วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แต่งแล้วจ้า “โย่ง-ก้อย” จัดงานแบบย้อนยุค เผยอยากมีลูกแฝด 4

“โย่ง” ถือฤกษ์ดีวันเสาร์ 5 เดือน 5 ปี’55 ยกขันหมากแต่ง “ก้อย” ภายใต้ธีมแบบไทย สไตล์ย้อนยุค เจ้าตัวเตรียมจดทะเบียน 25 พ.ค.นี้ สินสอดทุกอย่างใช้เลข 5 พร้อมให้คำมั่นจะรักก้อยมากขึ้นทวีคูณ แพลนฮันนีมูนอินเดีย ส่วนเรื่องลูกอยากได้แฝด 4

ยึดเอาฤกษ์ดี วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 จัดงานแต่งงานเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่กันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับคู่รักเด็กแนว “โย่ง อนุสรณ์ มณีเทศ” หรือ “โย่ง อาร์มแชร์” กับสาว “ก้อย วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก” หรือ “ก้อย แซทเทอร์เดย์ เซโกะ” ซึ่งทั้งคู่เลือก “มิวเซียมสยาม” เป็นสถานที่จัดงาน ภายใต้ธีมแบบไทยๆ สไตล์ย้อนยุค บ่งบอกความเป็นตัวตน และความชอบของบ่าว-สาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งก่อนงานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.ทั้งคู่ได้นั่งรถเบนซ์มาจอดด้านหน้าตึก โดยมีโย่งเป็นคนขับ พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเก็บภาพหวานอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในวันสำคัญของชีวิต ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

โย่ง : “ช่วงเช้าเรามีพิธีแบบไทยๆ ได้นุ่งโจงกระเบน คุณก้อยมีชุดที่สวยงามมากครับ เป็นชุดย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ของผมเป็นเสื้อตัวนี้ และใส่โจงกระเบน หลังจากนั้นมีพิธีทางพระสงฆ์ พิธียกขันหมาก มีพิธีหมั้น และแต่งงาน”

ก้อย : “พี่ๆ นักข่าวมักจะเรียกเราว่าเด็กแนว แต่เราอยากจะอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยดั้งเดิมไว้ ก็เลยจัดพิธีตอนเช้าเป็นพิธีไทยที่ค่อนข้างโบราณ เพราะเราค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ ส่วนที่เราเลือกมิวเซียมสยาม เพราะเราชื่นชอบเกาะรัตนโกสินทร์มานานแล้ว วันที่คิดว่าจะแต่งงาน ก็เลยอยากจะแต่งงานในเกาะรัตนโกสินทร์”

โย่ง : “ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่เก็บความทรงจำในอดีต เพื่อให้เป็นอมตะ ผมเลยอยากให้ความรักของผมกับก้อยเป็นอมตะ ไม่ว่าใครจะมาที่นี่ก็จะนึกถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 ซึ่งผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ”

ก้อย : “เราได้รับอนุญาตจากทางผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นคู่แรกที่ได้จัดงานแต่งที่นี่ค่ะ”

ทั้งคู่ยอมรับว่า รู้สึกตื่นเต้นกับงานมงคลในวันนี้สุดๆ

โย่ง : “ตื่นเต้นครับ”

ก้อย : “ตื่นเต้นเพราะเมื่อเช้าฝนตกค่ะ (ยิ้ม) คืองานตอนเย็นเป็นงานที่เราจัดในสวน ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเพราะกังวลเสียงฟ้าร้องทั้งคืน”

โย่ง : “ตื่นเต้นเพราะเรื่องแต่งงานด้วยครับ เราคบกันมา 10 ปีแล้ว พอได้แต่งงานมันคือความฝัน พอได้สัมผัสประเพณีไทยจริงๆ ก็รู้สึกโชคดีที่เราได้เป็นประชาชนในประเทศที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่สวยงาม พอได้เข้าพิธีแบบไทย รู้สึกตื้นตันใจมากกว่าตื่นเต้นครับ”

ก้อย : “มีความสุขมากค่ะ เราคบกัน 10 ปี ทุกๆ วันของเรามีค่าอยู่แล้ว พอวันนี้มันเป็นวันที่ทำให้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้เรามีความสุขค่ะ”

