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน”

การหย่านี่มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
ธัญญ่า “จากที่ข่าวออกมาเรื่องว่าจะฟ้องร้อยล้านอะไรอย่างนี้ คือจริงๆมันเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายการฟ้อง แต่จริงแล้วที่ธัญญ่ากับพี่เป๊กคุยกันตามข้อตกลงเราก็จะมีเรื่องของการดูแลลูกว่าลูกจะอยู่กับใคร วันไหน มีเรื่องของค่าดูแลเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเป็นร้อยล้านนี่ไม่มีค่ะ เพราะว่า...นะ ก็อยากได้อยู่นะ ถ้าให้ก็เอา(หัวเราะ)”

ในเมื่อพี่เป๊กเขายอมทุกอย่างแล้วยังคิดจะหย่าอีก?
ธัญญ่า “มันปีนึงแล้วค่ะที่เราใช่เวลาในการตัดสินใจ ในเมื่อมันมาถึงจุดนี้แล้ว”

เป๊ก “คือจริงๆผมคิดว่าเรื่องของผมกับธัญญ่า สื่อหรือว่าคนรอบข้างมีผลมากกับการที่ทำให้ต้องเป็นแบบนี้ จากนี้ไปอยากให้วิเคราะห์หน่อยว่าบางเรื่องอะไรจริงอะไรไม่จริง มันมีผลกระทบกับคนที่โดนมาก คนที่ไม่โดนก็คงไม่รู้ บางเรื่องผมก็พูดได้ว่ามันเป็นความจริง บางเรื่องผมก็พูดได้เลยว่ามันก็ไม่ใช่ความจริงเลยทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำ แต่มันก็ต้องมาทำให้เราเดี๋ยวก็ทะเลาะ เดี๋ยวก็ดี เป็นเวลาเกือบจะ 2 ปีแล้ว (ธัญญ่าหันมาย้ำด้วยเสียงเข้ม 2 ปีเลยหรอ) ปีกว่าแล้วครับ(ธัญญ่าหัวเราะ) ก็....ถ้าเกิดว่าไม่มีกระแสแรงขนาดนี้ป่านี้เรื่องก็คงจบไปนานแล้ว”

“เรื่องหย่าถ้าถามผม ถ้าต้องคิดถึงเรื่องลูกก่อนโดยไม่คิดถึงเรื่องส่วนตัวของเราผมก็ไม่อยากหย่าให้ลูกต้องมีปัญหาในอนาคต เพราะผมได้เห็นตัวอย่างลูกที่มีพ่อแม่หย่ากันมันก็ไม่ดีสำหรับเด็ก บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่มีอะไรหรอก แต่ระยะยาวผมว่ามันคงให้ผลกระทบกับเด็กเยอะครับ”

ถ้าพูดถึงความรักของทั้งคู่ ณ วันนี้ล่ะ?
เป๊ก “ความรักนี่มันไม่ต้องพูดหรอกครับ เราอยู่กันมาตั้ง 6-7 ปีความรักมันต้อง...ต้อง..ยังอยู่อยู่แล้วแหละครับ(เสียงแผ่ว)

ธัญญ่า “ธัญญ่ากับพี่เป๊กเรารู้กันอยู่แล้วว่าเรา 2 คนรักกัน ไม่อย่างนั้นมันคงไม่แต่งงานแล้วก็มีลูกกันมาขนาดนี้ แต่ปัญหาที่เราเจอมามันทำให้...มันไม่อยากจะ อยากจะให้มันเคลียร์ให้มันจบ ปัญหาที่ผ่านมามันค่อนข้างที่จะหนักหนาสำหรับเราพอสมควรก็เลยรู้สึกว่าโอเคเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เรามาเป็นพ่อและแม่ที่ดีของลียาก็ไม่ต้องเป็นสามีภรรยาก็สามารถที่จะช่วยกันดูแลลูกให้เติบโตมาเป็นคนที่ดีและอบอุ่นได้”

สิ่งที่ค้างคาใจธัญญ่าอยู่จริงๆแล้วได้เคลียร์กันบ้างไหม?
ธัญญ่า “จริงๆแล้วเราก็ได้เคลียร์กันตลอดว่าทำไมเราถึงอยากที่จะยุติ ซึ่งอันนี้พี่เป๊กก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร(เน้นเสียงพร้อมหัวเราะ)”

เป๊ก “วันนี้ที่ผมมาพูดผมมาพูดเรื่องของครอบครัว เรื่องส่วนตัวไม่อยากจะตอบเรื่องอื่น อย่าเฉไฉ เท่าที่บอกเราก็ได้เคลียร์กันเต็มที่แล้ว วันนี้ผมก็ทำทุกอย่างแล้ว ต้องขอบคุณธัญญ่าที่เข้าใจ พาลียากลับมาในเร็ววันนี้เพราะทุกคนในครอบครัวรอกันหมดเลย ทุกคนรักลียาหมด ลียาเป็นหลานสาวคนเดียวในตระกูลที่เป็นผู้หญิง เพราะเราไม่มีผู้หญิงทุกคนก็เลยจะรักลียามาก นี่ไม่ได้เจอลียามาเท่าไหร่แล้วล่ะ(หันไปถามธัญญ่า)”

ธัญญ่า “ 9 เดือน”

เป๊ก “ก็รอคอยวันที่ลียาจะกลับมาอย่างเดียว”

ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทางครอบครัวเป๊กเองก็มีส่วนช่วยกันหาทางออกให้ปัญหามันยุติลง
เป๊ก “มันก็ทั้งครอบครัว ทุกคน ทุกฝ่ายแหละครับ ไม่ว่าจะครอบครัวผม ครอบครัวธัญญ่าหรือทุกคนรอบข้างหรือแม้กระทั้งเพื่อนที่อยู่รอบข้างทุกคนช่วยกันทำให้ดีหมด อย่างที่ผมพูดไปว่าสิ่งที่ออกไปสู่ประชาชนมันทำให้ผมมันย้อนกระทบกลับมาถูกที่ตัวผมแบบนี้....ก็ไม่อยากจะไปโทษอะไรต้องยอมรับโดยดีว่าความจริงเป็นยังไง ณ วันนี้เป็นยังไง”

ธัญญ่าเองมองเหมือนหรือต่างจากเป๊กที่ว่าสื่อมีผลต่อความสัมพันธ์?
ธัญญ่า “มีผลไหม...เอาเป็นว่าในเรื่องที่มีผลต่อตัวธัญญ่ามากที่สุดคือความจริงที่มันเกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของเรา แต่มันก็อาจจะมีผลบ้างโอเคที่มันมีข่าวแล้วเกิดข่าวนั้นมันไม่จริงแล้วเราเชื่อว่ามันจริง มันก็ทำให้มีผลต่อความรู้สึกเหมือนกัน แต่หลักๆสิ่งที่มันทำให้เรารู้สึกมากๆมันเป็นสิ่งที่เรารับรู้โดยตรง สื่อโอเคมีส่วนแต่อาจจะไม่ได้เยอะมาก”

เป๊ก “ลองนึกถึงตัวเองแล้วกันว่าเรื่องครอบครัวของใครก็ตามที่โดนคนให้ความสนใจมากขนาดนี้มันจะมีผลต่อการตัดสินใจ ต่อการพูดอะไรแต่ละอย่างขนาดไหน ผลสุดท้ายก็เป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเกิดเราเป็นคนธรรมดาก็คงเคลียร์กันได้ปกติเรื่องราวก็คงจะจบไปนานแล้ว ผมไม่ได้โทษใครแต่อยากให้มองอีกมุมนึงว่าถ้าเป็นเราบ้างความรู้สึกมันเป็นยังไง ก็ค่อนข้างลำบากมากนะครับจริงๆ เราเองก็ทำทุกอย่างอย่างพยายามที่สุดแล้ว ที่สุดแล้วจริงๆครับ”

หลังจากนี้มีแผนจะทำยังไงต่อไปบ้างหลังจากที่หย่าเรียบร้อยแล้ว?
เป๊ก “ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปครับ นอกจากรอวันที่ลูกกลับมา รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วมาดูสิว่าจะให้ลูกเรียนที่ไหนยังไง เอาเวลาไปคิดเรื่องพวกนั้นดีกว่าครับ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วครับ ตัวผมแพลนแล้วว่าลียากลับมาผมจะไปลูกไปไหนบ้าง แต่ธัญญ่าเขาบอกว่าเขามีงานกับลูกตรงนี้ๆนะ ก็ยังตกลงกันอยู่เลยว่าวันไหนใครจะอะไรยังไง”

แล้วเรื่องที่เตรียมฟ้องร้องอีกฝ่ายนึงล่ะ ยังคงจะฟ้องอยู่ไหม
ธัญญ่า “ก็ได้ทำการฟ้องจริงๆค่ะ ตัวธัญญ่าก็ปรึกษากับทางทนายว่าถ้าจะฟ้องทั้งทีมันก็ต้องสมบูรณ์ในการที่เราจะเหมือนเป็นการเรียกร้องศักดิ์ศรี ไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไรดีแต่ ณ วันนี้พอเรา 2 คนเคลียร์กันได้แล้วมันจะเป็นไปในทิศทางไหนเราก็เลยโอเค งั้นก็ยกฟ้องทั้งหมด ถอนฟ้อง หรือไม่ถอนดีพี่(หันไปถามเป๊ก “ให้ถอนไหม)”

เป๊ก “เฮ้ย...(อุทาน)”

ธัญญ่า “เอ้า...ถ้าพี่ให้ถอนธัญญ่าก็ถอน ให้ถอนไหม...”

