วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"พลังออร่า" เพื่อสุขภาพบำบัด

แม้ว่าเราจะใช้กรรมวิธีในการดูออร่าที่มีความทันสมัยอย่างมาก แต่กระนั้น ทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพก็ยังจำกัดอยู่นั่นเอง เพราะเราจะได้เห็นแต่เพียงเฉพาะส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้น ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้วเราต้องการที่จะเห็นออร่าที่เป็นตัวตนทั้งหมดของเรา มากกว่าจะเป็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งทำให้เราไม่สามารถวิเคราะห์ตัวเองได้อย่างแน่ชัด ยิ่งไปกว่านั้น ประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ความสนใจทั้งมวล ทัศนคติ สิ่งที่เป็นความชอบพิเศษของเรา รวมไปถึงความอคติทั้งหลาย เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อการสัมผัสรู้ของเราทั้งสิ้น



ออกจะโชคดีอยู่บ้างที่เราสามารถสร้างระยะความห่างนั้นขึ้นได้ด้วยการยื่นมือออกไปข้างหน้า ซึ่งอย่างน้อยก็ยังทำให้เรามองเห็นออร่าแม้จะค่อนข้างจำกัดก็ตาม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่ประการใดที่กรรมวิธีดูออร่าจากมือจึงเกิดขึ้น และถือได้ว่าเป็นกรรมวิธีในการดูออร่าของตนเองที่ค่อนข้างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปลักษณะของออร่าที่อยู่รอบมือของเราก็จะมีสีสัน และขนาดของการกระจายรัศมีได้ใกล้เคียงกับออร่าของตัวเองโดยรวมอยู่แล้ว









กรรมวิธีการดูออร่าที่มือ ( The Aura Hand – viewing Procedure )




กรรมวิธีการดูออร่าที่มือได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราสามารถมองเห็นออร่าที่อยู่รอบมือและท่อนแขนด้านล่างของเราได้ กรรมวิธีนี้ก็เช่นเดียวกันกับกรรมวิธีในการดูออร่าอื่น ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้แสงธรรมชาติหรือการให้แสงในทางอ้อม และจะต้องมีฉากหรือผนังสีขาวที่ไม่สะท้อนแสง ซึ่งกรรมวิธีมีดังต่อไปนี้
  • สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย วิธีสร้างความผ่อนคลายก็คือให้คุณสูดลมหายใจลึก ๆ 2 – 3 ครั้ง และค่อย ๆ ระบายออกมาช้า ๆ ขจัดความคิดต่าง ๆ ที่อยู่ในสมองออกให้หมด

  • กางนิ้ว ให้คุณยื่นมือออกไปสุดแขน กางนิ้วมือออกจากกัน โดยให้ห่างจากผนังหรือฉากสีขาวเล็กน้อย

  • สร้างจินตนาการ ให้คุณสร้างจินตนาการขึ้นว่า มีจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งลอยอยู่ตรงช่องว่างระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของคุณ

  • เพ่งสายตา ให้คุณเพ่งสายตาอยู่ตรงจุดในจินตนาการนั้น จนออร่าปรากฏขึ้น ซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลาไม่กี่วินาที ตอนแรกมันจะเกิดขึ้นรอบนิ้วหัวแม่มือและรอบปลายนิ้วชี้จากนั้นก็จะปรากฏขึ้นรอบฝ่ามือ รวมทั้งท่อนแขนส่วนล่างด้วย

  • การดูออร่า เมื่อคุณสามารถมองเห็นออร่าได้ชัดเจนแล้วให้คุณเลื่อนสายตาไปเพ่งตรงนั้น เพื่อที่จะสังเกตลักษณะต่าง ๆ ของมัน

หมายเหตุ ถ้าคุณรู้สึกเมื่อยตาขณะกำลังฝึกอยู่นั้น คุณสามารถพักได้ครู่สั้น ๆ แล้วจึงเริ่มต้นตามกระบวนการนี้ใหม่

( ขอแนะนำให้ใช้แสงสว่างธรรมชาติ และทำใจสบาย ๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องตั้งใจว่าจะทำให้ได้ ทำใจเบา ๆ เหมือนวันว่าง ๆ เพลิน ๆ เคลิ้ม ๆ ครั้งแรกผมก็ทำไม่ได้ จนผ่านมาหลายเดือนกลับมาลองใหม่อย่างที่แนะนำ ก็สามารถเห็นได้ : Amine )


