แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เป๊ก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เป๊ก แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

“ธัญญ่า” เล่นแรง แซว “เป๊ก” เลิกกับเมียน้อยหรือยังกลางคอนเสิร์ต “เจ”

“ธัญญ่า” แจงแซว “เป๊ก” เลิกกับเมียน้อยหรือยัง ในคอนเสิร์ต “เจ” แค่มุกขำๆ ไม่ได้เหน็บแนมใคร ยันไม่สนใจข่าว “พิ้งกี้” ควงเป๊กดูหนัง ลั่นอะไรที่ไม่เห็นกับตาตัวเองจะไม่เชื่อ เปรย “ลียา” เริ่มรู้เรื่องพ่อ และอยากให้พ่อ-แม่อยู่กันพร้อมหน้า

เป็นประเด็นขึ้นมาอีก เมื่ออยู่ๆ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ไปแซว “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” ในงานคอนเสิร์ต “เจ เจตริน วรรธนะสิน” ว่า เลิกกับเมียน้อยหรือยัง ทำเอาเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมจำนวนมากที่ไปดูคอนเสิร์ต และเมื่อสอบถามกับสาวธัญญ่า เจ้าตัวก็บอกว่า แค่แซวเล่นๆ ขำๆ กันไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง



“คือ จริงๆ ประเด็นมันไม่ได้มีอะไรเลยนะคะ ก็แค่โดนลากขึ้นไปเต้นเพลงสาวบางโพ แล้วพี่เจเขาก็เหมือนสัมภาษณ์แต่ละคน แล้วก็ให้พูดทักทายแฟนๆ ของพี่เจ เราก็แบบเอ๊ะแล้วเราจะพูดอะไรล่ะ มันแบบสวัสดีค่ะ...จบ เราก็เลยแบบนึกมุขขำๆ พอดีพี่เป๊กเขาอยู่ตรงนั้นไงคะ เราก็เลยพูดประโยคนั้นไป ก็บอกพี่เป๊ก เลิกกับเมียน้อยหรือยัง อะไรอย่างนี้ แล้วพี่เป๊กเขาก็ขำๆ แล้วเขาก็หลบไปอยู่ใต้โต๊ะ คนก็ขำๆ มันแค่นั้นเองค่ะ”

“พี่เป๊กไม่คิดมากเลย ก็มีคนถ่ายรูปและเอาไปลงอินสตาแกรม แล้วก็ถามว่าขึ้นไปทำอะไร บางคนก็คิดว่าทะเลาะรึเปล่า ไปโวยวายบนเวที แต่ทุกคนที่อยู่ในคอนเสิร์ตวันนั้นจะเข้าใจว่ามันเป็นมุขขำๆ มากกว่า ไม่มีการพูดอะไรเลย เต้นกันลืมแก่ (หัวเราะ) อยู่ในคอนเสิร์ตแบบเฮ้วๆ นะคะ”

ลั่นไม่สนใจข่าวสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ควงสามีตนดูหนัง บอกอะไรที่ไม่เห็นด้วยตาตัวเองจะไม่เชื่อ

“ทราบค่ะ ก็ทราบจากข่าวเหมือนกัน เราก็แซวเขาว่าพี่เป๊กไปดูหนังบิ๊กซีมาหรอ เขาก็แบบอะไร ไม่ได้ไป ก็จบแค่นั้นค่ะ แนวกวนๆ มากกว่า เพราะว่ามันเหมือนมันเลยจุดที่จะมานั่งเซ้าซี้ มานั่งแบบทะเลาะอะไรก็ไม่รู้แล้ว ไม่รู้สิ ขี้เกียจเอามาเครียดเยอะ ก็ไม่รู้นะคะ คือเราก็ไม่อยากจะบอกว่าไม่เชื่อหรือเชื่อ ก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจดีกว่า ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ”

“ตอนนี้ก็พยายามจะไม่เครียดกับเรื่องอะไรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวหรืออะไรก็ตามที่มันเข้าหูเรา เราก็ชิลล์ๆ ไป จริงๆ อย่างเรื่องข่าวมันไม่ได้มีผลกระทบกับธัญญ่าเลยนะคะ เพราะว่าเรื่องที่เป็นข่าวเราไม่รู้ว่าอะไรจริง หรือไม่จริง แต่เราจะซีเรียสกับเรื่องที่เราเห็น ที่เราได้ยิน และที่เราเจอ ต้องเห็นเอง รู้เอง อะไรอย่างนี้เราจะซีเรียสกับแบบนั้น”

“เห็นว่า น้องเขาออกมาเคลีย์แล้ว อันนี้เราก็ไม่ทราบว่ายังไงไม่ได้อ่าน เรื่องดูหนังเราไม่สนใจ เราสนใจเรื่องแมสเสจ มันไม่ใช่แมสเสจเป็นวอทแอปด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเราติดใจเรื่องนั้น แต่เรื่องของการดูหนัง เราไม่ได้ติดใจ ถ้าเราไม่ได้เห็นเอง เรื่องไปดูหนังเราแทบจะไม่ได้พูดกันเลย นอกจากแซวๆ อย่างที่บอกอย่างเรื่องขึ้นเวที ก็ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรเพราะเขาก็เข้าใจว่าเราแซว อย่างเวลาธัญญ่าแซว ก็จะแซวแบบกัดๆ กวนๆ ค่อนข้างจะแรงเหมือนกัน ก็จะเป็นลักษณะนี้ ก็จะเข้าใจกัน”

เผยถึงจะแยกบ้านอยู่กับสามี แต่สถานะความเป็นครอบครัวก็ยังอยู่ เปรยลูกสาว “ลียา” เริ่มรู้เรื่องพ่ออยากให้พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า

“สถานะครอบครัเราตอนนี้ยังโอเคค่ะ ไม่ได้มีเรื่องให้ทะเลาะกัน ตั้งแต่เรื่องนั้นก็ยังราบรื่น ก็แฮปปี้เรื่องลูกด้วย เขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดโน่นพูดนี่ให้เราหัวเราะ คือเวลาพี่เป๊กจะออกไปข้างนอก เขาก็จะแดดดี้ไปไหน ไปกินเหล้าหรือเปล่า (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเราก็ทำอะไรด้วยกันอยู่แล้วค่ะ ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปทานข้าว อะไรก็แล้วแต่ ไปกัน 3 คนพ่อแม่ลูกค่ะ”

“แค่พี่เป๊กกับธัญญ่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็จะมาเจอกัน เราก็จะไปที่บ้านไปรับลียา ไปทานข้าวกันบ้าง (เป๊กบอกรอบ้านเสร็จสิ้นปีจะชวนธัญญ่ามาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า 3 คน) อันนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน สำหรับตอนนี้เราก็ยังยืนยันว่าเราอยู่แบบนี้เราสบายใจ อย่างที่บอกว่าเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ความอยากรู้ของผู้หญิงมันก็มี แล้วมันก็จะเป็นบ่อเกิดของความทะเลาะ เดี๋ยวจะมีคลิปออกมาอีก เหนื่อยแล้ว (หัวเราะ)”

“ทุกวันนี้มันไม่ใช่ว่าแยกบ้านแล้วมันจะไม่ได้อยู่ในสถานะแบบสามีภรรยา เราก็แค่แยกบ้าน มันก็คือยังเป็นครอบครัว แต่ลียาองเขาก็มีพูดว่าอยากให้เราอยู่ด้วยกัน โอเคเขาจะเข้าใจแล้วว่า วันนี้คืนนี้นอนบ้านแดดดี้ คืนนี้นอนบ้านม่ามี๊ แต่บางทีเวลาเราไปส่ง เขาก็จะบอกว่าอยากนอนกันแดดดี๊ มามี๊อ่ะ เราก็กล่อมเขานอนแล้วค่อยกลับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิ้งกี้ น้ำตาคลอแจงสื่อ


กรณีฉาวไม่จบไม่สิ้น ธัญญ่า-เป๊ก-พิ้งกี้ หลังจากที่ ธัญญ่า-เป๊ก ควงแขนกันออกมาแถลงต่อสื่อว่า "อยากให้พิ้งกี้หยุดสักที" ได้เวลาที่พิ้งกี้จะได้มาพูดให้เคลียร์บ้าง


ล่าสุดที่งาน ZEN Body Sense 2012: Stories of Seduction เจอตัวสาว พิ้งกี้ สาวิกา นางเอกสาวเข้ามาพบกองทัพนักข่าวที่มาติดตามฟังคำชี้แจงแบบเคลียร์ๆ ด้วยท่าทางปกติ ก่อนเริ่มชี้แจงต่อหน้าสื่อด้วยเริ่มมีน้ำตาคลอและเสียงสั่นเครือตลอดเวลาชี้แจงว่า

"วันนี้มาร่วมงานปกติ ไม่ได้แถลงข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับใคร ขอยืนยันนะคะ อยากจะขอให้เรื่องนี้มันจบได้สักที จบได้แล้วนะคะ จะบอกว่า SMS ที่ส่งเป็นของกี้จริง แล้วก็เป็น SMS ปกติ ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง เพราะพี่เป๊กส่งมาหากี้เองจริง ๆ แล้วเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่กี้ใช้มานานแล้ว และที่ผ่านมาไม่ได้ใช้เบอร์นี้เป็นปีแล้ว พอเปิดมาก็มาเจอที่พี่เขาส่งมาหา กี้ก็ตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไรและไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น บอกได้เลยว่า ตอนนี้ในหัวสมองของกี้มีแต่ พ่อกับแม่เท่านั้น"

"กี้อยากบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมาจากคลิปเสียงนั้นที่มีคนปล่อยออกมา ทั้งที่กี้กับแม่ไม่ได้ทำอะไร และตัวแม่ของกี้เองก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ ว่าถ้าเกิดมีคนโทรมาหาแบบนั้น เป็นใครก็ต้องมีอารมณ์โมโหและโกรธเป็นธรรมดา เอาเป็นว่า กี้ก็ต้องขอโทษแทนคุณแม่ด้วย ที่พูดจาไม่ดีและพูดทำให้เสียหาย กี้เชื่อว่าคุณแม่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่บริสุทธิ์ใจที่จะปกป้องลูกสาว ไม่มีการเล่ห์กลอัดเทปเสียงอะไรแต่อย่างใด"

เมื่อนักข่าวถามว่า แล้วหลังจากนี้จะส่งข้อความถึงฝ่ายนั้นอีกหรือเปล่า? 
"ไม่ใช่เลิกคะ ต้องใช้คำว่า อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตกี้อีกดีกว่า เบอร์โทรศัพท์เบอร์นั้น กี้ก็ไม่ได้ใช้แล้วด้วยซ้ำ กี้ทำงานตลอด 7 วัน จะเอาเวลาไหนไปส่งข้อความ ไม่คิดจะอยากส่งด้วย แค่ตอบกลับไปเป็นมารยาทเท่านั้น" 

พี่เป๊กส่งมาว่ายังไง? 
"อย่าถามกี้เรื่องนี้เลยคะ ให้มันจบสักทีเถอะ ฝ่ายกี้เองจบมาตั้งนานแล้ว"

คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนี้คุณแม่ออกบวชและถือศีลอดอยู่คะ"

คราวหน้าถ้าเขาส่งมาหาอีกจะตอบกลับไปหรือไม่? 
"ไม่ต้องถามเลยคะ เอาเป็นว่าจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวังอีก และต่อไปนี้รับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้อีก และกี้ขอฝากบอกคนที่ปล่อยคลิปเสียงหน่อยนะคะ ตอนนี้คุณสะใจ ได้หัวเราะแล้ว ก็ควรกลับไปทำประโยชน์ให้สังคมบ้างเถอะคะ"