เป๊ก “เอ้า....ตายเลย เท่าที่ผมทราบมาคือถอนหมดแล้วครับ ถอนหมดแล้ว”

ธัญญ่า “ใครบอกว่าถอน...”

เป๊ก “ทนายเพิ่งโทรมาเมื่อกี้(หัวเราะ)”

ธัญญ่า “ทนายใคร(หัวเราะ)...ถอนค่ะถอนอันนี้แกล้งเขาเฉยๆ ก็รู้สึกว่าโอเคให้มันจบๆไปดีกว่าไม่อยากจะต้องมานั่งแค้นใจกัน มานั่งมีเรื่องเคืองโกรธ ให้มันจบแล้วต่างฝ่ายต่างจะได้สบายใจ”

เป๊ก “เจอกันคราวหน้ารอเก็บภาพลียาดีกว่าครับ ลียาน่ารัก”

ธัญญ่า “เปลี่ยนเรื่อง...(หัวเราะ)”

ที่เคลียร์เรื่องหย่ากันลงตัวมีใครเป็นกาวใจช่วยประสาน?
ธัญญ่า “เราคุยกันเองค่ะ ตัวธัญญ่าก็ปรึกษากับทางทนายด้วยว่าก็ให้มันจบไปดีกว่า”

เป๊ก “คืออย่างที่ผมบอกแหละครับเรื่องที่ธัญญ่าฟ้องมันก็เป็นอารมณ์ขึ้นลง ขึ้นลงคือธัญญ่าเองเขาอยู่ไกล เพราะฉะนั้นเขาก็จะได้อ่านแต่ข่าวได้ฟังแต่สื่อ”

ธัญญ่า “เรื่องจริงก็เจอ”

เป๊ก “สิ่งที่เขารู้มันเลยทำให้เขาขึ้นลง ขึ้นลง คราวนั้นก็คงขึ้นแรงก็เลยฟ้องเลย”

ธัญญ่า “ธัญญ่าขึ้นแรงเพราะอะไร(หัวเราะ)...ต้องถามพี่เป๊ก”

เป๊ก “ไม่มี...ไม่มีอะไรครับ (ธัญญ่าหัวเราะ)”

แล้วจะมีเคลียร์กับทางนั้นอีกไหม?
ธัญญ่า “ไม่คุยแล้วค่ะ มันเป็นเรื่องของธัญญ่ากับพี่เป๊กว่าเราจะตกลงกันยังไง เพราะเราตัดสินใจว่าเราจะหย่ากันแล้ว เราจะยุติการเป็นสามีภรรยากันเพราะฉะนั้นตรงนั้นเราก็ควรจะปล่อยมันไปด้วย ไม่อยากจะต้องมีเรื่องมานั่งแค้นเคือง สู้กันไปสู้กันมาไม่รู้อีกกี่ปีจะจบ ส่วนจะหย่ากันวันไหนเดี๋ยวคงจะต้องตกลงกันอีกทีค่ะ ยังไม่ทราบเลย”

เป๊ก “ตอนนี้คืออยากเอาลูกกลับมาเรียนโรงเรียนไหนอะไรยังไงให้เรียบร้อยก่อน เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากัน ส่วนค่าเลี้ยงดูอะไรต่างๆมันอยู่ในการพูดคุยกับศาลอยู่แล้วว่าจะต้องอะไรยังไง อันนี้เราคุยกันเรียบร้อยอยู่แล้วไม่มีปัญหา”

ธัญญ่า “เรื่องการเลี้ยงดูลียาเราก็แบ่งวันกันแล้ว”

เป๊ก “คือเรื่องแบ่งวันนั่น....เหรอ(หันไปถามธัญญ่า)”

ธัญญ่า “เราแบ่งวันกัน ณ วันที่เราเอาลูกกลับมาอยู่เมืองไทยเลย ส่วน 3 อาทิตย์ที่กลับมาก็คงต้องให้อยู่กับพี่เป๊กเสียส่วนใหญ่นั่นแหละ เพราะรู้ว่าคิดถึง”

แล้วจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไหม?
ธัญญ่า “ไม่ค่ะ ธัญญ่าแยกออกมาอยู่เองปีกว่าๆ แล้วค่ะ ธัญญ่าก็แยกเลย ลียาก็คงจะไปๆมาๆ”

เป๊ก “รั้วบ้านก็อยู่ติดกันนี่แหละครับ”

ธัญญ่า “ก็แบ่งกันว่าวันไหนจะอยู่กับพี่เป๊ก วันไหนจะอยู่กับธัญญ่า แรกๆ ธัญญ่าก็คงต้องอยู่ด้วยเพราะกลัวเขาจะไม่ชิน ร้องไห้”

จะมีการพูดคุยกันอีกไหมเผื่อจะเปลี่ยนใจไม่หย่า?
ธัญญ่า “เรื่องคุยให้เปลี่ยนใจมันมีมาเรื่อยๆอยู่แล้วตลอดระยะเวลา แต่พอมาถึงจุดนึงแล้วตัวธัญญ่าเป็นคนที่...เหมือนพอเรามาถึงจุดนึงที่เราไม่เราก็คือไม่ ธัญญ่าเป็นคนที่จริงๆอ่อนนะ เป็นคนใจอ่อน แต่พอมาถึงจุดนึงที่มันพอแล้วมันก็คือพอแล้ว ใครมาพูดอะไรมันก็อยู่ที่ตัวเอง หรือจะเรียกว่าธัญญ่าเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองก็ได้นะ แต่ก็เป็นคนที่ฟังคนเหมือนกัน”

เป๊ก “ฟังมาก...”

ธัญญ่า “เรียกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจไม่ฟ้องอะไรทั้งสิ้นแล้วค่ะ ตอนนั้นที่จะฟ้องเพราะด้วยปัญหามันคุกรุ่นมาก หาทางออกไม่ได้ มันเครียดก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่กลับมาแล้วจะอยู่ที่โน่นเลย แต่พอ ณ วันที่เราคุยกัน ตกลงกันได้เราก็อยากที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะเราคิดถึง อยู่ที่นั่นก็เหงา เรียกว่าอยู่กับลูก 24 ชั่วโมงจริงๆวันๆก็มีแต่กิจกรรมกับลูกอย่างเดียวเลย”

ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ไหม?
เป๊ก “ผมคงยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นนะครับ สิ่งแรกที่บอกว่าอยากให้ลูกกลับมาก่อนแล้วดูว่าทุกอย่างจะเป็นยังไง เราจะทำยังไงให้กับลูกได้บ้าง นี่แค่คิดเรื่องเรียนก็ยังปวดหัวแล้วว่าจะให้เรียนที่ไหนดี คงมีเรื่องอะไรให้คิดอีกเยอะ เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดอะไรเลย”

ธัญญ่า “ก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ ไม่อยากจะไปกำหนดกฏเกณฑ์ไปเครียดอะไรก่อนว่าเดี๋ยวกลับมาอยู่เมืองไทยจะเป็นยังไง จะเจอปัญหาอะไรอีกรึเปล่า มันเครียดเปล่าๆค่ะ มันอาจจะดีก็ได้ชีวิตมีความสุขแฮปปี้กับการที่เราสองคนได้ใช้ชีวิตกับลูกเต็มที่ถึงแม้จะต้องแบ่งวันกันเลี้ยงลูก ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ลียาก็จะอยู่กับธัญญ่าไม่ได้เจอคุณปู่คุณย่า ไม่ได้เจอพี่เป๊กตลอดเวลา มันอาจจะดีก็ได้ หลังจากนี้ธัญญ่าก็จะกลับมาทำงานปกติค่ะ ก็คิดไว้แล้วว่าวันไหนเราทำงานก็จะเอาลูกไปอยู่กับบ้านพี่เป๊กนั่นแหละ จะได้ใกล้ชิดกันเยอะๆ”

หลังจากนี้จะมีอะไรให้เซอร์ไพร์สอีกไหม?
ธัญญ่า “(หัวเราะ)”

เป๊ก “อันนี้เป็นสิ่งที่ผมกลัว มันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย อยู่ๆก็มาจากไหนก็ไม่รู้ เซอร์ไพร์สมากครับที่ผ่านมาก็อย่างที่เห็นๆนี่แหละครับ คลิปอะไรต่างๆผมว่ามันคงจะมีบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ตอนที่เราทะเลาะกันเพื่อคอยจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ มีทั้งการตัดต่อทำอะไรทุกอย่างเสร็จสรรพ ผมยังตกใจมาก นี่คือพยายามที่จะทำให้เราแตกแยกกันให้ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเขาจะได้อะไร”

คลิปอันล่าสุดจะดำเนินการแจ้งความอะไรอีกไหม?
เป๊ก “ไม่เอาแล้วครับ ผมเหนื่อย ตอนนี้คิดแต่เรื่องลูก คิดถึงลูก คือถ้าวันไหนเจอก็ดีแต่จะให้ผมไปนั่งหาผมคงไม่ทำหรอกครับ เพราะว่ามันบาป แต่ก็วิงวอนคนทำว่าอย่าให้มันเยอะแยะมาก มันงงครับไม่รู้ว่าอะไรมาจากไหน พูดจนเหงื่อตกแล้ว....”

