วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรก ด่าคนแก่ เ - ี้ ย หลอกเงินเด็ก หิ้วเด็กวัด หลอกเงินพระ

แฉ “นาธาน” ครบสูตรนรกแตก นอกจากจะหลอกเงินญาติ ”ครูแหม่ม” 7 แสนแล้ว ก็ยังมีนิสัยก้าวร้าวด่า “พ่อกับแม่ครูแหม่ม” ผู้ให้ที่พักพิงว่า เ - ี้ ย พูดอะไรก็ไม่ฟังบอกมีเงินแล้วค่อยมาพูดกัน สุดอนาถขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 20 บาทก็ยังเอา ล่าสุดไปบอกพระว่าจะสร้างเครื่องกระจายเสียงเรียกเก็บเงิน 4 หมื่น ซ้ำมีพฤติกรรมสนิทสนมกับเด็กวัดถึงขั้นพาไปนอนที่บ้าน


เปิดมหากาพย์นรกไม่เอาอีกรอบแล้วสำหรับ “นาธาน โอร์มาน” อดีตนักร้องผู้อื้อฉาวที่มีข่าวเน่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โกงหุ้นส่วนร้านกาแฟ โกงเงินพี่เลี้ยงที่อยู่ร่วมกับมานานนับ 10 ปีอย่าง “แม่บ้านสมาน สุขเสริม” ล่าสุดก็ถึงคิว “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมที่เคยรักนาธานนักหนา ถึงกับหอบหิ้วนาธานไปอยู่ที่เชียงคานบ้านเกิด หวังจะให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากรอดคุกกรณีโกงเงินแม่บ้านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

ต้อมกับน้ามด


แต่ล่าสุดนาธานก็ไปก่อเรื่องอีกจนได้ คราวนี้ครอบครัวของครูแหม่มผู้มีพระคุณโดนกันถ้วนหน้า จนต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความฉ้อโกงที่สภ.เชียงคานเมื่อวันก่อน เรื่องนี้เป็นเหตุให้เอเอสทีวีบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ต้องลงพื้นที่เพื่อตามล่าหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับนาธานอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ครูแหม่มที่เคยวิ่งหนีนักข่าว เอาผ้าคลุมหน้าบังกล้อง ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม เชื้อเชิญเข้าไปพูดคุยในบ้าน ทำให้ทีมข่าวได้พูดคุยกับครอบครัวของครูแหม่มอย่างหมดเปลือก

ไม่ว่าจะเป็น “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” หนึ่งในเหยื่อของนาธานที่โดนเชิดเงินไปถึง 7 แสน และ “ต้อม” ลูกชายคนโตที่ต่อต้านนาธานมาโดยตลอด รวมไปถึงลูกชายอีก 2 คนของน้ามดที่น้ามดบอกว่า ทำหน้าที่เป็นเสนาน้อยคอยรับใช้นาธานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี “น้าต่าย” ญาติของครูแหม่ม ช่างเสริมสวยที่นาธานไปใช้บริการทำสวยอยู่เป็นประจำก็มาร่วมด้วยช่วยแฉว่าโดนยืมเงินไปเหมือนกัน เรียกว่าโดนกันแล้วถ้วนหน้า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เราได้รู้ว่า ผู้ชายที่ชื่อ นาธาน โอร์มาน ครบสูตรนรกแตกจริงๆ

ครูแหม่ม :“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นเพราะเรารักเขาเมตตาเขาเหมือนแม่ที่คลอดออกมา ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราแบบนี้หรอก คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับคนอื่นคงไม่ได้เกิดกับเรา ตอนนั้นกระแสสังคมแรงมากแต่เราก็ไม่ฟังเนื่องจากรักเขารักเหมือนลูกเหมือนหลาน รักเหมือนคลอดเขาออกมาเลย ความผูกพันมันเอื้อกันมา เมื่อก่อนเขาไม่มีบ้านอยู่เราแต่เรามีลูกศิษย์เยอะ แล้วลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นเจ้านายเก่าพี่เต็ม(แม่บ้านสมาน สุขเสริม) พอเจ้านายเก่าเลิกจ้างพี่เต็มเราก็ให้นาธานไปอยู่กับพี่เต็ม ก็เรียกว่าดูแลเขามา10 กว่าปีแล้ว”

“ดูแลตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นนักร้องให้กำลังใจเขาสู้ๆ นะ กินอยู่ยังไงไม่มีเงิน 100-200 เราก็ให้เขาเพราะเราก็ไม่ได้มั่งมีอะไร เวลาเขาขอเงินมาก็ให้เป็นหลักร้อยหลักพันก็มี โทรศัพท์มือถือไม่มีก็ซื้อให้ เหมือนเราเป็นแม่ของเขาจริงๆ เลยมันซึมซับผูกพันธ์กันมาเรื่อยๆ พอเขาได้เป็นนักร้องเขาก็ห่างๆ ไปบ้างเพราะเขามีงานแต่เวลาที่เขามีปัญหาเดือดร้อนไม่มีเงินเขาก็โทรมา แต่ถึงเขาจะเป็นนักร้องเขาก็ไม่ได้เอื้ออะไรเรานะ มีแต่เรานี่แหละให้เขาคนอย่างนาธานไม่มีทางเอื้อใคร เราก็พึ่งมารู้ตอนนี้นี่แหละ”

“พอนึกถึงวันนี้ที่เราจะต้องไปนั่งอยู่ในโรงพักกับเมื่อปีก่อนที่เราก็มานั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกัน แต่มันมากันคนละสถานะเลยนะ ในวันนั้นเรามาในฐานะแม่จริงๆ ลูกเราเดือดร้อนปกป้องลูกทุกอย่าง วันนั้นที่เขาโดนจับเขาก็นั่งอยู่ในบ้าน น้ามดก็กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้กิน”

น้ามด : "ก่อนที่จะโดนจับก็มีตำรวจมาถามว่ามีดารามาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ได้อำนวยความสะดวกให้เขาไหม เราก็บอกมีนาธานแต่เขาเป็นหลานผัวตอนนี้ไปเมืองเลย พอตอนเช้าเขาก็มาตะคุบเอาที่นี่ กำลังจะทำก๋วยเตี๋ยวให้เขาทานพอดี เขาชอบทานก๋วยเตี๋ยว”