กรรมวิธีนับนิ้วมือ ( The Fing – Count Procedure )

ความหลากหลายของการดูออร่าจากมือนั้น ก็คือ กรรมวิธีที่เรียกว่าการนับนิ้วมือ ซึ่งกรรมวิธีดังกล่าวนี้คือให้คุณนับนิ้วมือที่ยื่นออกไปยังผนัง หรือฉากสีขาวสุดแขน วิธีการมีดังนี้






  • การนับนิ้วมือ เมื่อคุณยื่นมือออกไปพร้อมกับกางนิ้วให้ห่างออกจากกันแล้ว ให้คุณเริ่มนับนิ้วมือทีละนิ้ว .. ทีละนิ้วช้า ๆ โดยเริ่มจากนิ้วหัวแม่มือก่อน ขณะนับให้จับตามองตรงส่วนปลายของแต่ละนิ้วด้วย

  • นับนิ้วถอยหลัง ในท่าที่มือของคุณยังเหยียด นิ้วยังแยกห่างจากกันอยู่นั้น ให้คุณนับนิ้วมือถอยหลังช้า ๆ จาก 5 ไปจนถึง 1 โดยเริ่มต้นจากนิ้วก้อยและไปจบที่นิ้วหัวแม่มือ และก็เช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 1 ให้คุณจับตามองตรงปลายนิ้วในขณะที่นับไปด้วย

  • เพ่งสายตาที่นิ้ว ให้คุณเพ่งสายตาอยู่ที่นิ้วกลางสักครู่สั้น ๆ จากนั้นให้คุณเบิกตากว้างเพื่อรับภาพที่อยู่ใกล้ให้มากที่สุดรวมทั้งมือที่กางอยู่นั้นด้วย ซึ่งเกือบจะในทันใดนั้น ที่คุณจะมองเห็นแสงเรือง ๆ สีขาวปรากฏขึ้นรอบมือ ตามมาด้วยออร่าที่หลากสีสัน

  • การดูออร่า ขณะนี้คุณได้เห็นออร่าแล้ว คุณสามารถเลื่อนสายตามามองมันได้โดยตรงพร้อมกับสังเกตเกี่ยวกับโครงสร้างและสีของมันไปพร้อมกัน



กรรมวิธีทำมือเป็นสามเหลี่ยม ( The Hand Triangle Procedure ) ประยุกต์ปรับเพื่อดูออร่าด้วยตนเอง


กรรมวิธีทำมือเป็นสามเหลี่ยมนี้ เราได้เคยกล่าวถึงมาก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นกรรมวิธีที่เราสามารถปรับเพื่อนำมาใช้กับการดูออร่าของตนเองได้ด้วย เมื่อเราใช้ในการดูออร่าของตนเองนั้น กรรมวิธีดังกล่าวก็จะยังทำหน้าที่ในการดึงออร่าออกมาให้เราได้เห็น ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นพลังจิตของเราอีกด้วย กรรมวิธีนี้สามารถทำได้ในแสงธรรมชาติหรือแสงอ่อน ๆ ที่จัดขึ้น
  • สร้างรูปสามเหลี่ยม ให้คุณยื่นมือออกไปสุดแขนและให้อยู่ห่างจากฉากหรือผนังสีขาวเล็กน้อย จากนั้นให้คุณสร้างรูปสามเหลี่ยมโดยในตอนแรกให้เอาปลายนิ้วหัวแม่มือชนกันเพื่อสร้างฐานให้กับรูปสามเหลี่ยมนั้น จากนั้นให้เอาปลายนิ้วชี้มาชนกันเพื่อให้เป็นส่วนยอดของสามเหลี่ยม

  • สร้างจินตนาการ ขณะมองภาพสามเหลี่ยมที่มีฉากหลังสีขาวอยู่นั้น ให้คุณสร้างจินตนาการว่าขณะนี้มีจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งลอยอยู่ตรงกึ่งกลางของรูปสามเหลี่ยม และให้คุณเพิ่งสายตาตรงไปยังจุดนั้น

  • เพ่งสายตา ให้คุณเพ่งสายตาอยู่ที่จุดในจินตนาการจนกระทั่งเห็นออร่าปรากฏขึ้น ซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในตอนแรกมันจะปรากฏขึ้นภายในรูปสามเหลี่ยม จากนั้นก็จะเกิดขึ้นรอบมือและท่อนแขนส่วนล่างของคุณ