แล้วพรุ่งนี้เป๊กจะกลับไปอเมริกาพร้อมธัญญ่าเลยไหม?
เป๊ก “ผมคงตามไปทีหลังครับ ตามไปรับวันที่ลูกจะกลับมาเพราะว่าธัญญ่าคงดูแลลูกบนเครื่องคนเดียวไม่ไหว ตั้ง 18-19 ชั่วโมง”

เรื่องที่มีข่าวว่าที่ธัญญ่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะอยู่ที่นั่นไม่มีเงินใช้เพราะเป๊กไม่ส่งเงินไปให้ใช้แล้วจริงรึเปล่า?
ธัญญ่า “ไม่จริงค่ะ พี่เป๊กเขารับผิดชอบเรื่องตรงนี้ตลอดค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายที่อเมริกา เรื่องลูก เรื่องอะไรทุกอย่างเลย ข่าวมันก็ออกมาดูแล้วน่าสมเพชมากเลย(หัวเราะ)

เป๊ก “นี่แหละครับอย่างที่บอกว่าข่าวมันทำให้บางทีทุกอย่างมันดูเละเทะแย่ไปหมดเลย บางเรื่องมันเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเลย อย่างที่บอกว่าธัญญ่าเหลือเงินอยู่ไม่กี่ร้อยบาท ไม่มีเงินใช่ ไม่รู้ใครสร้างกระแส”

ธัญญ่า “สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มา ไม่ว่าจะเป็นตามเว็บไซต์ต่างๆหรือว่าคนที่เข้ามาคอมเม้นต์เรา เราได้ติดตามนะคะก็อยากจะขอบคุณจริงๆ ตอนนี้มีแฟนคลับลียาด้วย ก็ขอบคุณลียามากๆ เลย ถ้าลียาโตขึ้นคงดีใจ (หันไปถามเป๊ก “ขอบคุณไหม”)

เป๊ก “ขอบคุณครับ”


       






ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ผจก.ส่วนตัวเผย “ธัญญ่า” เครียดจัดช็อกเส้นเลือดตาแตกพูดไม่ได้ คาดบินกลับไทยเดือน ธ.ค.

ผู้จัดการส่วนตัว เผย ตอนนี้ “ธัญญ่า” เครียดจัด ช็อกเส้นเลือดตาแตก หลังคลิปหลุด อาจจะยังไม่กลับเมืองไทยเร็วๆ นี้ ส่วนช่อง 3 จะแบน “พิ้งกี้” หรือไม่ขอให้สังคมตัดสิน









หลังจากมีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” และสามี “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” หลุดออกมาว่อนอินเทอร์เน็ต ทำเอา “สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์” ผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวถึงกับตกใจ เพราะก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวไม่กี่วัน ก็เพิ่งโทรศัพท์ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ซึ่งก็ได้รับการเปิดเผยจากดาราสาว ว่า ตอนนี้ครอบครัวมีความสุขดี และสามีก็ทำตัวดีขึ้น แต่ตอนนี้เหตุการณ์กลับบานปลาย จนธัญญ่าเครียดจัดช็อกจนไม่สามารถพูดอะไรได้ และยังส่งผลทำให้เส้นเลือดฝอยในตาแตกอีกด้วย

“คือ เมื่อวันพุธเราก็ถามธัญญ่า ตอนก่อนมีคลิปเสียงออกมา สัก 3-4 วัน ผมก็คุยกับเขา ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาดีกับพี่เป๊ก แล้วก็บอกว่ามีความสุขดีไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็บอกว่าสบายดีแล้วก็ได้คุยกับพี่เป๊ก ก็ดีเรียบร้อยจะหาที่เรียนให้ลูก อยากอยู่ที่นั่นสักพักนึ่งให้สบายใจ แล้วค่อยกลับมา เขาก็อยากกลับให้เร็วที่สุดเพราะเขาก็มีละครมารอ แต่ตอนนี้อยากอยู่ที่นั่นก่อนเพราะสบายใจสามีก็โอเค ปกติ”

“แต่พอที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา ผมก็โทร.ไปแต่เขาไม่รับ ก็เลยส่งข้อความไป ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่าพรุ่งนี้จะโทร.มาคุย แต่ก็ไม่ได้คุยรายละเอียด ถ้าถามผมในฐานะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของน้องธัญญ่า คือ คลิปอาจจะหลุดมา เพราะเขาส่งบีบีกลับมาขายในเมืองไทย คนคงไปกู้คลิปได้”

“ตอนคลิปออกมาผมก็ตกใจมาก ก็เลยรีบติดต่อเขา เพราะตอนนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัด ถ้าถามผมคิดว่าน่าจะมีคนปล่อย คือ ก่อนคลิปหลุดยังคุยกับธัญญ่าอยู่เลยว่าช่อง 3 จะมีละครให้เล่นนะ ก็ถามว่า ทางนั้นโอเคยัง กับพี่เป๊กโอเคยัง ผมก็ยังไม่ได้คุยกับเป๊กเลย เพราะเขาบอกว่าตอนนี้ดีมาก คุยกับพี่เป๊กเรียบร้อยทุกอย่างดีหมด เราก็สบายใจ พี่เป๊กก็ให้ตังค์ไว้ใช้ก็โอเค อุ้มลูกไปเที่ยวก็ยังโอเค แต่พอมีคลิปก็ตกใจมาก ไม่รู้ใครปล่อย เราเองก็ได้แต่ทำงานทางนี้เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ คิดว่าพรุ่งนี้ธัญญ่าคงโทรมาคุย คือผมว่ามีคลิปออกมามันก็ไม่ค่อยดี ปัญหาตามมาก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ส่วนเรื่องมือที่ 3 เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร แต่ส่วนใหญ่ก็จะรู้จากสื่อจากคนที่เล่าให้ฟังมากกว่า”

ล่าสุด ดาราสาวเครียดจัดจนช็อก และเส้นเลือดฝอยในตาแตก วอนคนที่มีคลิปเสียงอย่าเผยแพร่ต่อ อย่างน้อยให้สงสาร “น้องลียา” เห็นด้วยที่ “เป๊ก สัณชัย” จะเข้าแจ้งความที่กองปราบ

“เราก็เป็นห่วงเขาว่าเขาไม่สบาย เส้นเลือดฝอยในตาแตก ตัวเขาเครียดมาก ตอนนี้ธัญญ่าพูดไม่ได้ แบบว่าช็อกไปเลย เพื่อนที่นิวยอร์กไปเยี่ยม บอกธัญญ่าช็อกเลย เขาไม่สามารถคุยได้ คือ คลิปจริงๆ แล้วผมยังไม่ได้ฟัง ฟังมาจากคนอื่นที่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง หมดหรือยังไม่รู้ เขาไม่เคยเล่าให้ฟังเลยเรื่องมีคลิปอะไรเลย เราก็รู้พร้อมสื่อรู้ ถ้าเป๊กจะไปแจ้งความหาคนปล่อย ผมว่าในความเป็นจริงเวลานี้มันมีที่มา เขาไปหาก็ดีนะจะได้รู้ว่ามาจากที่ไหน ถ้าเป็นผมก็คงหาคงไปแจ้งความ”

“ตอนนี้ผมห่วงลียามากที่สุด เด็กเขาบริสุทธิ์ทุกคนที่มีลูกก็จะห่วง ตรงนั้นอยู่แล้วเด็กก็เพิ่งขวบกว่าๆ แล้ววันนึงต้องมารับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ผมก็อยากวอนสื่อที่ทราบข่าว หรือคนปล่อยคลิป ที่เป็นใครก็ไม่รู้ ถ้ามีความรู้สึกว่าถ้าเป็นคนที่มีศีลธรรมอันดี แล้วอีกอย่างมันเป็นคลิปส่วนตัวของสามีภรรยา ซึ่งเขาก็บอกแล้วว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นก่อนที่จะดีกันอย่าปล่อยคลิปเลยถ้าใครมีคลิปอยู่ อย่างน้อยก็สงสารลียา”

ผจก.ส่วนตัว เปิดเผยต่อไปว่า ก่อนหน้าที่ “ธัญญ่า” จะไปอเมริกา ได้บอกกับตนว่า จะไปเยี่ยมแม่ แค่ 2 อาทิตย์ แต่อยู่ไปอยู่มาดาราสาวเกิดเปลี่ยนใจขออยู่ต่อ โดยให้เหตุผลว่า สบายใจดี ยันดาราสาวไม่คิดหันหลังให้วงการ เพราะผู้ใหญ่ทางช่องยังป้อนงานละครให้เล่น บอกให้สังคมตัดสิน “พิ้งกี้” ว่ามีผิดจริงหรือไม่

