วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผีเฮี้ยนที่ห้างดัง

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จะพยายามไม่เอ่ยถึงสถานที่ชัดเจน เพื่อผลกระทบ…..ตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นและเป็นอยู่….เคยโทรไปออนแอร์นานแล้วกับพิธีกรผีๆ กพล ทองพลับ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วครับ….ซึ่งญาติผมเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ทำงานด้าน วิศวกร ออกแบบ ก่อสร้าง…ไม่ขอเอ่ยนาม

ห้างหนึ่งในกรุงเทพมหานครได้ทำการก่อสร้างและมีบริษัทรับเหมาทั้งออกแบบและก่อสร้าง ควบคุม ดูแลงาน…ได้มีการก่อสร้างตามขั้นตอนตามแบบแปลนที่วางไว้ จากชั้น 2 ไปชั้น 3 ขอย้ำนะครับว่า จากชั้น 2 ไปชั้นที่ 3 ….เรื่องเกิดตรงนี้…

หลังจากสร้างเสร็จแล้ว มีการย้ายเข้าไปอยู่ของทางร้านค้าต่างๆ เป็นทั้งแบบดีพาร์ท และแบบให้เช่า อยู่ได้ไม่นานครับ เจ้ง ความว่า กลางคืน ทั้งยาม ทั้งแม่บ้าน เจอกันทุกราย เช่น หุ่นเดินได้ แม่บ้านทำความสะอาดที่มาทำงานก่อนห้างเปิด เจอคนนั่งร้องให้ เสื้อผ้าลอยได้ คนวิ่งเข้าไปในต้นเสา …ทีแรก นึกว่าเป็นขโมย ต้องตามยามมาค้นหา แต่ก็หาไม่เจอ…ช่วงห้างเลิก…วงจรปิดจับภาพคนได้ นึกว่าขโมยแอบเข้ามา ค้นหา ไม่เจอครับ


พอมีการเปลี่ยนเจ้าใหม่ ก็ต้องมีการปิดปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ออกแบบภายในใหม่ โดยวิศวกรกลุ่มเดิม มาคุมงาน…หลังจากห้าทุ่มแล้ว พวกวิศวกรพากันขึ้นไปทานข้าวที่ห้องอาหารชั้น5 …ซึ่งปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง โดยการซื้ออาหารมาทานเองครับ เหล่าคนงานที่มาตกแต่งร้านก็พากันกลับหมดแล้ว กลุ่มพวกวิศวะพากันนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เหลือบไปเจอผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่ในมุมมืด..มองมาทางกลุ่มที่ทาน ข้าวอยู่

หัวหน้า พูดกับลูกน้องว่า..ใครวะ ดึกๆ ดื่นๆ ยังไม่กลับอีก มานั่งอยู่ตรงนั้น ไปเรียกเขามาทานข้าวด้วยกันซิ…แล้วก็ให้ลูกน้องไปเรียก หญิงวัยกลางคนคนนั้นมาทานข้าวด้วย

พี่ๆๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือ…ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงวัยกลางคนก็เลยสำทับกับคำถามเดิมอีกครั้ง…พี่ๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้…หัวหน้าให้ผมมาเรียกไปทานอาหารด้วยกัน…มาม๊ะ มาทานอาหารด้วยกัน..เสียงหญิงคนนั้น พูดช้าๆเสียงออกทำนองอิสานว่า..บ่ไปหรอก..ให้หัวหน้าเธอมาทานที่นี่ซิ

ฝ่ายลูกน้องก็ตะโกนไปบอกหัวหน้าที่นั่งห่างไม่ใกลเท่าไหร่ ประมาณสัก 5-6 เมตร ว่า หัวหน้า ..เธอไม่ไปหรอก เธอให้พวกเรา มาทานที่โต๊ะของเธอ…จะบ้าเรอะ พวกเราเยอะกว่า จะให้ย้ายไปที่คนน้อยกว่าได้ไง..มานั่งที่นี่ด้วยกันซิ..ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ค่อยๆหันหน้ามาทางหัวหน้าและกลุ่มวิศวะอย่างช้าๆมองแบบตาขวางๆหน้าเศร้าๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า หัวหน้าไม่เจอกันตั้งนานยังใจดำเหมือนเดิมนะ….หัวหน้า งง ..ป้ารู้จักผมหรือ ทำไมผมไม่รู้จักป้าเลย….ทำไมจะไม่รู้จักละ ป้าตอบ

เออ แล้วป้าเป็นใคร อยู่ที่ไหน มาทำอะไรที่นี่…เสียงจากหญิงลึกลับพูดมาว่า..เวลาผ่านมาไม่นาน ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็หนูติดอยู่ที่ต้นเสาชั้นสอง ที่หัวหน้าไม่ยอมเอาหนูออกมาไง…เสียงตอบจากป้า

….แค่นั้น ละ…หัวหน้าวิศวะ วิ่งป่าราบ ก่อนเพื่อนเลย ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้วย ก็วิ่งตาม…ไป และถามหัวหน้าข้างนอกตึกว่า วิ่งทำไมหรือ…หัวหน้าตอบว่า…มันไม่ใช่คน……………..แล้วก็เลยเล่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นพลางสำทับไปว่า…ห้ามแพร่งพราย…ไม่งั้นเดือดร้อนกันทั่ว…จนกว่าเราจะหมดพันธะจากการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ก่อน…

เรื่องที่ปกปิดเป็นความลับ คือว่าห้างแห่งนี้ตอนก่อสร้าง ได้มีคนงานเป็นหญิงวัยกลางคนชาวอิสาน ได้ตกไปในเสาเอกหรือเสาหลัก ตอนเทปูน…มาเจอตอนที่เขาแกะบล็อกออกจากเสา จึงรู้ว่า มีคนอยู่ข้างใน…จะเอาออกก็ไม่ได้ ต้องทำการรื้อใหม่ทั้งชั้น จะสูญเสียงบไปหลายสิบล้านบาท…จึงหาวิธีแก้ โดยการโบกปูนฉาบทับไปเลยและปิดเป็นความลั สุดยอด…สอบถามถึงคนที่ติดอยู่ข้างใ เป็นใคร 

สุดท้ายจึงรู้ว่าเป็นเมียคนงานที่ทำงานอยู่ที่นี่…ฝ่ายผู้รับเหมาและวิศวะเลยต้องหาวิธีโดยไม่ต้องรื้อ…ทำไงหรือครับ เสนอเงินจำนวนหนึ่ง ให้ฝ่ายสามี…แล้วก็ฉาบปูนทับไปเลย ไม่มีการเอาศพออก….เรื่องก็เงียบไป….แต่อย่างว่าละครับ…มันเลยเป็นอาถรรณ์ ใครมาบริหารห้างนี้ เจ้งแล้ว เจ้งอีก ผมก็เคย ไปดูให้เห็นกับตามาแล้ว…แต่คนที่มาอยู่ใหม่ เจ้าใหม่ คงไม่รู้แน่ๆ

……ทุก วันนี้ ก็ยัง เฮี้ยนไม่เลิกครับ……สงสารเจ้าของใหม่ แม่บ้าน และยาม ที่เขาไม่รู้..ต้องเจอดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น