ครูแหม่ม: “เขายังไม่ทันจะกินเลย กำลังเอาใส่ปากมันน่าสงสารนะ เมื่อก่อนนี่น้ามดเขาเชื่อข่าวนะ แต่พอมาเห็นตัวจริงนาธานน้ามดเปลี่ยนเลย มาเจอคำหวานๆ เปลี่ยนเลยรักเหมือนลูก วันที่โดนจับน้ามดก็เอาเงินยัดใส่มือเรา 8,000เอาไปช่วยหลานนะลูก แกเสียใจที่นาธานมาโดนจับที่บ้าน เสียใจมากรู้สึกว่าตัวเองผิด เราเองก็สงสารเขารู้สึกผิดเขามาโดนจับที่บ้านเรา เราจะต้องช่วยเหลือเขา”

“แต่พอปีนี้เราก็มานั่งในตำแหน่งเดิมอีก แต่มันเป็นคนละหน้าที่ คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านาธานมาทำอย่างนี้กับผู้มีพระคุณได้ยังไง เมื่อเช้าก่อนจะไปโรงพักหมาของน้ามดเนี่ยก็มาสะกิดขามายกมือไหว้มาเกาะมือน้ามด เหมือนเขาจะให้กำลังใจ เราก็ยังพูดกันอยู่เลยว่า เลี้ยงหมาก็ยังดีกว่าเลี้ยงนาธานเนอะ มาถึงวันนี้บอกได้เลยว่าเสียใจมาก ชีวิตเราตกต่ำสุดๆ เราเป็นครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์เยอะ วันนั้นเราเอาเกียรติของความเป็นครูการันตีเขาหมด แต่วันนี้เขากลับมาทำอย่างนี้กับเรา แทนที่เราจะไปการันตรีให้พ่อแม่พี่น้องที่คลอดเรามา เงินที่เราให้พ่อแม่ก็ยังไม่ได้ให้เท่านาธาน โอร์มานนะ”

“พี่น้องของเราที่อยู่ที่นี่ก็เสียใจหมดก็คนบ้านนอกน่ะ รักและดูแลเขาอย่างดีน้ามดให้นาธานกินอยู่ตั้งแต่เช้ายันนอน ขนาดโกรกผมยังต้องมาเอาเงินกับน้ามดเลย น้ามดขายของอยู่นาธานโทรบอกน้ามดเติมน้ำมันรถ น้ามดก็ต้องวิ่งเอาเงินมาให้ กลายเป็นแม่บุญธรรมโดยที่ไม่ต้องมีคนแต่งตั้ง เขารู้ว่าน้ามดใจดีมีเงินเข้าออก ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้ทุกวัน”

น้ามด : “บางทีก็เห็นเขานั่งซึมๆ เราก็ไปถามไม่มีเงินหรอลูก เราก็เอาเงินใส่มือทีละ 1,000 - 2,000 บาท ขายของมาได้ก็เอาเงินมาให้เขาใช้จ่าย”

ครูแหม่ม : “แล้วดูสิทำไมมาทำแบบนี้ เรานึกว่าเขาจะเป็นคนดี นึกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ ตกทุกข์ได้ยากมาอยู่บ้านเราพ่อแม่พี่น้องเราก็ไม่เคยรังเกียจ มีแต่ให้กำลังใจเอาใหม่นะสู้ๆ นะ คิดว่าเขาคงไม่มีอะไร คงไม่ทำอะไรเราเพราะเขาก็ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่กับพ่อแม่เราแล้ว และเขาก็เรียกพ่อแม่เราว่าตากับยาย ก็คิดว่าเขาจะมาตั้งรกตั้งฐานที่นี่ พ่อกับแม่รักเขามากเขาขอที่มาทำรีสอร์ทพ่อกับแม่ก็ให้ แต่ก็ยังมาหลอกพ่อกับแม่ให้ขายวัวไปทำทัวร์อีก 5 หมื่น”

“พอเขามาอยู่ที่นี่ในระหว่างที่เราไม่อยู่เขาก็มาสร้างความหวังให้กับน้ามด เขาบอกจะพาน้ามดไปทัวร์ต่างประเทศ 20 ประเทศ น้ามดซ้อมจะสะพานกระเป๋าคล้องแขนไว้ให้ดี แตะไม่ต้องใส่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง ซ้อมดีๆ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเมืองนอก จะพาไปสวิตเซอร์แลนด์”

“เขาพูดทั้งๆ ที่อยู่ที่นี่เขาไม่ได้ทำงานอะไร มีแต่ญาติๆ ของเรานี่แหละจุนเจือเขา แม่เราก็ทำกับข้าวให้เขากิน แต่ส่วนใหญ่เขาจะมากินกับน้ามด เช้ายันค่ำมากินกับน้ามด ไม่มีเงินก็ขอน้ามดอยู่จนเหมือนลูกคนหนึ่งของน้ามด นอกจากนั้นแล้วเขาก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งคอยซัพพอร์ทให้เขา ขอไม่เอ่ยถึงละกันว่าชื่ออะไร แต่ผู้ใหญ่ใจดีของเขาคนนี้ก็เป็นคนเอาเงินมาลงทำรีสอร์ทที่นี่”

“และในระหว่างที่เขาอยู่บ้าน เราก็อยากจะสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ก็ให้นาธานมาเป็นคนดูแลให้ เราก็ไปกู้เงินมาได้ 9 แสนแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด ตากับยายก็จะไปเอากับธนาคารมาให้ นาธานเขาก็ขอเป็นคนดูแลเอง บิลต่างๆ เขาก็เก็บไว้เอง เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปให้ครูแหม่มดู เราเองตอนนั้นก็อยากสร้างเครดิตให้เขา อยากให้ญาติพี่น้องรักเขา อยากให้รู้ว่าเขามีเงินนะ บางคนก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนช่วยเราด้วยซ้ำ ยาย(แม่ของครูแหม่ม) ก็อยากสร้างเครดิตให้หลาน(นาธาน) ก็เลยเอาเงินยัดใส่มือให้ คือทุกคนรักเขาหมดไว้ใจเขาหมด”