“ตอนแรกแค่จะไปเยี่ยมคุณแม่ 2 อาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ไม่กลับ เพราะเขาบอกว่าอยู่ที่นี่แล้วสบายใจ เราก็ถามว่าจะอยู่นานไหม เขาก็บอกว่าขอดูตัวเองก่อนว่าจะยังไง ความจริงเรื่องครอบครัวของเขา เขาสามารถดูแลได้ เขาบอกว่าเรื่องราวต่างๆ เขาจะแก้ไขเอง เขาบอกเขาแก้เอง แต่เขาไม่ได้ลาวงการนะ”

“สำหรับเรื่องงานก็ไม่ได้เสียหาย เพราะละครสืบสวนป่วนรัก จบพอดี ซึ่งเขาวางแพลนไว้ตั้งนานแล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่ที่นั่น ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 บอกแล้วว่าจะมีละคร กลับมาก็เตรียมมีละครอาจเปิดกล้องอีก 2 เดือนแต่ยังไม่บอกชื่อเรื่อง ผมว่าน่าจะเป็นธันวานะที่เขาจะกลับ แต่คงไม่ได้อยู่ถาวรหรอก เพราะมีเรื่องงาน มีพิธีกรของอาร์เอสอีก แต่พอมามีคลิปก็คงต้องใช้เวลาอาจจะเลื่อนไปอีก แต่เขาจะว่ายังไงเดี๋ยวคงต้องคุยกัน”

“ส่วนเรื่องทางช่องจะแบนพิ้งกี้ คือ ผมคิดว่าเอาความเป็นจริงเป็นหลักดีกว่า ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงแล้วยังไม่มีหลักฐาน จะไปแบนเขาทำไม ถ้ามีหลักฐานแล้วมันเป็นเรื่องจริงก็ว่าไปอย่าง ก็ต้องเป็นเรื่องให้สังคมตัดสินว่ามันจะจริง สังคมจะยอมรับขนาดไหน ถ้าเรื่องไม่จริงก็ต้องให้อภัยเขา ให้กาลเวลาพิสูจน์ว่าเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็ไม่เป็นไร มันก็อยู่ที่แฟนละครช่อง 3 แล้วก็สื่อ รวมไปถึงสังคมด้วย”

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ว่อนเน็ต! คลิปเสียง “พี่ ป.” ขึ้นมึง-กู ขู่ฆ่าเมียกับแม่ ฉุนหอบลูกไปเมืองนอก

มือดีปล่อยคลิป “พี่ ป.” โทร.ฉะ “เมีย ธ.” ฐานหอบลูกไปเมืองนอก หนีผัวมีชู้ สุดหยาบคาย ขึ้นมึง-กู ขู่ฆ่าบุพการีฝ่ายหญิง ลั่นอย่าเห็นกลับมาเหยียบเมืองไทย แหล่งข่าวเผยยังจะมีคลิปเสียงเด็ดๆ ตามมาอีกหลายชุด

นอกจากจะมีคลิปเสียงของหญิงสาวที่เรียกแทนตัวเองว่า “ธ.” สนทนากับ “หญิงสูงวัย” เพื่อขอร้องให้หญิงสาวที่ชื่อ “พ.” เลิกยุ่งเกี่ยวกับสามีของตน ว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว ล่าสุด ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้มีผู้ส่งคลิปเสียงหญิงสาวที่เรียกแทนตัวเองว่า ธ.กำลังทะเลาะกับสามี ป. ไปให้ผู้สื่อข่าวทุกสำนัก โดยมีการส่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรี่ หรือ อีเมล

สำหรับเนื้อหาในคลิป เป็นเสียงโต้เถียงกันระหว่าง สามี ป.ที่ต่อว่าหญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ. ว่า พาลูกไปเมืองนอกทำไม ทำอย่างนี้ได้ไง ด้านฝ่ายหญิงก็โต้กลับว่า แล้วสามีไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง “พ.” ทำไม ส่งผลให้ฝ่ายชายถึงกับแสดงอาการโกรธ และด่าทอฝ่ายหญิงด้วยข้อความที่หยาบคาย

นอกจากนั้น สามี ป.ยังมีการพูดขู่ว่า ให้ระวังตัวให้ดี อย่าได้กลับมาเมืองไทย ด้านฝ่ายหญิงก็เลยยอกย้อนกลับไปว่า กลับแล้วจะทำไม จะทำอะไร ทำเอาฝ่ายชายเดือดท้ากลับไปว่า ถ้าลองกลับมาเมืองไทยแล้วฝ่ายหญิงจะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกเลย

ด้านหญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ.ก็โต้กลับไปอย่างเผ็ดร้อน ว่า ถ้าอยากได้ลูกก็ให้ไปทำเอาใหม่ ส่งผลให้ตลอดการสนทนานั้นสามี ป.ค่อนข้างเดือด หลุดคำพูดหยาบมาหลายครั้ง ทั้งยังมีการสบถคำพูดมึงกูตลอดเวลา พร้อมทั้งมีการขู่ฆ่าครอบครัวของหญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ. ด้วย

ด้านแหล่งข่าวในวงการบันเทิง แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ “ป.” กำลังตามหาต้นตอของการปล่อยคลิปเสียงดังกล่าว ในขณะที่มีข่าวอีกว่า มือดีคนที่ปล่อยคลิปดังกล่าวเตรียมจะปล่อยอีกหลายคลิป ไม่ว่าจะเป็น คลิป ธ.กับ หญิงสูงวัย หรือแม้แต่คลิปของ ธ.กับ พ.เจรจาเรื่อง ป. สำหรับรายละเอียดความคืบหน้า บันเทิงผู้จัดการออนไลน์จะรายงานให้ทราบต่อไป

ฮือ! คลิปเสียงสาว “ธ.” วอน “หญิงสูงวัย” ช่วยเตือนลูกสาว “พ.” เลิกยุ่งกับผัวเสียที

       หลังจากที่เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ดาราสาวชื่อดัง ได้จูงมือคุณแม่ออกมาร้องห่มร้องไห้ปฏิเสธความสัมพันธ์กับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล สามีของ “ธัญญ่า” ธัญญาเรศ เองตระกูล ล่าสุด หนังสือพิมพ์ดาราเดลี่ ฉบับวันที่ 6-12 ตุลาคม 2553 ก็ได้ตีพิมพ์ข่าวใหญ่ระบุว่า ขณะนี้มีคลิปเสียงซึ่งเป็นการสนทนากันระหว่าง “แม่ธัญญ่า” กับ “แม่พิ้งกี้” ที่พูดถึงเรื่องดังกล่าว กำลังจะถูกเผยแพร่
     
       หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับดังกล่าว เปิดเผยว่า ในคลิปมีเนื้อหาว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันเรื่องของ “ธัญญ่า” กับ “พิ้งกี้” อย่างไรก็ตาม หลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ก็ได้ตรวจสอบข่าวดังกล่าว ก็พบว่า ขณะนี้ในเว็บบอร์ดบางแห่งได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว ทว่า ไม่ใช่เป็นคลิปการสนทนาของ “แม่ธัญญ่า” กับ “แม่พิ้งกี้” 
แต่เป็นคลิปการสนทนาระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งที่เรียกแทนตัวเองว่า “ธ.” กำลังสนทนากับ “หญิงสูงวัย” โดยมีการพูดถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ “พ.” เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสามีของตน และขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยว หรือถ้าไม่เลิกหญิงสาวที่เรียกแทนตัวเองว่า ธ.จะเป็นคนหลีกทางให้ โดยคลิปเสียงดังกล่าวมีทั้งหมด 2 ชิ้น มีความยาวรวมทั้งสิ้นประมาณ 8 นาที
     
       โดยหญิงสูงวัยได้มีการโต้กลับ ว่า ลูกสาวของตนไม่เอาสามีของหญิงสาวที่ชื่อ “ธ.” หรอก เพราะเป็นคนมีศีลธรรมพอ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วอยากจะพูดอะไรก็พูดไป พร้อมกับกล่าวว่าขณะนี้หญิงสาวที่ชื่อ “พ.” ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสามีหญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ.แล้ว ขอให้ต่างคนต่างทำมาหากิน
     
       ด้านหญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ.ก็ยืนยันว่า หญิงสาวที่ชื่อ พ.ยังคงมายุ่งกับสามีของตนอยู่ และได้มีการพาลูกของตนไปหาหมอ พร้อมกับขอร้องว่า อย่ามาแตะต้องตัวลูก อยากแตะต้องสามีก็ไม่เป็นไร แต่อย่ามายุ่งกับลูก เพราะมันสกปรกเกินไป ส่งผลให้หญิงสูงวัยโมโหถึงขั้นออกปากว่าพูดหยาบคาย ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย งานนี้ก็เลยโดนหญิงสาวที่ชื่อว่า ธ.สวนกลับว่า หญิงสาวที่ชื่อ พ.ก็ไม่ให้เกียรติตนเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงไม่มายุ่งกับสามีคนอื่น
     