  • การดูออร่า เมื่อเห็นออร่าแล้ว ให้สังเกตสี รัศมีที่กระจายออก รวมไปถึงลักษณะต่าง ๆ

  • การกระตุ้นพลังจิต เพื่อเป็นการกระตุ้นพลังจิต ให้คุณเพ่งความสนใจทั้งหมดไปยังศูนย์กลางของพลังงานในรูปสามเหลี่ยมที่สร้างขึ้นจากมือของคุณ และปล่อยจิตให้ว่าง

  • ตอกย้ำพลังจิต ให้คุณสรุปกระบวนการนี้ด้วยการยืนยันในพลังจิตของคุณที่สามารถทำให้มองเห็นออร่าของตัวคุณเองได้ และใช้พลังงานออร่านี้เป็นช่องทางเพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้กับจิตต่อไป

กรรมวิธีนี้เป็นหนึ่งในกรรมวิธีที่รู้กันว่าทรงประสิทธิภาพในการกระตุ้นการทำงานของจิตอย่างยิ่ง จากการทดลอง ผู้เข้ารับการทดลองต่างพบว่า เพียงแค่การเพ่งไปยังพลังงานออร่าที่อยู่ในรูปสามเหลี่ยมตามขั้นตอนที่ 4 (การดูออร่า) พวกเขาสามารถเปิดช่องทางเพื่อส่งและรับกระแสจิตได้อย่างมหัศจรรย์
ขณะเดียวกันพลังจิตที่ทำให้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและมีตาทิพย์ มักจะเกิดขึ้นตรงขั้นตอนที่ 4 นี้ด้วย
กรรมวิธีการเคลื่อนไหวฝ่ามือ ( The Palm – Motion Procedure )

เป็นกรรมวิธีที่ออกแบบมาเพื่อการกระจายพลังที่ฝ่ามือออกมาให้มองเห็นได้ นอกเหนือจากผนังหรือฉากสีขาวกับแสงสว่างเย็นตาแล้ว สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับกรรมวิธีนี้ก็คือใช้เวลาในการควบคุมตัวเองเพียงชั่วครู่สั้น ๆ
  • สัมผัสฝ่ามือ ให้คุณเอาฝ่ามือทั้งสองข้างมาประกบกันหลวม ๆ แล้วถูไปมา โดยในตอนแรกให้ถูเป็นวงกลม จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นถูไปข้างหน้าและข้างหลัง ซึ่งคุณจะสังเกตได้เกือบในทันทีว่ามีความอุ่นของพลังงานเกิดขึ้นที่ฝ่ามือทั้งสองข้างนั้น

  • แยกฝ่ามือ ขณะที่มือทั้งสองของคุณยังประกบกันอยู่นั้น ให้คุณยื่นออกไปให้สุดปลายแขน แล้วค่อย ๆ แยกฝ่ามือออกจากกันช้า ๆ เพื่อให้เกิดช่องว่างแคบ ๆ ขึ้น ซึ่งคุณจะสังเกตเห็นในทันทีว่ามันมีความรู้สึกซ่า ๆ เกิดขึ้นกับฝ่ามือและปลายนิ้ว

  • สัมผัสพลังงาน ให้คุณเพ่งความสนใจอยู่ตรงช่องว่างระหว่างมือทั้งสอง และสังเกตเห็นว่ามีแสงเรือง ๆ สีขาวเกิดขึ้น ปรับระยะความห่างอีกเล็กน้อย คุณก็จะเห็นว่ามีสีสันเกิดขึ้น

  • ห่อมือ ขณะที่คุณยังยื่นมือสุดปลายแขนอยู่นั้น ให้คุณค่อย ๆ ห่อมือเข้ามาช้า ๆ และหันเข้าหากันเพื่อให้เกิดระยะห่างระหว่างฝ่ามือเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังรักษาช่องว่างแคบ ๆ ระหว่างปลายนิ้วมือไว้

  • ช่องทางพลัง ภายหลังจากที่เพ่งความสนใจอยู่ตรงช่องว่างระหว่างปลายนิ้วครู่สั้น ๆ ให้คุณรวมนิ้วเข้าด้วยกันแล้วค่อย ๆ แยกออกจากกันช้า ๆ ซึ่งในทันทีนั้นคุณจะได้เห็นช่องที่มีพลังงานเรืองแสงเกิดอยู่ระหว่างนิ้วมือของคุณ ให้คุณปรั