“แต่เงินก็ไม่พอหลอกเราก็เอาที่ตรงไร่มะม่วงไปจำนอง เพราะนาธานบอกว่าอยากให้ยายเอาที่ไปจำนองนะ 4 แสนบาทจะได้สร้างบ้านให้เสร็จ ก็เอาไปจำนองใช้จ่ายไป 3 แสนเหลือ 1 แสนเขาก็เป็นคนเก็บไว้ แปลนบ้านเราก็มีก็ให้ แต่พอกลับมาบ้านเรากลับกลายเป็นอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนในแปลนเลย เขาคงคิดว่าจะอยู่ด้วยก็เลยสร้างตามใจตัวเอง

สุดก้าวร้าว ด่า “พ่อแม่ครูแหม่ม” ที่รักเหมือนลูกว่า เ - ี้ ย
“พ่อแม่เห็นบ้านแล้วก็โกรธมาก เพราะเขาอยากได้ตามแปลน อยากได้ 3 ห้องนอน นาธานก็มาสร้างเป็นแบบนี้ตะคอกใส่ คือพ่อเขามีแปลนบ้าน 3 ห้อง แล้วนาธานมาเปลี่ยนเป็น 6 ห้อง เขาก็เลยเถียงกัน ทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกว่า ค่าใช้จ่ายที่เกินไปเขาจะออกเอง แต่จริงๆ เราก็เป็นคนออกนั่นแหละ พอสร้างบ้านเสร็จเขาก็เอาตุ๊กตาผู้หญิงใส่อันเดอร์แวร์ไปวางไว้ตรงประตูทางเข้า ตาก็เลยห้ามเพราะเวลาเดินเข้าเดินออกผู้ชายบางคนเขาถือ ก็เลยทะเลาะกันด่าเ - ี้ ยด่าสัตว์ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่เราเลย เราก็รู้สึกว่า โห...ด่าพ่อด่าแม่เราเลยเหรอ”

“และเขาก็โทรมาบอกว่าป๋าจะเอามีดแทงเขา แล้วโดนนิ้ว นิ้วหลุด แต่คนที่เห็นบอกว่าเป็นรอยนิดเดียว ผู้ใหญ่เราไปขอดูนิ้วเขาก็ไม่ให้ดู แต่ก็ไม่หลุดหรอกยังอยู่เหมือนเดิม แหม่มก็ถามป๋านะว่าไปทำแบบนั้นทำไมมันผิดกฎหมาย พ่อก็บอกว่าแกไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จะทำร้าย เหมือนแกโมโหหยิบอะไรได้ก็หยิบ แต่ไม่ได้จะทำร้ายหรอก เหมือนเอามาขู่”

“เขาไม่น่าทำแบบนี้เลยตกทุกข์ได้ยากมาถ้าไม่มีตากับยาย ถ้าตากับยายไม่อนุญาตก็ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นที่ของเขา ตากับยายรักเขาจะตายซื้อกับข้าวหาข้าวให้กินตลอด แล้วเขายังเอาไปพูดกับญาติเราคนอื่นอีกว่า ตาไม่เหมือนสมัยเมื่อก่อนแล้วนะ คือเมื่อก่อนพ่อมีรถลางซุง ลากไม้ซุงตามโรงเลื่อย เป็นธุรกิจที่พ่อทำที่ลาว เขาก็บอกว่าตอนนี้ป๋าไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะ ป๋ามีเงินเหรอ ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าป๋ามีเงินค่อยมาพูดด้วย ถ้ามีเงินแล้วจะคลานไปกราบ ถ้าไม่มีเงินไม่ต้องมาคุย”

“คือนาธานเนี่ยใครสอนอะไรเขาไม่ได้หรอก ถ้าอยากให้เขาฟังต้องถือเงินไว้ซัก 1 หมื่น หรือเป็นแสน อย่างน้อยๆ ต้องมีไว้ซัก 5 พัน เขาถึงจะฟังในสิ่งที่เราพูด”

น้ามด : “โดยเฉพาะยายนี่รักนาธานมาก ขนาดนาธานบอกให้ยายไปยืมเงินตอน 2 ทุ่ม ซึ่งต่างจังหวัดคนเขานอนกันหมดแล้ว แต่ยายก็ต้องออกไปยืมตังค์ให้ ก็ให้น้ามดนี่แหละขี่มอเตอร์ไซด์พาไปยืมที่อำเภอ”

ครูแหม่ม : “ถ้าเขาจะเอาอะไรก็ได้ตามนั้น ต้องเอาทันที บางครั้งทาแป้งรอเลย สมมติวันนี้จะได้เงินมาจากไหน เขาจะทาแป้งทาปากรอเลย นี่แหละนิสัยเขาค่อนข้างก้าวร้าว พอบ้านเสร็จก็เกิดเรื่อง เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดบอกว่า พอบ้านเสร็จก็ถีบหัวส่งนะ ก็อยากจะบอกนาธานว่า ครูแหม่มไม่ได้ถีบหัวส่งนะ ถ้านาธานทำตัวดีทำมาหากินไม่สร้างเรื่อง นาธานสามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้จนดินกลบหน้าเลย ถ้าจะถีบหัวส่งรอให้นาธานทำรีสอร์ท 10 หลังเสร็จก่อนแล้วค่อยถีบไม่ดีกว่าหรอ แต่นี่มันเกิดจากการเรามารู้เรื่องของน้ามดแล้วรับไม่ได้ มาบอกว่า น้ามดเป็นคนติดต่อต่างประเทศเอง มันก็เลยแตกหักกันตรงนี้”

น้ามด : “พอมาอยู่ที่นี่เขาก็พยายามชวนทำทัวร์ตลอด เราก็บอกว่าไม่มีเงิน เขาก็เลยไปหาน้าติ๋วไปเอาเงินกับน้าติ๋วมาทำทัวร์พม่า 3 คน ลงไป 3 พันได้กำไรไป 6 หมื่นอันนี้คือสิ่งที่เขาพูดให้เราฟัง เราก็ไม่รู้ว่าน้ามดลงเงินจริงหรือเปล่ามันเป็นเพียงแค่ลมปากไม่มีหลักฐานอะไร และเขาก็บอกว่าให้น้ามดทำทัวร์ประเทศอื่นเราก็เชื่อเขา”

“เพราะตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ แม่เขา(ครูแหม่ม) ก็บอกว่าเขาถูกใส่ร้าย เขาก็พูดดีถ่อมตัวนาธานอย่างนั้น นาธานอย่างนี้ เราก็หลงเขารักเขาก็อย่างว่าบ้านนอกแหละเนอะ เวลาเขามีอะไรเขาก็จะมาสัมผัสเรามาจับขาจับแขนมาออดมาอ้อนบางครั้งก็มาโอบกอด เราก็จะบอกสู้เด้อลูกเด้อปัญหาทุกอย่างมีทางออก ตอนนั้นเอ็นดูเขามาก เขาเป็นคนพูดเพราะพูดหวาน ก็มาพูดให้เราทำทัวร์นี่แหละ พูดไปพูดมาเราก็เลยทำ ก็ไปยืมตังค์นอกระบบมาทำทัวร์ และเขาก็สั่งว่าห้ามบอกใครห้ามบอกแม่(ครูแหม่ม)เราจะรวยแน่นๆ กันสองคน”

“อันแรกเลยนาธานบอกว่าทำประเทศจีน 30 คน จะต้องเสียค่าจองตั๋ว 3 หมื่น เสียภาษี 1.5 หมื่น ค่าทำโบชัวส่งให้ลูกค้าดูอีกใบ 10 บาท 30 ใบ รอรับกำไล 2 แสนกว่าบาท เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปดำเนินการยังไง รู้แต่ว่ามีผู้หญิงที่ชื่อก้อยโทรมาหาน้ามดบอกว่าทัวร์เข้านะประเทศนั้นประเทศนี้ บางครั้งก็บอกลูกทัวร์ตกเครื่องจะต้องเสียเงิน 500 บาท เราก็ต้องเคลียร์ให้เขาหมด ก็โดนหลอกให้ทำทัวร์มาเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังสงกรานต์จนตุลาคมก็ประมาณ 20 กว่าประเทศจนหมดตัวรวมแล้ว 7.4 แสน"

“เงินเราก็ไม่มีหลอกไปยืมเขามา เป็นเงินนอกระบบร้อยละ 20 รวมๆ แล้วก็เป็นแสน เงินเปียแชรอีก 1 แสน และก็ไปขายที่ดินกับบ้านที่อุทัย แปลงที่ 1 ได้ 7.5 หมื่นแปลงที่ 2 ได้เงิน 6.7 หมื่น ซึ่งที่ดินตรงนั้นเป็นเงินที่เหลือจากการแต่งงานเอาไปซื้อไว้เป็นหลักทรัพย์ และก็เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองอีก 2.4 แสน และก็เงินที่ไปช่วยเหลือตอนพี่เต็มอีก ที่ต้องไปจำนองบ้านหลังนี้เพราะเขาบอกว่า มันต้องปิดจ็อบอีก 12 วันจะได้ตังค์คืน แต่ถ้าไม่เอาเงินมาลงอีก 2 แสนจะไม่ได้เงินทั้งหมดคืน ก็เลยไปขอร้องแฟนให้ช่วยหน่อยเพราะถ้าไม่ช่วยเงินที่ลงไปหลายแสนมันสูญนาธานบอกให้พูดแบบนี้ น้ามดก็เลยไปกล่อมแฟนเพราะบ้านหลังนี้เป็นมรดกของแฟน แฟนเขาก็ช่วย และก็บอกให้หยุดทำเท่าไหร่ก็เท่านั้นเราก็ไม่ฟังจนหมดตัว ดิ้นไม่ได้ถึงหยุด ไม่มีใครให้ยืมแล้วถึงหยุด เพราะเราก็อยากได้อยากรวย”

“น้ามดช่วยเขามาตลอดไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้ ช่วยนาธานตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องกับพี่เต็มแล้ว เขามาขอว่าช่วยธานหน่อย เราก็เห็นแล้วก็สงสารน้ามดไม่มีตังค์หรอกมีแต่สร้อย สร้อยทอง 3 บาทก็ถอดไปจำนำให้เขา เงินสดที่เก็บมาทั้งชีวิตมีอยู่ 3.5 หมื่นก็เอาให้ แต่หลอกนาธานว่าไปยืมมาเขาจะได้ร้อนใจรีบไปหามาคืน ก็บอกเขาว่า เงินน้องนะลูกนะ เงินน้องต้องเรียนหนังสือเอามาคืนนะ เขาก็บอกครับ ไปศาลไม่มีเงินเติมน้ำมันก็โอนให้ตลอดครั้งละ 5 พัน”

“เราให้เขาหมดให้ทุกอย่าง สร้อยไม่เคยเอาไปจำนำก็เอาไปจำนำให้เขา เงินนอกระบบก่อนหน้านี้ก็เคยยืมมาบ้างเวลาที่หมุนเงินไม่ทันแต่ก็ไม่ได้มากมายพอหมุนใช้จ่ายในครอบครัว แต่ก็ไปหายืมมาให้เขาจนหมด ขนาดเจ้าหนี้นอกระบบยังเตือนเลยว่า ทำไมช่วงนี้ยืมเงินเยอะจัง เขากลัวนาธานมาหลอกเพราะไปไหนกับนาธานตลอด เราก็โกรธตะหวาดเขาคนล้มอย่าข้ามให้โอกาสเขาหน่อยเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่แตะต้องนาธานอีกเลย”

“คิดแล้วก็เสียใจกับลูกกับผัวเรายังไม่เคยให้เงินเขาเยอะขนาดนี้เลยแต่เรากลับให้นาธานเพราะรักเขามาก รักเหมือนลูกให้กินให้อยู่มากกว่าลูกตัวเองซะอีก ไปขายของมาได้ก็เห็นนั่งเศร้าๆ ก็ถามไม่มีเงินหรอก็เอาเงินให้เขา ก็บอกให้เขาใช้ประหยัดๆ เพราะน้ามดก็ไม่ค่อยมีก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้นะ ให้ตลอดทีละร้อยสองร้อยทีละพัน นาธานไม่น่าทำกับน้ามดเลย”