       
หญิงสาว ธ : ไม่ได้ยุ่งเหรอ เขาเพิ่งมารับลูกสาว … ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ล่าสุด ก็เพิ่งไปทานข้าวกัน แล้วก็มีถุงยางแบบใช้จากอินเดียมาให้พี่ ... ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคืออะไร
       
หญิงสูงวัย : คือถุงยางเนี่ยปรักปรำที่สุดเลย เพราะ น้อง ... ไม่เคยเข้าร้านไม่เคยอะไรเลย ไอ้เรื่องซื้อถุงยงถุงยางเนี่ยขอเถอะมันหยาบคายเกินไปแล้ว
     
       นอกจากนี้ ยังมีบทสนทนาที่มีลักษณะของการโต้เถียงกันเกิดขึ้น 
โดยหญิงสูงวัยได้พูดเหน็บแนม ว่า หญิงสาวที่ชื่อ พ.มีปัญญาหาผัวได้ ขณะที่หญิงสาวที่แทนตัวเองว่า ธ.ก็เลยย้อนกลับว่า ก็เข้าใจว่าคงหาผัวได้เยอะ แต่ทำไมต้องมายุ่งกับสามีของตน

นสพ.ดาราเดลี่ ลงว่าเป็นเสียง "แม่พิ้งกี้" กับ "แม่ธัญญ่า" แต่ความจริงเป็นเสียงสาว "ธ" กับ "หญิงสูงวัย"

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เขาหาว่าหนูเป็น “อีพริ้งคนเริงเมือง”

รูปพิ้งกี้ในโทรศัพท์เป๊ก

พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช วันนี้เธอเป็นนางเอกที่เป็นข่าวฉาวที่สุด หลายคนสงสัยทำไมจากดาราเด็ก ภาพลักษณ์ใสๆ ไม่เคยมีข่าวเสียหาย พอโตเป็นสาวเธอกลายเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ ด้วยบุคลิกร่าเริง ขี้เล่น จึงไม่น่าแปลกที่จะมีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบให้เธอ แต่ที่ทำให้เธอเป็นนางเอกสุดฉาวแห่งปี คือการที่เธอไปสนิทกับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว เป๊ก-สัญชัย เองตระกูล ทำให้โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นมือที่ 3 จนหลายคนถึงกับตั้งฉายาใหม่ให้แก่เธอว่า “อีพริ้งคนเริงเมือง”

แม้ว่าข่าวฉาวที่ต่อเนื่องอย่างยาวนานเป็นปีๆ ของเธอกับหนุ่มเป๊กนั้นจะไม่มีหลักฐานเป็นภาพ หรือคลิปใดๆ แต่หลายคนก็ปักใจเชื่อตามข่าวไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนเชื่อที่มีน้ำหนักที่สุดคงเป็นการออกมาพูดแบบตัดพ้อถึงความสัมพันธ์ของพิงกี้และเป๊กจากปากของธัญญ่า แถมยังมีคนตาดีเห็นเธอยังควงกับหนุ่มเป๊กไปนู่นไปนี่เสมอ และนำข้อมูลไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต จนเป็นกระแสข่าวฉาวต่อเนื่องยาวนานจนถึงวันนี้

M-Lite พยายามนัดคุยกับนางเอกสาวผ่านคุณแม่หลายครั้ง และได้รับการปฏิเสธมาตลอด จนวันหนึ่งคุณแม่ของนางเอกสาวก็ใจอ่อนยอมเปิดใจให้เราได้มีโอกาสได้พูดคุยถึงเรื่องราวข่าวฉาวที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าบรรยากาศการพูดคุยในครั้งนี้ เต็มไปด้วยความอัดอั้นใจ และความเศร้าอยู่ไม่น้อย

เริ่มสาวเริ่มฉาว

นางเอกสาวตาคม เจ้าเสน่ห์ เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จากการทาบทามของโมเดลลิ่ง แต่เรื่องที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกคงเป็นบทดาวพระศุกร์ ละครเรื่องนี้เรียกคะแนนความสงสารและความนิยมให้เธอเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นดาราเด็กที่มีแต่คนชื่นชมในความน่ารักและความเก่งที่สุดในยุคนั้น

พอถึงวัยสาวเธอกลายเป็นสาวสวยเจ้าเสน่ห์ และเริ่มถ่ายแบบเซ็กซี่ ภาพลักษณ์ของเธอจึงไม่ได้เป็นเด็กสาวใสอีกต่อไป อีกทั้งยังมีข่าวกับหนุ่มๆ ที่ฮือฮาที่สุดคงเป็นการเปิดตัวคบหาเป็นแฟนกับพระเอกหนุ่มข้ามช่องอั้ม-อธิชาติ แต่ความรักของทั้งคู่ที่เปิดตัวสวีตหวานแหววไม่ทันไรก็เป็นอันต้องปิดฉากลงแบบเงียบๆ ไม่เป็นข่าวใหญ่โตนัก จนกระทั่งเป็นข่าวว่าคบหาดูใจกับสงกรานต์ เตชะณรงค์ ทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ แต่เจ้าตัวกลับลำออกมาพูดว่าสาวพิงกี้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น ข่าวนี้ก็ทำให้คนมองว่าเธอหน้าแตกบ้างล่ะ! จับผู้ชายบ้างล่ะ!

สำหรับข่าวล่าสุดที่ทำให้เธอเป็นนางเอกที่ฉาวที่สุด คือข่าวกับหนุ่มเป๊ก สาวโสดกับหนุ่มที่มีครอบครัวแล้ว มาสนิทสนมกันได้อย่างไร ยังไงก็เป็นปมกังขาของสังคม โดยเฉพาะเมื่อธัญญ่าออกมาแฉว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันจริง มีหลักฐานมาโชว์สื่อเป็นภาพหลุดสาวพิงกี้ในชุดนอนอยู่ในมือถือของหนุ่มเป๊ก เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ความสัมพันธ์ของธัญญ่ากับเป๊กสั่นคลอน

“ถ้าต่อไปหลังจากนี้พิงกี้ไม่หยุด เราก็ไม่เอาแล้วค่ะ เราจะหยุดเองแล้วยกให้ ก็ยกให้คนที่เขาอยากมาแทนที่เรา มายืนตรงเรา หลังจากนี้เราก็คงไม่มีหลักฐานอะไรจะมาโชว์อีก แล้วเพราะไม่อยากทำร้ายใคร เราไม่ได้เป็นคนสร้างปัญหา แต่ทุกวันนี้เราต้องมานั่งตอบปัญหาแทนคนที่ทำ" นี่เป็นคำพูดของธัญญ่าผ่านสื่อ หลังจากเห็นภาพพิงกี้สวมชุดนอนในมือถือของสามี ยิ่งตอกย้ำทำให้คนเชื่อในความสัมพันธ์ที่เกินพี่น้อง

สำหรับข่าว(คาว)รักสามเส้าที่เกิดขึ้นนานหลายเดือน แม้พิงกี้และเป๊กจะออกมายืนยันว่าเป็นแค่พี่น้อง ซึ่งเรื่องก็น่าจะจบไปนานแล้วตามคำพูดของทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่จบตรงที่ยังมีคนเห็นทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน แถมยังมีข่าวลือถึงขนาดซื้อบ้าน ซื้อรถให้กันอีก จนสองแม่ลูกต้องออกมาโต้ผ่านสื่อด้วยน้ำตานองหน้า วอนอยากให้เรื่องนี้จบสักที

กรณีที่ข่าวฉาวล่าสุดที่มีข่าวว่าหนุ่มเป๊ก ถอยบ้าน รถให้เป็นของขวัญ พิงกี้ถึงกับระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กถึงแฟนคลับว่า “การที่เราไม่พูด ไม่ใช่เพราะเรายอมรับ แต่เป็นเพราะเราไม่อยากมีเรื่องกับใคร อยู่ในวงการกี้ก็อยากมีมิตรมากกว่ามีศัตรู กี้ทำงานหนักขนาดนี้ กี้สามารถซื้อรถและบ้านเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาซื้อให้หรอก ตอนนี้กี้ก็ไม่ค่อยไปไหน บางทีกี้ก็เดินทางไปกับครอบครัวบ้าง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยังมาโยงกี้ไปเกี่ยวข้องพาดพิงกับคนอื่นด้วย”

ข่าวแรงถึงขั้นโดนแบน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพง ที่ต้องเจ็บและจำไปอีกนาน เธอยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาด แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าเธอเป็นอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งการที่เธอไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธนี่เอง เป็นจุดที่ทำให้หลายคนยังคาใจ และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของเธอกันไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง ถึงขั้นรวมตัวกับแบนผลงานของสาวพิงกี้