  • ระยะระหว่างปลายนิ้วเล็กน้อยจนสังเกตเห็นว่ามีสีปรากฏขึ้น ซึ่งปกติแล้วจะเป็นสีเดียวกันกับที่คุณได้เห็นขณะทำตามขั้นตอนที่ 3 (สัมผัสพลังงาน)

  • การดูออร่า ให้คุณเพ่งสายตาอยู่ที่อุ้งมือทั้งสองที่ยังหันเข้าหากันอยู่ จนเห็นออร่าปรากฏขึ้นโดยรอบ จากนั้นให้คุณพลิกข้อมือหงายขึ้น ให้สังเกตสีของออร่าและลักษณะที่ปรากฏอยู่

ในขั้นการดูออร่านี้คุณจะได้เห็นพลังงานสีต่าง ๆ ที่จะรวมตัวกันอยู่ในมือที่ห่อเป็นอุ้งอยู่ ผู้บำบัดรักษาด้วยพลังจิตจำนวนมากจะปรับกรรมวิธีนี้เพื่อให้เกิดพลังงานนี้ขึ้นมาก่อนหน้าที่จะทำการบำบัดด้วยการกระจายศูนย์กลางพลังงานบวกเข้าไปในร่างของอาสาสมัคร ซึ่งถือว่าเป็นพลังแห่งการบำบัดรักษาโดยส่งผ่านเข้าไปทางฝ่ามือ
( กรรมวิธีนี้คล้ายกับกลวิธีแห่งพลังจักระและพลังจักรวาล เพียงแค่จะเพ่งสีหรือไม่เท่านั้นเอง นอกจากนี้ การแยกมือออกจากกันเพื่อสัมผัสพลังงานที่หมุนวนอยู่นั้นยังสามารถใช้วัดรัศมีของพลังจิต(ออร่า) ของเราได้ด้วยว่ามีขอบเขตเท่าไร : Amine )
กรรมวิธีสัมผัสรู้ด้วยพลังจิตของตนเอง ( The Psychic – Self – Perception Procedure )

กรรมวิธีนี้ตระหนักถึงสมรรถนะในการหยั่งรู้ที่จะทำความรู้จักตัวตนโดยรวมและแต่ละองค์ประกอบ ซึ่งรวมไปถึงออร่าด้วยเป็นอย่างดี กรรมวิธีนี้ได้รับการออกแบบเพื่อที่จะกระตุ้นแหล่งพลังงานภายในที่ต้องการ เพื่อจะกระจายพลังนั้นออกไปสู่ออร่าของเรา ซึ่งในการนี้จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องออร่าของบุคคลและความสัมพันธ์ของมันที่มี มีวิธีสัมผัสดังต่อไปนี้
  • การเตรียมตัว หาสถานที่ซึ่งคุณจะสามารถใช้เวลาในการปฏิบัติตามขั้นตอนของกรรมวิธีนี้ได้นานประมาณ 30 นาที จากนั้นสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้เกิดขึ้น สำรวจความคิดและความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดอยู่ในจิตใจ

  • ทำจิตให้ว่าง หลับตาลง สูดลมหายใจลึก ๆ 2 – 3 ครั้ง ค่อย ๆ ระบายลมหายใจออกช้า ๆ ขจัดความคิดวุ่นวายในสมองออกให้หมด

  • สำรวจจิต มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังศูนย์กลางแห่งพลังงานที่อยู่ลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึก ขณะนี้เมื่อความคิดได้เข้าไปรวมอยู่ภายในแล้ว คุณจะสัมผัสพลังงานที่หลั่งไหลออกมาจากแก่นกลางของออร่า พลังงานนั้นห่อหุ้มกายเนื้อของคุณด้วยรังสีทีสว่างเรือง

  • สำรวจออร่า สร้างจินตนาการถึงออร่าและใช้จิตสำรวจ เริ่มจากรูปแบบของพลังงานที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะแล้วค่อย ๆ เลื่อนการสำรวจต่ำลงมาเรื่อย ๆ สังเกตความรู้สึกที่เกิดควบคู่มากับการสำรวจออร่าในครั้งนี้

  • พิจารณาออร่า ในตอนต้นให้พิจารณาออร่าโดยรวมเสียก่อน จากนั้นจึงสำรวจเฉพาะบริเวณรวมไปถึงลักษณะของมันด้วย ให้ภาพจากจินตนาการเกี่ยวกับออร่านี้เกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อความรู้ที่จะเกิดขึ้นในจิต ควบคู่มากับการพิจารณาในขั้นตอนนี้

  • เก็บข้อมูลภายใน ให้คุณเก็บข้อมูลจากประสบการณ์นี้ด้วยการใช้วิธีถ่ายรูปออร่าทางจิต แล้วเอาเก็บเข้าไว้ในแฟ้มที่มีอยู่ภายใจจิตของคุณ เพื่อประโยชน์สำหรับการใช้อ้างอิงต่อไปในอนาคต จบกระบวนการนี้ด้วยการยืนยันกับตนเองว่า .. ขณะนี้ฉันได้รับการเพิ่มพลังจิตอย่างเต็มเปี่ยมด้วยพลังทางบวกแล้ว

การหยั่งรู้เกี่ยวกับเรื่องของออร่านั้น บางครั้งเราจะได้รับรายงานจากผู้รับการทดลองว่ามันจะเกิดขึ้นขณะที่จิตกำลังอยู่ในสภาวะที่แน่นอน ซึ่งรวมไปถึงสภาวะถอดกายทิพย์และการสะกดจิตด้วย
( กรรมวิธีนี้ถ้าใครเคยสนใจสมาธิ จะพบว่าเป็นแค่สมาธิเบื้องต้น อาศัยผลพลอยจากสมาธิมาใช้นั่นเอง ซึ่งได้ทั้งจาก กรรมฐาน40และสติปัฏฐานควบคู่ไป : Amine )




การแปลความหมายจากสีในออร่า


 ในออร่าของมนุษย์นั้นจะไม่ถึงขาวสะอาดหรือดำมืดไปเสียทั้งหมด แต่จะมีบริเวณของสีขาวหรือสีดำปรากฏอยู่ตรงใดตรงหนึ่งในออร่านั้น สีทั้งสองนี้ปกติแล้วเราจะเห็นเป็นจุดของแสงสว่างหรือไม่ก็ดำมืดกว่าบริเวณอื่น

นอกเหนือจากการให้สี ความเข้ม การแผ่กระจายของรัศมีและความชัดเจนของสีสันแล้ว ในออร่าก็ยังมีขนาดของการแผ่ขยายของรัศมีที่หลากหลายอีกด้วย บางครั้งเราจะมองเห็นสีรุ้งเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของออร่า โดยทั่วไปแล้วความเข้มกับการแผ่ขยายของสี เป็นสิ่งที่ชี้ชัดถึงพลังอันเต็มเปี่ยมที่มีอยู่ในพลังงานของออร่า ยิ่งมีความเข้มกับการแผ่ขนาดออกไปได้ไกลเพียงใด สีก็จะยิ่งมีอิทธิพลและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

การศึกษาค้นคว้าของเราจะบ่งบอกได้เพียงแค่ 10 สี จึงมีความเป็นไปได้ที่ว่ายังมีสีและการจัดระดับของสีอีกไม่น้อยที่เรายังไม่สามารถนำมารวมไว้ได้อีก


สีรุ้ง

รูปแบบของสีรุ้งนั้นเป็นการรวมตัวกันของสีสันที่หลากหลาย โทนสีจะนุ่มนวล ปรากฏเป็นโค้งรุ้งที่ครอบคลุมอยู่ทั่วร่างหรืออาจจะเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น อาจจะเพียงแค่ส่วนศีรษะกับไหล่ทั้งสองข้าง เป็นต้น ปกติแล้วสีของสายรุ้งจะสว่างสดใสแผ่รัศมีออกไปได้กว้าง ออร่าสีรุ้งบ่งบอกถึงส่วนผสมของบุคลิกภาพส่วนตนในทางบวก อาทิ เป็นผู้มีสติปัญญาความสามารถ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความรู้อันเกิดจากแรงบันดาลใจ มีคุณธรรม มีเมตตากรุณา มองโลกในแง่ดี และรู้จักตนเองดี

บุคคลที่มีออร่าสีรุ้งสว่างสดใส มักเป็นผู้ที่มีแนวโน้มว่าเป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดในโลก เมื่ออยู่ในกลุ่ม พวกเขาจะอยู่ในระดับผู้นำและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวด้วย

ขณะที่ออร่าสีรุ้งเป็นเครื่องหมายของความสูงส่งที่จะปรากฏในบุคลิกภาพของบุคคล แต่มันก็เป็นสีที่มีความอ่อนไหว พร้อมที่จะเกิดความไม่สมดุลหรือมีสีที่จืดจางลงได้โดยง่าย ถ้ามีสีอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาอย่างกระทันหัน อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง
สีเหลือง

เป็น 1 ในจำนวนสีที่เราจะพบในออร่ามนุษย์ได้มากที่สุด พบมากในบุคคลที่มีสติปัญญาความสามารถสูง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้มีปัญญา ส่วนความกว้างของรัศมีที่แผ่ขยายออกไปบ่งบอกถึงความเป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์และสามารถพึ่งพาอาศัยได้ ยิ่งออร่าสีเหลืองสว่างสดใสเพียงไร ก็ยิ่งสูงด้วยภูมิปัญญามากเพียงนั้น ยิ่งสีสามารถแผ่ออกไปได้ไกลเพียงไร ยิ่งแสดงว่าเขาเป็นบุคคลที่มีความก้าวหน้าในสังคมมากเท่านั้น

ในการพิจารณาตำแหน่งออร่าสีเหลือง ถ้าสดใสปรากฏอยู่โดยรอบศีรษะแล้ว แสดงว่าบุคคลนั้นมีความคิดอ่านอันเป็นนามธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหาและการใช้คำพูด ขณะที่ปรากฏอยู่รอบไหล่และบริเวณทรวงอก แสดงว่ามีความสามารถในการใช้ดวงตาประสานกับการใช้มือได้เป็นอย่างดี และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องยนต์กลไก

ออร่าสีเหลืองมักแสดงให้เห็นว่าบุคคลผู้นั้นเป็นบุคคลที่พึ่งพาได้ ให้ความเป็นมิตรกับทุกคนและมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สำหรับบุคคลที่มีความสนใจในการช่วยเหลือสังคม เราจะพบว่าออร่าสีเหลืองแผ่กว้างออกไปยังบริเวณรอบนอกของออร่าด้วย

สีเหลืองที่หม่นหมอง และขอบเขตที่จำกัดของการแผ่รัศมี มักแสดงถึงสภาวะจิตที่มีความตึงเครียด ก่อให้เกิดอิทธิพลทางลบต่อการทำหน้าที่ของสมองและเป็นอุปสรรคต่อปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอีกด้วย[/glow]
สีฟ้า

สีฟ้าอ่อน มักจะสัมพันธ์กับความสมดุล ความเยือกเย็น สุขุม ความยืดหยุ่น ประนีประนอม และมองโลกในแง่ดี มักพบในออร่าของบุคคลที่รู้จักคุณค่าของตนเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

สีฟ้าเข้ม จะสัมพันธ์อยู่กับไหวพริบ สติปัญญาและการรู้จักควบคุมอารมณ์ มักพบในออร่าของบุคคลที่มีไหวพริบ มีความสามารถสูง ทั้งยังเป็นคนที่มีหลักการในตนเองด้วย

สีฟ้าในออร่ามีการสนองตอบเป็นพิเศษต่อการทำสมาธิและการสร้างความรู้สึกผ่อนคลายที่กระจายพลังงานสว่างสดใสเข้าไปในระบบออร่า

สีฟ้าหม่นเกิดขึ้นที่ตรงบริเวณใดของออร่าก็ตาม คือสิ่งที่บ่งบอกถึงการมองโลกในแง่ร้าย ความท้อแท้และความรู้สึกหวาดระแวง ซึมเศร้าอย่างรุนแรงหรือผู้ที่คิดฆ่าตัวตาย
สีเขียว

บ่งบอกถึงพลังงานแห่งการบำบัดรักษา ความพยายามที่จะรู้จักตัวตนแท้จริงของตนเองและการยกระดับจิต โดยทั่วไปนั้น ออร่าของผู้ที่ประกอบอาชีพในการให้การบำบัดรักษา อาทิ แพทย์ พยาบาล และรวมไปถึงนักสังคมสงเคราะห์ทั้งหลายนั้น มักจะมีออร่าเขียวสดใส

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือ นักพลังจิตบำบัดนั้นมักจะมีออร่าสีรุ้ง ซึ่งไม่ใคร่พบในออร่าของบุคคลที่มีอาชีพในการบำบัดแบบอื่นเท่าไรนัก

ออร่าสีรุ้งที่มีสีเขียวเด่งกว่าสีอื่น มักจะมีความเกี่ยวเนื่องกับมิติลี้ลับในระดับจิตสำนึกอีก จึงพบว่าจะพบออร่าดังกล่าวนี้เกิดอยู่ในออร่าของนักมายากลอีกด้วย

จากการศึกษาออร่าของนักศึกษาแพทย์ พบว่าออร่าของพวกเขามีสีเขียวเด่นกว่าสีอื่น ๆ ที่ปรากฏร่วมอยู่ด้วย ในขณะที่ออร่าของนักศึกษาพยาบาลพบว่า ไม่เพียงแต่ออร่าจะมีสีเขียวสดใส แต่ยังมีคลื่นความถี่สูงกว่าสีอื่น ๆ มาก

สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น ออร่าเขาจะมีบริเวณที่เป็นสีเขียวที่แผ่รัศมีออกไปกว้างมาก โดยที่สีเขียวสดมักจะปรากฏเป็นลำแสงพลังงานที่ห่อหุ้มร่างกายไว้

สีเขียวที่หม่นหมอง เป็นสัญลักษณ์ของความอิจฉาริษยา ชอบใช้พฤติกรรมของตนเป็นมาตรฐานและมักจะกล่าวโทษผู้อื่นในความล้มเหลวของตนเอง

สีเขียวหม่นที่ค่อนไปทางสีเทานั้น มักเป็นลางบอกเหตุว่าจะพบเรื่องร้าย ๆ ที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวหรือเคราะห์ร้าย รวมไปถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยรุนแรง
สีชมพู

เป็นสีแห่งวัยเยาว์ ความสุขสดชื่น อุดมคติ แม้จะปรากฏอยู่ท่ามกลางสีอื่น ๆ ที่หม่นมัวหรือจืดชืด แต่สีชมพูมักจะสว่างสดใสอย่างเห็นได้ชัดเสมอ เป็นสีแห่งความหวังและมีแนวโน้มไปในทางมั่นคง

เนื่องจากสีชมพูจะพบในคลื่นความถี่สูงในออร่าที่บ่งบอกถึงความมีอายุยืน จึงมักสัมพันธ์กับความเป็นผู้มีอายุยืนยาวด้วย

มักพบสีชมพูจำนวนมากในคนที่พร้อมจะอุทิศเวลาและทรัพย์สินในกรณีที่พวกเขาพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่มีค่าควรกระทำ เป็นบุคคลที่ปกติจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแต่พอประมาณ ส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งความสนใจไปในเรื่องการอนุรักษ์งานศิลปะและงานด้านประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มากกว่า
สีน้ำตาล

สัมพันธ์อย่างมากในเรื่องที่เกี่ยวกับโลกและวัตถุแร่ธาตุทางธรรมชาติ บ่งบอกอุปนิสัยว่าเป็นนักปฏิบัติ มั่นคงในจิตใจและรักอิสระ นักธรณีวิทยา นักนิเวศวิทยา นักโบราณคดี นักพัฒนาที่ดิน และผู้ที่ทำงานด้านการก่อสร้าง ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีน้ำตาลโดดเด่น

ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่สนใจในกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง เช่น เดินทางไกล , ล่าสัตว์ ฯ มักไม่ใคร่พอใจในกิจวัตรที่จะต้องปฏิบัติเป็นประจำ รวมไปถึงชีวิตในชานเมือง บุคคลเหล่านี้จะใส่ใจเรื่องสุขภาพ การออกกำลังในโรงยิมหรอืกีฬาที่ใช้แร็กเกต เป็นกิจกรรมที่พวกเขาจะปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอภายหลังจากเสร็จงานประจำที่ทำอยู่ เมื่อถึงสุดสัปดาห์มักจะไปหาความสำราญตามชายหาดหรือภูเขา แม้จะมีสังคมที่ดี แต่ก็มีโลกส่วนตัวสูงมาก

เป็นบุคคลที่เชื่อมั่นในตนเอง มีความเชื่อในแรงบันดาลใจสูงมาก มีลักษณะชี้ขาดในการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
สีม่วง