ที่มา: สนุกดอทคอม

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เป๊ก-ธัญญ่า เปิดใจข่าว พิ้งกี้-สาวิกา

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ร้านมิ้วส์ ทองหล่อ ซอย 10 ภายในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “เจ ออน เดอะ มูน” เป๊ก-สัณชัย เองตระกูล และ ธัญญ่า-ธัญญาเรศ รามณรงค์ ได้แถลงข่าวถึงกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนากันระหว่าง นางสรินยา ไชยเดช แม่ของ พิ้งกี้-สาวิกา กับธัญญ่า เพราะมีข้อความส่งมาที่มือถือเป๊กว่า" มิสยูนะ" ธัญญ่าจึงโทรไปหาแม่พิ้งกี้ เลยกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวเป๊ก-สัณชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนธัญญ่าก็แถลงข่าวต่อสื่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง



"เป๊ก" เปิดเผยว่า “ผมอยากอธิบายตรงนี้ว่า ไม่อยากให้เอสเอ็มเอสเนี่ยเป็นสาระสำคัญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอธิบาย ถ้าถามเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นยังไง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เป็นเบอร์ที่น้องเคยใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งมาเป็นแค่คำทักทาย แต่ว่าข้อความนั้นอาจทำให้คนคิดไปได้หลายอย่าง มันเป็นเรื่องปกติที่คนเคยรู้จักกันจะส่งเอสเอ็มเอสหากัน ใครก็ทำได้ ผมเองในบางครั้งที่เห็นน้องเขาตามสื่อโฆษณา นึกถึงก็ส่งข้อความหา แล้วก็บอกธัญญ่าด้วย แต่ผมเข้าใจดี ในเรื่องของการที่ธัญญ่าได้รับเอสเอ็มเอสมาวันนั้น ในฐานะของภรรยาก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่ใช่เบอร์ของน้อง แต่อยากจะบอกธัญญ่าและทุกคนในที่นี้ว่า ผมกับน้องเขาไม่มีอะไร ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้คบกัน มีแต่เอสเอ็มเอสนาน ๆ ที ด้วยความสัตย์จริงของลูกผู้ชาย ที่ผ่านมาธัญญ่าและคนใกล้ตัวของผมน่าจะเห็นว่าผมพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันไม่มีเหตุผลใด ที่ผมจะกลับไปทำอะไรไม่ดี หรือทำให้ครอบครัวต้องกลับไปเริ่มศูนย์ใหม่ ตัวน้องเขาเองผมเชื่อได้เลยว่าเขาก็ผ่านอะไรร้าย ๆ มาเยอะ กว่าจะกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก น้องเขาคงไม่กลับไปทำให้มันเป็นแบบนี้อีก ผมขอยืนยันให้ทุกคนและธัญญ่าทราบว่า ทุกเรื่องที่ได้ยินมาไม่เป็นความจริง เป็นแค่การทักทายตามปกติ ส่วนในเรื่องของคลิปที่หลุดออกมา ไม่รู้ว่าหลุดออกมาได้ยังไง เพราะธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวที่ต่างประเทศ ส่วนผมก็ส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวผม และเพื่อนที่ทำงานของผมฟังก็เท่านั้น ส่วนในเรื่องของคลิปเนี่ยเป็นเพราะ ธัญญ่าพยายามโทรไปหาแม่ของน้องเขา ซึ่งเมื่อนานมาแล้วแม่เขาบอกว่ามีอะไรก็ปรึกษาได้ ธัญญ่าโทรไปก็เป็นจุดเริ่มต้นของคลิปนี้ ส่วนคุณแม่ของน้องเขาคงตกใจ และก็รู้ว่าน้องไม่ได้ติดต่อผมแล้ว พอมาเจอเรื่องนี้ก็ต้องโมโห และก็ต้องปกป้องลูกสาวเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาของครอบครัวผมและน้องเขาอีก ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมเป็นต้นเหตุ ทำให้เรื่องราวเกิดขึ้น ธัญญ่าต้องทะเลาะกับแม่ของน้องเขา ต้องเสียชื่อเสียง ผมเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุข่าวคราวที่น่าเบื่อและยืดยาวมาก ๆ ฉะนั้นขอให้เรื่องเหล่านี้ยุติ ด้วยคำพูดของผมที่เป็นลูกผู้ชาย จากนี้ไปผมก็ต้องทำให้ครอบครัวที่ผมรักมาก ๆ กลับมาเป็นครอบครัวให้เร็วที่สุด ส่วนน้องก็ปล่อยให้เขาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ตามที่ต้องเป็น ขอให้จบสิ้นข่าวนี้ทุกอย่าง”  

จากนั้น "ธัญญ่า" เปิดเผยต่อว่า “ก็ไม่รู้จะพูดอะไร พี่เป็กก็พูดไปหมดแล้ว อยากฝากถึงน้องคนนั้นว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดมา 2 ปีกว่าจะ 3 ปี เราทุกข์ทรมานกันทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาส พี่เป็กขอโอกาส จากที่เราตัดสินใจหย่าแน่นอน แต่ในเมื่อพี่เป๊กพร้อมที่จะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง และลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เราควรให้โอกาสเขาเพื่อครอบครัวและเพื่อลูก ก็อยากฝากขอร้องน้องนิดนึงนะคะ ในเรื่องของการส่งข้อความคิดถึงสามีเราเนี่ย มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็โอเคจะเข้าใจอย่างนั้น ส่วนกรณีที่คุยกับแม่ของน้องเขาในแบบไม่ดีเท่าไหร่ ก็อยากจะบอกว่า แค่จะโทรไปบอกว่า น้องติดต่อมานะ อย่างที่แม่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการติดต่อกันให้โทรมาบอกจะจัดการทุกอย่างเอง เราก็อยากโทรบอก ไม่งั้นก็ค้างคาใจ เราจะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไปยังไง ในเมื่อไม่มั่นใจเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปีมันทรมานทั้งคุณและครอบครัวเรา การส่งข้อความมาจะอนาคตอีกกี่ปีก็ตาม ขอให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์ว่า มันไม่มีอะไรในเชิงชู้สาวอีกแล้ว” 

พอถึงตรงนี้ เป๊ก รีบพูดขึ้นว่า “พี่บอกธัญญ่าให้ฟังตรงนี้ว่า ในความเป็นลูกผู้ชาย เรื่องเหล่านั้นคงไม่มีเหมือนที่อธิบายไปทั้งหมด”

ธัญญ่า เลยหันไปถามเสียงเข้มว่า “คงไม่มีหรือไม่มี”

เป๊ก เลยรีบตอบกลับว่า “ไม่มี ไม่มี” 

ผู้สื่อข่าวถามว่าน้องเขาส่งข้อความมาบ่อยไหม “ผมก็ส่งไปบ้าง เวลาที่เห็นตามสื่อ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ ลียา เราทั้งคู่ดูแลลูกตลอดเวลา ลียาเริ่มโตขึ้น จะ 3 ขวบ เริ่มรู้เรื่องแล้ว ในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหาหรือมีปมด้อย ฉะนั้นต้องขึ้นอยู่กับตัวผมด้วยว่า ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์” 

จากนั้นธัญญ่า กล่าวทิ้งท้ายว่า "ที่ผ่านมาจากเดิมที่ตัดสินใจว่าเราจะจบ แต่พอมีโอกาสได้กลับมา ก็พยายามจะเป็นครอบครัว ก็มีกิจกรรมร่วมกัน ปรึกษากันเรื่องลูกตลอด ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอมาเกิดเรื่อง ก็ทำให้เราไม่ไว้ใจ ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นครอบครัว เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา แล้วปัญหาที่เคยเกิดก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ มิสยูนะ (Miss You Na) ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจ หลังจากที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่วินาทีแรกที่เห็นข้อความก็รู้สึกไม่เอาแล้ว แต่พอเราได้คุยกัน ใจเย็นลง ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

ที่มา: เดลินิวส์

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“เป๊ก” รับตัดไม่ขาดยังส่งข้อความหา “พิ้งกี้” แต่ไม่มีอะไรเกินเลย ยืดอกรับแมนๆ ผมผิดเอง

“เป๊ก” แอ่นรับตัดไม่ขาดยังส่งข้อความหา “พิ้งกี้” ตามประสาคนรู้จัก แต่ยืนยันอย่างลูกผู้ชายไม่มีเรื่องชู้สาว ฉุนกึกโดนถามจะยังติดต่อพิ้งกี้อีกมั้ย ตอกอย่ามาคะยั้นคะยอ ก่อนยืดอกรับแมนๆ ผมเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ลั่นจะทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ด้าน “ธัญญ่า” บอกทุกข์ทรมานมามากแล้ว วอนพิ้งกี้อย่าติดต่อสามีอีก



ยังคงเป็นมหากาพย์เรื่องยาวฉาวสะท้านวงการอยู่ หลังจากมีคลิปเสียงที่แทนตัวเองว่า “ธัญญ่า” โต้เถียงกัน กับ “แม่พิ้งกี้” เพราะฝ่ายแรกโกรธที่พิ้งกี้ส่งข้อความ “คิดถึง” ไปหาสามีของตนเองที่ชื่อ “เป๊ก” ทำเอาทางฝ่ายของแม่พิ้งกี้ฟิวส์ขาดโต้กลับอย่างดุเดือดถึงขั้นขึ้น มึง กู เ_ ี้ย

ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นทางฝ่ายของ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ที่ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตนเองเถียงอยู่กับ “สรินยา ไชยเดช” แม่ของนางเอก “พิ้งกี้ สาวิกา” เพราะไม่พอใจที่พิ้งกี้ส่งข้อความคิดถึงมาหาสามี พร้อมเผยตั้งใจอัดเสียงไว้ให้สามีและเพื่อนๆ ฟัง แต่ส่งให้เพื่อนหลายคน อาจทำให้เสียงดังกล่าวหลุดออกไปวงกว้าง ด้าน “แม่พิ้งกี้” ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยรับผิดที่พูดคำหยาบคายกับธัญญ่า แต่อยากให้เข้าใจว่า ทำไปเพื่อปกป้องลูก ก่อนแขวะธัญญ่าคงเห็นว่าลูกสาวของตนกำลังกลับเข้ามาในวงการบันเทิงมีงานเลยทนไม่ไหว

ล่าสุด เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันนี้ (15 ส.ค.) “ธัญญ่า” ได้ควงสามี “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” ออกมาเปิดใจถึงคลิปดังกล่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “Jetrin 20th Anniversary World tour 2012” ที่ร้าน Muse ทองหล่อซอย 10 โดยทั้งคู่เปิดฉากแจงแจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า….