“รู้สึกว่า เข้าใจสัจธรรมชีวิตว่าไม่มีใครยืนอยู่เคียงข้างนอกจากครอบครัว และคนไม่กี่คน เพราะฉะนั้นก็อย่าพลาด อย่าให้เป็นอะไรแบบนี้ ไม่ใช่หมายถึงว่าเรายอมรับนะ (สาวพิงกี้รีบออกตัว) เพราะถ้าพลาดมันจะไม่มีใครที่คอยเข้าใจ เราพูดไปแล้ว เราชี้แจงไปแล้วเขาก็ยังเข้าใจในแบบของเขา เราก็ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นค่ะ

เราคงไม่ต้องไปนั่งพูดกับคนที่มาเขียน ที่เขาอยู่ในมุมมืด ใครก็ไม่รู้ เราต้องไปตอบเขาตลอดเวลาหรือเปล่า คงปวดหัวตาย เพราะเรามีงานของเราค่อนข้างเยอะ ณ จุดนี้มันผ่านไปเป็นปีแล้วนะเรื่องนี้ มันผ่านมานานแล้ว ใครจะเขียนก็เขียน กี้ถือว่ากี้ตั้งใจ และรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ใครอยากจะบอกว่ากี้ไม่ดีก็ปล่อยให้เขาเขียนจนเหนื่อยเลย เขียนไปให้พอ (น้ำตาคลอ)”

กระแสในอินเทอร์เน็ตยังแรงไม่หยุด ถึงขั้นมีกลุ่มคนจำนวนมากที่รวมตัวกันแบนผลงานทุกอย่างของเธอ ซึ่งสร้างผลกระทบทางจิตใจ และความรู้สึกของเธอไม่น้อย

“คนแบนอาจจะเป็นที่ไม่หวังดี ไม่อยากให้เราดี คนที่จ้องจะทำลายน่ะมี เพราะฉะนั้นกี้ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด กี้คงไม่มีแรงไปบอกว่าอะไร อย่างนั้นอย่างนี้ เพราะกี้อธิบายไปแล้ว กี้พูดไปแล้ว เดี๋ยวนี้มันมีคนเขียนเป็นนู่นเป็นนี่นะ เหมือนกับว่าอักษรย่อบ้าง เราก็อยากจะให้คนอ่านใช้วิจารณญาณเยอะๆ หน่อย เพราะดาราโดนการเขียนแบบนี้เยอะ”

ดาราก็มีความรู้สึก มีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนทั่วไป แต่ด้วยเหตุผลของการเป็นดารา ทำให้สาวพิงกี้ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก อย่างที่ใจอยากจะพูด เพราะเกรงว่าจะกระทบหลายฝ่าย

“สิ่งที่ยากของการเป็นดาราสำหรับกี้ กี้ว่าเป็นเรื่องของการประคับประคองอารมณ์ เพราะเราเป็นคนของประชาชน บางทีคนดูติดภาพเราจากละคร อยากให้เราเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ แต่เราไม่สามารถทำได้ จริงๆ กี้อยากมีสิทธิของตัวเอง กี้อยากจะด่าเขาเหมือนกันนะ แต่เราทำไม่ได้ เพราะเราอยู่ในวงการบันเทิง เราไม่ได้อยู่ในสายงานอื่น จุดตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราทำไม่ได้ เราก็ต้องระมัดระวังอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งต้องใช้เวลา

บางทีข่าวก็ทำให้ท้อเหมือนกัน เคยได้ยินดาราหลายๆ คนเขาก็พูดว่าท้อนะ เบื่อ อยากจะลาวงการก็มี กี้คิดว่าถ้ากี้ลาออกจากวงการจริงๆ นะ กี้จะพูดให้หมดเลย (หัวเราะ) คือที่กี้ไม่พูดเนี่ย เพราะกี้ต้องอยู่ในวงการบันเทิง กี้อยากมีมิตรมากกว่ามีศัตรู กี้ไม่สามารถพูดอะไรได้เยอะ เพราะฉะนั้น ณ ตอนนี้เราทำหน้าที่เรา เราเป็นนักแสดง ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงเหมือนกัน แต่ว่าตราบใดที่เราพูดความจริง เราทำไปแล้วก็รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เดี๋ยวคนก็ต้องเห็นว่าเป็นยังไง”

ไม่ว่าจะมีข่าวเยอะขนาดไหน แต่เธอยอมรับว่าวงการนี้ให้สิ่งดีๆ กับเธอมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง เธอบอกว่าถ้าไม่ได้เป็นดาราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ถึงแม้จะมีคนไม่รักบ้าง แต่มีคนบางกลุ่มที่ยังรักและเข้าใจเธอ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะเป็นกำลังใจให้เธอสู้ ลุยงานต่อไป

“พิงกี้” สาวสันโดษ

สาวกี้บอกว่าตัวตนของเธอเป็นคนเงียบๆ ชอบสันโดษ เวลาว่างชอบดูหนัง ฟังเพลงเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ที่ผ่านมาทำงานหนักมาตลอด มีช่วงนี้ที่มีเวลาเหลือเยอะที่สุด เธอบอกว่าขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวดีกว่า สบายใจที่สุด

“เวลาว่างชอบดูหนัง วันหนึ่ง 3-4 เรื่อง ดูทีวีที่บ้าน ช่วงนี้ก็เรียนทำอาหาร และคงหาอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยไปเที่ยวกับเพื่อน เราทำงาน เวลาว่างที่จะอยู่กับครอบครัวก็น้อยลง ช่วงนี้มีเวลาว่างเยอะที่สุดก็จะอยู่กับครอบครัว ไม่ไปเที่ยว ไปไม่ไปสังสรรค์เท่าไหร่

เมื่อก่อนจะไม่อยากตื่นเลย แต่ตอนนี้ทำงานหนักๆ ตื่นเองคนแรกเลย นิสัยกี้เป็นคนร่าเริง ถ้าคนไม่รู้จักอาจจะคิดไปยังไงก็แล้วแต่ แต่กี้เป็นคนแบบนี้ แล้วก็มีหลายคนที่รู้ว่ากี้กับแม่เป็นคนแบบไหน เราเป็นคนไม่พูดมาก ไม่ค่อยจะมีอะไรมากมาย เป็นเหมือนผู้ชายๆ หน่อย

กี้เป็นคนสันโดษนะ มีกลุ่มมีเพื่อนไม่มาก ค่อนข้างจะชอบอยู่ในสวน ในป่า ที่ที่มันดูแล้วมันสบาย มันโล่ง เป็นคนไม่ค่อยบ้าแบรนด์เนม ไม่ค่อยชอบวัตถุเท่าไหร่ ชอบอะไรที่ธรรมดาๆ แต่ก็ไม่ถึงกับธรรมดามาก ก็เป็นคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง”

เข็ดกับความรัก

เมื่อถามถึงเรื่องความรัก สาวกี้ถึงกับออกตัวว่าเข็ดกับความรักแล้วจริงๆ เพราะไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดจะทำอะไรก็เป็นที่จับตามองไปซะหมด

“กี้ไม่ค่อยอยากมีความรักแล้วตอนนี้ กี้กลัว กี้ค่อนข้างอยากจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด อยากอยู่กับครบครัว อย่าให้เขามาเหนื่อยกับเราเลย แต่ถ้าเราอาจจะเจอใครสักคนที่พระเจ้าส่งมาให้เราแล้ว เราก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ

ความรักสอนเราเยอะนะ ความรักของเรา เหมือนเราอยู่ในสื่อ การที่เราพูดมากก็ไม่ดี การที่เราเงียบก็หาว่าเราเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ความรักกับชีวิตของกี้มันค่อนข้างจะขัดแย้ง ถ้าเรามีความรักเมื่อไหร่ เขาจะหาว่าเราไปจับผู้ชายบ้างล่ะ กี้ถือว่าเราทำงาน เราหาเงินเอง ก็เลยคิดว่าความรักของกี้คงไม่มีมุมมองแล้ว ขอให้เป็นคนดีที่สุด เข้ากับครอบครัวเราได้ก็พอแล้ว”

คุณแม่เป็นกันชน

ไม่ว่าพิงกี้จะมีข่าวเสียหายออกมามากขนาดไหน ยังไงเธอก็มีคุณแม่ ที่คอยให้กำลังใจ และคอยปกป้องไม่เคยห่าง “รับมือโดยที่คุณแม่อยู่เคียงข้าง เพราะเราให้คุณแม่คอยช่วย คุณแม่เป็นเหมือนคนคอยเตือนสติ คอยบอกว่า ไม่เป็นไรลูก คือต่อให้มีข่าว คุณแม่ก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เราอยู่ด้วยกัน ครอบครัวเรารู้ว่าเป็นยังไง ถ้าเรามัวแต่เอาความเครียดแบบนี้เข้ามา เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เราก็โอเค พยายามที่จะลืมทุกอย่าง มาเต้น มาร้องเพลง ไม่ต้องไปนั่งอ่านข่าว ปวดหัว เวลาว่างกี้ไปเรียนทำอาหาร ทำอะไรที่มันลืมๆ ข่าวพวกนี้ ในอินเทอร์เน็ตก็ไม่อ่านแล้ว เพราะว่ามันเยอะมากเหลือเกิน