เป็นสีที่มีอยู่น้อยมากในออร่า สัมพันธ์กับปรัชญา มักเป็นผู้มีแนวคิดในทางสร้างสรรค์และมีความเป็นศิลปินอย่างเห็นได้ชัด มักมองในมุมกว้างมากกว่าจะสนใจในข้อเท็จจริงเฉพาะหรือเอาสถิติเข้ามาอ้าง เนื่องจากไม่เชื่อถือในตัวเลขสถิติอยู่แล้ว

บุคคลเหล่านี้มักมีสติปัญญาเหนือระดับอัตราเฉลี่ย มักเรียกร้องความเคารพนับถือจากเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ชอบทำงานในแขนงที่ตนมีใจรัก

โดดเด่นในออร่าของผู้สอนศาสนา นักปรัชญาและนักทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นมันยังเป็นสีที่มั่นคงมาก ไม่ซีดหรือจืดจางได้ง่าย
สีส้ม

คนที่มีออร่าสีส้มเป็นหลัก มักพบในกลุ่มบุคคลที่ประสบความสำเร็จสูง โดดเด่นในสังคม งานขายต่าง ๆ จะเชี่ยวชาญ ส่วนใหญ่จะรักอิสระและมีธรรมชาติในการแข่งขันสูง เชี่ยวชาญในการใช้คารมเกลี้ยกล่อมราวจะชดเชยสิ่งที่เป็นปมด้อยของตน เมื่อใดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ บุคคลประเภทนี้จะมีการกล่าวแก้ข้อหาอย่างรุนแรง

แม้บุคคลประเภทนี้จะยกย่องคุณค่าต่อปฏิสัมพันธ์ในสังคม แต่ก็ไม่อาจยึดมั่นได้ในระยะยาว เพราะบางครั้งพลังความคิดของเขาจะกระจัดกระจายทำให้พวกเขาไม่อาจทำงานสำคัญ ๆ ให้ประสบความสำเร็จได้

การที่สีส้มจืดจางลง บ่งถึงการมีความอดทนน้อย
สีเทา

ปกติแล้วจะปรากฏเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่มักบ่งถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้ เช่น ความเจ็บป่วย ถ้าเมื่อใดมันขยายใหญ่เต็มออร่า อาจหมายถึงความตายได้

ความป่วยไข้ที่ใกล้เข้ามา บอกได้จากสีเทาที่ปรากฏขึ้นตรงบริเวณในสุดของออร่า

ถ้ามีสีเทาเข้มเป็นบริเวณเล็ก ๆ นั่นคือการบ่งชี้ถึงปัญหาทางสุขภพาที่ร้ายแรงเป็นพิเศษ อาจเกี่ยวกับอวัยวะภายใน ขึ้นกับตำแหน่งที่สีเทาปรากฏด้วย

ถ้ามันปรากฏขึ้นบริเวณตอนบนของออร่า ขยายใหญ่ออกไปจนเลยขอบนอกของออร่า จะบ่งถึงข่าวร้าย อาจจะหมายถึงการสูญเสียบุคคล ผู้ที่เป็นที่รักหรือญาติสนิทมิตรสหาย
สีแดง

อาจจะปรากฏเป็นปื้นใหญ่ขึ้นมาอย่างฉับพลันหรืออาจจะเป็นขนาดเล็กและปรากฏชั่วคราว มักสัมพันธ์กับพฤติกรรที่เกิดอย่างหุนหันพลันแล่นและอารมณ์ที่รุนแรง รวมไปถึงการระเบิดความโกรธอีกด้วย แม้ว่าจะเกิดชั่วคราว แต่เส้นใยสีแดงก็สามารถถักทอดเข้าไปในออร่าจนกลายเนรูปแบบถาวรของพฤติกรรมที่มีศักยภาพสูง แต่บ่อนทำลายพลังในตัวลง มักพบสีแดงเข้มในออร่าของผู้ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง รวมไปถึงวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมโน้มเอียงไปทางรุนแรงด้วย นอกเหนือจากนั้นยังพบได้ในออร่าของนักกีฬา เพราะจะบ่งถึงความชอบความตื่นเต้น กระวนกระวายและพฤติกรรมชอบเสี่ยงได้อีกด้วย




ที่มา :  หนังสือ “พลังออร่า เพื่อสุขภาพบำบัด รักษา และสมดุลแห่งชีวิต "

____________________

เครดิต :  http://www.look4thailand.com

____________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น