เจ้าบ่าวให้คำมั่นสัญญาจะรักเจ้าสาวมากขึ้นทุกๆ วินาที

โย่ง : “มีอยู่ช่วงนึงที่ผมต้องผ่านด่านประตูเพื่อนเจ้าสาวหลายด่าน เพื่อเข้าไปหาคุณก้อย พอถึงด่านสุดท้าย เพื่อนคุณก้อยก็บอกว่าผมต้องให้คำสัญญากับเขาก่อน ผมเลยบอกว่า ผมสัญญาจะรักคุณก้อย 10 ปีที่ผ่านมาเคยรักยังไง 10 ปีหรือ 20 ปีข้างหน้า จะรักมากขึ้นเป็นทวีคูณ และจะดูแลคุณก้อยให้ดีที่สุดทุกปี ทุกเดือน ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกชั่วโมง ทุกนาที และ วินาทีครับ”

ก้อย : “ปลื้มค่ะ ปลื้มมาเป็น 10 ปีแล้ว”

งานนี้ “โย่ง” ทุ่มเทสุดแรงใจไปเรียนตัดชุดเจ้าสาวให้ “ก้อย” ด้วยตัวเอง

ก้อย : “รู้สึกประทับใจที่เขาเริ่มไปเรียน ตั้งแต่ไม่มีความรู้ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า จนเย็บผ้าได้ถีบจักรเป็น มันเป็นเรื่องความประทับใจที่เขาใช้เวลาทุ่มเทกว่า 3 เดือนเต็ม”

โย่ง : “แรกเริ่มที่คิดจะทำชุดให้ เพราะผมตั้งใจจะมอบของขวัญชิ้นนึงให้คุณก้อย แต่ด้วยความที่ผมไม่รู้จะมอบอะไรให้ เพราะผมกับคุณก้อยเวลาจะมอบของขวัญจะทำให้กันเอง 10 ปีที่ผ่านมาคุณก้อยดูแลผมดีมาตลอด อดทน สู้ด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เราก็แบ่งปันกันตลอด ไม่มีวันไหนที่เราไม่รักกัน ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นที่คุณก้อยมีให้ผมมันมีค่ามาก ผมก็เลยคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเจ้าสาวคือชุดเจ้าสาว ผมอยากทำให้คุณก้อยด้วยตัวและหัวใจ”

เคลียร์งานเสร็จจะไปฮันนีมูนที่อินเดีย

ก้อย : “เราทั้งคู่เดินทางกันอยู่แล้ว แพลนที่เราจะไปคืออินเดียค่ะ โย่งจะชวนนั่งรถไฟสายทรานซิลเวเนียค่ะ”

โย่ง : “คงอีก 2 เดือนถึงจะไปครับ เพราะก่อนหน้านี้ลุยเรื่องงานแต่ง งานก็เลยพักไปเยอะเหมือนกัน หลังแต่งก็ต้องลุยงานต่อ เสร็จงานที่ค้างไว้จะขอเวลาไปเที่ยวกันครับ”

ส่วนเรื่องลูก “โย่ง” อยากได้แฝด 4

โย่ง : “อาจจะขอปั๊มเลยครับ แต่คงไม่ไหว คืนนี้เหนื่อยมากครับ (หัวเราะ) ก็อยากมีปีนี้เลยครับ อยากมีลูกทันใช้ จะเป็นเพศไหนก็ได้ ขอให้เกิดมาแข็งแรงก็โอเคแล้ว จะมีสักกี่คนผมก็ได้หมด”

ก้อย : “จริงๆ โย่งอยากได้แฝด 4 ค่ะ (นักข่าวกรี๊ดกันทั้งงาน) ก็เป็นตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ”

สำหรับการจดทะเบียนสมรสรอจดวันที่ 25 พ.ค. ที่จะถึงนี้

โย่ง : “ยังครับ”

ก้อย : “เรามีวันพิเศษในการจดทะเบียน คือวันที่ 25 นี้ เพราะเป็นวันศุกร์ค่ะ และเปลี่ยนนามสกุลค่ะ”

โย่ง : “เรือนหอตอนนี้ผมกำลังทำออฟฟิศอยู่ สร้างเหมือนเป็นบ้านผมเอง และจะทำเป็นออฟฟิศด้วย แถวๆ เกษตรนวมินทร์ คงเป็นเรือนหอเราครับ สินสอด จริงๆ ผมให้ค่าความรักของผมที่มีให้กับคุณก้อยมากกว่าเรื่องสินสอด แต่ก็บอกได้ว่าทุกอย่างเป็นเลข 5 หมดครับ”

ก้อย : “ก็เป็นเลขที่เราชอบค่ะ เอาเป็นว่าตามความเหมาะสมค่ะ”

พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่ใช้ชีวิตแบบสามี-ภรรยา มีแพลนอะไรบ้าง?

ก้อย : “เรามีแพลนคือเรามาแต่งงานที่นี่ ตื่นเช้าเราจะไปไหว้พระวัดอรุณฯกันค่ะ”

โย่ง : “ตอนเช้าที่นี่จะมีพระสงฆ์พายเรือบิณฑบาต พรุ่งนี้เราจะไปใส่บาตรครับ”

พร้อมเผยถึงหลักในการครองรักกันว่า…

โย่ง : “ถ้าพูดให้สวยหรูยาวมากครับ แต่ถ้าสำหรับผู้ชาย สั้นๆ คือยอมครับ”

ก้อย : “ยอมเหมือนกันค่ะ จริงๆ ดีที่สุดคือยอมด้วยกันทั้งคู่ค่ะ”

เป็นศิลปินด้วยกันทั้งคู่ เพลงที่จะมอบให้กันน่าจะเป็นเพลงอะไร?

โย่ง : “ยากนะ ผมเคยร้องเพลงนี้ให้คุณก้อยตอนขอแต่งงาน ผมก็จะขอมอบให้อีกครับ เพราะว่าผมรู้สึกมาตลอดระยะเวลาที่เจอเขาจนถึงวันนี้ผมเป็นผู้ชายที่โชคดี ชื่อเพลง ผู้ชายที่โชคดี ของอาร์มแชร์ครับ (ร้องเพลงให้ฟัง)”

ก้อย : “ก้อยเคยแต่งเพลงให้โย่งค่ะ ชื่อเพลง ฟ้าเป็นใจ เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้มแซทเทอร์เดย์เซย์โกะ ก้อยแต่งเพลงนี้ให้เพราะสมัยที่คบกับโย่งแรกๆ เราคบกันตอนหน้าฝนพอดี ทุกวันที่ฝนตกเขาก็จะไปส่งที่บ้าน เราก็บอกว่าฝนหยุดตกค่อยกลับ ทุกวันก็รอว่าเมื่อไหร่ฝนจะไม่หยุดตกซะที เพราะเราไม่อยากให้มันหยุดค่ะ ก็เลยแต่งเพลงนี้ให้เขา (ร้องเพลงให้ฟัง และโย่งก็ช่วยร้องด้วย)

เมื่อถามว่าสุดท้ายนี้อยากบอกอะไรไหม? งานนี้ก็ทำเอาเจ้าบ่าวน้ำตาไหล

ก้อย : “งานแต่งงานของเราไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ ไม่มีออแกไนเซอร์ ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก้อยกับโย่งขอโทษด้วยนะคะ เรารู้สึกว่าแค่เราเริ่มบอกว่าจะแต่งงาน ทุกคนก็มาแสดงความยินดีกับเรา ไม่ว่าเพื่อนๆ หรือใครก็ตามที่รักเรา ก็เดินมาบอกว่าอยากจะช่วยจัดงาน ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือมีอุปสรรคอะไรก็ตาม เราทั้งคู่มีความสุขมาก และดีใจมากที่รู้ว่ามีคนรักเรา ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่มาในวันนี้ด้วยค่ะ”

โย่ง : “อาจจะเป็นงานเล็กๆ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพี่ๆ ทุกคนคือ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง ผมขอบคุณมากที่อุ้มชูผมมาตลอด ผมดีใจมากครับ (เสียงสั่น น้ำตาปริ่ม) ผมไม่คิดว่าพี่ๆ จะมาเยอะขนาดนี้ ผมปลื้มใจมากครับ ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าสื่อเลยครับ (งานหมั้นเมื่อเช้าร้องไห้มั้ย?) กัดฟันจนห้อเลือดเลยครับ วันนี้ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทุกคน ทุกแขนงมากๆ ครับ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาผมมีความสุขมากเพราะมีพี่ๆ คอยช่วยมาตลอด ขอบคุณจากใจจริง ผมสัญญาว่าจะเป็นศิลปินที่ดี และเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนครับ”

ชมภาพบรรยากาศเต็มๆที่ http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000055780

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น