กำลังใจ จากครอบครัวสำคัญ ถ้ากี้ไม่มีครอบครัวป่านนี้กี้คงฆ่าตัวตายไปแล้วมั้ง (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ กี้มีครอบครัว มีแฟนคลับ มีญาติ มีเพื่อนคนที่เข้าใจ”

สำหรับสาวพิงกี้ แม่เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนที่คอยสอน คอยดูแลทุกอย่างตั้งแต่เด็ก จนถึงวันนี้เธอถึงกับบอกว่าถ้าไม่มีแม่ก็ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไร

“ถ้าไม่มีแม่ไม่รู้ว่าจะมีวันนี้หรือเปล่า แม่อยู่ข้างๆ เราตลอด เป็นทั้งเพื่อน ทั้งแม่ ทั้งอะไรทุกอย่าง แม่จะบอกไม่เป็นไรลูก ตราบใดที่แม่ยังอยู่ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก แม่ดูแลทุกเรื่อง อาหารการกิน เสื้อผ้า ตื่นมาก็เรียกคุณแม่ตลอด แม่ก็จะบอกว่าถ้าไม่มีแม่วันหนึ่งจะเป็นยังไง นอนก็ยังนอนกับคุณแม่ นอนกอดแม่เป็นหมอนข้าง เพราะว่าเราอยู่กันแบบอบอุ่น ไปไหนคนก็จะถามว่าแม่ล่ะ ถามถึงแม่ก่อน เห็นแม่ก็ต้องเห็นกี้

บางทีตื่นมาเราคิดว่าวันนี้อยากกินอันนี้ ปรากฏว่าแม่ทำแล้ว กี้ผูกพันกับคุณแม่มาก คิดว่าอยากใส่ชุดนี้ แม่ก็เตรียมไว้รอแล้ว เราก็ถามแม่รู้ได้ไง แม่ก็บอกว่าไม่งั้นจะเป็นแม่ลูกกันได้เหรอ
ถ้าเมื่อก่อนตอนเด็กอาจจะมีคิดว่าทำไมแม่ต้องตาม ณ วันนี้นะ ถ้าเกิดกี้ไม่มีแม่ (น้ำตาคลอเสียงสั่น) กี้จะอยู่ยังไง หมายถึงว่าถ้าเกิดกี้เจออะไรที่ไม่ดีขึ้นมาจะตั้งรับยังไง เพื่อนก็ไม่ได้ให้คำแนะนำได้ดีเท่ากับพ่อแม่

กี้อยากขอบคุณแม่ที่คอยยืนอยู่เคียงข้าง ไม่มีใครที่ดีเท่ากับคุณแม่ อยากบอกทุกคนด้วย อยากจะบอกคนที่ไม่เข้าใจที่เขียนอะไรก็ไม่รู้ว่าเรากับแม่ว่า พวกคุณไม่รู้อะไรดีหรอก ไม่รู้หรอก จะเขียนก็เห็นแก่หน้าพ่อแม่เราบ้าง คนรู้จักจริงๆ จะรู้ว่าแม่กี้เป็นคนแบบไหน ...ซ้อเจ็ด (เน้นเสียง)”

ถึงงานจะน้อยลงแต่มีความสุข

แม้ช่วงนี้งานแสดงของเธอจะไม่เยอะเหมือนก่อน แต่สาวพิงกี้บอกว่ามีความสุข เพราะได้ทำงานที่ตรงกับบุคลิกความชอบของเธอ แถมได้ปลดปล่อยนั่นคือการเต้น

“ตอนนี้กี้มีงานละครเรื่องเดียวเรื่องเงาพราย ทางช่อง 3 อยากให้แฟนละครติดตามละครที่กี้เล่น เพราะเป็นละครที่กี้ย้ายช่องใหม่ ตัดผมสั้นด้วย อยากได้อะไรที่ดีๆ กลับมา”

นอกจากงานแสดง เธอยังชอบร้อง ชอบเต้น ซึ่งเธอบอกว่าตรงกับบุคลิกความเป็นเธอมากที่สุด “ถ้าไม่ได้เล่นละครเลยนะ กี้ถือว่าสามารถใช้ชีวิตวันๆ หนึ่งอยู่กับการเต้น อยู่กับการร้องเพลง กี้มีความสุขแล้วนะ ไม่ต้องไปทำอะไรอย่างอื่น ขออยู่กับโลกส่วนตัวคือการเต้น”

ช่วงนี้หลายคนอาจจะเห็นเธอกับไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล บ่อยครั้ง เพราะต้องซ้อมเต้นด้วยกัน แถมยังเข้าขากันได้ดี จนตอนนี้หนุ่มไมค์ได้ตำแหน่งเพื่อนชายที่สนิทที่สุดไปครอง

“กี้สนิทกับไมค์ตั้งแต่ตอนที่ไปเป็นแขกรับเชิญคอนเสิร์ตกอล์ฟไมค์ ถือว่าได้รับการตอบรับดี ผ่านมาได้ด้วยดี พอมีโปรเจกต์ “พอนด์สตามหารักแท้ ซุปเปอร์สตาร์ วาไรตี้โชว์” เป็นคอนเสิร์ตเฉพาะกิจ ทางแกรมมี่เห็นว่าคู่นี้เต้นกันได้ เขาก็เลยจับให้เรามาคู่กับไมค์ เหมือนเขาเจอคู่ที่แมตชิ่งกัน บวกกับเราสนิทกันเป็นเพื่อนกัน เวลาเต้นคู่ก็จะสนุกและก็ออกมาดี

อยู่กับคนที่ชอบเต้นเหมือนๆ กัน ก็สนุกสนาน ไม่คิดต้องเรื่องอื่น เต้นอย่างเดียว ไม่มีมานั่งพูดอะไรกัน เจอหน้ากันเต้นอย่างเดียว ที่เราเต้นมีหลากหลาย มีฮิปฮอป จะเต้นแบบแข็งแรงหน่อย จริงจัง เป็นแบตเทิลกัน”

สาวกี้พูดถึงหนุ่มไมค์ ที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก “ไมค์เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรเยอะค่ะ เขาเจอเราเขาก็ ยูวันนี้ไอไปฟังเพลงนี้มานะ เป็นเพลงใหม่มากเลย มาร้องคู่กันไหม เป็นการแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา เวลาเจอกันก็สนุกสนาน จะเห็นว่าเราสนิทกันเราก็เต้นกันไม่เขิน ลองให้กี้ไปเต้นกับคนอื่นที่เขาไม่เป็นเหมือนไมค์ ก็อาจจะเขินและไม่เข้ากัน”

ย้ายช่องเพราะข่าวฉาว?

สาเหตุที่สาวพิงกี้ย้ายจากช่อง 7 มาช่อง 3 หลังจากร่วมงานกันมานานกว่า 5 ปี คุณแดง- สุรางค์ เปรมปรีดิ์ไม่ขอแจกแจงรายละเอียด ทำให้หลายคนอาจจะมองได้หลายอย่างว่าที่ต้องย้ายช่องเพราะมีข่าวฉาวหรือเปล่า หรือย้ายเพราะอยากเติบโตในวงการการแสดง

“ย้ายมาช่อง 3 เรารู้สึกตื่นเต้นนะ เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่ง เป็นส่วนเล็กๆ ของเขา เข้ามาจะมีอะไรหรือเปล่า เพราะเราก็มีข่าวอะไรก็ไม่รู้ เราเข้ามาก็อยากจะทำเต็มที่ และอยากให้ประชาชนดูแล้วชื่นชอบกับงานของเรา ก็ถือว่าเราตั้งใจให้มากที่สุด แล้วผลตอบรับจะมาเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที

กี้ว่าเหมือนเราเปลี่ยนสายงาน เปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง คงจะได้ประสบการณ์คือ ได้เจอทีมงานใหม่ๆ ได้เล่นบทหลากหลาย กี้ก็ตั้งใจ และอยากขอบคุณพี่ปิ่น-ณัฎฐนันท์ ฉวีวงษ์ (บอสใหญ่แห่งค่ายทีวีซีน) และทางช่องที่ให้โอกาสกี้ และจะตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด”

ประสบการณ์ที่อินเดีย...สุดหิน

กระแสข่าวด้านลบสำหรับสาวคนนี้ยังไม่หมด ขนาดเธอบอกว่าจะไปทำงานที่อินเดียก็ยังไม่วายโดนหาว่าโกหกอีก เหตุเพราะเลื่อนกำหนดเดินทางไปมา ซึ่งงานนี้สาวพิงกี้บอกว่าไปทำงานจริงๆ และเป็นงานที่หนัก เหนื่อยมาก อยากให้คนไทยได้ภูมิใจกับสิ่งเธอทำ

“ประสบการณ์ถ่ายภาพยนตร์ที่อินเดีย เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะหายากและราคาแพงเลยค่ะ เพราะทำงานกับคนต่างชาติ แต่ก็มีข่าวว่าพิงกี้โม้บ้าง โกหกบ้าง เราก็คิดว่าเราทำ เราตั้งใจมันไม่มีใครเห็นหรอก แต่เรารู้ตัวเองว่าเราทำ และเราคิดว่าถ้าผลงานออกมาแล้ว อยากให้คนดูผลงานแล้วค่อยตัดสิน เพราะกี้ตั้งใจทำงาน อยากให้ผลงานดีที่สุด