เป๊ก : “ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นเรื่องสาระสำคัญนะ ถ้าถามว่าเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นยังไง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เบอร์ก็เป็นเบอร์ที่น้องเขาเคยใช้ ผมรู้และเข้าใจดีว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งไปเป็นแค่การทักทาย คำที่อยู่ในประโยคนั้นๆ หรืออยู่ในเอสเอ็มเอสมันสามารถทำให้คนคิดได้ไปหลายรูปแบบ เพราะต่างคนก็ต่างความคิด มันก็ด้วยต่างวาระต่างสถานการณ์ ทำให้คำๆ นี้ สามารถแปลความหมายไปได้ในหลายความหมาย”

“อยากจะบอกว่า จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องปกติของการส่งเอสเอ็มเอสสำหรับคนที่รู้จักกัน มันเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นเรื่องของคนที่ทำกันได้ ผมเองในบางครั้งที่ได้เห็นน้องเขาตามสื่อ หรือตามโฆษณา พอนึกถึงก็ส่งเอสเอ็มเอสไปตามปกติ ซึ่งผมก็บอกธัญญ่า แต่ผมเข้าใจในเรื่องของธัญญ่าที่ได้รับเอสเอ็มเอสในวันนั้น ในฐานะภรรยา ธัญญ่าก็จะต้องโกรธและโมโหเป็นธรรมดา”

“ถึงแม้ในวันนั้นเบอร์ที่ส่งมาจะไม่ใช่เบอร์ของน้องเขาก็ตาม เมื่อเอสเอ็มเอสมาแบบนี้ ธัญญ่าก็จะต้องโมโห ผมเข้าใจได้ดี แต่ก็อยากจะบอกธัญญ่า และทุกคนในที่นี้ด้วย ว่า ผมเองและน้องเขาไม่ได้มีอะไรเลย ไม่เคยได้เจอ ไม่เคยได้พบกันเลย มีแต่เพียงแค่แมสเสจทักทายนานๆ ที นี่พูดด้วยความสัตย์จริงของลูกผู้ชาย”

“ด้วยที่ผ่านมาทุกคนเอง คนที่ใกล้ตัวผมทุกคนคงเห็นว่า ผมเองพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้ภรรยาคือธัญญ่าที่ผมรักมาก และลูกสาวที่ผมรักกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะกลับไปทำเรื่องแบบนั้น หรืออะไรที่ไม่ดีที่จะทำให้ครอบครัวผมกลับไปนับศูนย์อีก มันไม่ใช่ความคิดของผมแน่นอน”

“ในส่วนตัวของน้องเขาเอง ผมเชื่อว่า เขาเองก็ผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะ กว่าที่เขาจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามปกติ มันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากแสนเข็ญหลายๆ คนก็คงเห็น คงไม่มีความคิดที่จะกลับมาทำอะไรที่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ขอยืนยันให้ทุกคนได้ทราบ ให้ธัญญ่าได้สบายใจว่า ทุกเรื่องที่ได้ยินมามันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเพียงแค่การทักทายกันปกติ”

“ในเรื่องของคลิปที่หลุดออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าหลุดไปได้ยังไง ธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิท ส่งให้ครอบครัวที่ต่างประเทศ แล้วก็ผมส่งให้เพื่อนสนิท ส่งให้ครอบครัวผมเช่นเดียวกัน พนักงานผมฟังทุกๆ คน หลุดยังไงผมไม่ทราบ ผมต้องบอกไว้ว่าในฐานะที่ธัญญ่าเป็นภรรยา คงจะต้องโมโหผมเป็นธรรมดา ธัญญ่าเองก็ได้โทร.ไปหาน้องเขา ซึ่งมีอยู่วันนึงเมื่อนานมากแล้ว คุณแม่ของน้องเขาได้บอกธัญญ่า ว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทร.มาปรึกษาได้ ธัญญ่าก็เลยโทร.ไป มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของคลิปอันนี้”

“ส่วนทางคุณแม่ของน้องเขาเอง ผมก็เข้าใจว่า ตัวคุณแม่น้องเขาคงรู้ว่าน้องไม่ได้ติดต่อไม่ได้อะไรกับผม แต่พอได้มาเจอเรื่องนี้อีกครั้งนึง ก็คงจะตกใจ โมโห แล้วก็คงต้องปกป้องลูกสาวในฐานะที่เขาเป็นแม่ มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นปัญหาให้ครอบครัวผมเองจะต้องมีปัญหาอีก รวมถึงครอบครัวของน้องเขาด้วย ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

“ที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งมวล ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ นานา มันเกิดขึ้นมา ให้ธัญญ่าต้องทะเลาะกับแม่น้องเขา หรือว่าตัวน้องเขาและอีกหลายๆ คน ทำให้ธัญญ่าต้องเสียชื่อเสียง รวมถึงชื่อเสียงของน้องเขาด้วย ผมเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดข่าวคราวที่น่าเบื่อหน่ายยืดยาวมากๆ จนผมเห็นข่าวผมเอง ผมยังไม่ดู ไม่อ่านอะไรทั้งสิ้น ผมอยากให้เรื่องราวเหล่านี้ยุติ ด้วยคำพูดของผมในฐานะที่ผมเป็นลูกผู้ชาย”

“ถ้าคุณมารอฟังผมกันเยอะขนาดนี้ คุณต้องเชื่อผมและให้เกียรติผม ว่า ในสิ่งที่ผมพูด ผมพูดเรื่องจริง ผมยืนยันว่า ผมกับน้องเขาไม่มีอะไร ไม่เคยเจอกันไม่เคยพบกัน และจากนี้ไปผมก็ยืนยันว่า ผมจะต้องทำให้ครอบครัวที่ผมรักมากๆ ภรรยาและลูกที่ผมรักกลับมาอยู่ด้วยกันดีเหมือนเดิมให้ได้เร็วที่สุด ส่วนน้องเขาก็ปล่อยให้น้องเขาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวตามที่เขาต้องเป็น ผมอยากจบสิ้นยุติข่าวเรื่องนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

“อีกอย่างผมต้องขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ นักข่าวทุกคน สื่อทุกสื่อ พิธีกรรายการข่าวทีวีต่างๆ ที่ได้รอจะให้โอกาสผมได้มาพูดในวันนี้ โดยที่ไม่มีการลงข่าวหรือว่าอะไรมาตัดสินผมไปลงข่าวก่อน อันนี้ผมต้องขอบคุณจากใจผมเลย จากนี้ไปผมก็จะต้องเดินหน้าทำให้ครอบครัวผมกลับมาดีเหมือนเดิม”

ธัญญ่า : “เรื่องทั้งหมดเป๊กพูดไปหมดแล้ว อยากฝากถึงน้องคนนั้นว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา 2 ปีกว่า จะ 3 ปี พวกเราทุกข์ทรมานกันหมดทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาส พี่เป๊กขอโอกาส จากที่เราตัดสินใจว่าจะหย่าแน่นอนในเมื่อพี่เป๊กเป็นคนขอกลับมาอีกครั้ง และลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เราเลยคิดว่าก็ควรจะให้โอกาสเขา เพื่อครอบครัวเราและลูกของเรา”

“อยากฝากขอร้องน้องนิดนึงนะคะ เรื่องการส่งข้อความคิดถึงสามีเรา มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็โอเคจะเข้าใจอย่างนั้น สำหรับกรณีที่เกิดการคุยกันในลักษณะที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่กับคุณแม่ของน้องเขา อยากบอกว่า เราแค่จะโทร.ไปบอกว่าน้องเขามีการติดต่อมานะ คุณแม่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการติดต่อให้บอกคุณแม่ คุณแม่จะจัดการทุกอย่างเอง เลยอยากจะโทร.ไปบอกเขา ไม่งั้นมันจะค้างคาใจ”

“เราจะดำเนินชีวิตครอบครัวต่อไปยังไง ในเมื่อเราไม่มั่นใจในเรื่องนี้เกือบ 3 ปี มันทุกข์ทรมานทั้งครอบครัวเราครอบครัวคุณ เรื่องการส่งข้อความหรือการโทร.มาจะในอนาคตอีก 2-3 ปี หรืออีกปีหรือ 6 เดือน ก็ขอให้เรามั่นใจในความสัมพันธ์นั้นว่าไม่มีอะไรเชิงชู้สาวอีกแล้ว ธัญญ่าจะโอเคค่ะ”

เป๊ก : “อันนี้บอกให้ธัญญ่าฟัง ยืนยันได้เลยอย่างลูกผู้ชายว่า เรื่องเหล่านั้นคงไม่มี เหมือนที่อธิบายทั้งหมด”

ธัญญ่าแทรกว่า : “คงไม่มีหรือไม่มี”

เป๊ก : “ไม่มีๆ”

เผยส่งข้อความเดือนละครั้ง ต่อไปถ้าเจอกันก็ยืนยันว่าจะทักทายปกติ

เป๊ก : “บางทีผมก็ส่งเดือนละครั้ง เมื่อเวลาผมเห็นสื่อหรือเห็นอะไรที่ทำให้มันนึกถึงคนที่เคยรู้จัก ผมก็เอสเอ็มเอสไปเป็นปกติ หรือในอนาคตถ้าผมเจอน้องเขา ผมก็คงต้องทัก ส่งแมสเสจไปตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติมาก”

เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนเบอร์หรือยังจะส่งแมสเสจไปหาอีกมั้ย? งานนี้ทำเอาเป๊กฉุนขึ้นมาทันควัน

“ไม่เปลี่ยน คุณไม่ต้องถามหรอก ผมพูดไปหมดแล้ว ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอถามผมว่าส่งไม่ส่ง ผมพูดทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว ทุกคนก็รู้ดี ลองคิดถึงตัวคุณเองสิ ถ้าคุณรู้จักใครซักคนคุณจะทำยังไง ความเป็นเพื่อนคุณไม่มีเหรอ ความเป็นพี่เป็นน้องทำไม่ได้เหรอ ผมยืนยันและตั้งใจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีเพื่อครอบครัว ณ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลียา เราช่วยกันดูแลทั้งคู่ตลอดเวลา ลียาเขาก็ติดคุณแม่มากกว่า”

ธัญญ่า : “แต่ถ้าไม่มีธัญญ่าลูกก็จะติดพี่เป๊กมากเหมือนกัน”

แสดงว่าเป๊กขอโฟกัสที่ลูกก่อน ?

เป๊ก : “แน่นอน ในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหา มีปมด้อย ฉะนั้น ขึ้นอยู่ที่ตัวผมด้วย ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์ เรื่องชีวิตคู่เราสองคนจริงๆ มันก็ใช้อยู่แล้วสามีภรรยาเนี่ย ก็แค่แยกบ้านกันนอน”

ธัญญ่า : “ที่ผ่านมา จากตัดสินใจจะหย่าแน่นอน จบแน่นอน แต่พอมีโอกาสได้กลับมาเป็นครอบครัว อาจไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังไปต่างประเทศ ทำกิจกรรมร่วมกัน มีปัญหาเรื่องลียาก็ปรึกษากันตลอด ทุกอย่างเหมือนดีขึ้น เราสบายใจที่พี่เป๊กพยายามให้เห็นจริงๆ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็ทำให้เราเฟล เหมือนเรายังไม่ไว้ใจ”

เป๊ก : “ก็ที่พูดทั้งหมดเพราะอยากให้เข้าใจว่าไม่มีอะไร”

ธัญญ่า : “ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นภรรยา เป็นครอบครัว เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา เคยมีปัญหามาก่อนแล้วเวลาก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ Miss you na มันยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจหลังจากการที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่ในวินาทีที่ได้เห็นข้อความก็คิดว่าจบแล้ว ไม่เอาแล้ว แต่พอวันเวลาผ่านไป เราก็ใจเย็นลง ได้คุยกัน ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

เป๊ก : “ผมยืนยันความด้วยความเป็นลูกผู้ชายของผม แต่พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่าอีก ก็มันไม่มีอะไรอย่างที่คนอื่นคิดหรอกครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“เป๊ก ผลิตโชค” ปรี๊ดข่าวงัดดั้งใหม่ บอกไว้มีอะไรงอกมาอีกค่อยถาม

“เป๊ก ผลิตโชค” สุดเซ็งขาเมาท์จ้องจับผิดงัดดั้งใหม่ บอกทำมาแค่ครั้งเดียวนานแล้ว ยันไม่ได้ทำอะไรมาอีก แจงอาจเป็นเพราะดัดฟันหน้าจึงเล็กลง ก่อนตอกไว้มีอะไรงอกออกมาใหม่แล้วค่อยมาถาม

โดนกระแสข่าวเม้าท์ว่าออกอัลบั้มใหม่ทีไร นักร้องหนุ่ม “เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร” ใบหน้าดูเปลี่ยนไป โดยเฉพาะจมูกที่หลายคนต่างจับจ้อง งานนี้เจ้าตัวถึงกับออกปากเซ็งเล็กน้อยที่คนจับจ้องดูแต่จมูก แทนที่จะดูที่ผลงาน

“ก็อาจจะเป็นไปได้ ก็แล้วแต่คนคิดนะครับ แต่ก็ไม่ได้จะไปอัปทุกอัลบั้มขนาดนั้น มันคงไม่มีพื้นที่พอแล้ว ไม่ได้ทำอะไรมาใหม่ จมูกทำมาตั้งนานแล้ว ผมเคยสัมภาษณ์ไปนานแล้ว ไม่มีแก้หรือทำอะไรใหม่ ที่มันดูเด้งขึ้นอาจจะเป็นเพราะดัดฟัน ฟันสวย (ยิ้ม) ก็หน้าเล็ก”

“ทุกคนถามว่าไปฉีดอะไรมาหรือเปล่า ก็บอกตรงนี้เลยนะครับว่าไม่ได้ไปฉีดอะไรเลย ไปดัดฟันมาครับ แล้วก็อาจจะโตขึ้นด้วยครับ เพราะว่า 3 ปีแล้ว ที่ไม่ได้เจอกัน ที่ทำก็จมูกอย่างเดียวนานมาแล้ว”

“ถามว่า กดดันมั้ยทุกคนมาจับจ้อง ไม่กดดันแต่แอบเซ็ง ถามแล้วก็ถามอีก จริงๆ ไม่ต้องถามแล้วก็ได้นะ (หัวเราะ) ก็รอให้ดูว่าอะไรที่เปลี่ยนไปค่อยมาถามอีกที ตอนนี้ก็มีเข้าฟิตเนสบ้างให้ดูแข็งแรง เพราะกำลังจะออกอัลบั้ม ก็ต้องเตรียมความพร้อมนิดหนึ่ง”

“ส่วนกระแสในอินเทอร์เน็ตเขาพูดถึงยังไง ผมไม่ได้ดูเลยครับ เรื่องนี้ที่จะบอกที่บ้านหรือคุณพ่อ หรือที่แกรมมี่หรือเพื่อนๆ เลยว่า ถ้ามีข่าวอะไรที่ไม่ดี คือ ไม่ต้องบอก ไม่รับทราบครับ มันจะได้ไม่ต้องมาบั่นทอนจิตใจ เพราะบางทีมันเยอะมาก”

“แล้วบางครั้งมันค่อนข้างแย่และมันไม่จริง เราก็จะไปฟังทำไม ไม่ต้องมาบอกเป๊กดีกว่า ก็เข้าใจครับว่ามันสนุก แต่บางทีก็ให้มาถามเป๊กเองดีกว่า เป๊กจะตอบเองตรงๆ แต่ถ้าวันไหนที่มันมีอะไรงอกออกมาใหม่ค่อยมาถาม เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถามผมแล้วนะครับ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

“เป๊ก” เดินหน้าง้อ “ธัญญ่า” ควงเที่ยว 4 ประเทศรวด ฟุ้งเอาอยู่

“เป๊ก” เดินหน้าง้อ “ธัญญ่า” ควงเที่ยว 4 ประเทศรวด หวังให้เมียและลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ด้าน ธัญญ่า ใจแข็งยังไม่ขอกลับไปใช้ชีวิตครอบครัว เหตุหวั่นถ้ากลับไปจะทะเลาะกันอีก แต่ยอมรับความสัมพันธ์ดีขึ้น

จัดหนักจัดทริปเที่ยวยุโรปรวดเดียว 4 ประเทศ ทำเอา “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” กระเป๋าแทบฉีก หวังเดินหน้าง้อ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” ภรรยาสุดเลิฟ ให้กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก แต่งานนี้ดูเหมือนสาวธัญญ่า จะใจอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย ทำเอาสามีต้องรีบเดินหน้าง้อเต็มที่ตามใจทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

ธัญญ่า : “ไปเที่ยวยุโรป คือ ไปรับคุณแม่กับคุณตาก็เลยไปเจอกันที่ยุโรป ไปเที่ยวครั้งนี้ก็ดีค่ะ พาคุณตาไปต่างประเทศ เพราะเขาไม่เคยไปต่างประเทศเลย คุณยายก็เพิ่งเสีย คุณยายไม่ชอบขึ้นเครื่องบิน เลยพาคุณตามา เพราะแกเป็นโรคซึมเศร้า”

เป๊ก : “ก็สนุกดีครับได้ไปเที่ยวกับลียา (สบายกระเป๋าไหม ธัญญาชอปปิ้งไปเยอะ?) ก็สบายเลยครับ”

ธัญญ่า : “ความจริงก็ไม่ได้เยอะหรอกค่ะ โดนสั่งไม่ให้ช็อป เพราะส่วนใหญ่หมดกับค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่ากินค่าอยู่ เพราะไปหลายประเทศ 4 ประเทศ ไปอังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี”

เป๊ก : “เป็นการฮันนีมูน (หัวเราะ)”

ธัญญ่า : “ไม่ค่ะๆ เป็นการง้อค่ะ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็รอดูอีกที”

เป๊ก : “ถามว่าสำเร็จไหมก็ดูสิ ตั้ง 4 ประเทศ (ยิ้ม) (ท่าทางเขาใจอ่อนไหม?) ก็เอาอยู่นะ”

ธัญญ่า: “ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไป คือ หลายคนลุ้นอยากให้เหมือนเดิม ทุกวันนี้เราสองคนอาจจะไม่เหมือนเดิมในเรื่องของการอยู่ด้วยกัน แต่ว่ากิจกรรมของลียา หรือครอบครัวเราก็จะทำด้วยกันตลอด”

เป๊ก : “ผมเองก็เดินหน้าเต็มสูบมานานแล้วครับ ท้อไหม ถ้าเขายังไม่หายก็คงต้องไปอีกหลายประเทศ (หัวเราะ)”

ธัญญ่า : “ก็ไม่ได้ใจแข็งหรืออะไรก็แค่ดูๆ ไปเรื่อยๆ หลายคนบอกว่าฟอร์มอยู่ (หัวเราะ) แหม ก็เรื่องขนาดนี้ไม่ฟอร์มได้ยังไงละ ซึ่งก็ยอมรับว่าความสัมพันธ์ดีขึ้น เราไม่ทะเลาะกัน มีอะไรก็คุยกันไม่ทะเลาะแล้ว”

เป๊ก : “ก็จากที่ไปเที่ยวกันมา ก็รู้สึกดีขึ้นครับ เพราะว่านานๆ จะได้อยู่ด้วยกัน จากนี้ต่อไปก็คงอยู่กันเรื่อยๆ คือ ก็อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันจริงๆ บ้านที่ทำไว้กำลังจะเสร็จ ก็คือแพลนว่าถ้าทำเสร็จอยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน”

ธัญญ่า : “ณ ตอนนี้เราก็สบายใจดีอยู่แล้ว เดี๋ยวกลับไปอยู่ด้วยกันก็รู้อะไรอีก เดี๋ยวก็อยากรู้นั่นอยากรู้นี่เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก ตอนนี้อยู่แบบนี้แล้วแฮปปี้ ก็อยากอยู่แบบนี้ไปก่อนค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

“พิ้งกี้” ระรื่น ตรวจฉี่ไม่ท้อง ด้าน “ยุวดี” กรี๊ดแทน โวยข่าวเมียน้อยกระทบธุรกิจ

“พิ้งกี้” ยิ้มออก ตรวจฉี่ไม่ท้อง ประกาศเลิกพูดถึง “เป๊ก-ธัญญ่า” ด้าน “ยุวดี” กรี๊ดแทน โวยข่าวเมียน้อยกระทบธุรกิจอาหารเสริมที่ทำส่งออกอินเดียร่วมกับพิ้งกี้เสียหายเป็นร้อยล้าน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพัง บอก พิ้งกี้ไปโกอินเตอร์ทำเพื่อประเทศชาติ ควรส่งเสริมไม่ใช่ทำลาย พร้อมสับสื่อเขียนข่าวมั่ว

       
ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีสัมพันธ์เกินเลยกับ “เป๊ก สัญชัย เองตระกูล” แต่พอมีข่าวลือว่านางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ท้องกับหนุ่มเป๊กหลุดออกมา สาวพิ้งกี้กลับยอมตรวจพิสูจน์ความจริง ด้วยการตัดสินใจเข้าตรวจปัสสาวะและเลือดที่โรงพยาบาลพญาไท1 เพื่อพิสูจน์ว่าท้องหรือไม่ท้อง แถมยังควง “ยุวดี บุญครอง” ออกมาเปิดแถลงข่าว ที่บริษัท เอช พลัส แชนแนล ถนนวิภาวดี หลังจากทนไม่ไหวที่ข่าวเป็นเมียน้อยทำลายชีวิตนางเอกสาว แถมยังส่งผลกระทบกับธุรกิจอาหารเสริม Brite Up ที่ทั้งคู่ทำร่วมกัน

ซึ่งก่อนที่จะเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งพิ้งกี้และบอสยุวดีก็ได้ออกมาเปิดใจถึงข่าวคาวดังกล่าวแบบหมดแม็กซ์ โดยงานนี้ก็ทำเอาสาวพิ้งกี้ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างพรั่งพรู พร้อมตัดพ้อว่าพยายามอยู่อย่างสันติแล้ว แต่เรื่องก็ไม่จบ ก่อนจะขอร้องว่าขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะนำเสนอข่าวนี้ ในขณะที่บอสยุวดีเองก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ออกโรงสับสื่อเละว่าเขียวข่าวมั่ว โวยข่าวเมียน้อยทำให้ชีวิตพิ้งกี้พังทลาย แถมยังกระทบธุรกิจอาหารเสริมที่ทำส่งออกอินเดียร่วมกับพิ้งกี้เสียหายเป็นร้อยล้าน ซ้ำยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติป่นปี้ไปด้วย

ยุวดี: “หลายคนมาถามว่า เรามีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไรกับเรื่องของน้องพิ้งกี้ ก็ต้องบอกเลยว่ากระทบโดยตรงกับทางเรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้ามันไม่ได้เป็นข่าวรุนแรงขนาดนี้ ดิฉันไม่ออกมายุ่งเลยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา มีข่าวที่ลือสารพัดอย่างกับน้อง จนกระทั่งเมื่อวานนี้ จนเราคิดว่าต้องออกมาพูด ที่ข่าวลือว่าน้องพิ้งกี้ท้อง ดิฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่แฟร์กับน้อง น้องเขาไม่ได้มีอะไรเลย ดิฉันส่งน้องไปต่างประเทศเพราะวันที่ 15 เดือนนี้ หนังของน้องกำลังจะฉายรอยพิเศษที่อินเดีย เราก็มองว่าน้องเขาสามารถทำตลาดให้กับประเทศไทย”

“สิ่งที่เราทำร่วมกันกับรัฐบาล คือน้องพิ้งกี้จะเป็นคนที่นำสินค้าไทยสู่ตลาดโลก โดยอาศัยความเป็นดาราของไทยไปเล่นหนังที่อินเดีย นี่คือสิ่งที่เราทำเพื่อประเทศชาติ แล้วถ้าวันนี้ข่าวที่ออกไปผิดๆ แล้วไปถึงอินเดีย แล้วกลับมีข่าวว่าน้องท้อง คิดว่าธุรกิจในประเทศไทยพังไหม ตลาดอินเดียเป็นเป้าหมายของรัฐบาลไทย ดิฉันก็เสียหายเป็นร้อยล้านมาแล้ว เราต้องชะงักทุกอย่างหมดเพราะว่ามันเกิดข่าวไม่ดีกับน้องพิ้งกี้ โดยที่เด็กไม่มีโอกาสอะไรเลย วันนี้สังคมตัดสินไปแล้ว ดิฉันอย่าขอร้องสื่อมวลชนว่าหยุดกันได้ไหม(เน้นเสียง) เรื่องนี้สักที แล้วสิ่งที่ข้องใจกันที่เป็นข่าวลือ”

“วันนี้เราเตรียมพร้อมมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพญาไท1 วันนี้จะพากองทัพนักข่าวไปที่นั้นไปเจาะเลือดต่อหน้าที่นั่นเลย เพียงหนึ่งชั่วโมงก็จะรู้เลยว่าน้องพิ้งกี้ท้องหรือไม่ท้อง วันนี้ขอเถอะค่ะ ขอความยุติธรรมให้กับเด็กคนหนึ่ง เขาเสียหายเยอะ ละครกี่เรื่องที่น้องไม่ได้เล่นจากข่าวที่ออกไป แต่น้องไม่ได้มีโอกาสชี้แจงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด”

“ดิฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็อยากพูดแทน ถ้าวันหนึ่งน้องเขาแต่งงานมีครอบครัว มันจะเป็นรอยด่างในใจตลอด มันบาปนะคะ มันเป็นสิ่งที่สื่อเขียนไปโดยไม่สนข้อเท็จจริง มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ วันนี้เดี๋ยวแถลงเสร็จไปโรงพยาบาลกันเลย ไปดูให้ชัดๆ และถ้าพิสูจน์แล้ว ดิฉันขอให้จบ น้องเขาจะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เรามีดาราไทยคนเดียวที่ไปตลาดที่อินเดียได้ ทำไมเราไม่ช่วยกัน ทำไมไม่ช่วยเขียนข่าวดีๆ ส่งเสริมศิลปินไทย (เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ)”

“ทำไมมีข่าวต้องทำลายกัน วันนี้อยากเชิญมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่น้องๆ ลือกัน หรือใครจะพูดอย่างไรก็จะได้มาพิสูจน์กัน และอยากขอให้จบ ใครที่อยากจะไปอินเดียวันที่ 15 เราเปิดรอบปฐมทัศน์ ขอให้ช่างภาพทุกช่องไปด้วยกันได้เลย เราจะติดต่อและอำนวยความสะดวกให้ เราควรภาคภูมิใจด้วยกันว่าการเป็นศิลปินที่อินเดียมันยากมาก แต่วันนี้น้องเขาถูกคัดเลือกแล้ว”

“ข่าวออกมาช่วงนี้ไม่ได้เลย นี่คือเหตุผลที่เชิญสื่อมาวันนี้ อยากให้รู้กันไปเลย เดี๋ยวน้องต้องบินไปก่อนวันที่ 12เดี๋ยวจะหาว่าน้องหนีไปแล้ว แล้วก็จะลือกันไปอีกว่าหนีไปทำแท้ง ดิฉันอยู่ในสื่อมานานเราก็รู้ ช่วยกันหน่อยเถอะขอให้น้องเป็นตัวเปิดของประเทศไทยในปี 58 ด้วยกัน คืออินเดียจะไม่เก็บภาษีเอาสินค้าไทยไปควบกับดารา อยากให้ความยุติธรรมกับน้อง”

ด้าน “พิ้งกี้” ถึงกับปล่อยโฮ รับไม่ได้มีข่าวท้องกับสามีชาวบ้าน บอก ทำชีวิตเสียหาย ตัดสินใจตรวจเลือดพิสูจน์ความจริงต่อหน้าสื่อมวลชน ที่โรงพยาบาลพญาไท1

พิ้งกี้: “กี้เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์กว่า(ไปเรียนเต้นที่ประเทศฟินแลนด์) ข่าวที่เกิดขึ้นมันก็กระทบต่อตัวกี้แน่นอน โดยเฉพาะครอบครัวและก็หลายๆ อย่าง (น้ำตาซึม) สำหรับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนั้นกี้อยู่เมืองนอก(ร้องไห้) คือกี้พยายามหนีข่าว ทำทุกอย่างเพื่อให้ข่าวมันเงียบ ไม่อยากให้เขียนถึงกี้อีกเพราะมันกระทบเสียหายมาก ณ ปัจจุบันก็คิดว่ามันจะจบ ทุกคนจะอยู่อย่างสันติ แต่กลับไม่จบ”

“ตอนอยู่ที่นั่นไม่เคยอ่านข่าวเมืองไทยเลย ก็เพิ่งทราบข่าวว่าท้องเมื่อวานนี้(7 มิ.ย.54) (ร้องไห้) คือจริงๆ กี้พยายามจะไม่ร้องไห้ ข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะว่ากี้ยังไงก็ได้กี้ไม่ว่า อันนี้มันเยอะเกินไปสำหรับคนๆ หนึ่งจริงๆ (ปล่อยโฮก่อนจะเงียบไปพักใหญ่)”

“กี้ว่าการพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยคือทางออกที่ดี แต่ใครจะพูดอะไรต่อไปในอนาคต กี้ห้ามทุกคนไม่ได้ แต่กี้รู้หน้าที่กี้ว่าต้องเลี้ยงดูครอบครัว ทุกอย่างไม่มีใครรู้นอกจากตัวกี้เอง จริงๆ แล้วที่ไปอยู่เมืองนอกกี้มีความสุข ได้ไปเรียนเต้นกับเพื่อนๆ ของกี้ มันเป็นความสุขแต่ว่า ณ ปัจจุบันข่าวออกมาอะไรก็ไม่รู้ มันไม่น่ามาถึงขนาดนี้ มันเป็นสังคมข่าวลือ อะไรจริงไม่จริงค่อยว่ากันทีหลัง แต่ความเสียหายมันเกิดไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ถ้าเกิดกับใครก็คงรู้สึก คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง หรือครอบครัวญาติพี่น้องจะทุกข์ใจแค่ไหน กี้พูดได้ว่าสุดๆ แล้ว”

“ความจริงก็อยากจะบอกว่ากี้ทำดีที่สุดแล้ว เราต้องเดินต่อไป เราต้องพูดต้องตรวจ แต่ใช่ว่าอยากทำแบบนั้น แต่ว่าเรื่องนี้มันต้องจบค่ะ กี้อยากให้ทุกคนเห็นว่ากี้ไม่ได้ท้อง การตรวจครั้งนี้ก็มีผู้ใหญ่ช่วยตัดสินใจด้วย เราตัดสินใจเองไม่ได้ มีคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ที่คอยให้ความช่วยเหลือ”

เมื่อสาว “พิ้งกี้” และ “นางยุวดี” ได้ทำการแถลงข่าวที่บริษัท เอช พลัส แชนแนล เสร็จสิ้น เจ้าตัวก็เดินทางไปยังโรงพยาบาลพญาไท1 เพื่อตรวจปัสสาวะและตรวจเลือดพิสูจน์ว่าท้องหรือไม่ท้อง โดยมีกองทัพสื่อมวลชนตามไปทำข่าวอย่างเกาะติด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพญาไท1 ได้มีการเจาะเลือดต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชนที่ต่างปักหลักรอรายงานข่าวแน่นโรงพยาบาล พร้อมกันนี้ ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการแพทย์อาวุโส ได้นำปัสสาวะและเลือดของดาราสาวตั้งตรวจบนโต๊ะ เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นกันว่าทุกขั้นตอนนั้นโปร่งใส และถึงขนาดจับเวลาในการตรวจกันเลยทีเดียว พร้อมกับชี้แจงขั้นตอนและวิธีการตรวจอย่างชัดเจนว่า

ดร.นพ.เกริกยศ: “ในเรื่องของการตรวจผลปัสสาวะ ผลการตรวจถ้าเป็นผลลบจะขึ้น 1 ขีด ในกรณีที่เป็นผลบวกก็จะขึ้น 2 ขีด (พร้อมสาธิตวิธีการตรวจ) ส่วนอันนี้เป็นผลเลือด ซึ่งเราต้องรออีก 5 นาที ก็จะทำพร้อมกันกับปัสสาวะเลยนะครับ ตรงนี้เป็นปัสสาวะจริงนะครับเพราะอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส แสดงว่าเพิ่งออกมาจากร่างกาย และความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะคือ 1.016 ไม่ใช่น้ำแน่นอน”

“ความแม่นยำในการตรวจ 2 วิธีนี้ เนื่องจากเป็นการตรวจหาฮอร์โมน มันมีความเฉพาะเจาะจง 99 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันในแง่ของความไวก็ 99 เปอร์เซ็นต์ สามารถตรวจได้ตั้งแต่วันที่ประจำเดือนไม่มา”

“ตอนนี้ผลของปัสสาวะก็ได้เรียบร้อยแล้ว สรุปว่าเป็นผลลบนะครับ (พิ้งกี้ถืออุปกรณ์ตรวจครรภ์) จากการที่ตรวจก็เป็นลบ ส่วนผลเลือดก็เช่นเดียวกันว่าเป็นผลลบ ณ เวลานี้น้องพิ้งกี้ไม่ได้ตั้งครรภ์ครับ การตรวจหาทั้งสองอย่างความแม่นยำมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์”

ขณะที่ "พิ้งกี้" ก็ได้เปิดใจหลังทราบผลว่าไม่ได้ท้องว่า การตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้ถือว่าตนยอมที่สุดแล้ว ต่อไปขอร้องอย่าเสนอข่าวเรื่องนี้อีก พร้อมเบรกไม่ขอพูดถึง “เป๊ก-ธัญญ่า” อีก

พิ้งกี้ : “ความรู้สึกที่รู้ว่าผลเป็นลบ ก็ไม่ได้ดีใจ แค่อยากให้ทุกคนเห็นว่าข่าวลือเป็นอย่างนี้ วันนี้ต้องขอบคุณโรงพยาบาลที่ให้กี้มาตรวจและทำให้ทุกคนเห็นว่า ข่าวลือที่พูดสร้างความเสียหาย วันนี้ก็เลยเจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ ถือว่ากี้ยอมแล้ว ขอให้วันนี้ให้กี้สามารถเดินต่อไปในชีวิตได้ กี้ขอ ถ้าพวกพี่ๆ เห็นใจกี้และครอบครัวขอให้พี่ๆ หยุดนำเสนอข่าว”

“ข่าวที่ว่ากี้ท้องมันมากับคลิปเสียง กี้ไม่รู้นะ การที่เราไปเมืองนอก มันเป็นเรื่องคนคิดกันไปเอง ณ ปัจจุบันกี้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว อนาคตกี้ก็ยังทำงานต่อไป (เคลียร์เรื่องท้องแล้วถือว่าเป็นการเคลียร์ความสัมพันธ์กับเป๊กด้วยหรือไม่?) คือเรื่องนี้ขอไม่พูดถึงก็แล้วกัน วันนี้ที่กี้มาพบทุกคนก็เพื่อมาตรวจว่าท้องหรือไม่ท้อง การพูดถึงคนอื่นหรือครอบครัวอื่นขอให้จบค่ะ กี้จะไม่พูดอะไรอีกเลย ขอร้องจริงๆ เลย ขอร้องมากๆ”

“ส่วนเรื่องงานวันที่ 15 นี้ เปิดตัวทุกคนก็อยากเห็น แล้วก็จะมีสื่อบางฉบับที่ไป ก็จะเห็นภาพกี้ ก็จะเอาสิ่งดีๆ ที่นั่นมา แล้วก็จะกลับเมืองไทยวันที่ 17 นี้ ส่วนละครในเมืองไทยก็มีติดต่อเข้ามา แต่ก็คงต้องรอและใช้เวลาค่อยๆ ทำค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ก็ผอมลงเพราะเต้นทุกวัน ตอนนี้เหลือ 46 จาก 48 กิโลกรัม (ถอนหายใจ)”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“ธัญญ่า” แถลงเลิก “เป๊ก” ถอนฟ้อง “พิ้งกี้” แย่งผัว ปัดเรียกร้อยล้าน

“ธัญญ่า” แถลงเลิก “เป๊ก” แต่ยังไม่หย่า ปัดเรียกเงินร้อยล้าน บอก แต่ถ้าให้ก็เอา เจ้าตัวโต้ไม่มีเงินก็เลยซมซานกลับไทย พร้อมเปลี่ยนใจถอนฟ้อง “พิ้งกี้” อ้างอยากจบปัญหา ด้าน “เป๊ก” เผย ยอมทำทุกอย่างขอแค่ให้ลูกกลับมาเมืองไทย ยัน จบกันด้วยดี

ในที่สุดก็ตัดสินใจจบชีวิตสามี-ภรรยากันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนักแสดงสาว “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” กับ “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า “ธัญญ่า” ได้มอบหมายให้นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความ ดำเนินการฟ้องหย่า “เป๊ก” สามี เรียกเงินสูงถึง 124 ล้านบาท พร้อมกับยื่นฟ้องนางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ในข้อหาบุคคลที่ทำให้ครอบครัวเสียหายและแตกแยก เรียกอีก 20 ล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่ “ธัญญ่า” เดินทางกลับมาถึงเมืองไทย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสะสางเรื่องฟ้องร้องตามที่มีข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันนี้(18 พ.ค.) ธัญญ่าได้ควงเป๊กออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง ที่ร้านบีบี คลีนิค ทองหล่อ 15 ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวเกือบทุกสำนัก โดยยอมรับว่าได้เลิกรากันอย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแต่ยังไม่ดำเนินการหย่ากันทางกฎหมาย ส่วนเรื่องฟ้อง “เป๊ก” กับ “พิ้งกี้” นั้น ธัญญ่าเผยว่าได้ตัดสินใจถอนฟ้องไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เนื่องจากอยากให้เรื่องทุกอย่างจบ พร้อมปฏิเสธเรียกเงินกับอดีตสามีร้อยล้านไม่เป็นความจริง

ธัญญ่า “ที่ผ่านมามันก็เป็นข่าวค่อนข้างจะเยอะ ธัญญ่าอยู่ที่โน่นก็ได้รับข่าวตลอด ซึ่งมันมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจก็เลยรู้สึกว่าโอเควันนี้เรา 2 คนก็พร้อมที่จะออกมาพูดว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง(เป๊กเรียกหากระดาษทิชชู่)....เหงื่อแตกเลย”

เป๊ก “เหงื่อแตกเลย....คือผมว่าที่ผ่านมาทั้งหมด เราได้ทำดีที่สุดแล้ว (หันไปถามธัญญ่าว่าจริงไหม) วันนี้...ยังไงอ่ะธัญญ่า พูดไม่ถูกเลย”

ธัญญ่า “เอ้า...ท่องไว้ยังไงล่ะ”

เป๊ก “ไม่ได้ท่อง (ธัญญ่าหัวเราะ)ผมคิดว่าที่ผ่านมาเราทำดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ตีแผ่ออกไปในสังคม บางสิ่งมันก็เป็นเรื่องที่จริง บางสิ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่จริง ซึ่งตัวผมเองไม่สามารถที่จะไปบอกทุกคนเป็นขั้นตอนได้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่พอมาถึงวันนี้สิ่งที่ตีแผ่ออกไปให้สังคมรู้ มันสะท้อนถึงตัวผม ตัวคุณพ่อคุณแม่และทุกๆคนทุกฝ่าย จนถึงวันนี้เองสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือผมยอมทุกอย่างเพื่อลียา คือเราอยากจะให้ลียากลับมา”

การยอมทุกอย่างของเป๊กคืออะไร?
เป๊ก “คืออะไรดีอ่ะ (หันไปถามธัญญ่า)....”

ธัญญ่า “(หัวเราะ) ก็ตอบไปสิ”

เป๊ก “ก็...ทุกอย่างที่ทำได้แหละครับ ...อะไรอ่ะธัญญ่า ธัญญ่าต้องช่วยบอกแล้วแหละ”

ธัญญ่า “ก็คือว่าตอนนี้โอเคขั้นตอนบางคนอาจจะสงสัยเรื่องฟ้องร้องว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า มันก็เป็นเรื่องจริงค่ะ มันต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่แรกที่เกิดปัญหาขึ้นมาเราก็พยายามทำให้ทุกอย่างมันโอเคที่สุด แต่ในเมื่อมันมาถึงจุดๆนึงที่เรารู้สึกว่าเราพอดีกว่า ก็คุยกับพี่เป๊กแต่ว่าเขาไม่ยอมหย่า”

เป๊ก “ไม่ใช่ว่าไม่ยอมหย่า คือสิ่งที่ผมคิด ผมคิดเรื่องลูกเป็นหลัก ผมสงสารเขาเพราะเขาไม่ได้มารู้เรื่องอะไรด้วย คือเราทำได้ดีแล้วแหละแค่นี้ เราทำได้ดีที่สุด แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว”

ธัญญ่า “ที่เราคุยกันมาตลอดมันก็มีทั้งพูดดีกัน ทะเลาะกัน มันก็เป็นธรรมดาของสามีภรรยาที่จะเถียงงกันบ้างอะไรกันบ้าง จนถึงขั้นที่เรารู้สึกว่าเราอยากที่จะยุติอยากที่จะพอ แต่พอเราได้รับการปฎิเสธ เราก็โอเคงั้นมันก็ต้องใช้กฏหมายเข้าช่วย อย่างเวลาที่เด็กทะเลาะกันพ่อแม่ก็มาเคลียร์ แต่อย่างเราคือโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน ความต้องการไม่ตรงกัน ตัวธัญญ่าเองก็เลยคิดว่าก็คงต้องพึ่งทางกฎหมาย พอมันมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นมันก็เลยทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่งจริงๆแล้วเราคุยกันเองได้ ณ วันนี้ที่เราออกมาคือเราได้คุยได้เคลียร์กันแล้วว่าเราจะทำยังไงกันต่อไป”

“ตอนนี้เราก็ทำสัญญายอมความกันที่ศาลเรียบร้อยแล้วตามข้อตกลงต่างๆที่เราคุยกัน และทนายของเราคุยกัน ว่าเราจะยกเลิกการฟ้องแล้วก็ยุติความเป็นสามีภรรยากัน แต่เรื่องหย่าเดี๋ยวคงต้องนัดกันอีกที”

เป๊ก “ก็ต้องตามเขาแหละครับ เพราะว่า...... แต่......(ถอนหายใจ) ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ณ วันนี้มันเป็นแบบนี้ หลังจากนี้ธัญญ่าก็จะไปรับลูกกลับมา ธัญญ่าเองเขาก็จะบินกลับพรุ่งนี้ แล้วก็จะกลับมาอีกสิ้นเดือน หลังจากนั้นก็ต้องดูกันต่อว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง”

ธัญญ่า “ธัญญ่ากะว่าจะไปรับลียามาเยี่ยมคุณปู่คุณย่า ก็คงจะอยู่สัก 3 อาทิตย์ก่อนแล้วก็...คงอีกสักพักนึงแหละค่ะก็คงจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเพราะเราก็คุยกันแล้วว่าอยากจะให้ลียาเรียนที่เมืองไทย”

เป๊ก “คือตราบใดที่เรายังไม่ได้เซ็นใบหย่าผมก็ยังถือว่ามันไม่ได้หย่าเพราะฉะนั้นเราก็ยังมีเวลาที่จะดึงลูกกลับมา แล้วก็ทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วจะเอายังไงก็ไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน”

การหย่านี่มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
ธัญญ่า “จากที่ข่าวออกมาเรื่องว่าจะฟ้องร้อยล้านอะไรอย่างนี้ คือจริงๆมันเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายการฟ้อง แต่จริงแล้วที่ธัญญ่ากับพี่เป๊กคุยกันตามข้อตกลงเราก็จะมีเรื่องของการดูแลลูกว่าลูกจะอยู่กับใคร วันไหน มีเรื่องของค่าดูแลเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเป็นร้อยล้านนี่ไม่มีค่ะ เพราะว่า...นะ ก็อยากได้อยู่นะ ถ้าให้ก็เอา(หัวเราะ)”

ในเมื่อพี่เป๊กเขายอมทุกอย่างแล้วยังคิดจะหย่าอีก?
ธัญญ่า “มันปีนึงแล้วค่ะที่เราใช่เวลาในการตัดสินใจ ในเมื่อมันมาถึงจุดนี้แล้ว”

เป๊ก “คือจริงๆผมคิดว่าเรื่องของผมกับธัญญ่า สื่อหรือว่าคนรอบข้างมีผลมากกับการที่ทำให้ต้องเป็นแบบนี้ จากนี้ไปอยากให้วิเคราะห์หน่อยว่าบางเรื่องอะไรจริงอะไรไม่จริง มันมีผลกระทบกับคนที่โดนมาก คนที่ไม่โดนก็คงไม่รู้ บางเรื่องผมก็พูดได้ว่ามันเป็นความจริง บางเรื่องผมก็พูดได้เลยว่ามันก็ไม่ใช่ความจริงเลยทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำ แต่มันก็ต้องมาทำให้เราเดี๋ยวก็ทะเลาะ เดี๋ยวก็ดี เป็นเวลาเกือบจะ 2 ปีแล้ว (ธัญญ่าหันมาย้ำด้วยเสียงเข้ม 2 ปีเลยหรอ) ปีกว่าแล้วครับ(ธัญญ่าหัวเราะ) ก็....ถ้าเกิดว่าไม่มีกระแสแรงขนาดนี้ป่านี้เรื่องก็คงจบไปนานแล้ว”

“เรื่องหย่าถ้าถามผม ถ้าต้องคิดถึงเรื่องลูกก่อนโดยไม่คิดถึงเรื่องส่วนตัวของเราผมก็ไม่อยากหย่าให้ลูกต้องมีปัญหาในอนาคต เพราะผมได้เห็นตัวอย่างลูกที่มีพ่อแม่หย่ากันมันก็ไม่ดีสำหรับเด็ก บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่มีอะไรหรอก แต่ระยะยาวผมว่ามันคงให้ผลกระทบกับเด็กเยอะครับ”

ถ้าพูดถึงความรักของทั้งคู่ ณ วันนี้ล่ะ?
เป๊ก “ความรักนี่มันไม่ต้องพูดหรอกครับ เราอยู่กันมาตั้ง 6-7 ปีความรักมันต้อง...ต้อง..ยังอยู่อยู่แล้วแหละครับ(เสียงแผ่ว)

ธัญญ่า “ธัญญ่ากับพี่เป๊กเรารู้กันอยู่แล้วว่าเรา 2 คนรักกัน ไม่อย่างนั้นมันคงไม่แต่งงานแล้วก็มีลูกกันมาขนาดนี้ แต่ปัญหาที่เราเจอมามันทำให้...มันไม่อยากจะ อยากจะให้มันเคลียร์ให้มันจบ ปัญหาที่ผ่านมามันค่อนข้างที่จะหนักหนาสำหรับเราพอสมควรก็เลยรู้สึกว่าโอเคเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เรามาเป็นพ่อและแม่ที่ดีของลียาก็ไม่ต้องเป็นสามีภรรยาก็สามารถที่จะช่วยกันดูแลลูกให้เติบโตมาเป็นคนที่ดีและอบอุ่นได้”

สิ่งที่ค้างคาใจธัญญ่าอยู่จริงๆแล้วได้เคลียร์กันบ้างไหม?
ธัญญ่า “จริงๆแล้วเราก็ได้เคลียร์กันตลอดว่าทำไมเราถึงอยากที่จะยุติ ซึ่งอันนี้พี่เป๊กก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร(เน้นเสียงพร้อมหัวเราะ)”

เป๊ก “วันนี้ที่ผมมาพูดผมมาพูดเรื่องของครอบครัว เรื่องส่วนตัวไม่อยากจะตอบเรื่องอื่น อย่าเฉไฉ เท่าที่บอกเราก็ได้เคลียร์กันเต็มที่แล้ว วันนี้ผมก็ทำทุกอย่างแล้ว ต้องขอบคุณธัญญ่าที่เข้าใจ พาลียากลับมาในเร็ววันนี้เพราะทุกคนในครอบครัวรอกันหมดเลย ทุกคนรักลียาหมด ลียาเป็นหลานสาวคนเดียวในตระกูลที่เป็นผู้หญิง เพราะเราไม่มีผู้หญิงทุกคนก็เลยจะรักลียามาก นี่ไม่ได้เจอลียามาเท่าไหร่แล้วล่ะ(หันไปถามธัญญ่า)”

ธัญญ่า “ 9 เดือน”

เป๊ก “ก็รอคอยวันที่ลียาจะกลับมาอย่างเดียว”

ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทางครอบครัวเป๊กเองก็มีส่วนช่วยกันหาทางออกให้ปัญหามันยุติลง
เป๊ก “มันก็ทั้งครอบครัว ทุกคน ทุกฝ่ายแหละครับ ไม่ว่าจะครอบครัวผม ครอบครัวธัญญ่าหรือทุกคนรอบข้างหรือแม้กระทั้งเพื่อนที่อยู่รอบข้างทุกคนช่วยกันทำให้ดีหมด อย่างที่ผมพูดไปว่าสิ่งที่ออกไปสู่ประชาชนมันทำให้ผมมันย้อนกระทบกลับมาถูกที่ตัวผมแบบนี้....ก็ไม่อยากจะไปโทษอะไรต้องยอมรับโดยดีว่าความจริงเป็นยังไง ณ วันนี้เป็นยังไง”

ธัญญ่าเองมองเหมือนหรือต่างจากเป๊กที่ว่าสื่อมีผลต่อความสัมพันธ์?
ธัญญ่า “มีผลไหม...เอาเป็นว่าในเรื่องที่มีผลต่อตัวธัญญ่ามากที่สุดคือความจริงที่มันเกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของเรา แต่มันก็อาจจะมีผลบ้างโอเคที่มันมีข่าวแล้วเกิดข่าวนั้นมันไม่จริงแล้วเราเชื่อว่ามันจริง มันก็ทำให้มีผลต่อความรู้สึกเหมือนกัน แต่หลักๆสิ่งที่มันทำให้เรารู้สึกมากๆมันเป็นสิ่งที่เรารับรู้โดยตรง สื่อโอเคมีส่วนแต่อาจจะไม่ได้เยอะมาก”

เป๊ก “ลองนึกถึงตัวเองแล้วกันว่าเรื่องครอบครัวของใครก็ตามที่โดนคนให้ความสนใจมากขนาดนี้มันจะมีผลต่อการตัดสินใจ ต่อการพูดอะไรแต่ละอย่างขนาดไหน ผลสุดท้ายก็เป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเกิดเราเป็นคนธรรมดาก็คงเคลียร์กันได้ปกติเรื่องราวก็คงจะจบไปนานแล้ว ผมไม่ได้โทษใครแต่อยากให้มองอีกมุมนึงว่าถ้าเป็นเราบ้างความรู้สึกมันเป็นยังไง ก็ค่อนข้างลำบากมากนะครับจริงๆ เราเองก็ทำทุกอย่างอย่างพยายามที่สุดแล้ว ที่สุดแล้วจริงๆครับ”

หลังจากนี้มีแผนจะทำยังไงต่อไปบ้างหลังจากที่หย่าเรียบร้อยแล้ว?
เป๊ก “ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปครับ นอกจากรอวันที่ลูกกลับมา รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วมาดูสิว่าจะให้ลูกเรียนที่ไหนยังไง เอาเวลาไปคิดเรื่องพวกนั้นดีกว่าครับ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วครับ ตัวผมแพลนแล้วว่าลียากลับมาผมจะไปลูกไปไหนบ้าง แต่ธัญญ่าเขาบอกว่าเขามีงานกับลูกตรงนี้ๆนะ ก็ยังตกลงกันอยู่เลยว่าวันไหนใครจะอะไรยังไง”

แล้วเรื่องที่เตรียมฟ้องร้องอีกฝ่ายนึงล่ะ ยังคงจะฟ้องอยู่ไหม
ธัญญ่า “ก็ได้ทำการฟ้องจริงๆค่ะ ตัวธัญญ่าก็ปรึกษากับทางทนายว่าถ้าจะฟ้องทั้งทีมันก็ต้องสมบูรณ์ในการที่เราจะเหมือนเป็นการเรียกร้องศักดิ์ศรี ไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไรดีแต่ ณ วันนี้พอเรา 2 คนเคลียร์กันได้แล้วมันจะเป็นไปในทิศทางไหนเราก็เลยโอเค งั้นก็ยกฟ้องทั้งหมด ถอนฟ้อง หรือไม่ถอนดีพี่(หันไปถามเป๊ก “ให้ถอนไหม)”

เป๊ก “เฮ้ย...(อุทาน)”

ธัญญ่า “เอ้า...ถ้าพี่ให้ถอนธัญญ่าก็ถอน ให้ถอนไหม...”

เป๊ก “เอ้า....ตายเลย เท่าที่ผมทราบมาคือถอนหมดแล้วครับ ถอนหมดแล้ว”

ธัญญ่า “ใครบอกว่าถอน...”

เป๊ก “ทนายเพิ่งโทรมาเมื่อกี้(หัวเราะ)”

ธัญญ่า “ทนายใคร(หัวเราะ)...ถอนค่ะถอนอันนี้แกล้งเขาเฉยๆ ก็รู้สึกว่าโอเคให้มันจบๆไปดีกว่าไม่อยากจะต้องมานั่งแค้นใจกัน มานั่งมีเรื่องเคืองโกรธ ให้มันจบแล้วต่างฝ่ายต่างจะได้สบายใจ”

เป๊ก “เจอกันคราวหน้ารอเก็บภาพลียาดีกว่าครับ ลียาน่ารัก”

ธัญญ่า “เปลี่ยนเรื่อง...(หัวเราะ)”

ที่เคลียร์เรื่องหย่ากันลงตัวมีใครเป็นกาวใจช่วยประสาน?
ธัญญ่า “เราคุยกันเองค่ะ ตัวธัญญ่าก็ปรึกษากับทางทนายด้วยว่าก็ให้มันจบไปดีกว่า”

เป๊ก “คืออย่างที่ผมบอกแหละครับเรื่องที่ธัญญ่าฟ้องมันก็เป็นอารมณ์ขึ้นลง ขึ้นลงคือธัญญ่าเองเขาอยู่ไกล เพราะฉะนั้นเขาก็จะได้อ่านแต่ข่าวได้ฟังแต่สื่อ”

ธัญญ่า “เรื่องจริงก็เจอ”

เป๊ก “สิ่งที่เขารู้มันเลยทำให้เขาขึ้นลง ขึ้นลง คราวนั้นก็คงขึ้นแรงก็เลยฟ้องเลย”

ธัญญ่า “ธัญญ่าขึ้นแรงเพราะอะไร(หัวเราะ)...ต้องถามพี่เป๊ก”

เป๊ก “ไม่มี...ไม่มีอะไรครับ (ธัญญ่าหัวเราะ)”

แล้วจะมีเคลียร์กับทางนั้นอีกไหม?
ธัญญ่า “ไม่คุยแล้วค่ะ มันเป็นเรื่องของธัญญ่ากับพี่เป๊กว่าเราจะตกลงกันยังไง เพราะเราตัดสินใจว่าเราจะหย่ากันแล้ว เราจะยุติการเป็นสามีภรรยากันเพราะฉะนั้นตรงนั้นเราก็ควรจะปล่อยมันไปด้วย ไม่อยากจะต้องมีเรื่องมานั่งแค้นเคือง สู้กันไปสู้กันมาไม่รู้อีกกี่ปีจะจบ ส่วนจะหย่ากันวันไหนเดี๋ยวคงจะต้องตกลงกันอีกทีค่ะ ยังไม่ทราบเลย”

เป๊ก “ตอนนี้คืออยากเอาลูกกลับมาเรียนโรงเรียนไหนอะไรยังไงให้เรียบร้อยก่อน เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากัน ส่วนค่าเลี้ยงดูอะไรต่างๆมันอยู่ในการพูดคุยกับศาลอยู่แล้วว่าจะต้องอะไรยังไง อันนี้เราคุยกันเรียบร้อยอยู่แล้วไม่มีปัญหา”

ธัญญ่า “เรื่องการเลี้ยงดูลียาเราก็แบ่งวันกันแล้ว”

เป๊ก “คือเรื่องแบ่งวันนั่น....เหรอ(หันไปถามธัญญ่า)”

ธัญญ่า “เราแบ่งวันกัน ณ วันที่เราเอาลูกกลับมาอยู่เมืองไทยเลย ส่วน 3 อาทิตย์ที่กลับมาก็คงต้องให้อยู่กับพี่เป๊กเสียส่วนใหญ่นั่นแหละ เพราะรู้ว่าคิดถึง”

แล้วจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไหม?
ธัญญ่า “ไม่ค่ะ ธัญญ่าแยกออกมาอยู่เองปีกว่าๆ แล้วค่ะ ธัญญ่าก็แยกเลย ลียาก็คงจะไปๆมาๆ”

เป๊ก “รั้วบ้านก็อยู่ติดกันนี่แหละครับ”

ธัญญ่า “ก็แบ่งกันว่าวันไหนจะอยู่กับพี่เป๊ก วันไหนจะอยู่กับธัญญ่า แรกๆ ธัญญ่าก็คงต้องอยู่ด้วยเพราะกลัวเขาจะไม่ชิน ร้องไห้”

จะมีการพูดคุยกันอีกไหมเผื่อจะเปลี่ยนใจไม่หย่า?
ธัญญ่า “เรื่องคุยให้เปลี่ยนใจมันมีมาเรื่อยๆอยู่แล้วตลอดระยะเวลา แต่พอมาถึงจุดนึงแล้วตัวธัญญ่าเป็นคนที่...เหมือนพอเรามาถึงจุดนึงที่เราไม่เราก็คือไม่ ธัญญ่าเป็นคนที่จริงๆอ่อนนะ เป็นคนใจอ่อน แต่พอมาถึงจุดนึงที่มันพอแล้วมันก็คือพอแล้ว ใครมาพูดอะไรมันก็อยู่ที่ตัวเอง หรือจะเรียกว่าธัญญ่าเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองก็ได้นะ แต่ก็เป็นคนที่ฟังคนเหมือนกัน”

เป๊ก “ฟังมาก...”

ธัญญ่า “เรียกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจไม่ฟ้องอะไรทั้งสิ้นแล้วค่ะ ตอนนั้นที่จะฟ้องเพราะด้วยปัญหามันคุกรุ่นมาก หาทางออกไม่ได้ มันเครียดก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่กลับมาแล้วจะอยู่ที่โน่นเลย แต่พอ ณ วันที่เราคุยกัน ตกลงกันได้เราก็อยากที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะเราคิดถึง อยู่ที่นั่นก็เหงา เรียกว่าอยู่กับลูก 24 ชั่วโมงจริงๆวันๆก็มีแต่กิจกรรมกับลูกอย่างเดียวเลย”

ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ไหม?
เป๊ก “ผมคงยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นนะครับ สิ่งแรกที่บอกว่าอยากให้ลูกกลับมาก่อนแล้วดูว่าทุกอย่างจะเป็นยังไง เราจะทำยังไงให้กับลูกได้บ้าง นี่แค่คิดเรื่องเรียนก็ยังปวดหัวแล้วว่าจะให้เรียนที่ไหนดี คงมีเรื่องอะไรให้คิดอีกเยอะ เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดอะไรเลย”

ธัญญ่า “ก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ ไม่อยากจะไปกำหนดกฏเกณฑ์ไปเครียดอะไรก่อนว่าเดี๋ยวกลับมาอยู่เมืองไทยจะเป็นยังไง จะเจอปัญหาอะไรอีกรึเปล่า มันเครียดเปล่าๆค่ะ มันอาจจะดีก็ได้ชีวิตมีความสุขแฮปปี้กับการที่เราสองคนได้ใช้ชีวิตกับลูกเต็มที่ถึงแม้จะต้องแบ่งวันกันเลี้ยงลูก ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ลียาก็จะอยู่กับธัญญ่าไม่ได้เจอคุณปู่คุณย่า ไม่ได้เจอพี่เป๊กตลอดเวลา มันอาจจะดีก็ได้ หลังจากนี้ธัญญ่าก็จะกลับมาทำงานปกติค่ะ ก็คิดไว้แล้วว่าวันไหนเราทำงานก็จะเอาลูกไปอยู่กับบ้านพี่เป๊กนั่นแหละ จะได้ใกล้ชิดกันเยอะๆ”

หลังจากนี้จะมีอะไรให้เซอร์ไพร์สอีกไหม?
ธัญญ่า “(หัวเราะ)”

เป๊ก “อันนี้เป็นสิ่งที่ผมกลัว มันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย อยู่ๆก็มาจากไหนก็ไม่รู้ เซอร์ไพร์สมากครับที่ผ่านมาก็อย่างที่เห็นๆนี่แหละครับ คลิปอะไรต่างๆผมว่ามันคงจะมีบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ตอนที่เราทะเลาะกันเพื่อคอยจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ มีทั้งการตัดต่อทำอะไรทุกอย่างเสร็จสรรพ ผมยังตกใจมาก นี่คือพยายามที่จะทำให้เราแตกแยกกันให้ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเขาจะได้อะไร”

คลิปอันล่าสุดจะดำเนินการแจ้งความอะไรอีกไหม?
เป๊ก “ไม่เอาแล้วครับ ผมเหนื่อย ตอนนี้คิดแต่เรื่องลูก คิดถึงลูก คือถ้าวันไหนเจอก็ดีแต่จะให้ผมไปนั่งหาผมคงไม่ทำหรอกครับ เพราะว่ามันบาป แต่ก็วิงวอนคนทำว่าอย่าให้มันเยอะแยะมาก มันงงครับไม่รู้ว่าอะไรมาจากไหน พูดจนเหงื่อตกแล้ว....”

แล้วพรุ่งนี้เป๊กจะกลับไปอเมริกาพร้อมธัญญ่าเลยไหม?
เป๊ก “ผมคงตามไปทีหลังครับ ตามไปรับวันที่ลูกจะกลับมาเพราะว่าธัญญ่าคงดูแลลูกบนเครื่องคนเดียวไม่ไหว ตั้ง 18-19 ชั่วโมง”

เรื่องที่มีข่าวว่าที่ธัญญ่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะอยู่ที่นั่นไม่มีเงินใช้เพราะเป๊กไม่ส่งเงินไปให้ใช้แล้วจริงรึเปล่า?
ธัญญ่า “ไม่จริงค่ะ พี่เป๊กเขารับผิดชอบเรื่องตรงนี้ตลอดค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายที่อเมริกา เรื่องลูก เรื่องอะไรทุกอย่างเลย ข่าวมันก็ออกมาดูแล้วน่าสมเพชมากเลย(หัวเราะ)

เป๊ก “นี่แหละครับอย่างที่บอกว่าข่าวมันทำให้บางทีทุกอย่างมันดูเละเทะแย่ไปหมดเลย บางเรื่องมันเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเลย อย่างที่บอกว่าธัญญ่าเหลือเงินอยู่ไม่กี่ร้อยบาท ไม่มีเงินใช่ ไม่รู้ใครสร้างกระแส”

ธัญญ่า “สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มา ไม่ว่าจะเป็นตามเว็บไซต์ต่างๆหรือว่าคนที่เข้ามาคอมเม้นต์เรา เราได้ติดตามนะคะก็อยากจะขอบคุณจริงๆ ตอนนี้มีแฟนคลับลียาด้วย ก็ขอบคุณลียามากๆ เลย ถ้าลียาโตขึ้นคงดีใจ (หันไปถามเป๊ก “ขอบคุณไหม”)

เป๊ก “ขอบคุณครับ”


       






ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“เป๊ก” ยันเรื่อง “พิ้งกี้” เป็นอดีต ด้านฝ่ายหญิงเตรียมประกาศอำลาวงการคืนนี้

“เป๊ก” โร่แจ้งความหามือคนปล่อยคลิป ยันเรื่องทุกอย่างเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ลั่นขอรับผิดคนเดียว ขอโทษธัญญ่าและครอบครัว ขอโทษ “พิ้งกี้” ที่ทำให้เสียหาย และขอโทษครอบครัวตนเองที่ต้องมาโดนวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ต บ่นชีวิตครอบครัวกำลังจะดีอยู่แล้ว ไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย ด้านพิ้งกี้เตรียมประกาศอำลาวงการยุติปัญหาทุกอย่าง
       
       หลังจากที่มีคลิปเสียงการทะเลาะกันระหว่าง “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” กับภรรยา “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” หลุดว่อนอินเทอร์เน็ต จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ฝ่ายชายมีการใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไป ล่าสุด เป๊ก สัณชัย ก็ได้เดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามหาผู้ปล่อยคลิปและระงับการเผยแพร่ โดยมี พ.ต.ต.จตุพร งามสุวิชชากุล เป็นผู้รับเรื่อง
       
       โดย เป๊ก สัณชัย ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวดังกล่าว ยอมรับว่า คลิปเสียงที่หลุดออกไปนั้นเป็นเสียงของตนจริง ซึ่งขณะนั้นทะเลาะกับธัญญ่าภรรยาสาวคนดัง และต้องขอโทษด้วยที่มีการใช้คำพูดหยาบคาย เนื่องจากคิดถึงลูก ไม่ได้เจอหน้าลูกนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในภายหลังก็ได้มีการปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว
       
       “วันนี้ผมได้มาแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องคลิป ทางตำรวจเขาไม่ได้ให้ผมพูดอะไร เราก็ปล่อยให้เขาดำเนินไปตามขั้นตอน ก็อยากจะให้ระงับการเผยแพร่สื่อและหาคนที่ปล่อยคลิปคนแรก คือคลิปนี้มันเป็นคลิปที่ผมพูดจริงๆ เป็นคลิปที่ผมทะเลาะกับธัญญ่าก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวนะครับ ตอนนั้นเวลานั้นมันมีอารมณ์ที่แบบคิดถึงลูก ผมไม่ได้เจอลูกมานานแล้ว มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ทำให้ผมโมโหขึ้นมา ผมก็ยอมรับผิดว่า พูดจาไม่ดีหยาบคายนิดหน่อย...ก็ไม่นิดหน่อยหรอกครับเยอะเลย และก็ลามไปถึงแม่เขาด้วย ผมก็ต้องขอโทษธัญญ่าและคุณแม่ของธัญญ่าด้วย”
       
       “แต่จริงๆ คลิปต่างๆ หรือข่าวต่างๆ ที่ออกมา มันเป็นเรื่องราวที่ผ่านมานานมากแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 4 - 5 เดือนขึ้นไป ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมได้แก้ปัญหาไปจนหมดแล้ว ผมรู้ว่าผมผิดเคยออกมาพูดแล้ว และได้แก้ปัญหาทุกอย่างแล้ว ถ้าย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมก็เพิ่งจะได้ไปหาธัญญ่าที่อเมริกามา ก็คุยกันดีทุกอย่างแล้ว กับคุณแม่ก็คุยกันดี แต่พอมีคลิปนี้เกิดขึ้นมันก็จะย้อนให้มามีปัญหาอีกครั้งหนึ่ง”
       
       ปฏิเสธยังไม่ได้ฟังคลิปอื่นๆ
       “คลิปอื่นๆ ผมยังไม่ได้ฟัง อย่างไรก็แล้วแต่ผมก็ต้องขอโทษครอบครัวน้องเขาด้วยที่ทำให้มีข่าวเสียหายแบบนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้งนะครับ และก็จริงๆ แล้วเนี่ยคนที่ผิดก็คือผมคนเดียว เรื่องราวมันก็น่าจะจบไปตั้งนานแล้ว ถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่า มีคนไม่หวังดีเอาข่าวเรื่องพวกนี้มาบอกทำไม ตอนนี้ธัญญ่าก็เครียดจนไม่สบาย เส้นเลือดฝอยตาแตก ผมคงต้องลางานและกลับไปหาเขาอาทิตย์หน้า”
       
       “ผลกระทบเรื่องนี้มาถึงครอบครัวผมด้วย คุณพ่อผมเนี่ยโดนว่าทางอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมดเลย ซึ่งท่านไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ส่วนน้องเขาซึ่งมีหน้าที่การงานที่ดีเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 มีผู้จัดช่อง 3 ดูแลเป็นคนมีความสามารถก็น่าจะมีอนาคตที่ดี แต่ก็มีข่าวลือว่าจะถูกถอดออก ผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตน้องเขาจะเป็นยังไงก็ต้องขอโทษครอบครัวเขาด้วย และผมก็อยากให้คนที่ไม่ประสงค์ดีและให้ข่าวมาตลอดเวลาเนี่ยพอเถอะครับ เพราะมันล่วงเกินมานานแล้ว มันน่าจะจบไปตั้งนานแล้ว ผมเองก็ได้เดินหน้าต่อไปกับครอบครัว ทางน้องเองจะได้ทำงานทำการของเขาไป ไม่งั้นจะมีผลกระทบหลายด้าน”
       
       “ส่วนกับคนที่ปล่อยคลิปจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเอาเรื่องอะไรกับเขามากมาย แต่อยากจะให้สื่อต่างๆ ที่ลงคลิปผมอยู่ช่วยระงับ มันน่าเกลียดมันเป็นเรื่องในครอบครัวสามีภรรยากัน แต่ถ้าจะมีคลิปหลุดออกมาอีกผมก็คงต้องดำเนินคดีครับ ผมก็ได้แจ้งเอาไว้แล้ว และอย่างที่บอกก็ต้องขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ข่าว ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ผมเองที่โดนว่าในอินเทอร์เน็ต คุณพ่อคุณแม่ของธัญญ่า ตัวธัญญ่าเองที่ต้องไม่สบาย ตัวน้องเองที่อนาคตเรื่องการงานจะเป็นยังไง ผมก็ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผมบอกแล้วว่า ผมยอมรับผิดคนเดียวขอให้เรื่องมันจบดีกว่า”
       
       จากนั้นผู้สื่อข่าวก็ได้ถามถึงสถานภาพทางครอบครัวขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวก็ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ก่อนจะขอตัวเดินทางกลับ
       “ดีครับ...แต่มันจะเละก็เพราะไอ้ข่าวที่ออกมานี่แหละครับ ก็ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยนะครับ”
       
       ส่วนความคืบหน้าทางด้าน "พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช" นั้น มีกระแสข่าวออกมาเจ้าตัวจะแถลงข่าวอำลาวงการบันเทิงเพื่อยุติปัญหาต่างๆ ในงาน "เวสป้าเลิฟเวอร์" ที่ คัลเลอร์ เฟรม สตูดิโอ ย่านวิภาวดีรังสิต