ให้ “นาธาน” ทุกอย่างขนาดนี้ พอถามว่า นาธานเคยให้อะไร “น้ามด” ไหม เจ้าตัวตอบว่า...
“เขาเคยซื้อสบู่เป็นขวดๆ มาฝากจากกรุงเทพ 2 ขวด นอกนั้นก็ไม่เคยซื้ออะไร”

“เสียใจมากรักเขามากรักเหมือนคนตาบอดขนาดลูกเตือนก็ยังไม่ฟัง อย่าทำทัวร์เลยแม่ถ้าเขารวยเขารวยตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้ว เขาไม่มาทำที่นี่หรอกแต่เราก็ไม่ฟังเพราะอยากรวย เขาบอกประเทศนั้นได้กำไล 2 แสน ประเทศนี้ 3 แสน เราก็คิดไว้ว่า ถ้าได้กำไรทัวร์มาก็จะแบ่งให้นาธาน และก็จะมาซื้อรถให้แฟนมาวิ่งรับส่งนักเรียนก็จะได้มีรายได้เสริมเข้ามาพอได้กินได้อยู่เพิ่มขึ้นมา”

ต้อม : “ผมเป็นทหารเกณฑ์ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่าแม่ไปทำทัวร์กับนาธาน แต่ความมาแตกเพราะความดีใจของแม่ นี่แม่จะได้ตังค์แล้วนะแม่แอบไปทำทัวร์กับพี่นาธาน ผมก็เริ่มเชคข่าวกับเพื่อนๆ เพื่อนก็ปริ้นท์จากอินเตอรเน็ตมาให้ดู ผมก็รู้สึกว่ามันชักแปลกๆ แล้ว ก็บอกแม่ว่าถ้าเขาทำแล้วรวยเขาคงจะเคลียร์หนี้แม่บ้านได้(แม่บ้านสมาน) คงไม่เป็นข่าวแบบนี้หรอก แต่เหมือนนาธานเขาจะรู้ เขาจะหาคำแก้ตัวมาพูดกับแม่ได้หมด เวลาผมแย้งเรื่องอะไรนาธานเขาก็จะหาเหตุผลมาแก้ตัวไว้ล่วงหน้าเลยเขาดักเราไว้ทุกทาง”

“แต่ตอนนั้นเรื่องทัวร์มันยังไม่ชัดเจนผมแค่สงสัย แต่มันก็มีเรื่องที่เขาไปหลอกคนอื่น เขาไปประกาศทั่วเลยเขาจะไปถ่ายแบบกับแตงโมที่หาดนางคอย เพื่อนๆ ก็ถามว่าจริงไหม ผมก็บอกว่าไม่รู้ จนกระทั่งน้ำท่วมที่นั่นเขาก็เงียบๆ ไป และเขาก็ไปหลอกรุ่นน้องผมว่าจะมีดารามาถ่ายแบบ เขาก็ไปบอกรุ่นน้องผมว่า ให้มาเป็นไกด์แนะนำสถานที่แต่ไม่ให้บอกใคร และเขาก็เอาตังค์ให้รุ่นน้องผม 400 บาทกับเหล้าขาว ส่วนดาราที่จะมาถ่ายก็คือตั๊ก บงกช แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเหมือนเขาสร้างกระแสให้กับตัวเอง”

น้ามด : “เขาหลอกให้น้ามดรอ บอกว่าเงินทัวร์จะเข้าแล้วนะ พอเอาบัตรเอทีเอ็มให้นาธานไปตรวจสอบก็ไม่มี ก็เลยคิดว่ารอซักวันสองวันไปกดใหม่ แต่กดไม่เป็นมันกินบัตร ก็บอกให้นาธานไปติดต่อให้เขาก็ไม่ไป เขาบอกว่าเดี๋ยวธนาคารจะส่งมาให้ที่บ้านเอง เราก็รอเป็นเดือนแต่ก็ยังไม่ได้บัตร จนกระทั่งลูกชายกลับมาจากเกณฑ์ทหารก็เลยบอกให้พาไปตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีเงินเข้า น้ามดก็มาบอกนาธานว่าไม่มีเงินเข้าเลย เขาก็บอกเดี๋ยวก็เข้าเราก็เชื่อเพราะคุณก้อยก็จะโทรมาเรื่อยๆ ว่าให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะจัดให้ก่อนซัก 2 - 3 งวดพอให้ได้หมุนแต่ก็ไม่ได้”

“แต่มันก็มีเหตุให้สงสัยเพราะคุณก้อยนี่โทรมาอีกบอกว่าเงินในบัญชีของน้ามดไม่มีถึง 500 เลย ให้เอาเงินไปติดบัญชีไว้หน่อยมันจะได้มีเครดิต น้ามดก็เลยไปหายืมเงินได้มา 3 พันเอาไปใส่ไว้ในบัญชีตอน 11.30 น.ตอนเย็นเงินทัวร์จะเข้า 3.7 แสน เราก็นาธานเอ๊ยไปตรวจสอบดูสิลูก คุณก้อยบอกมาว่าเงินจะเข้าจะได้เอาเงินไปไถ่บ้าน เหลือเท่าไหร่ก็เอาเงินแบ่งกันกินแบ่งกันใช้เพราะเราอยู่ด้วยกัน ก็ปรากฏว่าเงินไม่เข้า พอลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบให้เงิน 3 พันที่เข้าไปก็หายไปหมด“

“น้ามดก็เลยมาโวยวายกับนาธานว่าเงินที่ใส่ไปหายไปหมดเลย ก็เลยโทรไปหาคุณก้อยว่าไม่รู้เงินที่ใส่ไปหายไปไหนหมด น้ามดไม่ได้กดไม่ได้ถอนเลย คุณก้อยก็อ้างว่าธนาคารมันแบล็คลิสต์ ก็เลยให้ลูกไปตรวจสอบถึงได้รู้ว่าพอเงินเข้าไปตอนเช้าตอนเย็นก็มีคนไปกดออกแล้ว แต่เราก็ยังไม่คิดว่าจะโดนหลอกมัน 50 : 50 ไม่อยากจะเชื่อ”

“พอผ่านไปไม่กี่วันคุณก้อยก็โทรมาอีก บัญชีธนาคารอื่นบัญชีหนึ่งมันมีเงินไม่ถึงพันนะ น่าจะเอาเงินไปใส่ซักพันสองพัน วันนั้นก็เลยไปกับลูกชายและก็นาธาน ลูกชายก็ไปซื้อม้วนหนัง น้ามดก็นั่งรออยู่ในรถ ส่วนนาธานก็เอาเงินไปเข้าบัญชีและก็เดินออกมาว่าเสร็จแล้วนะ เราก็จ้าก็พาไปกินข้าวแล้วก็กลับ จนลูกมาจากทหารก็ให้ไปตรวจสอบเงินเพราะเขาบอกว่าเงินจะเข้า พอลูกไปตรวจสอบก็ปรากฏว่า เงินไม่เข้าส่วนเงิน 2 พันที่ให้นาธานไปเข้าก็ไม่มี”

“พึ่งจะมามั่นใจว่าโดนหลอกจริงๆ ก็เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา พอเริ่มมีข่าวออกว่าแม่เขา(ครูแหม่ม)จะแถลงข่าว เขาก็โทรมาหาว่าน้ามดอยู่ไหน เราก็บอกขายของอยู่ เขาก็บอกว่า จะฆ่าธานให้ตายเลยหรอ วันนี้จะโอนตังค์ให้น้ามด 2 แสนนะ เราก็ดีใจรีบวิ่งไปเอาเลขบัญชีที่บ้าน พอตอนเย็นไปดูก็ปรากฏว่าไม่โอนมา แต่เขาก็ยังโทรมาหาน้ามดอีก บอกว่าจะโอนตังค์ให้น้ามดอยู่นะ ธานไม่ทิ้งน้าหมดหรอกจะหาทางช่วย จะหาเงินมาไถ่ถอนบ้าน แต่ตอนนี้ทัวร์น่ะมันล่มแล้วนะน้ามด พอเขาพูดตรงนี้น้ามดก็รู้แล้วว่าโดนหลอกก็เลยต้องไปแจ้งความ”

หลอก “น้ามด” ว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์เชพโรเลต ให้เซ็นต์ค้ำประกันรถให้

“นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังมาหลอกอีกว่า เขาเป็นพรีเซ็นต์รถเชฟโรเลตได้เงินค่าตัว 9 แสน แล้วเอารถเก่าไปเทิร์น 3.5 แสน(รถของนาธาน) รวมเป็นล้านกว่า แต่รถล้านหกเกือบล้านเจ็ด แต่เขาไม่เอาตังค์ค่าตัวแต่จะเปลี่ยนเป็นรถ ก็เลยให้น้ามดไปค้ำประกันให้ วันไปค้ำเอาน้ามดไปด้วย แต่วันไปเอารถเขาไปคนเดียว ตอนนั้นเราก็ไม่ทันได้คิดว่าไปค้ำประกันแล้วต้องรับผิดชอบ มันให้เซ็นต์ก็เซ็นต์ไป คิดว่าเขาคงได้ค่าพรีเซ็นเตอร์มาแล้วก็เลยไม่คิด แต่ตอนหลังเขาก็มาตามทวงยึดรถแล้ว มาวันที่ 25 เป็นวันเดียวกันกับมาวันที่นาธานบอกทัวร์เจ๊งเลย”

ต้อม : “หลังจากที่นาธานวางสายไป วันนั้นก็มีคนมาตามยึดรถที่บ้าน แต่ตอนแรกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรเรา จนเราถามไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่าโดนหลอกเรื่องพรีเซ็นเตอร์ จริงๆ มันคือเอารถแลกรถแค่ 2 แสน โอ้โห ก่อนหน้านี้มาขอเงินแม่ 3 หมื่น ไปซื้อเสื้อผ้าสไตล์ร็อค จะไปเดินแบบให้รถเบนซ์ที่กรุงเทพ แต่แม่หาให้ยืมไม่ได้เลยไม่ได้ให้ ผมก็คิดเอะใจว่า อ้าว...แล้วเบนซ์กับเชฟโรเลตไม่ฟ้องกันตายเหรอ”

น้ามด : “ตอนนี้เขาก็มาทวงค่าผ่อนรถกับเรา ก็เลยบอกว่าไม่มีอะไรจะให้ยึดแล้ว มีแต่ตัว ถ้าจะเอาก็คงจะต้องไปติดคุกอย่างเดียว เพราะไม่มีอะไรให้ยึด พูดจริงๆ ก็คือยอมติดคุกเพราะไม่เหลืออะไรให้ยึดแล้ว”

“ตอนนี้ความหวังทุกอย่างมันพังหมดแล้ว วันนี้น้ามดก็ยังไม่มีเงินไปจ่ายดอกค่าบ้านเขาเลย สัญญาบ้านจะหมดวันที่ 29 เดือนธันวาคมนี้แล้ว ถ้าไม่มีเงินไปไถ่ก็จะโดนยึดบ้าน แต่เราก็ยังไม่มีเงินว่าจะไปขอร้องเขาให้เขาช่วยต่อสัญญาให้หน่อยก็ไม่รู้ว่าเขาจะต่อให้หรือเปล่า ถ้าบ้านหลังนี้ต้องหมดไปก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันไม่กล้าคิดมันตื้อไปหมดแล้ว”

“ทุกวันนี้ทำงานหนักมาก เมื่อก่อนขายแต่ของหวานกับกาแฟ ออกจากบ้านตอนเช้าตี 3 และก็จะกลับมาทำของที่บ้านรอไปขายตอนเย็น แต่ตอนนี้น้ามดต้องขายก๋วยเตี๋ยวเพิ่มด้วย ต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ต้องทำทั้งวันพอขายของหวานเสร็จตอนเช้า ก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ส่วนลูกชายปลดทหารมาแล้วก็จะให้เขากลับบ้านมาทำขนมรอ ร้านกาแฟจ้างเขาขายวันละ 200 บาท ที่ต้องทำเยอะแบบนี้เพราะเรามีหนี้สินเยอะ เหนื่อยไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องจ่ายหนี้รายวันนอกระบบวันละ 2 พัน ทุกวันที่ 29 ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านอีกเดือน 8 พัน”

“ลูกๆ ทุกคนก็มาช่วยทำงานหมด เวลาเสาร์-อาทิตย์ทุกคนต้องมาช่วย คนหนึ่งไปเฝ้าร้านขายขนม อีกคนก็ต้องไปช่วยร้านที่ขายกาแฟเพราะจ้างป้าขาย ลูกทุกคนทำงานหมดน้ามดร้องไห้จนไม่มีต้ำตาแล้ว ลูกชายต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ขี่มอเตอร์ไซด์ไปขายของคนเดียว พอเสาร์อาทิตย์ต๊ะก็จะซ้อนมอเตอร์ไปด้วย เราเห็นแล้วน้ำตานี่ไหลพรากเลย ร้องจนน้ำตามันก็หมด มันตกข้างในนี้(ชี้ไปที่ใจ) ดีที่ลูกกับสามีให้กำลัง สู้นะแม่ เราจะช่วยขายของปลดหนี้นะแม่นะ เมื่อก่อนต้อมติดทหารเพิ่งปลดประจำการเดือนตุลาฯบางทีเห็นลูกต้องมาทำแบบนี้ก็สงสาร ตีสองมันหนาว บางทีฝนตกก็ต้องเอาผ้ามาคลุมไปกันสองคนพี่น้อง กว่าจะถึงเปียกกันหมด มันสะท้อนใจ แทนที่ลูกจะได้นอนหลับสบาย แต่ต้องกระเตงลูกไปช่วยขายของ”

“ของกินของใช้ทุกอย่างก็ต้องประหยัดหมด บอกลูกให้ช่วยกันประหยัด อย่ากินเยอะ อันไหนพอจะอดก็อด ขนมนมเนยให้ลด นานๆ ถึงกิน เมื่อก่อนลูกจะกินอะไรน้ามดให้กินหมด แต่ตอนนี้ก็บอกลูกว่าเรามีหนี้สินเยอะ เขาก็เข้าใจ ตื่นเช้ามาอ้วนกับน้องก็จะไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน กินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลัก นมก็ไม่ต้องกินนะ มากินโอวัลตินที่ร้านเรา เขาก็เข้าใจ น้ามดก็อยากจะขอโทษที่ไม่เชื่อเขา ถ้าฟังลูกสักนิดจะไม่เป็นแบบนี้เลย(เอามือไปวางตักต้อม) ทั้งที่ลูกก็เตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง และก็อยากจะบอกนาธานว่าให้หยุดเถอะอย่าไปหลอกลวงคนอื่นเลย ให้น้ามดเป็นรายสุดท้าย”

ต้อม : “อยากให้นาธานเห็นใจทางแม่ ซึ่งแม่ดีกับเขามาก อยากให้เห็นใจหัวอกของคนที่เคยรัก ที่ตอนนี้หมดตัวไปแล้ว อยากให้พี่ธานเปลี่ยนหัวใจลองดู ว่าพี่ธานจะรู้สึกยังไง กับการที่เราสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราหามาทั้งชีวิต เพราะเราเชื่อใจคำที่เขาโกหก อยากให้เขาคิดสักนิดก่อนที่จะทำอะไร โอเค.เขาอาจจะไม่มีหน้ามีตาในวงการแล้ว แต่ถ้าเขากลับตัวกลับใจ แล้วมาอยู่ที่นี่ ตั้งใจทำมาหากินเขาก็อยู่ได้นะครับ”

น้ามด : “มันเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว น้ามดเจ็บใจที่มันมาหลอกมาลวง น้ามดคงไม่ให้อภัยมันแล้ว รักมันจนวินาทีสุดท้ายที่เขาออกจากเชียงคานไป น้ามดช่วยเหลือทุกอย่าง ตอนทะเลาะกับตาน้ามดยังแอบเอาเงินยัดมือ เอ้าลูกเอ้ยเอาไว้ซื้อบุหรี่เอาไว้เติมน้ำมัน แอบเอาไปให้ไม่ให้มาที่นี่เพราะกลัวตาเห็น(บ้านอยู่ติดกัน) ไม่ได้กินข้าวก็ปิดไฟให้เข้ามากินข้าวที่บ้าน วันที่เขาจะออกจากเชียงคานน้ามดก็ดูแลทุกอย่าง แอบช่วยไม่ให้ต้อมรู้ วันนั้นน้องต๊ะก็เอาเงินเก็บตัวเองซื้อบุหรี่กับน้ำอักลมให้สองกระป๋อง ส่วนหน้ามดซื้อข้าวมันไก่ติดรถให้ไว้กิน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นกันอีกเลย”


ครูแหม่ม : “เห็นแบบนี้แล้วเสียใจ เรานำหายนะมาสู่ครอบครัวเรา วันนั้นน้องต้อมกวาดบ้านแล้วก็บอกว่า รู้สึกยังไงไม่รู้มันเหมือนไม่ใช่บ้านของตัวเองเพราะเอาไปจำนองหมดแล้ว เราไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว เขาพึ่งปลดทหารเกณฑ์มาก็เอาเงินที่สะสมมาได้ 2หมื่นเอาไปซื้อหลังคาไว้ กะว่าถ้าบ้านโดนยึดก็จะเอาไปสร้างกระต๊อบอยู่”


“เห็นแล้วเศร้า(ร้องไห้) เราทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ก็เลยต้องรับผิดชอบพาไปแจ้งความทุกอย่าง เราเห็นน้องแล้วสงสารก็บอกน้องต้อมไม่ต้องสร้างไปอยู่ด้วยกัน เราแย่เราทำให้ญาติพี่น้องเดือดร้อน เสียใจที่พาเขาเข้ามาอยู่ ก็ขอโทษน้ามดขอโทษน้องกราบเท้าพ่อกราบเท้าแม่แล้ว ขอโทษที่นำสิ่งที่ไม่ดีนำคนชั่วมา แหม่มผิดไปแล้วที่นำความหายนะเข้ามา เห็นแล้วก็นึกถึงกรณีของพี่เต็ม เราเหมือนเป็นเซ็นเตอร์นำเขาไปยังคนอื่นๆ”

“มีคนเตือนว่าไปปกป้องนาธานทำไม ยิ่งลูกศิษย์นี่ปริ้นมาให้ดูเลย โดยเฉพาะข่าวของผู้จัดการ ปริ้นมาให้ดูเป็นปึ๊กๆ เลย ก็อ่านนะ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแหละ แต่ความสงสารมันมีมากกว่า เพราะมัน(นาธาน)ไม่มีใคร ก็คือว่าหูหนวกตาบอดเพราะความสงสาร ไม่ต้องมาเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ความสงสารต้องดู มันจะนำความหายนะมาสู้ครอบครัวหรือเปล่า ดูครอบครัวแหม่มเป็นตัวอย่าง”

ขอแม้กระทั่งเงินเด็ก 9 ขวบ 20 บาทก็เอา

"แม่ของครูแหม่ม" รัก "นาธาน" มาก แต่นาธานก็ก้าวร้าวด่า เ - ี้ ย

ครูแหม่ม : “ต๊ะกับต้าเขาจะเหมือนเสนาน้อยของนาธานที่คอยบริการตลอด เวลานาธานอยากได้อะไรก็จะใช้ไปซื้อของส่วนเขาก็รออยู่บนรถ เขาไม่เคยลงไปเอง นอกจากนั้นแล้วก็ยังขอเงินเด็กๆ ด้วย น้องต้านี่จะเติมเงินค่าโทรศัพท์ให้ตลอด บางครั้งก็ขอเงินน้องต้าไปซื้อโรตี 20 บาทก็ยังเอา ขนาดน้องสองหลานอายุ 9 ขวบก็โดน 200”
จังหวะนี้น้องต้ากลับจากโรงเรียนมาพอดี ผู้สื่อข่าวจึงดึงตัวมาสัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว...

นาธานขอเงินน้องต้าไปทำอะไร?
น้องต้า : “ซื้อโรตีครับ”
เราให้ไปเท่าไหร่?
น้องต้า : “ร้อยนึงครับ”
แล้วนาธานคืนต้ามั้ย?
ต้า : ....(เงียบ) (น้ามดพูดแทรก คืนบ้างไม่คืนบ้าง มีครั้งนึงเขาโมโห เขาไปทวงเงินนาธาน บอกเอาเงินกูมา)
ครูแหม่ม : ตอนนั้นเขาโกรธนะ ถ้าไม่โกรธไม่ทวง
น้ามด : “ตอนนั้นคงรักพี่นาธาน เป็นทหารเอกคอยซื้อของให้นาธานกับไอ้อ้วน(น้องต๊ะ ลูกชายคนกลาง) แต่ถ้าน้ามดว่างก็จะเป็นคนไปกับนาธานเอง เพราะป็นคนลงไปซื้อของให้ ทุกคนมีน้ำใจกับเขาหมด”

“น้าต่าย” ช่างเสริมสวยญาติ “ครูแหม่ม” ที่ “นาธาน” เคยไปใช้บริการทำสวยเป็นประจำ ก็โดนยืมเงินเหมือนกัน


น้าต่าย : “เห็นข่าวเขาตั้งแต่แรกก็ไม่อยากยุ่งกับเขา เพราะเชื่อว่าเป็นจริงเพราะเห็นแม่บ้านเป็นลมซะขนาดนั้น ก็จะเป็นคนที่คอยเตือนน้ามดว่าให้ระวังตัวให้ดี และก็เตือนทุกๆ คนแต่ก็ไม่มีใครฟัง นาธานเขาเป็นคนที่รักสวยรักงามก็เคยมาโกรกผมที่นี่ แต่ตอนหลังมาขอยืมเงินไป 2 พันแล้วไม่เอามาคืนก็ไม่มาอีกเลย แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่อยากทวงหรอกก็คิดว่าให้ๆ เขาไป แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาสั่งแอมเวย์ บอกจะเอาโน่นเอานี่รวมแล้วเป็นหมื่น เราก็บอกว่าไม่มีเงินให้เอาเงินมาก่อน เขาก็บอกจะโอนเงินให้วันจันทร์ เราก็คิดว่าทำไงดี กลัวว่าจะไม่ได้คืนเงินก็ไม่มีด้วยแหละ ก็เลยบอกไม่ได้ถ้าจะเอาต้องเอาเงินสดมา ก็เลยไม่ได้เสียเงินหมื่น”


บ้านครูแหม่มที่ถูก "นาธาน" มารื้อแปลนสร้างใหม่เป็นบ้านทรงประหลาด


พระเกือบตกเป็นเหยื่อ โดนเรียกเงินทำเครื่องกระจายเสียง 4 หมื่น


ครูแหม่ม : “เขาเคยไปคุยกับหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่งบอกจะทำสถานีวิทยุกระจายเสียงให้ ใช้เงิน 7 หมื่น แต่จ่ายแค่ 4 หมื่นก่อน แต่พอดีพระท่านคงรู้ตัวก่อนก็เลยไม่ได้ให้ คือรู้มาว่าเขาไปทำห้องน้ำถวายวัด แล้ววันนึงก็มีคนมาทวงค่าสี 5 พัน นาธานก็บอกให้มาเอากับแม่ ให้มารวมกับยอดบ้าน ส่วนอีกคนก็มาทวงค่าห้องน้ำกับยาย 1 หมื่น แต่ไม่ได้ให้ เพราะไม่รู้เรื่องให้ไปทวงกับนาธานเอง เพราะบ้านเราไม่ได้ยุ่งตรงนี้”

นอกจากนั้นแล้วแหล่งข่าวคนหนึ่งก็ยังได้เปิดเผยกับบันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ด้วยว่า ขณะที่อยู่เชียงคานนั้น นาธาน โอร์มาน ผู้นับถือศาสนาอิสลามและไม่กินหมู แต่ค่อนข้างเข้านอกออกในวัดแห่งหนึ่งในเชียงคานบ่อยมาก และมีความสนิทสนมกับเด็กวัดคนหนึ่งถึงขั้นพามานอนที่บ้านบ่อยครั้ง

ครบสูตรทำร้ายผู้มีพระคุณ ด่าคนแก่ หลอกเงินเด็ก ตุ๋นเงินพระ....

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น