ถ้าพูดว่าเราไปเรียนต่อปริญญาโทเนี่ย ถือว่าได้เรียนเอกภาพยนตร์เลย นี่คือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ เราได้ไปเรียนรู้ว่าที่อินเดียเขาทำงานกันอย่างไร มีระบบ แบบแผนยังไง ภาษา การสื่อสาร มันมีทั้งหมดรวมอยู่ และด้วยความที่เป็นภาษาของเขากี้ต้องทำการบ้านมากกว่าปกติ บวกกับที่มีข่าวที่เมืองไทยเยอะแยะไปหมด กี้เลยต้องตัดทุกอย่างที่อยู่ที่เมืองไทย โฟกัสอย่างเดียวว่าพรุ่งนี้จะถ่ายอะไร ต้องทำอะไร

เหมือนเราไปฝึกงานเลย เรียนรู้กับตัวเอง มีทั้งเหนื่อย ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เหมือนเราเผชิญกับอะไรที่ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้อีกแล้ว จะร้องไห้ก็ร้องไห้คนเดียว สิ่งที่ยากคือเราต้องตั้งใจ พยายามเต้นให้ดีที่สุด ให้ผู้กำกับเขาบอกว่าผ่าน เขามองว่ากี้คือคนบ้านเขา เขาก็เลยบอกต้องทำให้ได้ เราก็กดดันนิดหน่อย คนอินเดียมาดูกองถ่ายเป็นพัน เป็นร้อย คนเยอะ คนเสียงดัง บางทีก็ไม่มีสมาธิแต่ก็ต้องตั้งใจ

การทำงานที่อินเดียสอนให้กี้เข้มแข็งขึ้น เวลาทำอะไรมีสติ อดทนมากกว่าเดิม กี้มีอยู่แล้วนะความอดทน กี้ทำงานตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยผลุนผลัน ไม่ค่อยใช้อารมณ์ เวลาไปถ่ายที่อินเดียเหมือนทำให้เราใจเย็นขึ้นเยอะเลย ทำให้เราคิดเลยว่า ต่อให้เราทุกข์ขนาดไหนในเมืองไทย หรือมีเรื่องอะไรที่ไม่ดี ไปที่นู่นมันคนละแบบเลย ทำให้เรารู้สึกว่าเราทำให้ดีที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นใครจะพูดอะไรก็ไม่สนใจ”

เปิดใจแม่อ้อย-สรินยา ไชยเดช

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวไชยเดชในครั้งนี้คนที่จะเจ็บที่สุดคงหนีไม่พ้นหัวอกคนเป็นแม่อย่างแม่อ้อย-สรินยา ไชยเดช ล่าสุดแม่อ้อยออกมาโต้ผ่านสื่อด้วยน้ำเสียงและแววตาแห่งความอัดอั้นใจว่า “พวกคุณบอกให้ช่อง 3 แบนงานพิ้งกี้ อยากแบนให้มาแบนแม่ เพราะแม่อยู่กับพิงกี้ตลอดเวลา ถ้าลูกจะเป็นก็เพราะแม่สั่งสอนลูกไม่ดีเอง”

พิงกี้ ยังไงก็เป็นเด็กเสมอในสายตาแม่

ถึงแม้ปีนี้พิงกี้จะอายุ 24 แล้ว แต่สำหรับแม่อ้อย ยังมองว่ายังไงพิงกี้ก็ยังเป็นเด็กเสมอในสายตาแม่ เพราะจนป่านนี้แม่ก็ยังคอยทำอะไรให้ลูกทุกอย่างเหมือนเดิม

“การที่พิงกี้ทำงานตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาโตในแง่ของการทำงานอย่างเดียว แต่เรื่องอุปนิสัยใจคอก็ยังเป็นเด็กอยู่ อายุ 24 เขาก็ยังเป็นเด็ก ความที่อยู่ใกล้กับแม่มาก เขาก็เลยยังเหมือนเด็ก

ชีวิตเราก็ต่อสู้มา แม่เหมือนเป็นผู้นำของครอบครัว มันก็มีช่วงที่เราต้องสู้จริงๆ ช่วงสบาย ช่วงลำบาก แต่คนรอบข้างจะไม่เคยเห็นว่าแม่ไปบ่น ทุกคนเห็นรอยยิ้ม ทุกคนเห็นแม่สดใสร่าเริง (เสียงสั่น) ลูกไม่เคยเห็นน้ำตาเราหรอก ที่ผ่านมาแต่ละอย่างเราต้องอดทน”

ความอัดอั้นใจที่มีต่อสังคมอินเทอร์เน็ต

จากการพูดคุยกับคุณแม่อ้อย รู้สึกได้เลยว่าแม่อ้อยอัดอั้นและเก็บความรู้สึกเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะกับข่าวที่เขียนถึงลูกสาวแบบไม่จบไม่สิ้น ถึงกับระบายกับเราทันทีที่มีโอกาส

“อยากให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ใครผิดใครถูก เราก็อย่าไปซ้ำเติม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าทั้งฝ่ายไหนมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวเขา เพราะฉะนั้นมันเกิดไปแล้ว ไปว่าไปด่า ไปขุดไปคุ้ย มันไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเขาต้องดำเนินชีวิตต่อไป เพราะฉะนั้นให้เขาทั้งสองไปคิดว่าจะทำยังไงให้มันออกมาดีที่สุด ช่วยกันให้เขาได้ทำมาหากินกันต่อไป ไปซ้ำเขาเพื่ออะไร ไปแบนเขาเพื่ออะไร มันไม่ถูกต้อง นี่เป็นนิสัยคนไทย

มันเกิดไปแล้วน่ะ แม่ไม่เห็นคนในเน็ตเขียนกันให้มันสละสลวย ให้มันดูเป็นน้ำใจ ให้ดูเป็นพลัง ถ้าไม่เกิดกับเราเราไม่รู้หรอก อยากให้คนที่เล่นเน็ตหันมามองตรงนี้ อย่าไปด่า อย่าไปว่าใครที่เราไม่รู้ นี่เราโดนกับลูกเราเอง พิงกี้โดนเยอะ แม่อ่านมาหมด แม่บอกพิงกี้อย่าไปอ่านเลยลูก (น้ำตาไหล)
แม่ก็ไม่นึกว่าคนไทยเดี๋ยวนี้จะเป็นอย่างนี้ ดาราก็เหมือนกันเขาก็ต้องทำมาหากินเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวเขาทุกๆ คนแหละ เพราะฉะนั้นเราไม่ชอบเขาก็อย่าไปเขียนถึงเขาเลย ไม่ชอบอย่าไปพูดถึง ไปเรื่องอื่นดีกว่า ทุกคนโดนด่ากันทั้งหมด แล้วได้อะไรขึ้นมา

บางอย่างบางเรื่อง ไม่สามารถอธิบายให้คนมาทราบว่าเป็นมายังไง มันมีเหตุและมันมีผล สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป แม่ก็บอกลูกว่าไม่ต้องไปคิดอะไรมาก อนาคตเราต้องเดินต่อไป อายุเราเพิ่ง 24 ต้องทำงานอีกหลายปี เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผ่านก็ลืมมันไป แล้วเราก็ตั้งต้นทำมาหากินใหม่ เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรร้ายแรง ผิดพลาดมากมาย แม่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว คนบางส่วน แฟนคลับเราก็เข้าใจ ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมากสุขก็สุขด้วยกัน ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ กลับบ้านก็นอน แต่เหนื่อยใจสิ เราต้องคิดมากกว่าลูก ลูกอาจจะหลับเพราะเขาเป็นเด็ก แต่แม่อายุมากแล้วก็ต้องคิดมากกว่าเขาหลายเท่า (เสียงสั่นอีก) ถ้าวันหน้าไม่มีเราล่ะ ใครจะช่วย”

ประวัติ
ชื่อ: สาวิกา ไชยเดช
ชื่อเล่น: พิงกี้
วันเกิด: 19 มิถุนายน 2529
ครอบครัว: เป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่ชายอีก 2 คน
ประวัติการศึกษา: มัธยมศึกษาจากโรงเรียนเพ็ญสมิทธ์, ปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรังสิต
ประวัติการทำงาน: เริ่มงานละครทางช่อง 3 เรื่อง "ไฟในดวงตา หลังจากนั้นมาเล่นละครกับทางช่อง 7 เรื่องแรกคือ "วันนี้ที่รอคอย" ส่วนละครที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือ “ดาวพระศุกร์ เคยมีผลงานเพลงกับค่ายเพลงแกรมมี่ อัลบั้มแนวป็อปวง "บั๊ก บันจี้"
ปี 2544-2553 กลับมาเล่นละครให้กับทางช่อง 7
ปี 2553 เซ็นสัญญากับทางช่อง 3 ประเดิมผลงานแรกด้วยละคร เงาพราย

รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์

ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย